ตอนที่ 4
“คุณภูมิ...เมย์จะออกไปซื้อของใช้ที่ร้านแถวนี้ค่ะ ว่าจะเดินไปเล่น ๆ “
“ผมพาคุณเมย์ไปดีกว่านะครับ เดินไปกลับไม่ใช่ใกล้ ๆ เลย มาเลยครับ นั่งซ้อนท้ายผมไปเลย ว่าแต่คุณเมย์กล้านั่งหรือเปล่า”
หญิงสาวทำท่าลังเลชั่วครู่แต่ก็พยักหน้าในท้ายที่สุด เธออยากจะปฏิเสธทว่ารอยยิ้มกว้างบนใบหน้าคมสันทำให้เธอนึกบอกปัดเขาไม่ลง ร่างอรชรขึ้นนั่งซ้อนท้ายชายหนุ่มในท่าผู้หญิงอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ด้วยไม่ค่อยได้นั่งรถมอร์เตอร์ไซด์เท่ากับใช้รถยนต์ เมื่อเขาบิดคันเร่งให้รถเคลื่อนไปข้างหน้าเธอเผลอใช้แขนรัดเอวเขาไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจและมันทำให้คนขับเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เช่นเดียวกัน
“กลัวหรือครับ ผมขี่ไม่เร็วหรอก คุณเมย์นั่งระวังก็แล้วกัน”
เสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้เธอคลายความหวาดหวั่นแต่แขนทั้งสองยังคงเกี่ยวเกาะเอวหนาเอาไว้แน่น เธอมักพบเขาในเวลาที่กำลังต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง ก็แปลกดีเหมือนกันที่ต้องเจอกับชายหนุ่มแปลกหน้าซึ่งเธอเริ่มคุ้นเคยในท่าทีนั้นมากขึ้นในสถานการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือทุกครั้ง
คนมีน้ำใจพาเธอนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ผ่านหาดทรายที่ขับประกายแข่งกับแผ่นน้ำไหวระยิบยามแสงอาทิตย์ใกล้อัสดงตกต้อง สายลมริมหาดพัดพาเอากลิ่นน้ำหอมอ่อนเบามาจากเรือนผมของผู้บังคับรถห้อตะบึงไปข้างหน้า
เธอชื่นชอบกลิ่นจาง ๆ นั่นแต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นน้ำหอมของดีไซเนอร์คนไหน แต่หญิงสาวได้แต่คิดอย่างเป็นกลาง ๆ ว่าคนขับเรือคงไม่ใช้สินค้าราคาแพงเพราะมันเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
เมลิดาแวะซื้อเสื้อผ้าและของใช้จากร้านค้าริมหาดและคนที่พาเธอไปก็หาได้ปริปากบ่นต่อการรอคอยไม่ เขายินดีคอยและอดทนต่อเวลาที่ผ่านไปนานนับชั่วโมงจนแสงสุดท้ายลาจากขอบฟ้าที่มองเห็นสุดขอบทะเล หญิงสาวไม่ลืมที่จะขอบคุณสารถีผู้พาเธอซื้อของได้เต็มไม้เต็มมือด้วยการพาเขาไปเลี้ยงอาหารมื้อค่ำที่ร้านริมชายหาดในบรรยากาศที่เธอสัมผัสได้ถึงอิสรเสรียามอยู่ห่างบ้าน
“วันนี้คุณภูมิไม่มีโปรแกรมขับเรือไปไหนหรือคะ เมย์เลยได้คนช่วยพามาซื้อของ”
“ไม่มีหรอกครับ....เวลาว่างผมก็จะอยู่แถวนี้ นอกจากคุณมุกประกายจะเรียกผมไป”
ชายหนุ่มยกแก้วน้ำขึ้นจิบทว่าสายตาคมกล้ากลับจ้องหญิงสาวตรงหน้าที่มองไปยังสถานที่รอบ ๆ อย่างมีความสุข เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้จริตจะก้านเกินงาม ทุกอิริยาบถนั้นดูเป็นธรรมชาติมากเสียจนเขามิอาจละสายตาไปจากความหมดจดที่สะท้อนผ่านกิริยาท่าทีนั้นได้
“คุณภูมิมากับเมย์แบบนี้แฟนของคุณคงไม่ว่านะคะ”
“ผมยังไม่มีแฟนหรอกครับ คนขับเรือที่ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันแน่นอนคงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากสานสัมพันธ์ด้วย แค่จะไปเสนอตัวผมก็ยังไม่กล้า คุณเมย์ต่างหากล่ะครับ มาคนเดียวแบบนี้แฟนของคุณเมย์คงเป็นห่วงแย่แล้ว”
เมลิดาวางช้อนในมือลงพลางโบกมือเป็นสัญญาณของการปฏิเสธ
“ไม่มีค่ะ....คุณภูมิ เมย์ก็ยังไม่มีใคร โสดสนิทเหมือนคุณภูมิ”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งอ่อนหวานอย่างคุณเมย์จะไม่มีใครเลย ผมเห็นคุณเมย์ครั้งแรกยังนึกว่าคุณเป็นนางแบบมาเดินเที่ยวที่นี่ ชื่อของคุณก็เหมือนนางแบบชื่อดังด้วย”
คำว่านางแบบทำให้เมลิดานิ่งเงียบไปชั่วขณะ เธอจะให้ใครรู้สถานภาพแท้จริงของตัวเองไม่ได้ แม้เขาจะแสดงออกซึ่งความหวังดีมากแค่ไหน หญิงสาวยิ้มกลบเกลื่อนพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงสดใส
“เมย์ไม่ใช่นางแบบหรอกค่ะ เมย์เป็นแค่พนักงานบริษัทธรรมดา....แหม....ชื่อนางแบบกับพนักงานบริษัทเหมือนกันออกเยอะแยะนะคะ คุณภูมิพูดแบบนี้ทำให้เมย์รู้สึกหลงตัวเองขึ้นมาเลย”
“ผมอาจจะถามสิ่งที่ทำให้คุณเมย์รำคาญใจ...คุณเมย์ลาออกจากบริษัทแล้วหรือครับถึงได้คิดจะมาอยู่ที่นี่นาน ๆ “
“ค่ะ....เมย์ลาออกจากงาน....เอ้อ....มันก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอกนะคะ แค่อยู่ในที่ ๆ เคยอยู่แล้วไม่สบายใจก็อยากหาที่อยู่ใหม่สักพัก”
“คนเราก็แบบนี้ล่ะครับ อะไรที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่าต้องฝืนอยู่ก็ต้องการอิสรเสรีในที่อยู่ใหม่ พูดอีกอย่างก็เหมือนการหนีจากปัญหาที่เราไม่อยากพบ”
เมลิดาทำท่าอย่างจะใคร่ครวญอะไรบางอย่าง หนีหรือ?....คำ ๆ นี้ทำให้ความนึกคิดของเธอเชื่องช้าลง มีบางอย่างสะกิดความรู้สึกของเธอให้หันกลับไปมองเส้นทางที่เธอวิ่งผ่านมา เธอควรยินดีต่อสถานที่ใหม่หรือเศร้าใจกับการกระทำที่ไม่ได้คิดถึงใครนอกจากตัวเอง
“ไม่มีใครอยากหนีหรอกค่ะคุณภูมิ บางทีปัญหาที่เราเจอมันหนักหนาเราก็ควรได้มีเวลาคิดไตร่ตรองว่าเราควรรับมือกับมันยังไงดี”
“แล้วคุณเมย์คิดว่าจะพบทางออกหรือครับ ถ้าเราหนีอยู่เรื่อย ๆ “