ตอนที่ 7
กล่าวจบก็ช้อนร่างนั้นไว้ในอ้อมแขน เมลิดาร้อนรุ่มไปหมดยามเมื่อความอวบอิ่มเสียดสีกับแผงอกเปล่าเปลือยที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามและเธอก็คงมิอาจล่วงรู้ว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่ตองใช้ความพยายามบังคับตัวเองมากแค่ไหนต่อสัมผัสอันรัดรึงจากเรือนร่างอรชรในอ้อมแขน ชายหนุ่มโอบอุ้มร่างนั้นกลับเข้าไปยังบังกะโลในเวลาที่แสงอ่อนจากโค้งฟ้าสาดมาถึงทำให้ตัวบ้านดูเจิดจ้าอยู่ท่ามกลางแมกไม้โอบล้อม
“เมย์จะซื้อเสื้อคืนให้คุณนะคะ”
“ช่างเถอะครับ ผมว่าคุณเมย์น่าจะห่วงแผลตัวเองมากกว่าห่วงเสื้อราคาถูกของผม ผมแค่คนขับเรือจะใส่อะไรก็ได้”
“เมย์อยากตอบแทนความมีน้ำใจของคุณบ้างน่ะค่ะ.....คุณดีกับเมย์ขนาดนี้”
“คุณเมย์อย่ากังวลเลยครับ....ไม่ช้าไม่นานนี้ คุณเมย์ต้องได้ตอบแทนผมกลับคืนอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงแน่นหนักมิได้ทำให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกอันใดนอกเสียจากซาบซึ้งในความดีที่เขามอบให้และสำนึกในความหวั่นไหวที่กำลังเอ่อท่วมหัวใจดวงนั้น
แล้วแผนที่วางไว้ว่าจะนั่งเรือเที่ยวชมเกาะของเมลิดาก็เป็นอันต้องพักไว้ก่อนเพราะแผลยาวที่ฝ่าเท้าต้องให้หมอเย็บถึงสิบเข็ม หญิงสาวรู้สึกเสียดายที่จะได้นั่งเรือออกทะเลทว่าก็ยังนึกยินดีที่มีชายหนุ่มชื่อภูมิคอยช่วยเหลือไปเสียทุกอย่าง
เขาพาเธอไปหาหมอ คอยช่วยพยุงร่างระหงตลอดเวลาที่ไปโรงพยาบาลจนคนรอบข้างคิดว่าเป็นสามีภรรยามาด้วยกัน เมลิดาแอบเขินเล็ก ๆ ต่อท่าทีแสดงออกของชายหนุ่มเสมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเธอจริง ๆ
และที่หญิงสาวประทับใจคือความอดทนที่ไม่มีขีดจำกัดแม้ต้องคอยนานต่อการทำแผลของเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลรัฐกระทั่งเวลาล่วงเลยถึงยามบ่ายกว่าเขาและเธอจะกลับมาถึงบังกะโล ร่างบอบบางต้องเดินเขย่งเท้าข้างหนึ่งซึ่งถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวขณะเดินจูงมือชายหนุ่มจนมาถึงที่พัก
“นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วคะที่เมย์รบกวนคุณภูมิ แย่จังเลย”
เมลิดาทอดถอนใจขณะนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องที่ภูมิช่วยเปิดประตูหน้าต่างให้ลมโกรกเข้ามาเย็นสบาย เขาคุกเข่าลงกับพื้นแล้วใช้มือหนาจับเท้าเรียวดูแผลที่ถูกพันผ้าไว้อย่างดีก่อนจะลุกขึ้นนั่งบนเก้าอี้อีกตัวที่วางอยู่ติดกัน
“ถ้าคุณเมย์ไม่ออกแรงจนแผลฉีก อีกวันสองวันก็คงได้นั่งเรือไปเที่ยวตามเกาะ”
“เมย์คิดว่าคุณภูมิคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ถ้าเมย์ไม่สะเพร่าคงไม่ต้องลำบากคุณแบบนี้”
“ผมทำเพราะเต็มใจและไม่ได้คาดหวังอะไรด้วย ที่ทำไปกลัวคุณเมย์จะนึกรังเกียจด้วยซ้ำที่ผมเป็นแค่คนขับเรือรับจ้างไปวัน ๆ “
“ไม่นะคะคุณภูมิ!”
หญิงสาวรีบพูดเพื่อปกป้องความรู้สึกของคู่สนทนา เธอเริ่มเป็นกังวลแทนความนึกคิดของเขาโดยไม่รู้ตัว
“อย่าพูดแบบนั้นกับเมย์อีกนะคะ คุณภูมิเป็นคนดี ไม่เคยเอาเปรียบเมย์ มันไม่สำคัญสักนิดถ้าคุณจะเป็นคนขับเรือหรือทำอาชีพอะไร มันสำคัญที่เมย์มีคุณคอยช่วยเหลือในเวลาที่เมย์ไม่มีใคร.....สักคนเดียว”
“แม้แต่คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณเมย์หรือครับ?”
บทสนทนาราวกับสะดุดเหมือนหนังขาดตอน เมลิดาซึมลงไปเล็กน้อยและคิดว่าบางทีเธออาจปิดบังเขาไม่ได้ทุกเรื่อง แล้วเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเจ้าของร่างสูงดึงมือเรียวบางนั้นไปกุมไว้
“ผมอาจจะยังรู้อะไรไม่หมดเกี่ยวกับตัวคุณ แต่ถ้าเป็นคนอื่นเขาก็คงต้องเดาว่าทำไมจู่ ๆ คุณถึงต้องลาออกจากงานมาอยู่ที่นี่คนเดียว หรือถ้าให้ผมเดาเองคุณคงมีปัญหากับทางบ้าน ถ้าพ่อแม่คุณยังอยู่ที่นั่น คุณเมย์อาจไม่ต้องบอกผมก็ได้ถ้าไม่สบายใจ”
“เมย์หนีมาค่ะ!”
เมลิดาตัดสินใจพูดในเรื่องที่เธอคิดว่าควรลืมมันไปแล้วหากแต่ความทุกข์ก็ยังคงกัดกินความรู้สึกในส่วนลึกอยู่ตลอดเวลา ชายหนุ่มนิ่งฟังทว่านัยน์ตาคมเข้มวาววับขึ้นมาเพียงชั่วขณะที่เขายังคงทำหน้าที่ผู้รับรู้เรื่องราวซึ่งหลุดออกมาจากปากของหญิงสาว
“เมย์ถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่เมย์ไม่รู้จัก เขาจะให้เมย์เป็นเจ้าสาวคนที่เมย์ไม่เคยเห็นหน้า ไม่เคยรัก เมย์รู้สึกว่าตัวเองถูกบีบและไม่มีทางเลือกเลย เมย์ไม่อยากอยู่กับใครก็ไม่รู้ที่คิดว่าตัวเองมีเงินแล้วจะบังคับคนอื่นให้ไปอยู่ด้วยได้”
“เขาเป็นคนมีเงินหรือครับ.....ที่จริงคุณเมย์น่าจะยินดี”