ตอนที่ 3   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3
ดอมมินิคเงียบไปทว่าสีหน้าบอกว่าเขากำลังคิดไม่ตกกับเรื่องร้ายแรงที่เกิดขึ้น “ดอม...ในเมื่อลูกรู้เรื่องนี้แล้ว ลูกจะปล่อยให้เรื่องมันจบแค่นี้หรือ?” “แม่จะให้ผมทำยังไงครับในเมื่อตำรวจก็กำลังดำเนินการสืบสวนคดีของพ่ออยู่” “แม่อยากให้ลูกเก็บมันทั้งสองคนแม่ลูก กะรัตกับนังเด็กโรสนั่น! โดยเฉพาะเด็กสาวคนนั้น แม่เคยเห็นมันให้ท่าพ่อของลูก มันพยายามเสแสร้งทำตัวเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์อ่อนต่อโลก แม่รู้ว่ามันคิดจะหลอกเอ็ดมันน์เพื่อฮุบทุกอย่างของตระกูลไทเลอร์ไปเป็นของกะรัต” คำพูดของมารดาทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปเลยทีเดียว ถึงเขาจะมีนิสัยไม่ยอมคนทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดกับลูกน้องและคนงานในเหมือง แต่การฆ่าคนโดยเฉพาะคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วก็ยิ่งไม่เคยอยู่ในความคิด แต่จากคำบอกเล่าของอิซาเบลเหมือนไฟร้อนที่สุมลึกอยู่ในอกและแผดเผาความรู้สึกของเขา ดอมมินิคเกิดความคิดบางอย่างแว่บเข้ามาในสมอง “ผมจะสืบเรื่องนี้ด้วยตัวของผมก่อนครับแม่” “อะไรนะ ดอม!” อิซาเบลเลิกคิ้วถามเสียงสูง “ลูกจะคอยอะไรอยู่อีก แม่แน่ใจว่าต้องเป็นฝีมือของกะรัต มันคงอยากได้ทุก ๆ อย่างไปจากเรา คืนนั้นมีหล่อนเท่านั้นที่อยู่กับพ่อของลูก ถึงไม่มีหลักฐานว่ามันเป็นคนฆ่าแต่มันอาจวางแผนยืมมือคนอื่นมาฆ่าเอ็ดมันน์ก็เป็นได้ แม่รู้ว่าลูกทำได้ ดอมมินิค เรามีทั้งเงินทั้งอำนาจที่จะจัดการทุกอย่าง แค่จ้างมือปืนมาเก็บมันสองคนแม่ลูกก่อนที่มันจะวางแผนทำอะไรไปมากกว่านี้” “ไม่ใช่เรื่องยากเย็นที่เราจะลงโทษคนทำผิดอย่างสาสม แต่มันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย หลังจากที่ผมสืบหาความจริงให้ได้จนแน่ใจเสียก่อน” “ลูกจะสืบหาความจริงด้วยวิธีการไหนกัน ดอมมินิค? ลูกจะไปเค้นความจริงจากมันสองคนแม่ลูกอย่างนั้นหรือ แล้วถ้ามันไม่ยอมรับ แม่แน่ใจว่าพวกมันจะไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำ พวกฆาตกรไม่เคยมีใครยอมคายความผิดของตัวเองออกมาง่าย ๆ ” “ผมมีวิธีของผมก็แล้วกันครับแม่ ผมมาบ้านคราวนี้จะไม่กลับไปที่เวสต์เวอร์จิเนียมือเปล่าแน่” เสียงนั้นหนักแน่น ทว่าสิ่งที่ดอมมินิคกำลังนึกคิดกลับเป็นสิ่งรบกวนความรู้สึกของอิซาเบล เธอรู้นิสัยของเขาดี ดอมมินิค ไทเลอร์ ทายาทเพียงคนเดียวของไทเลอร์ พาวเวอร์ กรุ๊ป เป็นคนเด็ดขาดซื่อตรงและจงเกลียดจงชังอย่างที่สุดต่อความไม่สัตย์ซื่อ แต่ความแน่วแน่และเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปของบุตรชายกำลังทำให้อิซาเบลไม่สบายใจในส่วนลึก “แม่คะ...แม่จะให้หนูไปจริง ๆ หรือคะ?” คำถามที่ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือความวิงวอนทว่าก็ยังอ่อนหวานทำให้หญิงวัยกลางคนในชุดกระโปรงผ้าป่านสีดำซึ่งกำลังจัดเสื้อผ้าลงกระเป๋าเดินทางหันมามองร่างเล็กบอบบางของหญิงสาววัยย่างเข้าปีที่ยี่สิบด้วยแววตาอันนุ่มนวล “จ้ะ...ลูกมีความจำเป็นต้องไปและแม่ก็มีเหตุผลที่จะอธิบายลูกได้นะจ๊ะ” กะรัตกล่าวกับรสิกา บุตรสาวเพียงคนเดียวซึ่งอยู่ในวัยยี่สิบสองที่เดินเข้ามาและทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงภายในห้องนอนของบ้านหลังเล็กติดกับสวนดอกไม้ของคฤหาสน์ไทเลอร์ “แต่...หนูต้องไปอเมริกาเหนือนะคะแม่” รสิกากล่าวอย่างเหงาหงอย หญิงสาวชาวไทยรูปร่างเล็กบอบบางอยู่ในชุดกระโปรงลูกไม้สีดำ เรือนผมยาวสีน้ำตาลเข้มขลับรับกับใบหน้าหมดจดงดงามและผิวขาวผ่องเป็นยองใยขับประกายอันเจิดจรัสราวกับดอกไม้อันสะพรั่งท่ามกลางแสงแดดยามเช้า ทว่านัยน์ตากลมโตชวนฝันคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความหมองหม่นจนไม่อาจอธิบาย “แค่เมืองเมดิสันแถบเทือกเขาแอปปาเลเชียน...โรส...ฟังแม่นะจ๊ะ” กะรัตหยุดงานในมือของเธอ หญิงวัยกลางคนซึ่งแม้บนโครงหน้ารูปไข่จะมีริ้วรอยทว่าก็ยังคงความงามสมวัยรูดซิปปิดกระเป๋าเดินทางที่มีเสื้อผ้าของบุตรสาวอัดอยู่ภายในจนเต็มก่อนหันมาพูด “การที่แม่ให้ลูกไปอเมริกาเหนือกับดอมมินิคลูกชายของคุณเอ็ดมันน์ตามคำสั่งของคุณผู้หญิงไม่ใช่เรื่องที่น่าลำบากใจอะไร ลูกต้องไปอยู่ที่นิวแฮมเชียร์ ไวท์ เมาท์เทน ก็เพื่อไปคอยดูแลและช่วยเหลือเรื่องการบ้านการเรือนให้กับลูกชายคนเดียวของคุณผู้ชาย...คุณเอ็ดมันน์มีบุญคุณกับเราสองคนแม่ลูกมากขนาดไหน ลูกต้องท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจนะจ๊ะ โรส” “แต่แม่ต้องอยู่ที่นี่คนเดียวนะคะ” รสิกาแย้งเสียงเศร้า ๆ “งานศพของคุณเอ็ดมันน์ก็เพิ่งผ่านไปไม่นาน ที่สำคัญหนูไม่เคยเห็นหน้าและไม่เคยรู้จักคุณดอมมินิค ลูกชายของท่านเลยสักหน เขาจะเป็นคนยังไงก็ยังไม่รู้เลย”
已经是最新一章了
加载中