ตอนที่ 5
และหญิงสาวก็นึกถึงวันแรกที่ก้าวเข้ามาในคฤหาสน์ไทเลอร์ เธอติดสอยห้อยตามมารดาของเธอซึ่งเป็นหม้ายเพราะสามีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตมาถึงอเมริกาด้วยความเมตตาของมหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรพลังงานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เอ็ดมันน์ ไทเลอร์ ที่พบมารดาของเธอซึ่งตอนนั้นเป็นแม่ครัวในร้านอาหารในฟลอริดาให้มาเป็นแม่บ้านอยู่ภายในคฤหาสน์หลังนี้
เอ็ดมันน์ให้ความสงสารกะรัตและเอ็นดูเธอเสมือนลูกหลานคนหนึ่งที่อยู่ในบ้าน รสิกาไม่รู้ว่าคนอื่นจะคิดเช่นไรแต่เขาก็ให้ความใส่ใจเธอและมารดาเป็นพิเศษเธอและกะรัตไม่เคยลืมบุญคุณอันล้นพ้นของเขา ดังนั้นหากวิธีการไหนที่จะตอบแทนคุณความดีของมหาเศรษฐีผู้นั้นได้ เธอและแม่ก็พร้อมยินดีทำ
ทว่าสิ่งที่หญิงสาวยังคงเป็นกังวลคือคนในครอบครัวของเอ็ดมันน์ รสิกาไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไร เพราะจู่ ๆ อิซาเบลก็มีคำสั่งให้เธอติดตามไปเป็นแม่บ้านให้ดอมมินิคซึ่งจะเดินทางกลับหลังเสร็จสิ้นงานศพของบิดาในวันพรุ่งนี้ แม้จะยังสงสัยแต่หญิงสาวก็จำต้องเก็บความกริ่งเกรงไว้ข้างในเพราะไม่อยากให้กะรัตเห็นความไม่สบายใจของเธอ
เช้าวันต่อมา รสิกาในชุดกระโปรงสีครีมสวมรองเท้าส้นสูงหนึ่งนิ้วต้องหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางไปยังสนามบินเพื่อขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของตระกูล ไทเลอร์ด้วยความรู้สึกมากมายที่ยังค้างคา
เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับทั้งคืน ไม่ใช่ตื่นเต้นกับการเดินทางไปยังทวีปอเมริกาเหนือ แต่เธอรู้สึกเป็นห่วงกะรัตเพราะเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์ไทเลอร์ราวกับยังทิ้งเชื้อไฟที่รอการปะทุ
เธอไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับการฆาตกรรมเจ้าของคฤหาสน์ที่ยังคงเป็นปริศนา ตำรวจยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ แต่สิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจคือกะรัต มารดาของเธอเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์วิปโยคคืนนั้น
รสิกามาถึงสนามบินตรงเวลาที่ได้รับการนัดหมาย หญิงสาวรู้สึกละล้าละหลัง เป็นห่วงมารดาและอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นอยู่ลึก ๆ ข้างในไม่ได้ที่จะได้ เห็น หน้าลูกชายคนเดียวของตระกูลไทเลอร์เป็นครั้งแรก
แต่ทุกอย่างกลับผิดคาด เมื่อร่างบอบบางพาตัวเองเข้าไปด้านในของเครื่องบินส่วนตัวขนาดเล็กทว่าหรูระยับนับหมื่นล้านของไทเลอร์ กรุ๊ป เธอกลับพบบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาดำที่เห็นก็เพียงแผ่นหลังกว้างอยู่บนที่นั่งถัดไปจากที่นั่งของเธอ แอร์โฮสเตสเพียงคนเดียวประจำเครื่องนำกระเป๋าของเธอไปเก็บไว้ก่อนเดินเข้ามายังที่นั่งของเธออีกครั้ง
“สวัสดีค่ะ...คุณโรส” หญิงสาวสวยในชุดแอร์โฮสเตสประจำเครื่องกล่าวขึ้นซึ่งก็น่าประทับใจที่เธอรู้จักชื่อของคนถูกเรียก
“ยินดีต้อนรับค่ะ...นี่จะเป็นเที่ยวบินที่จะเดินทางไปสู่ทวีปอเมริกาเหนือ นำคุณโรสไปยังเขตเทือกเขาภาคตะวันออกของอเมริกาเหนือในเขตที่ราบภาคกลางค่ะ”
“เอ้อ...ขอโทษค่ะ เราไม่ได้ไปเวสต์เวอร์จิเนียหรอกหรือคะ?”
แอร์โฮสเตสยิ้มหวานก่อนตอบ “เครื่องบินของเราจะลงจอดที่นิวแฮมเชียร์ ไวท์เมาท์เทน แถบเทือกเขา เมาท์ วอชิงตันค่ะคุณโรส...ประทานโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณโรสต้องการเครื่องดื่มแบบไหนคะ?”
รสิกาตอบแทบไม่ถูก หญิงสาวเหมือนเป็นใบ้อยู่ชั่วขณะก่อนตอบเสียงแผ่ว ๆ “เอ้อ...อะไรก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะจัดชามะลิให้คุณโรสนะคะ”
เมื่อพนักงานสาวเดินกลับเข้าไปภายในเคบินด้านในสุดรสิกาก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ เกรงว่าคนที่นั่งหันหลังสงบนิ่งเหมือนรูปปั้นคนนั้นจะได้ยินเสียงของเธอ
ภายในนั้นไม่มีใครอยู่นอกจากเธอซึ่งนั่งบนที่นั่งริมหน้าต่าง และที่นั่งอีกชุดถัดไปและ เขา ก็ไม่มีทีท่าจะหันกลับมามองว่าใครนั่งบนเครื่องบินลำนี้ไปพร้อมกันเลยด้วยซ้ำ
เขา คงเป็น ดอมมินิค ไทเลอร์ เธอเห็นจากด้านหลัง ไหล่กว้างผึ่งผายในชุดสูท เรือนผมหยักศกน้อย ๆ สีน้ำตาลเหลือบประกายทองแดงและผิวสีแทนเข้มซึ่งเธอเห็นจากลำคอและบริเวณท้ายทอยของเขา
อิซาเบลให้เธอติดตามเขามาด้วยแต่ไม่ได้บอกว่าจะให้เธอกลับไปหากะรัตเมื่อไหร่ และจะต้องอยู่กับประธานบริษัทคนใหม่ของไทเลอร์ กรุ๊ป นานแค่ไหน และสถานที่ที่เธอกำลังจะไปก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเช่นไร ทุกอย่างเป็นปริศนาทั้งหมด แม้แต่คนที่เธอต้องเดินทางไปพร้อมกับเขา