ตอนที่ 9
“ไม่จริงเลย...ดอมมินิค...ฟังฉันก่อนเถอะค่ะ...คุณกำลังเข้าใจทุกอย่างผิดไปแล้ว”
“ผมให้เวลาคุณถึงคืนนี้!” เขาคาดโทษด้วยเสียงลอดไรฟัน รสิกานิ่งงันและคอยฟังสิ่งที่เขาพูด
“บอกความจริงมาว่าแม่คุณรู้อะไรเกี่ยวกับการฆาตกรรมในคืนนั้น ถ้าคุณบอกมาดี ๆ ผมจะให้เครื่องบินเล็กกลับมารับคุณกลับไปคืนนี้ แต่ถ้าไม่...ผมจะฆ่าคุณแล้วโยนศพลงไปในเหวให้พวกสัตว์ป่ามันมารุมทึ้ง!”
“คุณบ้าไปแล้ว ดอมมินิค! ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแล้วคุณจะมาบังคับให้ฉันรู้ได้ยังไง”
“มันไม่ใช่ปัญหาของผม!”
เขาสะบัดร่างนั้นก่อนลุกขึ้นยืนและไม่ยี่หระต่อความเจ็บปวดของหญิงสาวที่ครางออกมาเสียงดังโอยเบา ๆ
“ปัญหามันอยู่ที่ว่าคุณจะพูดหรือไม่พูด...ผมจะกลับมาอีกครั้งตอนหัวค่ำ ถ้าพูดความจริงออกมาคุณจะได้กลับบ้าน แต่ถ้าไม่พูดก็เตรียมตัวเป็นศพอยู่เฝ้าหุบเขาเมาท์ วอชิงตัน ได้เลย!”
เสียงอำมหิตนั้นดังขึ้นก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินลงส้นออกไปจากกระท่อมของเขา รสิกาปากสั่นระริก ร่างน้อยขยับตัวและค่อย ๆ กระเถิบไปด้านหลังจนหลังของเธอชนกับเก้าอี้ไม้ริมหน้าต่าง
แสงแดดเริ่มอ่อนลงทุกขณะเหมือนเสียงหัวใจของเธอที่เต้นเนิบช้าลงในขณะที่ความกลัวพุ่งขึ้นสูง เธอจะทำอย่างไรดี รสิกา...หรือเธอจะหนีไปเสียตอนนี้
แต่...เธอจะหนีไปได้ยังไง ที่นี่คือยอดเขาเมาท์ วอชิงตันที่แทบไม่มีทางลงไปข้างล่างได้เลย ไม่อย่างนั้นดอมมินิคคงไม่ให้เครื่องบินเล็กนำพาเธอและเขาขึ้นมาส่งถึงข้างบนนี้
หญิงสาวหลับตา ตั้งแต่เหยียบย่างเท้าลงมาจากเครื่องบินก็เห็นว่ารอบด้านของ กระท่อม มีแต่หุบเหวและป่าสน และภาพที่แทรกเข้ามาในความกระวนกระวายนั้นคือ กะรัต
แม่จ๋า...รสิกาตะโกนเรียกแม่ของเธออยู่ในใจ หากเธอมีโอกาสได้กลับไปที่คฤหาสน์ไทเลอร์ในตอนนี้ เธอจะบอกแม่ของเธอว่าอย่าอยู่ที่นั่นอีกเลย แม้เอ็ดมันน์จะเคยมีบุญคุณกับกะรัตและเธอมากแค่ไหน แต่ตอนนี้ไม่มีเขาอยู่อีกแล้ว เปรียบไปก็เหมือนไม้ใหญ่ที่ล้มลงก็ปราศจากร่มเงาให้นกกาและสัตว์ตัวเล็กได้อยู่อาศัย เธอกับมารดาก็เป็นดั่งนั้น ยิ่งตอนนี้แล้วเธอก็รู้ว่าอาจมีภยันตรายอยู่รอบด้าน
ภาพของกะรัตเลือนจางไปกลับมีภาพใหม่เข้ามาแทนที่ นั่นคืออิซาเบล
“ทำไมผมจะไม่รู้!ในเมื่อที่นั่นมีแม่ของผม เธอบอกทุกอย่างที่เธอรู้กับผม บอกความเจ็บปวดที่ต้องถูกผู้หญิงชั้นต่ำสองคนกับสามีช่วยกันเหยียบย่ำความรู้สึกในบ้านของตัวเอง”
แม้จะยังเคลือบแคลงสงสัยในตัวมารดาที่ไม่ว่าเธอจะถามถึงเรื่องการฆาตกรรมเอ็ดมันน์เมื่อไหร่กะรัตก็จะมีสีหน้าแปลกเปลี่ยนไปเมื่อนั้น หากก็ไม่เท่ากับความรู้สึกผิดหวังเมื่อได้รู้จากปากของดอมมินิคว่าคุณผู้หญิงแห่งคฤหาสน์ไทเลอร์ไม่เคยไว้วางใจในตัวเธอและมารดา อิซาเบลคิดว่าเธอกับกะรัตล่อลวงเอ็ดมันน์เพื่อหวังฮุบสมบัติ
“ไม่จริง...ไม่จริงหรอกค่ะคุณลุง...หนูกับแม่ไม่เคยคิดอะไรแบบนั้น”
หญิงสาวรำพึงกับตัวเองทั้งน้ำตาอย่างสิ้นหวังขณะชันเข่าขึ้นและกอดเอาไว้กับอกก่อนจะซบใบหน้านองน้ำตาลงบนแขนตัวเอง
รสิกาไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยไปนานเท่าใด เธอหวาดกลัวจนเผลองีบไปอยู่ข้าง ๆ เก้าอี้ไม้ตัวเดิมเพื่อจะตื่นมาพบกับความมืดที่โรยตัวลงมาห่มคลุมรอบ ๆ กระท่อมอิฐหลังใหญ่ของดอมมินิคทว่าก็ยังคงมีแสงสว่างจากโคมไฟให้รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง
ค่ำแล้วหรือ...รสิกาขยี้ตาและโคลงศีรษะเพื่อปัดเป่าความง่วงงุน แต่มิอาจขจัดความหวั่นกลัวไปจากหัวใจที่เริ่มสั่นเหมือนกลองรัวดวงนั้นได้เลย เธอหันไปรอบ ๆ ก็พบแต่ความมืดหมองของรัตติกาล ทุกอย่างมืดมนไปหมดแม้แต่หนทางข้างหน้า
“ผมจะกลับมาอีกครั้งตอนหัวค่ำ ถ้าพูดความจริงออกมาคุณจะได้กลับบ้าน แต่ถ้าไม่พูดก็เตรียมตัวเป็นศพอยู่เฝ้าหุบเขาเมาท์ วอชิงตัน ได้เลย!”
เสียงคำรามไม่ต่างจากสัตว์ร้ายของดอมมินิคยังคงก้องกังวานอยู่ในความนึกคิดของหญิงสาว รสิกาเสียววาบไปทั่วทั้งตัว เธอไม่มีอะไรจะพูด สิ่งเดียวที่เขาจะบีบเค้นออกจากปากเธอได้นั่นก็คือ...เธอไม่รู้อะไรเลย