ตอนที่ 2 ศิลปะของคนมือบอน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 2 ศิลปะของคนมือบอน
ตอนที่ 2 ศิลปะของคนมือบอน เช้าตรู่ - ตุงคินลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆห้อง และพบว่าเขายังอยู่ในโรงแรมเมื่อวานนี้แน่นอน ทั้งห้องว่างเปล่ามีเพียงเขา เมื่อวานยัยผู้หญิงสมควรตายนั่นทำอะไรกันแน่ เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาตรวจสอบ พบว่าไม่เพียงแต่เงินยังอยู่ครบทั้งหมด แถมยังมีจำนวนเพิ่มขึ้นอีกสองร้อยห้าสิบบาท ถ้าไม่ใช่เพื่อเงิน แล้วเพื่ออะไรกัน เขาขมวดคิ้วและเดินไปที่ห้องน้ำ “ระยำ” แผ่นหลังของเขากระแทกเข้าประตูห้องน้ำอย่างแรง ตรงข้ามประตูมีกระจกติดอยู่ ชายในกระจกแต่งหน้าด้วยริมฝีปากสีแดงสด อายแชโดว์สีเขียวและวาดรูปเต่าติดอยู่ที่ใบหน้าด้านซ้าย “ยัยบ้า อย่าให้จับได้นะ” ตุงคินโกรธมาก เขาไม่เคยถูกหลอกอย่างนี้มาก่อน เขาใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเขาล้างร่องรอยบนใบหน้าของเขาออก ใบหน้าของเขาตอนนี้ดำก่ำอย่างน่ากลัวในขณะที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเขาก้มศีรษะลงหางตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตกอยู่ที่มุมโซฟา จึงล้มลงไปเก็บขึ้นมา มันคือบัตรประชาชน รูปบนบัตรคือผู้หญิงคนเมื่อวานแน่นอน เธอชื่อ แก้วใจ ตุงคินลูบมือบนรูปเบาๆ พร้อมกับยิ้มด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น “แก้วใจ ถือว่าเธอคิดผิดแล้วล่ะที่คิดจะมามีเรื่องกับฉัน” แต่ - นามสกุลของผู้หญิงคนนี้คือทองพิทักษ์ สมองพลันปรากฎภาพบางอย่างขึ้น แต่เพียงครู่เดียวก็หายไป บนโลกนี้มีนามสกุลตั้งมากมาย ทำไมบังเอิญขนาดนี้นะ ทันใดนั้นโทรศัพท์ดังขึ้น หน้าจอปรากฎเบอร์แปลก “คุณอัยการ ตอนนี้คุณน่าจะตื่นแล้วใช่มั้ย” “เธอนี่เอง” เขายกยิ้ม แต่มือกลับกำแน่นแทบระเบิด นี่เธอยังกล้าโทรหาเขาอีกหรือ “ใช่ฉันเอง คุณไม่สงสัยหรอว่าเมื่อวานฉันทำอะไรกับคุณ ในมือฉันมีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับคุณด้วยหละ” “คุณจะแบล็คเมล์ผมหรอ” “ไม่ได้แบล็กเมล์ เพียงแต่ต้องการให้คุณช่วยอะไรบางอย่างแค่นั้นเอง” “ช่วยอะไร” “เจอกันค่อนคุยดีกว่า” ตุงคินวางสาย กัดฟันด้วยความโมโห ดีมากผู้หญิงคนนั้นยังกล้าที่จะขอพบเขา แต่เขาก็ยังสงสัยว่าอะไรคือจุดประสงค์ของเธอถึงได้พยายามเข้าหาเขาอยู่ซ้ำๆ ภายในร้านกาแฟ แก้วใจมัดผมรวบสูง สวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงยีนส์ธรรมดา ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วๆร้าน ราวกับว่ากำลังรอใครซักคนอยู่ ตุงคินยังคงอยู่ในชุดสูทชุดเดิม ผมของเขาจัดทรงอย่างดี เสื้อผ้าของเขาไม่มีแม้แต่รอยยับ “ไฮ ท่านอัยการ ฉันดีใจมากที่ได้พบคุณวันนี้” เธอทักทายด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มกลับแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก ๆ ที่ชั่วร้าย “งั้นหรอ” เขายกคิ้วขึ้นและนั่งลงตรงข้ามเธอ ดวงตาของเขาดูคาดเดายาก แก้วใจหยิบเอาซองจดหมายออกมา แล้วส่งไปให้เขาด้วยรอยยิ้ม “ท่านอัยการเป็นคนฉลาด คุณคงจะรู้ดีว่าเมื่อภาพถ่ายเหล่านี้ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว อาชีพและภาพลักษณ์ส่วนตัวของคุณจะได้รับผลกระทบอย่างมาก” เขาพลิกรูปทีละภาพด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อน มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มขึ้น โดยที่ไม่เห็นถึงความโกรธใด ๆ “คุณต้องการอะไร” “ฉันอยากให้คุณทำคดีหนึ่งให้ฉัน มันเกี่ยวกับ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น แก้วใจมองไปที่หมายเลขนั้น คิ้วของเธอก็ขมวดขึ้นทันที หลังจากนั้นเธอจึงกดรับสาย “น้องบ้า แกโทรมาอีกทำไม” “พี่ รีบมา พวกมันจะตัดนิ้วผมแล้ว รีบมา” “นี่แกไปเล่นพนันอีกแล้วหรอ” สีใบหน้าของแก้วใจเปลี่ยนไปทันที เธอสบถด้วยความโกรธ “สมควรที่แกจะโดนตัดนิ้วทิ้ง” “ไม่นะ พี่เป็นญาติเพียงคนเดียวของผมแล้ว พี่จะทนเห็นผมตายไปโดยไม่ช่วยอะไรไม่ได้นะ” คำพูดของทัตติทำให้เธอรู้สึกตัวขึ้นมา ใช่ในตอนนี้พวกเขาเป็นญาติเพียงคนเดียวที่สามารถพึ่งพาซึ่งกันและกันได้ ถ้าเธอไม่สนใจแล้วน้องชายของเธอจะทำอย่างไรได้ “แกอยู่ไหน” เธอวางหูโทรศัพท์ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นแสร้งทำเป็นปกติ “คุณอัยการ ขอโทษด้วยฉันต้องไปทำธุระ แล้วฉันจะติดต่อกลับไป” หลังพูดจบเธอก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกไป คิ้วของตุงคินยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขาหลุบมองลงบนภาพถ่ายพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมา “ไปเช็คข้อมูลของครอบครัวถวิต” คาสิโนใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในเมือง S ไม่ใช่ครั้งแรกแก้วใจมาที่นี่ ครั้งที่แล้วก็เป็นเพราะมาใช้หนี้ให้ทัตติ และเป็นเดียวกับที่พ่อของเธอประสบอุบัติเหตุอีกด้วย ติ๊ง - ลิฟท์เปิดขึ้นแก้วใจก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว บรรยากาศของคาสิโนเงียบมาก ทุกคนต่างก็หมกมุ่นกับการเล่นอย่างเต็มที่จนไม่มีเสียงใดๆดังออกมา “ตึ๊งง” ประตูเปิดออก แก้วใจรีบดึงกระเป๋าของเธอแน่นและก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว และภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือทัตติที่ถูกเหยียบลงบนพื้น เขาถูกซ้อมอย่างหนัก จนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด “ทำไมพวกคุณถึงต้องทำร้ายคนอื่นด้วย ยืมเงินไปเราคืนก็จบแล้ว จะทำร้ายร่างกายกันทำไม” แก้วใจผลักผู้ชายตัวโตที่กำลังเหยียบทัตติอยู่และถามด้วยความโกรธ “พี่ พี่มาแล้ว” ทัตติดึงมือของเธอขึ้นมาจับและสูดดม “ในเมื่อคุณมาแล้ว ก็รีบคืนเงินซะสิ” เจ้าของคาสิโนที่นั่งสูบซิการ์อยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา ค่อยๆพูดออกมาอย่างใจเย็น “ห้าล้านพร้อมบวกดอกเบี้ยอีกหนึ่งล้าน” “อะไรนะห้าล้าน” แก้วใจรู้สึกตกใจอย่างมากและเธอไม่คิดว่าเขาจะติดเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้ “ไม่ใช่ ยังมีดอกเบี้ยอีกหนึ่งล้านนะน้องสาว” “ฉันไม่สามารถหาเงินมาจ่ายได้ คุณตัดมือของเขาเถอะ” เธอก้มหน้าลงพร้อมพูดอย่างหดหู่ ทัตติหน้าซีดทันทีที่ได้ยิน เขารีบจับมือของแก้วใจ “พี่ ไม่นะ” ปัง - เธอกัดปากด้วยความวิตก ดวงตาของเธอเป็นสีแดงก่ำ รีบดึงมือของเธออกมาจากการเกาะกุมของทัตติ “อย่ามาเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่มีเงินคืนให้แก” “มันจะเป็นไปได้ยังไง เงินสองล้านที่พ่อให้ล่ะ ทำไมพี่เห็นแก่ตัวอย่างนี้ ถึงกับยอมให้เขาตัดนิ้วผม มากกว่าเอาเงินมาคืน” เมื่อเจอกับคำถามของทัตติ แก้วใจก็รู้สึกกดดันขึ้นมา เธอจะกล้าแตะเงินสองล้านนี้ได้อย่างไร งานของพ่อยังไม่เสร็จ เธอจะกล้าแตะต้องได้อย่างไร “ฉันไม่มีเงิน” “งั้นก็ลงมือเถอะ” เจ้าของคาสิโนยิ้มเยาะ และนำมีดออกมา ใบหน้าของเธอซีดเผือด มือของเธอกำแน่นจากนั้นใจของเธอก็เริ่มลังเลขึ้นมา เงินเป็นของไม่มีชีวิต แต่คนยังต้องมีชีวิตต่อไป เพราะเงินเธอถึงกับไม่ช่วยน้องชายเธอเลยจริงเหรอ แต่เงินนั้นมันใช้ได้ง่ายๆอย่างนั้นเลยหรือ ก่อนที่พวกเขากำลังจะเริ่ม ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาจากประตูแล้วกระซิบกับเจ้าของคาสิโน เจ้าของคาสิโนมองมาที่แก้วใจด้วยสายตาซับซ้อน “คุณแก้วใจมีคนจ่ายหนี้ให้น้องชายคุณแล้ว ตอนนี้เขาอยู่ห้องข้างๆ แก้วใจตะลึงในทันที พูดตามจริงเธอนึกไม่ออกจริงๆว่าใครจะมาช่วยเธอ เธอไม่เก็บความสงสัยไว้ รีบเดินไปที่ห้องข้างๆทันทีโดยไม่ลังเล ห้องข้างๆก็เป็นห้องทำงานห้องหนึ่ง แต่ภายในห้องกลับมีคนเพียงคนเดียวนั่งหันหลังให้เธออยู่ “คุณคือคนที่ช่วยฉันหรอ คุณช่วยฉันทำไม” เก้าอี้หันกลับมาช้าๆ เผยเสี้ยวหน้าหล่อเหลาค่อยๆกระตุกยิ้มขึ้นน้อยๆ “คุณแก้วใจ ยินดีได้พบคุณอีกครั้ง” เขาคือตุงคิน และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาตอนนี้ ไม่ใช่รอยยิ้มแบบเดียวกับที่เธอเพิ่งแสดงให้กับเขาเมื่อก่อนหน้านี้หรอกหรือ “ที่แท้ก็เป็นคุณ” แก้วใจกำมือของเธอแน่น เธอไม่มีทางเชื่อแน่ว่าผู้ชายคนนี้จะใจดีขนาดนี้ และไม่มีเหตุผลที่เขาจะช่วยเธอใช้หนี้ “คาดไม่ถึงขนาดนั้นเลยหรอ” “ฉันจะส่งหลักฐานพวกนั้นคืนให้คุณ” แก้วใจเม้มริมฝีปากไปมาก่อนจะเอ่ยพูด “ถือว่าเราหายกัน” “หายกัน” หัวเราะเยาะเบา ๆ “มันง่ายขนาดนั้นเชียว” เมื่อวานตอนที่เธอเขียนบนหน้าของเขา เธอได้เคยคิดถึงสถานการ์นี้บ้างไหม เธอบอกว่าหายกันก็คือหายกันงั้นหรอ “คุณต้องการอะไรอีก” “สองเงื่อนไข” เงื่อนไข นี่คือสิ่งที่เธอพูดและเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถูกเขาใช้มันคืน แก้วใจมองไปที่เขา รอเงื่อนไขที่จะออกมาจากปากของเขา ฝ่ามือของเธอค่อยๆมีเหงื่อซึมออกมา และเธอรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ “ผมขาดเจ้าสาว” เธอเบิกตากว้างและมองเขาด้วยความไม่เชื่อ จริงๆแล้วเธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะขอเธอเรื่องนี้ “ทำไม เมื่อวานคุณไม่ได้บอกว่าชอบผมหรอ แต่ที่แสดงออกตอนนี้มันเหมือนจะดูลำบากใจนะ” ใครบอกว่าแค่ลำบากใจล่ะ โครตลำบากใจมากๆเลยต่างหาก เขาขาดเจ้าสาวแล้วเกี่ยวอะไรกับเธอ แถมเธอยังไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานมาก่อนในชีวิต เธอไม่อยากแต่งงาน ไม่อยากแต่งงานกับคนที่เจ้าเลห์และมีพิษสงอย่างตุงคิน “ฉันปฏิเสธได้ไหม” “งั้นก็ตัดมือของเขาซะ ไหนๆคุณก็ยอมให้ตัดนิ้วแล้วนี่นา คุณจะได้ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะมาเล่นพนันอีกในภายหลัง” ตุงคินยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อยและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ มันเป็นเรื่องที่พูดได้ง่ายแต่ทำได้ลำบากเหลือเกิน เธอเป็นพี่สาวของเขา พี่สาวแท้ๆ “ก็แค่แต่งงานเองนี่นา ฉันตกลง เงื่อนไขที่สองคืออะไร” เมื่อได้ยินแก้วใจตอบตกลง สายตาของเขาก็ไม่ได้มีความแปลกใจใดๆ ราวกับว่าเขาจะเดาได้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าเธอจะตกลง เขาเหลือบตาลงเล็กน้อยและใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบาๆ “เงื่อนไขที่สองผมจะบอกคุณในวันแต่งงาน” แก้วใจรู้สึกกังวลใจอยากมาก เธอรู้สึกว่าหาเรื่องผู้ชายคนนี้ไม่เป็นผลดีกับเธอเลย เธอเลิกคิ้วขึ้นอย่างแน่วแน่ “ได้ ฉันตกลง แต่งเมื่อไหร่ก็บอกฉันล่วงหน้าด้วยแล้วกัน” เมื่อเธอหันกลับ เตรียมจะเดินจากไปเสียงของเขาก็ตอบกลับมาว่า “แก้วใจ ผมจะรอวันที่คุณจะได้เป็นเจ้าสาวของผม” ร่างกายของเธอสั่นเทิ้มและลึกๆในใจมีความวิตกกังวลอย่างหนัก เธอไม่เชื่อว่าผู้ชายคนนั้นจะลืมคืนนั้น เธอไม่เพียงแต่แทงเขาด้วยเข็ม ยังวาดรูปเต่าลงบนใบหน้าของเขาอีก “หึๆ” เขาหัวเราะเสียงเย็นแล้วเดินออกมา ทัตติในสภาพบอบช้ำยืนอยู่หน้าประตู เขามองเธอด้วยสายตาเย็นชา ในใจเต็มไปด้วยความขมขื่นและเดินจากไป “ท่าทางแบบนี้หมายความว่าไง” “ไม่หมายความว่าไง” “แกเล่นการพนันมันสมควรโดนมั้ย” แก้วใจคว้าเขาไว้ เพราะเขาเธอถึงถูกบังคับและข่มขู่ แล้วนี่ทัตติยังจะเมินเธออีกหรือ ช่างเป็นการช่วยที่เสียงแรงเปล่าจริงๆ หัวใจของเธอเหมือนถูกทับด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ และไม่สามารถยกออกจากอกได้ “พี่จะไปรู้อะไร” ทัตติอดไม่ได้ที่จะดึงมือเธอออก และหยิบบุหรี่จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาสูบ “พี่ไปเถอะ ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำ” “เด็กบ้า กลับบ้านกับฉันเดี๋ยวนี้” “เราไม่มีบ้านแล้ว”ทัตติพูดออกมาอย่างทนไม่ไหว สายตาเขาเต็มไปด้วยความเสียใจ “ผมไม่ชอบอาศัยเขาอยู่” แก้วใจชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยายามปลอบใจเขา “อารองดูแลเราได้ไม่เลวเลย” “มีแต่พี่เท่านั้นที่คิดอย่างนั้น” พลันเกิดความเงียบขึ้นระหว่างทั้งสองคน เธอรู้สึกเหนื่อยใจ ไม่รู้ว่าทำไมจากน้องที่เชื่อฟังของเธอถึงเปลี่ยนเป็นคนช่างเถียงแบบนี้ “งั้นก็ตามใจ คราวหน้าถึงแม้ว่าจะตายอยู่ข้างนอกก็อย่าโทรหาฉันอีก ฉันไม่ใช่พี่สาวแกอีกต่อไป” ดวงตาของเธอแดงก่ำ เธอกัดริมฝีปากแน่นและเดินเข้าลิฟต์ไปทันที “พี่” ทัตติจ้องมองเธออย่างหมดหนทาง น้ำเสียงมีความกังวลเล็กน้อย “อาสะใภ้ให้ผมบอกพี่ว่าตอนเย็นให้ไปงานเลี้ยงอาหารค่ำเป็นเพื่อน พี่ต้องระวังตัวนะ” ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาอาสะใภ้มักจะพาเธอไปงานเลี้ยงอาหารค่ำ ดังนั้นเธอจึงชินกับมันแม้ว่าเธอจะรู้สึกไม่ชอบ แต่เธอทำอะไรไม่ได้เพราะมาอาศัยเขาอยู่ “โอเคพี่รับรู้แล้ว สัญญากับพี่ก่อนว่าแกจะไม่เล่นการพนันอีก ถ้าเล่นอีกละก็พี่คงทำได้แค่ไปขายเลือดหาเงินมาให้” เธอบอกอย่างติดตลก ทัตติชะงักและก้มหน้าลงเหมือนเด็กที่ทำความผิด ก่อนจะตอบกลับมาว่า “เข้าใจแล้วครับ” ลิฟต์ปิดตัวลงอย่างช้า ๆ และรอยยิ้มบนใบหน้าของแก้วใจก็ค่อยๆจางหายไป เพิ่งเดินออกจากคาสิโนมาไม่กี่ก้าว เธอก็ถูกชายคนหนึ่งที่สวมแว่นสีดำ ท่าทางสุภาพยืนขวางเธอไว้ “คุณแก้วใจ คุณตุงคินให้คุณรอเขาที่นี่” คุณตุงคิน ตุงคินไหน นายบ้าตุงคินนั่นอีกแล้วหรอ การต่อสู้เมื่อสักครู่เขาก็เพิ่งชนะไป ยังจะกันเธอไว้ไม่ให้ไปเพื่ออะไรกัน เขาจะทำลายเธอเละให้เป็นผงเลยหรือไง ถึงแม้ว่าเธอจะไมอยากยอมรับว่าตอนนี้เธอเหมือนหมา แต่ณ.ขณะนี้เธอก็อยู่ในสถานะหมาจริงๆ เธอแพ้อย่างราบคาบ “บอกเขาว่าภรรยาไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเขา” “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่นาที ก็เพิ่มขั้นตำแหน่งขึ้นเองซะแล้ว” เสียงยียวนดังขึ้นมาจากด้านหลัง แก้วใจตัวแข็งทื่อฝืนยิ้มแล้วหันกลับไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังทันที
已经是最新一章了
加载中