บทที่ 5 เกลียดจนเข้ากระดูก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 5 เกลียดจนเข้ากระดูก
บทที่ 5 เกลียดจนเข้ากระดูก สายตาของจิดาภาเต็มไปด้วยความแค้นที่พุ่งแทงมายังชุติกา ชุติกามองความโศกเศร้าที่แสดงออกมาทางใบหน้าของชุติกา ด้วยความสะใจ “ทัตพงษ์ เคยบอกเธอหรือเปล่าว่า เรื่องพรีเซนเตอร์คนใหม่ของบริษัทซีเอสน่ะ ได้ยินมาว่าที่ผ่านมาก็เซ็นสัญญากับนักแสดงของบริษัทhkมาตลอด”. จิดาภาโกรธจัด โกรธจนอยากจะเข้าไปกระชากหน้าเธอ “เธอโกหก ทัตพงษ์ไม่มีทางเปลี่ยนพรีเซนเตอร์อย่างกะทันหันแบบนี้อย่างแน่นอน!” ชุติกาหัวเราะเยาะเย้ยราวกับได้ยินเรื่องตลก “จิดาภา ไม่ใช่แค่พรีเซนเตอร์เท่านั้นนะที่เปลี่ยนได้ ตำแหน่งคุณหญิงตระกูลญาพนต์ก็สามารถเปลี่ยนได้ งานประกาศเปิดตัวสินค้าใหม่ครั้งนี้ ฉันกับทัตพงษ์เราจะออกงานร่วมกัน และมันก็ไม่ใช่เรื่องของเธอแล้ว” ใจของจิดาภารวดร้าวยิ่งนัก ชุติกาตั้งใจ ตั้งใจทำร้ายหัวใจของเธอ พอได้รับการกระทบสะเทือน แผลที่หลังก็เจ็บมากขึ้น เธอพยายามให้ตัวเองสงบใจลง หายใจเข้าลึกๆ และตอบกลับไป “ต่อให้พรีเซ็นเตอร์งานไม่ใช่คนของบริษัทhk.... คนที่ยืนอยู่ข้างๆเขาก็ยังคงเป็นฉันอยู่ดี เพราะว่าฉันคือคุณหญิงของตระกูลญาพนต์ ชุติกา ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไว้แน่ และฉันก็ไม่มีวันปล่อยทัตพงษ์ให้ใครอย่างแน่นอน!” “งั้นฉันก็จะเอาเรื่องของเธอกับไอ้หน้าขาวละอ่อนนั่นประกาศให้ทุกคนได้รู้ ทำให้ชื่อเสียงเธอย่อยยับไปเลย” ชุติกาขู่ จิดาภารู้สึกน่าขำยิ่ง ไอ้หน้าขาวละอ่อนหรอ? ชุติกากำลังหมายถึงธนเดชหรอ? พึ่งพบกันครั้งแรกก็เมื่อกลางวันที่ห้องทำงาน จะมีเรื่องเสียหายไม่ดีอะไรมาจากไหน? จิดาภาแสยะปากหัวเราะเยาะ “ชุติกา เธอคิดว่า การมาใส่ร้ายฉันแบบนี้ จะทำให้ฉันหย่าได้อย่างงั้นหรอ?” “จิดาภา ฉันจะเตือนอะไรเธออย่างนะ ตอนที่เธอและไอ้ละอ่อนนั่นล้มลงไปบนโซฟาด้วยกัน ฉันกับทัตพงษ์เห็นเต็มสองตา ฉันยังถ่ายรูปไว้ด้วยนะ เธอคิดว่าถ้ามีรูปภาพมาเป็นหลักฐานประกอบด้วย มันพอจะหย่าได้ไหมล่ะ?” ชุติกาหัวเราะอย่างเยือกเย็น จิดาภาไม่อยากดึงกชนิภาเข้ามาในเรื่องนี้ด้วย และไม่อยากทำให้ธนเดชต้องมาลำบากไปด้วย เธอเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “เธออย่าคิดจะเอาเรื่องนี้มาเป็นเหตุผลในการหย่านะ เพราะฉันจะไม่เซ็นใบหย่า และยังคงเป็นคุณหญิงตระกูลญาพนต์ ส่วนเธอ ก็เป็นได้แค่เมียน้อยที่ต้องอับอายคนอื่นเขา!” ชุติกาโมโห พุ่งเข้ามากระชากผมของจิดาภา “เธอต่างหากที่เป็นเมียน้อย เป็นเธอที่มาพรากรักของฉันกับทัตพงษ์” หลายปีมานี้ จิดาภาเก็บเรื่องนี้ไว้ในหัวเรื่อยมา ในใจเธอเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและความเจ็บปวด เห็นจิดาภานอนอยู่บนเตียงขยับไม่ได้ เธอจึงใช้โอกาสนี้ในการระบายความโกรธออกมา จนในใจเริ่มสบายขึ้นมาบ้าง จิดาภาเจ็บจนต้องหลับตาลง หนังศีรษะแทบจะหลุดออกมาแล้ว “เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงกลับมา?” ชุติกาถามขึ้นอย่าร้อนรน จิดาภารู้สึกเจ็บทั้งกายและใจ ผมก็ถูกชุติกาดึงไว้อยู่ เธอจ้องมองไปที่ปุ่มกดเรียกพยาบาลบนหัวเตียง ค่อยๆเอื้อมแขนขึ้น เพียงกดกระดิ่งนั้นได้ พยาบาลก็จะเข้ามาช่วย “ฉันได้ยินมาว่า เธอท้องหรอ!” ชุติกาเปลี่ยนเรื่อง จ้องมองมาที่จิดาภาด้วยสายตาเยือกเย็น จิดาภายิ้มลึกๆในใจ ทัตพงษ์ไม่เคยแตะต้องเธอเลย แล้วเธอจะท้องลูกของใครได้กัน? หรือต่อให้เธอท้องลูกของคนอื่นจริง ทัตพงษ์ ก็คงไม่สนใจอะไร ไม่แน่ เขาอาจจะโกรธก็ได้ ที่เธอสวมเขาให้กับเขา? “ทัตพงษ์ไม่ยอมให้เธอเป็นคนให้กำเนิดลูกของเขาเป็นแน่!” มือของจิดาภาดึงผมของจิดาภาแน่นขึ้น จับโดนคราบเลือดที่ติดอยู่บนเส้นผม รู้สึกรังเกียจจึงรีบสลัดมือออก ใช้ไม้เท้าที่อยู่ในมือเขี่ยผ้าห่มที่อยู่บนตัวเธอออก “อี้...บาดเจ็บขนาดนี้ ต้องใช้ยาอีก ลูกที่เกิดมาต้องไม่สบประกอบอย่างแน่นอน!” แม้ไม่รู้ว่าชุติกาไปเอาข่าวนี้มาจากไหน ที่เข้าใจว่าเธอตั้งครรภ์ แต่ประโยคที่ว่า “ทัตพงษ์ไม่ยอมให้เธอเป็นคนให้กำเนิดลูกเขาเป็นแน่” ยังคงดังก้องและทิ่มแทงใจเธอ! แต่งงานมาห้าปี แม้ก่อนแต่งงานได้ทำข้อตกลงกับทัตพงษ์ว่า ทุกวันเสาร์เขาต้องกลับมากินข้าวเป็นเพื่อนเธอ และมาค้างคืนที่บ้าน แต่เขาไม่เคยแตะต้องเธอเลย เห็นสีหน้าที่เป็นทุกข์ของจิดาภา ชุติกาสะใจอย่างไร้ที่เปรียบ เอ่ยขึ้น “ ที่ต่างประเทศมียาชนิดหนึ่งที่ผลิตขึ้นเพื่อคนท้อง สามารถรักษาบาดแผลให้หายเร็ว โดยที่ไม่มีผลกระทบต่อเด็กในครรภ์” “เธอหวังดีขนาดนั้นจริงๆหรอ?” จิดาภาพูดกับเธอเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจเธอ และมืออีกข้างก็ควานหาโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะข้างๆ แต่โทรศัพท์ยังอยู่ห่างมือยิ่งนัก เธอเอื้อมไม่ถึง “ฉันไม่ได้หวังดีอย่างนั้นแน่นอน” ชุติกายิ้มอย่างเยือกเย็น ยกไม้เท้าขึ้นมา ใช้แรงชนไปที่แผลข้างหลังที่พึ่งทำเสร็จ จิดาภาเจ็บจนคิ้วขมวด เลือดสีแดงสดเปื้อนเต็มผ้าพันแผล จนแผลเปิดออกมา สายตาของชุติกาเปล่งประกายความแค้น ไม้เท้าพุ่งมาทางจิดาภาอีกครั้ง จิดาภายื่นมือไปอย่างไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น มือข้างหนึ่งคว้าจับไม้เท้าเอาไว้ แต่เป็นเพราะว่าใช้แรงเคลื่อนไหวเยอะเกินไป สะเทือนถึงแผลที่ข้างหลัง ยิ่งเพิ่มทวีคูณความเจ็บปวดเข้าไปอีก เจ็บจนต้องหลับตาลง ชุติกาคิดจะไปแย่งไม้เท้ากลับมา จิดาภายังคงจับไม้เท้าไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทัตพงษ์ เปิดประตูเข้ามา เห็นภาพที่จิดาภากำลังแย่งไม้เท้าของชุติกาอยู่พอดี หลังจากที่ชุติกาเห็นทัตพงษ์ รีบผละมือออก จิดาภาแย่งไม้เท้ามาได้สำเร็จ ด้วยความโกรธจึงใช้ไม้เท้าชี้ไปที่ชุติกา เธอเอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด “เธอและก็แม่ต่ำๆของเธอมันสมควรตาย พวกเธอมันต้องตกนรก!” “เฮ้ย!” ชุติการ้องเสียงหลง ยอมโดนไม้เท้าตีและทำเป็นล้มลงไปที่พื้น ตอนที่ล้มลง ....... “ชุติกา!” ทัตพงษ์ร้องขึ้น และรีบวิ่งกรูเข้ามา อุ้มเธอ “เธอเป็นไรไหม?” “ฉันไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามันทำให้จิดาภารู้สึกดีขึ้นบ้าง คุณปล่อยให้เธอตีฉันอีกสักทีสองทีก็ไม่เป็นไรค่ะ ทัตพงษ์ค่ะ คุณอย่าโทษจิดาภาเลย เป็นฉันที่ไม่ดีเอง ฉันไม่ควรกลับมา....” ชุติกาเอ่ยขึ้นทำเป็นหน้าสงสาร “ชุติกา ไม่ต้องกลัว!” ทัตพงษ์โอบกอดเธออย่างเบามือ พรมจูบลงบนหน้าผากเธอ สายตาเต็มไปด้วยความสงสาร ชุติกาสั่นเป็นลูกนกอยู่ในอ้อมกอดของทัตพงษ์ น้ำตาไหลหยดย้อย เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีอ่อนแอ “ทัตพงษ์ คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันรักคุณมากจริงๆ ไม่อยากทำให้คุณไม่สบายใจ คุณอย่าไปโทษจิดาภาเลย เป็นฉันเองที่ไม่สมควรกลับมา ไม่ควรทำให้เธอไม่พอใจ...” จิดาภารู้สึกน่าขำยิ่งนัก เมื่อก่อนทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าชุติกาแสดงละครได้เก่งขนาดนี้หรอ? “เธอบาดเจ็บถึงขนาดนี้ ยังมาพูดแทนคนอื่นอีก” ทัตพงษ์มองหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง “ทัตพงษ์...ฉัน...เอวเจ็บ....” ชุติกายังพูดไม่จบก็เป็นลมไป “ชุติกา ชุติกา....” ทัตพงษ์อุ้มชุติกาขึ้นเบือนหน้าอันโกรธจัดมามองจิดาภา สีหน้าของเขาเยือกเย็นดุจดังน้ำแข็ง แววตาเต็มไปด้วยความแค้นและรังเกียจ จิดาภาเบือนหน้าขึ้นมองเขา เอ่ยขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “เขาทำฉันก่อน...” สายตาของทัตพงษ์ดุดันยิ่งนัก เอ่ยขึ้นอย่างโมโห “ฉันเห็นกับตาตัวเอง เธออย่ามาเล่ห์เหลี่ยม! ทำไมเมื่อก่อนฉันมองเธอไม่ออกเลย ว่าเธอมันร้ายถึงเพียงนี้?” จิดาภาไม่อยากจะอธิบายต่อในทันที เพราะว่าไม่ว่าจะพูดยังไง เขาก็คงไม่เชื่อ ในสายตาของเขา เธอก็เป็นแค่นางร้ายในสายตา! “พูดไม่ออกแล้วหรอ! เธอรอดูเลยนะ ถ้าเกิดว่าชุติกาเป็นอะไรไป ฉันไม่ยอมปล่อยเธอเป็นอันขาด!” ทัตพงษ์จ้องจิดาภาด้วยสายตาดูถูก จิดาภากัดฟันทนความเจ็บปวด ฤทธิ์แผลที่เอวก็ยังคงออกอาการ ตัวก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ ......หลอดไฟที่อยู่ด้านบนสว่างจ้า สาดส่องมาที่ร่าง หนาวเหน็บ เดียวดาย แต่กลับไม่สามารถสาดส่องเมฆหมอกในใจเธอได้ สมองของจิดาภาว่างเปล่า รู้สึกเหมือนมีของเหลวบางอย่างไหลลงไปตามข้างเอว แต่สายตาของเธอ กลับจับจ้องอยู่กับทัตพงษ์ ส่วนทัตพงษ์ก็มองเห็นเพียงแค่แผลของชุติกา แววตาที่สิ้นหวัง เขาที่อุ้มเธออันเป็นที่รักเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป ริมฝีปากของจิดาภาสั่นเครือ สติเริ่มเลือนรางเบลอ รู้สึกราวกับว่ามีคนเรียกเธออยู่ข้างๆหู แต่แผลเธอระบมปวดเกินไป เหนื่อยเกินไป และสุดท้ายก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ธนเดชพาหมอเจ้าของไข้มายังห้อง พอเข้าประตูมาก็ได้กลิ่นเลือดคลุ้งห้อง ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิท ใบหน้าซีดเผือดไม่มีสี ธนเดชเดินมือสั่นมาหยุดอยู่หน้าเตียง ค่อยๆเปิดผ้าห่มออก มองเห็นคราบเลือดเปื้อนเต็มเตียง หมอพญาบาลที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็ตกใจกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า! ที่นี่เหมือนห้องคนไข้ที่ไหนกัน เป็นจุดเกิดเหตุฆาตกรมมดีๆนี่เอง! “พี่ ใครมันทำกัน ใครเป็นคนทำ!” ธนเดชโกรธเป็นฟืนเป็นไฟพลางตะโกนถามขึ้น
已经是最新一章了
加载中