ตอนที่ 8 กล้าแย่งผู้ชายของเธอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 8 กล้าแย่งผู้ชายของเธอ
ตอนที่ 8 กล้าแย่งผู้ชายของเธอ ยามค่ำคืน แสงไฟนีออนถูกจุดขึ้นในเมืองอันเงียบเหงาสีสันงามตา หัวใจอันเปลี่ยวเหงาของผู้คน มักใช้สถานบันเทิงแห่งนี้เป็นสิ่งเติมเต็มความว่างเปล่า ห้องรับรองทองคำ เวทีห้องโถงใหญ่ชั้น 1 มีการแสดงร้องเพลงเต้นรำกันอย่างคึกคัก ล่างเวทีผู้ชมส่งเสียงเฮฮาครึกครื้น สนุกสนานกันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บนชั้นสองเป็นห้องส่วนตัวแบบเปิด สถานที่โด่งดังอันเงียบสงบไม่มีเสียงรบกวน ประตูไม้กั้นถูกแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ แยกออกจากเสียงที่ดังรบกวน ขณะเดียวกันก็ยังสามารถมองเห็นการแสดงจากชั้นหนึ่งได้อีกด้วย “เห้ย ธีมนต์ ออกมาเที่ยวแล้วก็อย่าทำหน้าตาเฉยชาแบบนั้นสิ เงิน 300 ล้านหยวน เล็กน้อยนา ถือว่าบริจาคไป” ทัศสัยมองเห็นหน้าตาเฉยชาของเพื่อนรัก มองดูพวกเขาพูดคุยกัน เขาพูดเพียงแค่ไม่กี่ประโยค นี่มันไม่เหมือนกับคุณชายธีร์ผู้หยิ่งยโสคนนั้นเอาเสียเลย นรัตว์ ยิ้มเบาๆ กวาดสายตาไปมอง เอ่ยขึ้น “ทัศสัย นายนี่มันไม่รู้อะไรซะเลย ที่ไอธีร์มันคิดนะไม่ใช่เรื่องเงินหรอก แต่มันคือ เรื่องศักดิ์ศรี” ธีมนต์ได้ยิน หันมองนรัตว์อย่างยอมรับ ยกเหล้าขึ้นมากระดกรวดเดียว “ธีร์ค่ะ คุณมาอยู่ที่นี่เอง” ธีมนต์วางแก้วเหล้าลง น้ำเสียงอันคุ้นหูก็ดังขึ้น จรรย์ธรเดินเข้าไปอย่างไม่สนใจ แต่งตัวด้วยชุดที่สวยงาม เหมือนเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะมาที่นี่ ธีร์มนต์ ไม่สนใจเธอ เขาแค่หวังบางอย่างจากเธอ เกรงว่าคืนนี้ตั้งใจมาเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของและจับผิดเขา 5 ปีผ่านมา ธีมนต์มองจรรย์ธรออกอย่างทะลุปรุโปร่ง ก็เพราะว่าเธออยู่ในสังคมชั้นสูงนำพาให้พวกเขาต้องเกี่ยวพันกัน เพียงแค่ต้องการที่จะหลอกใช้ผลประโยชน์จากเธอ ขัดขวางเรื่องที่ไม่จำเป็นและยุ่งยากออกไป พอดีกับที่ใช้เธอเพื่อเป็นข้อต่อรองที่แม่ของเขาพยายามจับคู่ให้เขา บังเอิญกับที่ 2 สาว รูปร่างผอมสูงชื่อเสียงโด่งดังให้เมืองแห่งนี้เดินเข้ามา เธอไม่สนจรรย์ธรที่ยืนขวางอยู่ตรงกลาง หันไปทักทาย ทัศสัย “คุณชายทัศ คืนนี้ช่างบังเอิญจังเลย พวกเราขอนั่งดื่มด้วยคนได้ไหมคะ?” ทัศสัยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยหันไปทางธีมนต์ กระแอมสองที สอบถาม “เห้ย ธีมนต์ ดื่มด้วยกันหน่อยไหม?” จรรย์ธรมองผู้หญิงสองคนตรงหน้า ในใจโกรธเคือง แต่ภายนอกกลับทำเป็นเหมือนไม่สนใจ ยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน อีกอย่างเธอเข้าใจนิสัยของธีมนต์ดี เขาไม่มีทางนั่งร่วมโต๊ะกับคนแปลกหน้าอย่างเด็ดขาด ธีมนต์ยกเหล้าขึ้นดื่ม รู้สึกได้ถึงสายตาของจรรย์ธร จงใจตอบ “ก็แล้วแต่!” เธอขมวดคิ้วชนกัน หญิงสาวทั้งสองมองดูจรรย์ด้วยสายตาลึกซึ้ง จงใจเบียดจรรย์ธรให้ถอยห่าง เดินไปนั่งลงใกล้ธีมนต์ ธีมนต์ไม่ได้คัดค้าน มันยิ่งทำให้ในใจของจรรย์ธรเดือดเป็นไฟ ฝืนยิ้มอย่างสง่าดูแข็งทื่อ หญิงสาวทั้งสองเทเหล้าลงไปในแก้ว หันมองสายตาของจรรย์ธร ดวงตาพลิ้วไหวอย่างผู้ชนะ จรรย์ธรไม่ยอมแพ้ ใช้สายตาอันแหลมคมจ้องมองกลับไป สงครามการแย่งชิงของผู้หญิง ถึงจุดระเบิดขึ้น แต่หญิงสาวทั้งสองแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นท่าทางการโต้ตอบของเธอ พูดคุยหัวเราะกันอย่างชอบใจ จรรย์ธรระงับความโกรธไว้ หันสายตาไปมองธีมนต์ แต่เขากลับไม่สนใจไยดีเธอแม้แต่น้อย ยังคงดื่มเหล้าด้วยทาทีที่เฉยชา มองเธอเป็นคนนอก “จรรย์ธร นังผู้หญิงคนนี้ช่างน่าหน้าไม่อายจริงๆ ขนาดธีมนต์ไม่สนใจไยดีเธอ เธอก็ยังไม่ยอมไป ทำไมหน้าถึงได้หนาเหลือเกิน คู่หมั้นอะไรกัน ฉันเห็นว่าเธอนั่นแหละเป็นคนกุเรื่องขึ้นมาเองทั้งหมด” ดื่มไปประมาณ 3 รอบ สาวสวยทั้งสองขอตัวออกมาเติมเครื่องสำอางในห้องน้ำ นึกว่าภายในห้องน้ำไม่มีคนอยู่ คุยกันอย่างเปิดเผย แต่มันช่างบังเอิญ ที่คำพูดของพวกเธอถูกนาราที่อยู่ในห้องน้ำห้องท้ายสุดได้ยิน คิดไม่ถึงเลยว่ากลับประเทศมาในคืนแรก เธอแค่ออกมาเดินเล่น สร้างความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในประเทศนี้หน่อย แต่กลับได้ยินสิ่งที่น่าสนใจ “ฉันรู้มาว่าพื้นเพครอบครัวของเธอ เมื่อก่อนพ่อเธอเป็นแค่พนักงานต่ำต้อย แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่บ้านภรรยา พึ่งพิงตำแหน่งใหญ่โตของครอบครัวภรรยา” “จริงๆแล้วก็แค่ ตกถังข้าวสาร ฉันก็คิดว่า สูงส่งซะอีก” สาวสวยพูดถึงจรรย์ธรอย่างดูถูกเหยียดหยาม นาราพิงเข้ากับกำแพงแอบฟัง ยิ้มออกมาอย่างสะใจ รู้สึกได้ว่าพี่สาวของเธอช่างน่างสงสารจริงๆ สักพัก เสียงของผู้หญิงสองคนค่อยค่อยดังไกลออกไป นารายืดยกเดินออกมา เสียงรองเท้าส้นสูงเหยียบลงบนพื้น เสียงดังอย่างทรงพลัง ยืนมองตัวเองในกระจกห้องน้ำ ริมฝีปากแดงของเธอเผยรอยยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว คิดวางแผนอย่างดี ในเมื่อพี่สาวของเธอหึงหวงธีมนต์ขนาดนี้ กลัวว่าจะถูกหญิงอื่นมาแย่งไป นั้น......ก็จัดให้เธอสมใจหน่อยแล้วกัน จัดเสื้อผ้าเล็กน้อย นาราก็ออกจากห้องน้ำ ตามหลังผู้หญิงสองคนนั้นไปห่างๆ สายตามองไปเห็นทั้งสอง เดินขึ้นไปชั้น 2 เธอหยุดเดิน ดวงตาแน่วแน่จับจ้องไปที่ห้องส่วนตัว เผยรอยยิ้มอย่างเยือกเย็น เดินไปหน้าเคาน์เตอร์ขอยืมกระดาษและปากกา ขีดเขียนลงไปไม่ถึง 1 นาที มองดูบนกระดาษอย่างพอใจ ดักเรียกบริกรที่เดินอยู่ไว้ “คุณผู้หญิง มีอะไรให้รับใช้ครับ” หยิบธนบัตรแบงค์ 100 ออกมา 2 ใบ พร้อมกับส่งกระดาษให้บริกร “สุดหล่อรบกวนเอากระดาษใบนี้ไปให้คุณธีมนต์ และนี่คือรางวัลตอบแทนของนาย” สีหน้าบริกรสว่างขึ้น รับเอาธนบัตรพร้อมกระดาษอย่างตื่นเต้นดีใจ “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะเอาไปส่งให้เดี๋ยวนี้เลย” เธอมองลึกเข้าไปในห้องส่วนตัวชั้น 2 บิดสะเอวเดินจากไป ทิ้งไว้แค่ภาพความสง่างามของเธอ ………………. “คุณธีมนต์ครับ คุณผู้หญิงท่านนึงฝากนี่มาให้คุณครับ”มีเงินจะทำอะไรก็ง่าย นาราเดินออกไปได้สักพัก บริกรก็เดินไปยังที่นั่งวีไอพีชั้นสอง เอากระดาษที่พับไว้ส่งให้ธีมนต์ ธีมนต์รับแล้วเปิดออก สายตามองดูอย่างละเอียด ดอกป๊อปปี้ด้านบนแม้จะร่างด้วยปากกา รอยวาดที่ดูมีชีวิตชีวา มองแวบเดียวธีมนต์ก็ดูออกแล้วว่าคนที่วาดเป็นใคร ป๊อปปี้ ดอกป๊อปปี้ นารา! เขาหยิบชุดสูทแล้วลุกขึ้น จรรย์ธรมองเห็นเขาเดินออกไป ตะโกนเรียก “ธีร์ คุณจะไปไหนคะ”? ธีมนต์ไม่สนใจ คำพูดของเธอ หันหลังให้เพื่อนรักทั้งสองคนแล้วเดินออกไป “เกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้มันมีปฏิกิริยาตอบสนองได้มากถึงขนาดนี้” ทัศสัยมองหลังธีมนต์ที่เดินออกไป ย้อนถาม “ฉันเห็นอยู่แวบนึง คล้ายกับภาพวาดดอกป๊อปปี้”! lสายตานรัตน์ยิ้มอย่างมีเลศนัย มันต้องมีเรื่องสนุกๆอะไรแน่? “ดอกป๊อปปี้ เป็นตัวแทนของผู้หญิงแบบไหนกัน?”ทัศสัยก็ไม่ได้แคร์จรรย์ธรที่นั่งอยู่ตรงนี้ ถกเถียงกับนรัตน์ สองสาวมองจ้องมองหน้ากัน แต่ด้วยความฉลาดเลือกที่จะเงียบไม่ออกเสียง สถานการณ์ตอนนี้จรรย์ธรนั่งอยู่ด้วยความอึดอัด ทนนั่งต่อไม่ไหว ฝืนยิ้มมุมปาก พูดทักทาย 2-3 คำ แล้วเดินตามเขาออกไป แต่สายไปแล้ว มองไปรอบทั้งในที่มืดที่สว่าง ก็มองไม่เห็นเงาของธีมนต์แล้ว เธอกระทืบเท้าด้วยความโกรธเคือง หรี่สายตาอย่างเกลียดชัง ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนไหนที่อยากลองดีกล้าแย่งผู้ชายของเธอ?
已经是最新一章了
加载中