ตอนที่ 9 ชอบเล่นละคร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 9 ชอบเล่นละคร
ตอนที่ 9 ชอบเล่นละคร วันต่อมา ดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่าง ชีวิตวุ่นวายของผู้คนในเมืองถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ธีมนต์ เดินทางมาที่อาคารเอลล่าด้วยตัวเอง ยืนอยู่ที่ชั้น 9 หน้าประตูสำนักงานทนายความ เงยหน้ามองตัวที่อักษรตัวใหญ่ที่ติดอยู่ตรงกลาง สำนักงานกฎหมายยุติธรรม ดึงความมืดออกมาภายใต้ดวงตา ก้าวเท้าเดินเข้าไป รูปร่างที่สูงใหญ่ดึงดูดสายตาผู้คนให้หันไปมอง เอมมี่ พนักงานต้อนรับหน้าเคาน์เตอร์ สายตาแหลมคมมองเห็น ธีมนต์ เลิกคิ้วด้วยท่าทางงุนงง ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีแบบเธอ ไม่ลืมที่จะรีบเข้าไปตรงหน้า ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม สอบถามอย่างสุภาพ “คุณธีมนต์ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ?” “คุณทนายนารา อยู่ไหม?” ธีมนต์ถามเสียงนิ่ง ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย “อยู่ค่ะ เชิญตามฉันมาทางนี้เลยค่ะ” ร่างสูงใหญ่ดูมีสง่าเดินเข้าไปในห้องโถงสำนักงาน “ผู้บุกรุก” ที่มีท่าทางทะนงองอาจ ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบภายในห้อง ดึงดูดผู้คนให้หายใจไม่ทั่วท้อง แต่ขณะเดียวกันก็จับจ้องด้วยความมีมารยาท สายตามองเขาที่เดินไปทางห้องคุณทนายนารา ค่อยค่อยพูดออกมา “นั่นคุณธีมนต์ไม่ใช่เหรอ?” “ใช่ เป็นเขาจริงๆ แล้วเขามาทำอะไรที่นี่?” คุณทนายนาราทำให้เขาแพ้คดีต้องชดให้ด้วยเงิน 300 ล้าน คงไม่ได้มาหาเรื่องทนายนาราหรอกนะ?” ในขณะที่ทุกคนคาดเดาอย่างเป็นกังวล ธีมนต์ก็เดินตามเอมมี่มาถึงห้องทำงานของนารา นาราไม่ประหลาดใจที่เห็นเขามาที่นี่ ระหว่างที่ เอมมี่เดินออกไป เธอก็แสร้งทำท่าทีตกใจ “ชดใช้เงินไปแค่ 300 ล้านหยวน คงไม่ทำให้คุณธีมนต์ต้องมาออกโรงมาที่ด้วยตัวเองหรอกนะ?” ธีมนต์เดินเข้าไปหาเธอ ใช้ท่าทีที่เย่อหยิ่งจ้องมองเธอ ถามกลับ “ทำไมคุณถึงไม่รู้ว่าผมมาที่ด้วยเรื่องอะไร?” เขากรอกตามองเล็กน้อย นาราส่ายหัว “ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าคุณธีมนต์ข้องใจเรื่องเงินค่าชดเชย เงินเล็กน้อยแค่ 300 ล้านหยวน จนทำให้คุณต้องมาด้วยตัวเอง เรื่องเล็กแบบนี้ให้ที่ปรึกษาทนายเป็นคนจัดการก็ได้ค่ะ” ธีมนต์ขี้เกียจพูดเรื่องไร้สาระกับเธอ หยิบเอากระดาษเอ 5 แผ่นเมื่อคืนออกมา ภาพบนกระดาษถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี ไม่มีรอยยับ ตรงกลางมีแค่รอยแยกของการพับ เขาชี้ไปที่รูปภาพ ซักถาม “นี่มันหมายความว่าอะไร” เมื่อคืนดึงให้เขาออกมา จงใจหลบไม่ให้เขาหาเจอ จะเล่นซ่อนหากับเขาหรือยังไง? นาราก้มดูอย่างละเอียด ตอบอย่างงุนงง “สิ่งคงน่าจะเป็นดอกไม้มั้งคะ?” “นารา จนถึงตอนนี้แล้วคุณยังจะเสแสร้งอีก?”ธีมนต์มองใบหน้าเบิกบานและสงบนิ่งของเธอ อยากจะเข้าไปฉีกดึงมันออก สายตาที่สวยงามของนาราจ้องมองเขา พยักหน้าเบาๆ “อ่อ ฉันเข้าใจแล้ว แท้จริงแล้วคุณธีร์ไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องเงิน แต่มาเพื่อถกเถียงกับฉันเรื่องดอกไม้ดอกนี้ ......จากที่ฉันดูภาพดอกไม้วาดได้ไม่เลวนะ แต่ไม่รู้ว่าสาวน้อยคนไหนบอกความรู้สึกให้คุณธีร์โดยผ่านทางรูปภาพ” “งั้นคุณสนใจที่จะมาเป็นสาวน้อยของผมไหม?” ธีมนต์กระพริบหางตาเล็กน้อย เธอชอบเล่นละคร เขาก็จะเล่นเป็นเพื่อนเธอให้ถึงที่สุด “ฮ่า ฮ่า” ราวกับว่านาราได้ฟังเรื่องตลก หลุดขำออกมาอย่างหนัก “ที่นี่เป็นสำนักงานทนายความ เป็นสถานที่ทำงานของฉัน ถ้าหากคุณอยากคุยเรื่องส่วนตัวกับฉันละก็ งั้นก็รอฉันเลิกงานแล้ว พวกเรานัดเวลา.......แล้วค่อยค่อยคุยกัน” “โอเค ผมจะรอคุณ นั้นเรามาคุยเรื่องงานกันดีกว่า ” ธีมนต์นั่งลงบนเก้าอี้ตรงหน้าเธอ พูดด้วยท่าทีที่จริงจัง “ผมในนามผู้บริหารของ เอส ที กรุ๊ป เชิญคุณเข้าร่วมทีม เอส ที กรุ๊ป รับผิดชอบในตำแหน่งที่ปรึกษาทนายความ!” “ที่ปรึกษาทนายความ” นาราแสร้งทำสงสัย ยกยิ้มอย่างเย็นชา “ฉันเป็นคนทำให้ เอส ที กรุ๊ป ต้องสูญเสียเงิน 300 ล้านหยวน แต่คุณกลับมาเชิญชวนให้ฉันไปเป็นที่ปรึกษาทนาย ฉันควรจะพูดว่าคุณยังรู้สึกอาลัยอาวรณ์ หรือว่าควรจะพูดว่าคุณไม่สบายใจที่ต้องเสียผลประโยชน์ให้คนที่คนอ่อนแอกว่า” เธอพูดจาอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่กลัวเสียหน้า “คุณจะคิดยังไงก็ช่าง เงินเดือนสวัสดิการแล้วแต่คุณจะต้องการ!” ธีมนต์จ้องมองหน้าเธอ ใช้สิทธิผลและประโยชน์ชักจูงเธอ “ขอบคุณมากนะคะ คุณธีร์ที่ให้เกียรติฉัน แต่ฉัน.... ไม่ รับ ข้อ เสนอ ฉันต้องทำงาน เชิญคุณธีร์กลับไปเถอะค่ะ” เธอลุกขึ้นยืน เดินตรงไปที่หน้าประตู เปิดประตูออกโน้มตัวลงเล็กน้อย เชิญให้เขาออกไป น่าสนใจ! ธีมนต์ ยิ้มอย่างใจเย็น ไม่รอช้า เดินเข้าไปใกล้เธอ ทั้งสองคนจ้องมองหน้ากัน เขาพบว่าดวงตาที่สงบนิ่งของเธอ ไม่แสดงถึงความรู้สึกใดใดแม่แต่น้อย พิสูจน์ได้แล้วว่าเธอไม่เคยเอาเรื่องของตัวเองไปไว้ในใจ เขาหยุดนิ่ง พูดด้วยความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ “พวกเราจะได้เจอกันเร็วๆนี้” นาราตอบกลับเขาไปอย่างน่าสนใจ “จะรอค่ะ หรือบางทีครั้งหน้า ฉันอาจจะทำให้บริษัทของคุณต้องสูญเสียมากกว่า 300 ล้านหยวนก็ได้!” ธีมนต์ไม่มีท่าทีโกรธเคืองแต่กลับยิ้ม พยักหน้า เวลายังอีกยาวไกล! ในขณะเดียวกัน มีผู้หญิงสวมชุดสีดำทั้งตัวเดินเข้ามา ขณะที่เธอเดินมาเห็นว่าตรงหน้าเป็นธีมนต์ ด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง สายตาลุกวาวจ้องมองอย่างชื่นชม จับจ้องไปที่ร่ากายเขา อย่างไม่ละสายตา ธีมนต์เดินออกจากประตูไป สีหน้าก็กลับมาเย็นชาตามเดิม ริมฝีปากยกยิ้มอ่อนๆ ดูดีอีกทั้งยังทำให้รู้สึกถึงความเกรงขาม นาราสังเกตเห็นผู้หญิงตรงหน้า แค่ 3 วินาที สำรวจเธออย่างละเอียดรอบคอบ กระโปรงยาวสีดำ เข้ากับร่างกายที่สมส่วนของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ รองเท้าส้นสูงสีดำคลับ ผมยาวเป็นประกายเงางาม ชุดสีดำทั้งตัว ยกเว้น กระเป๋าหนังแท้รุ่น Queen Margaret สีน้ำผึ้งโดดเด่นไม่เหมือนใคร ตกแต่งด้วยลูกปัดแก้วและคริสตัลหลากสี ตัดกับชุดขาวดำได้อย่างมีสีสัน ดวงตาที่เล็กมาก หางตาแหลมคม เข้ากับใบหน้าของเธอ ได้อย่างไม่มีที่ติ กลับทำให้ผู้คนที่มองผ่านไปจำได้ไม่ลืม มองเห็นเธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ นาราไม่สนใจเธอ กลับไปนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ปนิดา เรียกสติกลับมาได้ พยายามมองดูธีมนต์อีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นแม้เงาของเขาแล้ว ล็อคดวงตาไว้ที่เหยื่อเสี้ยววินาที ขณะที่เธอมองไปทางนารา แววตาก็เปลี่ยนเป็นเย่อหยิ่ง เธอไม่เคาะประตู สายตามองตรงไปที่นารา “คุณคือผู้หญิงที่ทำให้ เอส ที กรุ๊ป แพ้คดีและยังต้องชดใช้ 300 ล้านหยวนใช่ไหม?” นารายิ้ม ใช้สายตาระดับเดียวกันจ้องมองเธออย่างเหยียดหยาม “คุณเป็นใคร” สีหน้าที่หยิ่งยโสของเธอบ่งบอกได้ว่า แล้วทำไมฉันต้องบอกเธอด้วย ท่าทางของเธอ ทำให้ปณิดาตกตะลึงเล็กน้อย นึกขึ้นได้ถึงจุดมุ่งหมายการมาของตัวเอง ปล่อยวางท่าที กล่าว “ฉันชื่อ ปณิดา ฉันต้องการให้คุณรับหน้าที่เป็นทนายให้กับฉัน ทำให้ฉันชนะการฟ้องคดี!” ปณิดา! นาราใช้สมองอันรวดเร็วประมวลข้อมูลแม่ม่ายยาพิษ เธอจำได้ตอนที่นัดคุยกับลูกค้า มีผู้หญิงคนนึงชื่อปณิดา ปณิดา อายุ 32 ปี มีชื่อโด่งดังในเมืองกีธูร์น แต่ก็มีชื่อเสียงในแวดวง “แม่ม่ายมีพิษ” ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อเอาชีวิตสามี เธอเคยแต่งงานมาแล้ว 4 ครั้ง ทุกครั้งใช้เวลานานมากสุด 2 ปี น้อยสุดก็ครึ่งปี สามีล้วนแล้วแต่ประสบอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต ทุกคนล้วนพูดเป็นเสียงด้วยกันว่า รูปร่างแบบเธอ เกิดมาเพื่อเอาชีวิตสามี จนได้สมญานามว่า วง “แม่ม่ายยาพิษ” นาราทบทวนข้อมูลที่บันทึกไว้ ปณิดาเพิ่งได้รับมรดกจากสามีคนที่ 3 ของเธอเมื่อปีที่แล้ว ปลายปีก็แต่งงานกับสามีคนที่ 4 แต่งงานได้เพียงครึ่งปี ก็เป็นเหมือนที่ผ่านมา สามีคนที่ 4 ของเธอเสียชีวิตอีกแล้ว สำหรับสาเหตุการตาย ในข้อมูลเขียนสรุปว่า นอนเปลือยกายเสียชีวิตอยู่บนเตียงอย่างแปลกประหลาด ลมหนาวพัดเข้ามากระทบเข้ากับกระดูกสันหลังของเธอ ดวงตามองกลับไปที่ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าของเธอ สวมชุดสีดำทั้งตัวดูแล้วหม่นหมอง เธอไม่เชื่อคำพูดที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรม ดึงความคิดกลับมา เปิดไฟล์เอกสาร พูด “คุณปณิดาถ้าคุณอยากปรึกษาเรื่องการฟ้องร้องคดี เชิญคุณก็เข้ามา ฉันไม่ชินกับการที่ต้องแหงนหน้าคุยกับคนอื่น” ประโยคสุดท้ายที่หลุดพูดออกมา นาราถึงกับแปลกใจ เธอใช้คำพูดของธีมนต์ที่เคยใช้พูดกับเธอ เอามารับมือกับคนอื่น? ปณิดาที่เห็นว่าเธอไม่ยกยอตัวเองเหมือนคนอื่น ก็ยิ่งนับถือความกล้าหาญของเธอ กักเก็บสายตาเล็กน้อย เดินเข้าไปนั่ง
已经是最新一章了
加载中