ตอนที่5 ตัดสินใจ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่5 ตัดสินใจ
เช้าวันถัดมาหินตื่นขึ้นมาพลางอาบน้ำแต่งตัว ก่อนที่จะเข้าห้องครัวหาอะไรรับประทานเหมือนเดิม “ ลืมไปว่าอาหารหมดแล้ว เดี๋ยวไปหากินข้างนอกเอาแล้วกัน” หินนึกขึ้นได้เมื่อเปิดตู้เย็นไปแล้วพบกับความว่างเปล่า “ เดวิด อัพเดทข้อมูลเกี่ยวกับ NewA และ Andria OS ซิ ” หินเอ่ยขึ้น “ ครับดอกเตอร์ หลังจากอัพโหลดข้อมูลลงไปบนโลกออนไลน์ ก็ได้สร้างความวุ่นวายอยู่พอสมควรครับ ที่สำคัญระบบ Andria OS ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม คาดว่าอีกไม่นานน่าจะได้รับความนิยมไปทั่วโลกครับ ส่วนภาษาเนว่า..” “แปบนะ เมื่อกี๊พูดว่าอะไรนะ” หินคิดว่าอาจจะเป็นเพราะยังสะลึมสะลือเลยได้ยินไม่ชัด “เอ่อ ภาษาเนว่า ครับดอกเตอร์” เสียงของเดวิดดังขึ้น “ทำไมมันกลายเป็นเนว่าไปซะหล่ะ ฉันก็เขียนตัว A พิมพ์ใหญ่ไปอยูู่นี่” หินถามขึ้นด้วยความงุนงง “ก็ดอกเตอร์เขียนติดกันคนอื่นเลยเข้าใจว่ามันอ่านว่าเนว่าหนะครับ” “แล้วทำไมไม่เตือนฉัน” หินถามขึ้น “ผมเห็นว่ามันดูเท่ดีเลยไม่ได้ห้ามครับ” เดวิดตอบกลับมา หิน “...” เดวิด “...” ตอนนี้หินรู้สึกว่าอย่างพูดอะไรซักอย่าง แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไร “เอ่อ จริงๆแล้วยังมีอีกเรื่องครับ หลังจากที่ระบบ Andria OS ถูกเผยแพร่ออกไปก็ ถูก Hacker หลายๆคนพยายามเจาะระบบเข้ามาเพื่อที่จะสืบหาที่มาของระบบครับ” “แล้วสถานการณ์เป็นยังไงบ้างตอนนี้” หินเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจ “เหมือนเอาเส้นผมมาขูดไทเทเนี่ยมครับ” เสียงเดวิดดังขึ้น หิน “...” เดวิด “...” เพื่อ เพื่ออะไร แล้วจะมาบอกทำไม ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีใครบางคนมาขายของให้ผม พอผมสนใจ คนขายก็บอกว่า ลืมไปว่าของหมด อันที่จริงผมผิดเองที่ไปคาดหวังอะไรกับไอ AI ปัญญานิ่มนี้ และเหมือนเดวิดจะรู้สึกได้เช่นกันว่าหินกำลังโมโหจึงรีบเอ่ยขึ้นมา “มันเป็นมุขครับดอกเตอร์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมว่าผมไปตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนดีกว่า” ว่าแล้วเดวิดก็เชื่อมต่อตัวเองออกไป ด้วยเหตุนี้หินจึงออกไปหาอะไรกินด้วยความไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง แต่คิดแล้วคิดอีกก็ยังอดทึ่งกับแผนก AI ไม่ได้ที่สามารถสร้าง AI ที่มีความรู้สึกได้ขนาดนี้ มีอยู่ไม่กี่แผนกเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกนับถือจากใจจริงๆ วันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม หินก็ยังคงไปร้านหนังสือและใช้เวลาทั้งวันอยู่ในนั้น พอตกเย็นก็แวะไปทานข้าวเย็นที่ร้านโจ๊กร้านเดิม ตอนที่หินกำลังเดินมาที่ร้านนั้น หินก็มองเห็นเด็กคนนั้นมาแต่ไกลๆแล้ว ซึ่งเด็กคนนั้นเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ หรือรอคอยคนบางคนบน นานมากแล้วนะที่ไม่มีใครรอคอยเขา นั่นจึงทำให้หินยิ้มขึ้นพลางเดินเข้าไปหาเด็กคนนั้นทันที แต่เหมือนว่าเด็กคนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ หินได้เดินอย่างอยู่ด้านหลังแล้ว “ รอฉันอยู่เหรอ ” หินถามขึ้น เด็กคนนั้นมีท่าทีตกใจเมื่อได้ยินเสียงคนจากด้านหลัง จึงรีบหันกลับมาแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นอย่างเคย แต่ถึงอย่างนั้นหินก็สัมผัสได้ว่าเด็กคนนี้กำลังรู้สึกดีใจที่ได้พบกับหินอีกครั้ง “ มาสิ ไปกินโจ๊กกัน ” หินเอ่ยชวนขึ้นก่อนจะเดินนำไปร้านโดยที่มีเด็กคนนั้นเดินตามเข้ามา เมือหินเข้ามาในร้านก็เจอกับผู้หญิงคนเมื่อวานนั่งอยู่ที่เดิมและเธอยังคงใส่หมวดและแว่นตาดำอันใหญ่เตอะของเธออย่างเดิม สงสัยเธอคงทำงานแถวนี้มั้ง หินคิดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจก่อนที่จะหันไปสั่งโจ๊กกับเถ้าแก่ “เถ้าแก่ โจ๊กหมูไส่ไข่ 2 ที่” แต่วันนี้คนเยอะกว่าเมื่อวานมาก เมื่อวานมีแค่โต๊ะผมกับโต๊ะผู้หญิงคนนั้น แต่วันนี้มีเพิ่มขึ้นมาอีกสองสามโต๊ะ “ อี๋ ดูสิทำไม เถ้าแก่ถึงปล่อยให้ไอเด็กเร่ร่อนคนนั้นเข้ามานั่งในร้านได้ สกปรกไปหมด” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น “ ไอเด็กขอทานนี่สกปรกจริงๆ เห็นละกินไม่ลง เถ้าแก่เก็บตัง ” เสียงผู้ชายอีกโต๊ะดังขึ้นก่อนที่เถ้าแก่จะมาเก็บตังและชายคนนั้นก็เดินออกจากร้านไป จริงๆแล้วเถ้าแก่ของร้านก็ได้ยินทุกอย่างที่ลูกค้าพูดขึ้น แต่กลับเลือกที่จะไม่สนใจ ตั้งแต่ต้นจนจบหินก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองไปที่เด็กคนนั้น เด็กคนนั้นเพียงแค่กำมือแน่นด้วยความอดทน แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาและพยายามทานโจ๊กด้วยความเร็วกว่าเดิม ‘อดทนไว้ไอหนู ฉันสัญญาว่าเธอจะต้องไม่ผิดหวัง’ หินคิดขึ้นในใจเพราะเขารู้ว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กที่ดีมากๆคนหนึ่ง หลายวันผ่านไปกิจวัตรประจำวันช่วงนี้ของหินก็คือการไปร้านหนังสือตั้งแต่เช้าและแวะร้านโจ๊กร้านเดิมในตอนเย็น ซึ่งหลายวันที่ผ่านมานี้มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไปแต่มีอยู่บางอย่างที่ไม่เปลี่ยนเลยคือ เด็กคนเดิมที่ผมพาเข้าร้านและผู้หญิงลึกลับที่นั่งโต๊ะเดิมของเธอพร้อมแฟร์ชั่นสุดห่วย หลายครั้งที่มีการช่วยเหลือเด็กเร่ร่อน แล้วถูกเด็กเร่ร่อนเหล่านั้นตามคอยรังควานเหมือนต้องการความช่วยเหลือประหนึ่งไม่รู้จบ ทำให้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเมินเฉยต่อเด็กเหล่านี้ แต่ว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่หินได้เจอกับเด็กคนนี้ก็รับรู้เลยว่าเด็กคนนี้นั่นพิเศษ วันแรกที่เจอกันหลังจากที่เขาช่วยให้เด็กคนนี้ได้อิ่มไปอีกมื้อหนึ่ง เด็กคนนี้กลับไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเลยแต่กลับเลือกที่จะเดินจากไปเพราะไม่ต้องการทำให้ตัวเองเป็นภาระของเขา หลายวันที่ผ่านมาแม้จะถูกผู้คนรอบข้างคอยดูถูกแต่เด็กคนนี้กลับทำเพียงแค่อดทนเท่านั้น ทำให้ผมได้ตัดสินใจบางอย่าง วันนี้ก็เช่นเคยหินกำลังนั่งทานโจ๊กกับเด็กคนเดิม แต่วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่หินจะมานั่งทานที่นี่ เพราะอีกสองวันหลังจากที่หินสอบเสร็จก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องผ่านเส้นทางเส้นนี้อีกนี้อีก “ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วนะที่ฉันจะมาที่นี่ ” หินเอ่ยขึ้น ทำให้เด็กคนนั้นที่กำลังทานโจ๊กอยู่หยุดชะงักทันทีก่อนที่จะวางช้อนลงและนั่งนิ่ง “ มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่า ” หินถามขึ้นมา เด็กคนนั้นไม่ได้ตอบอะไรกลับมานอกจากความนิ่งเงียบ หินจึงทำท่าจะลุกจากไป “ ผมไม่ใช่ขอทาน” ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นในรอบ 5 วันที่ผ่านมา ผมจึงกลับไปนั่งที่เดิมเพื่อรอฟังว่าเด็กคนนี้จะพูดอะไรต่อ “ครอบครัวของผมมีฐานะยากจน พอพ่อแม่ผมตายไปบ้านก็ถูกยึด ผมไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนอีก ไม่นานหลังจากนั้นเงินเก็บที่มีอยู่ก็หมด ผมพยายามที่จะหางานทำแต่กลับถูกปฏิเสธ ไม่มีใครรับเด็กอายุแค่นี้เข้าทำงาน ” น้ำเสียงของเด็กคนนี้เริ่มสั่นเครือ “เวลาที่ผมหิวมากๆ ผมก็ดื่มน้ำจากก็อกประทังชีวิต บางครั้งก็ไปคุ้ยขยะหาเศษอาหารที่ถังขยะตามร้านอาหารกิน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็โดนไล่ตีเหมือนหมูเหมือนหมา ผมไม่เคยขโมยของของใคร ผมไม่เคยใครขอใครกิน ผมแค่ขอทำงานแลกอาหารก็ได้ แต่ไม่มีใครช่วยผมเลย ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิด ผมพยายามแล้วจริงๆ ผมพยายามแล้ว” เด็กคนนี้พูดระบายด้วยน้ำเสียงตัดพ้อพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มลงมาดั่งสายน้ำ หินก็ไม่รู้หรอกว่าเด็กคนนี้ตัดพ้อต่อตัวเองหรือตัดพ้อต่อโชคชะตา แต่มีสิ่งหนึ่งที่หินรู้นั่นคือ นี่คงจะเป็นความในใจ สิ่งที่เด็กคนนี้ได้พบเจอในช่วงที่เลวร้ายของชีวิต แต่ต้องคอยอดทนอดกลั้นและพยายามมีชีวิตรอด อดทนต่อการถูกดูถูก การถูกทำร้าย ความหิวโหย ‘เธออดทนมาพอแล้วเจ้าหนู ฉันบอกแล้วไงว่าซักวันหนึ่งมันจะเป็นวันของเธอและวันนี้มาถึงแล้ว’ “เช็ดน้ำตาซะสิ เป็นผู้ชายอย่าร้องไห้ให้คนอื่นเห็นง่ายๆ” ผมเอ่ยขึ้นพลางหยิบทิชชูให้เด็กคนนั้น ครั้งนี้ผมเดินไปจ่ายตังที่เถ้าแก่เอง ผมแอบสังเกตุเห็นว่า ผู้หญิงลึกลับคนนั้นเหมือนจะใช้ทิชชู่ซับน้ำตา และเถ้าแก่ของร้านดูเหมือนจะขอบตาชื้้นแดงๆเหมือนคนพึ่งร้องไห้มา “ไม่ต้องทอนนะเถ้าแก่” ผมควักแบ้งค์ 500 ออกมา ซึ่งมันเกินราคาข้าวต้มสี่ถ้วยไปมากโข เงินทอนที่เกินมาผมให้แกเป็นค่าทิปจากนั้นผมจึงเดินไปที่หน้าร้าน “ทำอะไรอยู่ ไอหนู” หินพูดขึ้น เด็กคนนั้นจึงหันมามองที่หินด้วยแววตาสงสัย พร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนน้ำหูน้ำตาและดวงตาที่บวมเปล่ง ที่จริงสภาพที่หินเห็นก็เกือบทำให้หินหลุดขำ จากนั้นหินจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “กลับบ้านกัน”
已经是最新一章了
加载中