บทที่ 14 รักที่เอื้อมไม่ถึง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 14 รักที่เอื้อมไม่ถึง
พิมลภัสว์ปลอบมารดา เธอไม่แปลกใจนักที่ชุลภัสว์จะทำตัวล่องหนเป็นนินจา ด้วยหน้าที่การงานทำให้พี่ชายของเธอ ต้องถูกกักตัวอยู่ที่นาซ่าอยู่บ่อย ๆ แต่ภาวนาอาจจะไม่เข้าใจ “ถ้าอย่างนั้นแม่ก็สบายใจ...ว่าแต่พิมล่ะลูก ได้เจอคุณหมอบ้างหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเขาไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่ลูกสอนอยู่มิใช่หรือ?” คุณอุ่นเรือนวกกลับมาให้ความสนใจลูกสาวบ้าง หลังคลายความกังวลใจในเรื่องของลูกชาย “เอ่อ..ก็เจอกันบ้างน่ะค่ะ” พิมลภัสว์ปดมารดา ไม่กล้าบอกว่าเขาอยู่ใกล้แค่ปลายจมูกนี่เอง “รู้สึกว่าเขาจะลงเรียนวิชาประวัติศาสตร์ที่พิมสอนอยู่ด้วยเหมือนกันค่ะ แต่พิมเคยได้ยินคุณหญิงป้าพูดว่า คุณหมอจะมาเรียนด้านบริหารเพื่อกลับไปดูแลโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอคะ” คุณหญิงป้าที่พิมลภัสว์กล่าวถึง ก็คือคุณหญิงปานเทพ มารดาของปาณวัตรนั่นเอง “ข่าวลวงแท้ ๆ เชียว คุณหมอน่ะจบบริหารที่ลอนดอนมาหลายปีแล้วจ้ะ ที่เขาต้องไปอังกฤษกระทันหันน่ะ ก็เพราะอกหักจากหนูนานี่แหละ ที่ไปอยู่ที่โน่นก็คงจะหลบเลียแผลใจนั่นล่ะ ได้ยินคุณหญิงเกริ่น ๆ ว่าอีกไม่นานก็คงจะกลับเมืองไทย” พิมลภัสว์กำโทรศัพท์แน่น มารดาของเธอนี่มีเรื่องทำให้ตกใจอยู่เสมอ เขามาอังกฤษก็เพื่อทำใจเท่านั้นเองหรือ? แล้วคำว่าอีกไม่นาน..นั้น มันจะมาถึงเมื่อไหร่ “พิม..ฟังอยู่หรือเปล่าลูก..” คุณอุ่นเรือนเอะใจที่บุตรสาวเงียบลงกะทันหันจนนึกว่าวางสายไปแล้ว จนกระทั่งพิมลภัสว์รับคำหงอย ๆ ท่านจึงพูดต่อ “น่าเสียดายนะ คุณหญิงน่ะอยากได้พิมเป็นลูกสะใภ้ เคยโทรไปคุยกับคุณหมอหลายครั้ง ลูกชายก็บ่ายเบี่ยงท่าเดียว อ้างว่าจำพิมไม่ได้” ประโยคหลังพิมลภัสว์เห็นด้วย เพราะช่วงที่อยู่เมืองไทยนั้น ปาณวัตรทำเหมือนเธอเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ต้องหายใจทิ้ง ลมหายใจของเขาสูดแต่ชื่อภาวนาเข้าไปจนเต็มปอด ดูสิ เธอยังไม่ทันสารภาพรักเลย ก็ถูกปฏิเสธโดยไม่รู้ตัวซะแล้ว “คุณหญิงเองก็ถอดใจเรื่องของพิม เห็นว่าตอนนี้เตรียมลูกสะใภ้ไว้ให้คุณหมอเรียบร้อยแล้ว กลับเมืองไทยเมื่อไหร่ก็จะจับลูกชายแต่งงานให้มันจบ ๆ ไปเสียที!” กรุงเทพมหานคร หญิงสาวผมซอยสั้นร่างเล็กทยอยคว่ำภาพถ่ายแห่งความทรงจำทุกภาพในบ้านให้พ้นจากสายตา รวมทั้งภาพที่หล่อนสวมชุดเจ้าสาวตัวสวยเมื่อหลายเดือนก่อนนั้นด้วย ก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางใบโตมาเปิดอ้าไว้ แล้วดึงเสื้อผ้าแบรนด์เนมสุดหรูหลายตัวออกจากไม้แขวน ยัดรวม ๆกันไว้อย่างไม่ใยดี ไม่เว้นแม้แต่ถุงเท้าและรองเท้าหนังจระเข้ลุ่มน้ำอะเมซอนที่หล่อนต้องคอยนั่งขัดให้มันเงาวาววามทุกเช้า “นี่แน่ะๆๆๆๆ..” หล่อนรูดซิปกระเป๋าอย่างทุลักทุเล แล้วทุบหลาย ๆ ครั้งอย่างแค้นใจ เมื่อนึกถึงหน้าหล่อ ๆ ของเจ้าของกระเป๋า “ไปแล้วให้ไปลับไม่ต้องกลับมาเลยนะคนบ้า!” หญิงสาวลากกระเป๋ามาที่ประตู ผ่านระเบียงบ้าน สวนกุหลาบ ไปหยุดอยู่หน้าปากซอย พยายามจะยัดกระเป๋าลงในถังขยะแต่ก็ยัดไม่ลง จึงเปลี่ยนใจทิ้งมันไว้ข้าง ๆ เสาไฟฟ้าแทน เธอดึงแหวนออกจากนิ้ว ลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะทิ้งมันไปด้วยดีหรือไม่ สุดท้ายก็สวมไว้ตามเดิม แล้วเดินกลับมาที่บ้าน ไม่ลืมปิดประตูให้เรียบร้อย มองปฏิทินที่แขวนไว้บนฝาผนัง นิ้วเรียวชี้ไปที่เครื่องหมายกากบาทสีแดงที่เธอเป็นคนขีดไว้เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว บอกวันเวลาที่ชุลภัสว์ต้องเดินทางไปอเมริกา มองเตียงนอนแคบ ๆ ที่ต้องนอนอย่างเดียวดายทุกคืน และนาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มพอดี หล่อนเปิดเน็ตบุ๊ค เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และเข้าโปรแกรมแชทตามที่ได้นัดหมายไว้กับปาณวัตร คืนนี้เขาได้นั่งเรือสำราญสุดหรู ดูระบำหน้าท้องอาหรับราตรี และตั้งใจจะถ่ายทอดสดมาให้ดูโดยเฉพาะ สัญญาณภาพยังไม่มา แต่สัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน เมื่อเห็นว่าต้นสายเป็นของเพื่อนรักเธอก็กดรับโดยเร็ว “ฮัลโหล...อ๊ะ” หญิงสาวขัดใจ เมื่อเปรมสินีวางสายลง “ไอ้พวกนี้นี่...โชว์เบอร์เป็นกิจวัตร” บ่นแล้วก็ต่อสายเข้าไปใหม่ “อยู่คนเดียวหรือยะ...ออกมาไหม..ที่เดิม” เสียงเปรมสินีดังมาตามสาย เดาว่ากำลังอยู่บนแท็กซี่ เพราะได้ยินเสียงวิทยุเล็ดลอดเข้ามาเป็นระยะ ๆ “ที่เดิม” ที่เปรมสินีพูดถึง ก็คือผับที่พากันไปเฮ้วกันประจำ เธอเองว่างเว้นจากมันหลายเดือนนับแต่แต่งงานและเรียนภาคพิเศษ “คืนนี้ไม่ว่าง เชิญพวกแกตามลำบาก” หล่อนตอบสั้น ๆ ตายังมองบนหน้าจอว่าปาณวัตรจะออนไลน์เมื่อไหร่ “โธ่เอ๊ย...ไอ้นา...แกจะจับเจ่านั่งเฝ้าบ้านทำไมวะ แมวไม่อยู่หนูร่าเริงหน่อยดิ ตั้งแต่แกแต่งงานก็ไม่ได้ไปแฮงค์เอาท์กันเลย ผอ.ไม่อยู่ซะด้วย น่านะแกนะออกมาเถอะ” เปรมสินียังคะยั้นคะยอ แต่น้ำเสียงตอนพูดถึง ผอ.ชุลภัสว์นั้นสั่น ๆ พิกล ภาวนาย่นจมูกค่อนขอดเพื่อนในใจว่า ทีวันอื่นไม่เห็นจะโทรชวน เธอขอไปก็ไม่ให้ไปด้วย อ้างว่าชุลภัสว์ห้ามไว้ แต่พอเธอไม่ว่างก็ชอบมาล่อให้ตบะแตกซะนี่ “อย่าพูดถึงอีตา ผอ.เฮงซวยนั่นอีกนะ!” หล่อนทำเสียงเหี้ยม อารมณ์คุกรุ่นขึ้นอีกครั้ง เมื่อเปรมสินีพูดถึงสามี ทั้งที่ลืมไปได้แวบหนึ่ง “อ้อ...แค่นี้ก่อนนะพี่หมอมาแล้ว” ภาวนาตัดสาย ยุติการสนทนา และปิดโทรศัพท์มือถือป้องกันการโทรเซ้าซี้ หันไปสนใจกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งตอนนี้ปาณวัตรทักเข้ามาแล้ว หล่อนเสียบหูฟัง ทันทีที่ภาพบรรยากาศในงานเลี้ยงบนดาดฟ้าเรือครุยส์ปรากฎขึ้นบนหน้าจอ หล่อนก็ตกตะลึงพรึงเพริดจนลืมสิ้นความทุกข์ทั้งปวง เปรมสินีเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถยุโรปป้ายแดงคันโต มีอาทิตย์เป็นคนขับ ใจคอไม่ดีเมื่อแขนยาว ๆ ของคนที่นั่งคู่คนขับด้านหน้าเอื้อมมือไปปิดวิทยุทันทีหลังจากฟังประโยคสุดท้ายจบ “มีใครบอกผมได้บ้าง ว่าไอ้คุณหมอมันกลับมาหาเมียผมตั้งแต่เมื่อไหร่!?” คนที่ตกเป็นจำเลยโดยไม่ทันรู้ตัวกำลังง่วนอยู่กับการจัดวางโน้ตบุ๊คให้ได้ตำแหน่งที่เหมาะที่สุด เขาเลือกนั่งโต๊ะกลางข้างหน้า คนอื่น ๆ เริ่มทยอยกันมาและจับจองที่นั่งบ้างแล้ว แต่ละคนแต่งองค์ทรงเครื่องกันมาเต็มยศ แต่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนั้น โดยเฉพาะมิจิ ที่ดูเหมือนจะตามเขาแจตั้งแต่เมื่อวาน หล่อนคงจะผิดหวังที่เขาสวมเพียงเสื้อยืดคอย้วย กับกางเกงสแล็กเข้ารูปตัวเดียวเท่านั้น “ว่าไงจ๊ะหนูนาของพี่...พร้อมที่จะชมระบำหน้าท้องหรือยังเอ่ย?” เขาก้มหน้าลงยิ้มหวานผ่านเว็บแคม จับได้ว่าภาวนาอยู่ที่บ้านหลังน้อย ดูเหมือนว่าหล่อนจะไม่ได้ตกแต่งอะไรเพิ่มเลย ฉากหลังที่เห็นยังเป็นเตียงเล็ก ๆ ที่เขาเคยคุ้น มีแต่เจ้าของบ้านเท่านั้นที่ดูจะผิดปกติ “ไม่เห็นหน้าท้องใครเลยค่ะ เห็นแต่หน้าพี่หมอเต็มจอเลย เริ่มแล้วเหรอคะ?” “ยังจ้ะ อีกสิบนาที...นาเป็นอะไรหรือเปล่าดูไม่สดใสเลย” เขาถามกลับ แม้จะห่างจากหล่อนหลายเดือน แต่ทุกอณูของหัวใจยังสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของหล่อน แม้ระยะหลังจะไม่มีเวลาฟุ้งซ่านคิดถึงหล่อนเหมือนเก่าเพราะมีเรื่องยุ่ง ๆ ให้จัดการ แต่พอได้เห็นหน้าวันนี้ ใจของเขาก็เหมือนตะกอนที่ถูกกวนขึ้นมาจนขุ่น ไม่คิดอยากจะทำอะไรนอกจากปลอบใจน้องน้อยตรงหน้า ไม่แม้จะเห็นว่าตรงหน้าเขาขณะนี้ เจมส์ แพ็คทิส รูมเมทของเขามายืนบังเวทีอยู่ รวมถึงมิจิที่กำลังนวยนาดเข้ามาด้วยมาดนางพญา พิมลภัสว์ไม่กล้าขยับตัว หล่อนต้องสวมเสื้อยืด จึงต้องรัดหน้าอกให้แน่นเป็นพิเศษ หนวดเคราก็ไม่ได้ติด เพราะถึงแม้หล่อนจะไม่ปลอมตัวเป็นเจมส์ ปาณวัตรก็ไม่มีทางจำหล่อนได้อยู่แล้ว ขนาดว่าหล่อนมายืนบังเวทีอยู่ข้างหน้าเขาแท้ ๆ เขายังไม่รู้สึกตัวเลย
已经是最新一章了
加载中