บทที่ 27 ฉันอยากกินผู้ชายคนนี้   1/    
已经是第一章了
บทที่ 27 ฉันอยากกินผู้ชายคนนี้
สองเพื่อนซี้ใช้การเดินแทนการใช้รถ เพราะบ้านของเจนนิเฟอร์นั้นอยู่ใจกลางเมือง ไม่เหมือนบ้านที่ให้เช่าที่ต้องนั่งรถประจำทางเข้าไป สั่งอาหารได้ไม่นานคุณหญิงปานทิพย์ก็เดินเข้ามาในร้าน หัวใจของเจนนิเฟอร์กระตุกวูบ มิใช่เพราะเห็นคุณหญิงผู้สูงศักดิ์ หากแต่ชายหนุ่มผมยาวที่เดินตามมาด้านหลังและกำลังโปรยยิ้มมานั่นต่างหากที่ทำให้เธอตกอยู่ในอาการตะลึงจังงังตาค้าง โอ พระเจ้า! ในโลกนี้นอกจากเลออน ยังมีเทพบุตรหลงเหลืออยู่อีกหรือนี่ ผู้ชายคนนี้สูงเพรียวและหล่อเซอร์เหลือร้าย ผมยาวหยักศกของเขาถูกมัดรวบไว้ลวกๆ วงหน้ายาวสะอาดสะอ้านมีเคราขึ้นบางๆ ดวงตาขี้เล่น จมูกโด่งกับริมฝีปากเหยียดตรงน่าจุมพิต เสื้อยืดแขนยาวคอวีพอดีตัวสีเนื้อ กับกางเกงยีนส์ขาดๆ ทรงเดฟรับกับขายาวๆ ของเขา รองเท้าผ้าใบเก่าๆ แม้จะดูคนละขั้วกับหนุ่มเนี้ยบมาดดุแบบเลออนแบบสุดขั้ว แต่ก็ถูกตาต้องใจเธอยิ่งนัก ฉันอยากกินผู้ชายคนนี้! เจนนิเฟอร์หันไปส่งสัญญาณกับพิมลภัสว์! “สวัสดีครับคุณพิม พบกันอีกแล้วนะครับ” ศิขรินทร์ยื่นมือไปสัมผัสกับมือนุ่มของพิมลภัสว์ตามธรรมเนียม แจกยิ้มพิมพ์ใจเผื่อแผ่ไปยังอีกคนซึ่งกำลังมองเขาอย่างหิวกระหายด้วย “สวัสดีค่ะคุณศิ สวัสดีค่ะคุณป้า นี่เจนนิเฟอร์ เพื่อนของพิมเองค่ะ เป็นบรรณารักษ์อยู่ที่มหาวิทยาลัย” พิมลภัสว์แนะนำเพื่อนสาวที่กำลังทำท่าเคลิ้มฝัน ผิดกับตอนก่อนที่จะออกมาจากบ้านเป็นคนละคน เมื่อสักครู่นี้ยังหมดอาลัยตายอยากเพราะข่าวการมีลูกของชุลภัสว์อยู่เลย เจอผู้ชายหน้าตาดีเข้าหน่อยระริกระรี้ขึ้นมาเชียว เป็นอันว่าเรื่องแผนการที่นัดแนะจะคุยกันต้องระงับไว้ก่อน เพราะมีคนนอกอยู่ด้วย และเจนนิเฟอร์เองก็ไม่มีสมาธิตั้งแต่เห็นร่างสูงของศิขรินทร์ก้าวเข้ามาแล้ว “พอดีศิเขาเพิ่งตรวจงานที่พิพิธภัณฑ์เสร็จ ป้าก็เลยชวนมาทานข้าวด้วยกัน” คุณหญิงกล่าวอย่างอารมณ์ดี ลืมเรื่องเศร้าๆ ของบุตรชายที่โต๊ะอาหารเมื่อเช้าไปชั่วขณะ ราวกับว่าท่านได้เดินออกจากหนทางที่มืดมนเมื่อมาพบกับศิขรินทร์ ที่มีชีวิตสว่างไสว เต็มไปด้วยประกายของความมีชีวิตชีวา ไม่เหมือนมนุษย์น้ำแข็งอย่างปาณวัตร อาหารมื้อนี้อร่อยเป็นพิเศษ เมื่อมีการคุยกันอย่างออกรส ยิ่งมีคนช่างจ้ออย่างเจนนิเฟอร์อยู่ด้วยก็ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความครื้นเครงและเป็นกันเอง คุณหญิงถึงกับแอบคิดในใจว่า หากไม่ติดว่าหมายมั่นปั้นมือจะให้พิมลภัสว์เป็นลูกสะใภ้ให้ได้แล้ว ท่านเองก็แอบเชียร์ศิขรินทร์อยู่เหมือนกัน เพราะดูแล้วสองคนนี้เคมีเข้ากันแบบสุดๆ ซ้ำร้ายปาณวัตรก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตัดใจจากภาวนาได้ง่ายๆ “ฉันควรจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ยิ่งฝืนยิ่งผลักปาณวัตรลงสู่ก้นเหว หนูพิมจะกลายเป็นเหยื่อ ถ้าสองคนนี้ไม่มีวาสนาต่อกันแล้ว ฉันจะกลับไปเคี่ยวเข็ญให้ภาวนารีบๆ มีหลานให้อุ้มเร็วๆ เสียที” คุณหญิงคิดอย่างอ่อนใจ เดิมทีศิขรินทร์อยากให้พิมลภัสว์เป็นนางแบบวีนัสในคอลเล็กชั่นนี้ แต่เขาได้ไอเดียใหม่ที่บรรเจิดกว่านั้นมาก หากให้หล่อนไปนั่งนิ่งเป็นแบบให้ วีนัสของเขาจะขาดซึ่งชีวิตจิตใจ ดังนั้นในการพบกันแต่ละครั้ง เขาจะต้องประทับภาพอารมณ์ต่างๆ ของหล่อนไว้ในความทรงจำให้มากที่สุด วีนัสของเขาจึงจะสมบูรณ์แบบ “นี่เป็นบัตรเข้าชมนิทรรศการ ผมขอเชิญคุณพิมกับคุณเจนนิเฟอร์ด้วยนะครับ” ศิขรินทร์ยื่นบัตรวีไอพีให้หญิงสาวทั้งสอง ไม่มีบัตรสำหรับคุณหญิงเพราะอีกสามวันท่านก็ต้องเดินทางกลับเมืองไทยพร้อมกับน้องสาวของเขาแล้ว “ขอบคุณมากเลยค่ะ มาดามหลุยส์ไม่ได้จัดงานบ่อยๆ พวกเราโชคดีมากทีเดียวที่จะได้สัมผัสงานศิลปะจากศิลปินดังทั่วโลก” พิมลภัสว์ยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม เก็บบัตรวีไอพีไว้ในกระเป๋า มาดามหลุยส์เป็นศิลปินชื่อดังชาวฝรั่งเศส และเดินสายเปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปะไปทั่วโลก แน่นอนว่าในลอนดอนไม่ใช่แห่งสุดท้าย ครั้งล่าสุดที่หญิงสาวมีโอกาสเข้าชมนิทรรศการศิลปะอันวิจิตรตระการตานั้นก็เกือบสิบปีที่แล้ว “ว้าว! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ นี่เราได้สัมผัสศิลปินชื่อดังระดับโลกตัวเป็นๆ แบบใกล้ชิดเลยนะคะ ตอนแรกเจนก็นึกว่าใครที่ไหนที่ใช้ชื่อว่า Sika เจ้าของรูปปั้นคลีโอพัตราที่โด่งดังเมื่อปีที่แล้ว กลายเป็นคุณศินี่เอง” เจนนิเฟอร์กล่าวอย่างชื่นชม เมื่อปีที่แล้วเธอได้มีโอกาสไปชมงานศิลปะที่พิพิธภัณฑ์มาดามหลุยส์ที่กรีซ ไฮไลท์ของงานคือรูปปั้นพระนางคลีโอพัตรา ซึ่งเป็นฝีมือของศิลปินที่ชื่อว่า Sika ถูกประมูลด้วยราคาแพงลิบถึงห้าล้านยูโร เจ้าของผลงานได้นำเงินทั้งหมดบริจาคให้กับยูเอ็นเพื่อนำเงินไปช่วยเหลือชาวเอธิโอเปีย ทำให้ข่าวนี้ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก นิตยสารต่างก็ขอสัมภาษณ์เจ้าของผลงานผู้ซึ่งไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นสักครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาทุกฉบับ ด้วยเหตุผลง่ายๆ คือ “ไม่มีอารมณ์!” เธอยังเคยแอบค่อนขอดอยู่ในใจเลยว่า สงสัยคนที่ชื่อ Sika นี้ คงจะแก่หงำเหงือก หรือชอบทำตัวขวางโลกเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลงานตัวเองในทางอ้อม ไม่คิดว่าจะได้เจอ Sika หรือชื่อจริงอันไพเราะว่า ศิขรินทร์ ตัวจริงเสียงจริง แถมภาพลักษณ์ของเขายังแตกต่างจากที่เคยวาดภาพไว้เสียด้วย เขาไม่ใช่ชายแก่หงำเหงือกหรือคนชอบทำตัวขวางโลกแต่อย่างใด หากแต่เป็นชายหนุ่มรูปงามที่รักในงานศิลปะ มีรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ เป็นผู้ชายเดินดินธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ที่สำคัญน่ากินเป็นที่สุด “รูปปั้นนั้นผมได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือของคุณพิมเลยนะครับ เพราะตัวผมเองไม่เก่งทางด้านประวัติศาสตร์ แต่พอได้อ่านงานเขียนของคุณแล้ว ผมสามารถจินตนาการถึงพระนางคลีโอพัตราได้เป็นฉากๆ เลยล่ะครับ” “แหม เล่นมายอกันเองแบบนี้จะสู้ไปเห็นของจริงได้อย่างไร จริงไหมตาศิ ตอนนี้พ่อศิลปินใหญ่กำลังปั้นประติมากรรมชิ้นเอกอยู่จ้ะ คราวนี้คงโด่งดังไม่แพ้คราวที่แล้วเชียว” คุณหญิงเปิดทางให้พิมลภัสว์ทำความรู้จักกับศิขรินทร์มากขึ้น หญิงสาวควรจะมีทางเลือกให้กับตัวเอง ไม่ใช่เพราะความเจ้ากี้เจ้าการของท่านที่อาจทำให้เธอต้องเสียใจในวันหลังหากปาณวัตรไม่สามารถรักใครได้จริงๆ “โอ้โห! พิมชักอยากจะเห็นเสียแล้วล่ะค่ะ ถึงไม่มีเงินประมูลอย่างน้อยได้เห็นก่อนใครก็ยังดี” “ถ้าคุณพิมกับคุณเจนว่างก็เชิญนะครับ ผมพักอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ใกล้ๆ นี่เอง เผื่อจะช่วยออกไอเดียให้กับงานของผมด้วย” ศิขรินทร์จดแผนที่พร้อมเบอร์โทรศัพท์ของเขาให้กับหญิงสาวแล้วก็ต้องขอตัวออกไปก่อน เพราะยังต้องเก็บรายละเอียดของงานในพิพิธภัณฑ์ช่วงบ่าย โดยไม่ลืมที่จะเป็นเจ้ามือชิงจ่ายค่าอาหารตามวิสัยสุภาพบุรุษที่ดี “โอ๊ย! เพอร์เฟ็กต์สุดๆ ผู้ชายอะไรหล่อเซอร์เท่ระเบิด ฉันชักจะแพ้หนุ่มผมยาวแล้วสิ” เจนนิเฟอร์หันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนสาว ซึ่งหยิกแขนหล่อนกลับมาเบาๆ “เอาพี่ชายฉันไปทิ้งไว้ที่ไหนเสียล่ะ”
已经是最新一章了
加载中