บทที่348 ภรรยาของผมคือคุณจิดาภา

บทที่348 ภรรยาของผมคือคุณจิดาภา "อะไรนะ?" "........" "รีบถ่ายเร็ว! ท่านประธานจิรภาสกำลังโต้กลับเรื่องที่ตระกูลวีรภัทรเมธีออกมาประกาศแล้ว" "ถ้าหากคุณจิดาภาเป็นลูกสาวของตระกูลวีรภัทรเมธีจริง ทำไมทางตระกูลวีรภัทรเมธีถึงได้ออกมาประกาศแบบนั้นล่ะคะ? หรือว่า แม่ของเธอเป็นชู้จริงๆ! ตระกูลวีรภัทรเมธีถูกบีบจนไม่มีทางเลือก ถึงได้ต้องเสียสละคุณจิดาภา แล้วออกมาประกาศแบบนั้น" สื่อต่างๆพากันคาดเดาไปต่างๆนานา รอคอยที่จะให้จิรภาสให้คำตอบที่ถูกต้องและชัดเจนกับพวกเขา "ไม่ว่าแม่ของคุณจิดาภาจะมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับตระกูลวีรภัทรเมธีอย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องของอดีตที่ผ่านมาแล้ว ผมหวังว่าจะไม่เอามาเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับตัวของคุณจิดาภาครับ ในฐานะที่ผมเป็นประธานบริษัทเค.เอฟ และเป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณจิดาภา ผมจะสืบหาตัวคนที่สร้างข่าวลือนี้ให้มารับผิดชอบ หากเมื่อพบตัวแล้ว เขาจะต้องได้รับโทษนั้นอย่างรุนแรง" ภายในห้องประชุมเงียบกริบไม่มีเสียงใดๆ คำพูดของจิรภาสนั้นช่างทำให้รู้สึกถึงความหวาดหวั่นเหลือเกิน และเรื่องที่ทำให้บรรดานักข่าวไม่คาดคิดนั้นอยู่ในช่วงต่อจากนี้ "สุดท้าย....ผมขอเป็นตัวแทนของภรรยาผม คุณจิดาภา ยื่นฟ้องรองตระกูลวีรภัทรเมธี" ขณะที่เขาพูดประโยคนี้ออกมานั้น เขายกมือข้างซ้ายขึ้น ปรากฏให้เห็นแหวนที่ถูกสวมอยู่บนนิ้วนางของเขา! เสียงของเขานั้นยังคงดังก้องไปทั่วทั้งห้องประชุม "ภรรยา?" "ฉันไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหม!" "พวกเขาแต่งงานกันแล้วหรือ?" บรรดานักข่าวราวกับกลายเป็นคนบ้าไปเสียแล้ว หากไม่ใช่บอร์ดี้การ์ดที่คอยควบคุมสถานการณ์อยู่นั้น พวกเขาคงจะพุ่งขึ้นไปบนเวทีเพื่อสัมภาษณ์จิรภาสกันไปแล้ว ข่าวนี้ช่างเป็นข่าวใหญ่มากเหลือเกิน ไม่คิดว่าจิรภาสจะประกาศความสัมพันธ์ของเขากับจิดาภาแบบสามีภรรยาเช่นนี้ออกมา? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะแต่งงานกันแล้ว! “เพื่อชื่อเสียงของตระกูล ตระกูลวีรภัทรเมธีตัดสินใจเลือกทำเช่นนี้ ผมไม่สามารถเข้าใจได้เลย ทั้งๆที่เป็นครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกัน ทำไมถึงพวกเขาถึงไม่ยอมรับ? เรื่องนี้นับว่าเป็นการทำร้ายภรรยาของผมมากครับ ผมไม่สามารถปล่อยให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไปแบบนี้ได้ ผมจะใช้วิธีทางกฎหมายมาจัดการกับเรื่องนี้ เพื่อให้คนตระกูลวีรภัทรเมธีได้ชดใช้กับสิ่งที่พวกเขาทำ” “หลังจากงานแถลงข่าวเสร็จสิ้นลงแล้วนั้น พวกเขาจะได้รับจดหมายจากทนาย” “ไม่ว่าทางนั้นจะตอบโต้มาอย่างไร ผมจะไม่ยอมเลิกราวางมือง่ายๆอย่างแน่นอนครับ” คำพูดของจิรภาสแสดงออกถึงเจตนาและความตั้งใจของเขาได้อย่างชัดเจน ในสถานการณ์ที่เป็นทางการเช่นนี้ เขาไม่มีการลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว เขาทำเพื่อจิดาภา เพื่อจะเรียกความยุติธรรมนี้ให้กับเธอ ในเมื่อทางตระกูลวีรภัทรเมธีพยายามจะปิดบังความจริงนี้ เขายิ่งอยากจะเปิดเผยความจริงให้ทุกคนได้รู้ พวกเขามีสิทธิอะไรที่อยากจะทอดทิ้งใครซักคนก็ทำได้ตามอำเภอใจเช่นนี้? สิ่งที่ตระกูลวีรภัทรเมธีทำกับจิดาภาไว้ เขาจิรภาสจะเป็นคนเอาคืนแทนเธอเอง “นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ผมจะทำให้คนทั้งโลกรู้ว่า เธอ จิดาภา คือผู้หญิงของผม จิรภาส ตลอดชีวิตนี้ของผมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” เมื่อสิ้นคำพูดนี้ของเขา ประตูใหญ่ของห้องประชุมค่อยๆเปิดออก จิดาภาปรากฏตัวในชุดที่ตระการตาต่อหน้าทุกคนในงาน “ว้าว จิดาภา!” “สวยเกินไปแล้ว....” “ฉากแบบนี้ เหมือนงานแต่งงานเลย” มีนักข่าวกล่าวออกมาจากความรู้สึกจริงของเขา..... ณ เวลานั้น ผู้คนต่างก็พากันเป็นประจักษ์พยานให้กับความงามนี้ของเธอ เธอจับกระโปรงตัวเองไว้ คำพูดของจิรภาสเมื่อครู่นี้ เธอได้ยินทั้งหมดแล้ว มิน่าล่ะ เขาถึงต้องการให้เธอปรากฏตัวออกมาช้า ที่แท้แล้วเขาก็เตรียมการแถลงข่าวแบบนี้ไว้นี่เอง ทุกๆคำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก เธอหายใจเข้าลึกๆอย่างแน่วแน่ แล้วเดินไปยังทิศทางที่เขายืนอยู่ “ตระกูลวีรภัทรเมธีเพิ่งจะประกาศออกมาแบบนั้น คุณจิรภาสก็เตรียมงานแถลงข่าวที่ใหญ่โตให้กับเธอเช่นนี้ ทำให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิงเลย” “ไม่ได้เป็นคุณหนูผู้สูงส่งของตระกูลวีรภัทรเมธีแล้วอย่างไรกัน? ตอนนี้เธอเป็นเจ้าหญิงที่อยู่ข้างๆคุณจิรภาสแล้ว!” “ฉันรู้สึกอิจฉาคุณจิดาภาจริงๆ ผู้ชายดีๆแบบคุณจิรภาส จะไปหาได้จากที่ไหนอีกกัน!” ทุกคนมองไปยังจิดาภาที่ค่อยๆก้าวเดินขึ้นไปบนเวที เต็มไปด้วยความรู้สึกที่มีทั้งความอิจฉาและความยินดี....เพียงแต่ในสายตาของจิดาภานั้นมีเพียงแค่จิรภาสคนเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆและคนอื่นๆนั้น เธอไม่ได้สนใจเลย จิรภาสจูงมือเธอขึ้นมา สองมือประสานกัน หลังจากนั้นจึงยืนอยู่บนเวทีกับเธอ เผชิญหน้ากับทุกคนเคียงข้างกัน “คุณจิดาภาคะ พูดอะไรซักหน่อยสิคะ!” นักข่าวตะโกนขึ้นมา จิดาภามองสบตากับจิรภาสแล้วส่งยิ้มให้กัน หลังจากนั้นจึงหยิบไมโครโฟนขึ้นมา “สวัสดีค่ะ ฉันจิดาภานะคะ” “คุณจิดาภา ได้เห็นสิ่งที่ตระกูลวีรภัทรเมธีได้ประกาศออกมาแล้วใช่ไหมคะ? คุณมีอะไรอยากจะพูดบ้างหรือเปล่าคะ?” “เมื่อซักครู่คุณจิรภาสบอกว่าจะฟ้องร้องตระกูลวีรภัทรเมธี คุณสนับสนุนเรื่องนี้ไหมคะ?” บรรดานักข่าวพากันเอ่ยถามขึ้น พยายามจะจับประเด็นสำคัญๆ จิดาภารู้สึกได้ถึงพลังที่จิรภาสส่งผ่านมือของเขามาให้กับเธอ ดังนั้นไม่ว่าเธอจะกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร ก็สามารถมีความกล้าที่จะเผชิญกับมัน “ก่อนหน้านี้ ฉันเคยบอกไปแล้วว่า ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบหาเรื่องใคร แต่ถ้าหากมีคนมาล้ำเส้นฉัน ฉันเองก็จะไม่ทำให้ตัวเองต้องมาเป็นทุกข์ เพราะฉะนั้น ทุกคำพูดที่สามีของฉันพูดออกไปนั้น นั่นก็เป็นการแสดงถึงความต้องการของตัวฉันเองด้วยค่ะ” “ทางตระกูลนั้นประกาศออกมาพูดแบบนี้ คุณจะเกลียดคนตระกูลวีรภัทรเมธีหรือเปล่าคะ?” “ถ้าหากฉันเกลียดคนตระกูลวีรภัทรเมธี นั่นก็แสดงว่าฉันยังมีความรู้สึกต่อพวกเขาอยู่ ฉันไม่เกลียดหรอกค่ะ ฉันรู้สึกว่าในโลกนี้มีเรื่องที่มีความหมายมากกว่านี้ที่รอให้ฉันได้ไปทำอยู่มากกว่า” น้ำเสียงของจิดาภามีความจริงจังเป็นอย่างมาก “โลกภายนอกต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับคุณจิรภาสมาตลอด ทั้งยังพูดถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของคุณด้วย คุณไม่แคร์เรื่องพวกนี้เลยหรือคะ?” “เป็นบุคคลสาธารณะ ฉันทำได้เพียงเชื่อในสิ่งที่ฉันควรเชื่อ รับฟังในสิ่งที่ฉันอยากฟัง ภายนอกจะมองอย่างไรก็ไม่ได้มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของฉันอยู่แล้วค่ะ” คำตอบของจิดาภานั้นอ่อนโยนเป็นอย่างมาก เป็นการให้ข้อมูลที่ดีกับบรรดานักข่าว “วันนี้คุณจิรภาสได้ประกาศข่าวดีแบบนี้ออกมา นี่เป็นแผนที่พวกคุณวางกันไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วหรือเปล่าคะ? ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างคะ!” จิดาภาได้ยินดังนั้น จึงหันกลับไปมองจิรภาสที่อยู่ข้างๆ หลังจากนั้นถึงจึงยกไมโครโฟนขึ้นมาอีกครั้งอย่างตั้งใจ “ตั้งแต่วันที่ฉันเข้าวงการมาจนถึงวันนี้ ฉันใช้วิธีของตัวเองในการพยายามมาโดยตลอด ฉันเคยมีช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด แล้วก็เคยมีช่วงเวลาที่ดีที่สุด แต่เส้นทางที่ฉันเดินมานี้ ฉันก็ไม่เคยทำร้ายใคร” “แต่ฉันรู้ค่ะว่า ฉันไม่ได้เป็นคนดีอะไร ในสายตาของคนบางคน ฉันอาจจะดูเป็นคนที่ดูมีเล่ห์เหลี่ยม แต่ทุกสิ่งที่ฉันทำล้วนแล้วแต่มีคุณค่ามีคุณธรรมของตัวเองทั้งนั้นค่ะ” “หลังจากที่ฉันผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมาย และยังสามารถมายืนอยู่ตรงนี้ได้ นั่นเป็นเพราะคนๆหนึ่งที่คอยปกป้องฉันมาโดยตลอด เขาคอยกำจัดสิ่งกีดขวางอุปสรรคบนเส้นทางเดินให้ฉัน บางทีในสายตาของพวกคุณ อาจจะมองว่าฉันไม่คู่ควรกับเขาเลยก็ได้” “เขาเก่ง และเปล่งประกายขนาดนั้น.....” “แต่ฉันจะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆหรอกค่ะ ฉันจะพยายามยิ่งขึ้นเพื่อให้ตัวเองได้เติบโตขึ้น จนสามารถที่จะไปยืนเคียงข้างให้คู่ควรกับเขาได้ "ฉันเองก็หวังว่า ในโลกใบนี้ จะมีเพียงแค่ฉันที่สามารถยืนเคียงข้างเขา ฉันยอมที่จะพยายามทั้งชีวิตเพื่อความปรารถนานี้ค่ะ" "ฉันเชื่อมั่นในตัวเขา ว่าเราจะพึ่งพากันและกันได้ ชีวิตของฉันเปล่งประกายขึ้นเพื่อเขา การได้อยู่เคียงข้างเขาในทุกๆช่วงเวลา ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีและมีความสุขที่สุดในโลกเลยค่ะ"