บทที่ 3
เฮเรนน่าโดนขังอยู่ในคุกใต้ดินที่อยู่ลึกลงในมหาสมุทร เพราะที่นี้มีโครงสร้างที่ทันสมัย ทำให้ต่อให้ลึกลงไปหลายพันฟุตก็สามารถหายใจได้อย่างสบายๆ แต่คนที่โดนขังมาที่นี้ถึงสามวันกลับไม่ได้สบายใจแบบนั้นเลยสักนิด เธอไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาตลอดสามวันที่ผ่านมา แต่ที่รู้เพราะสายกักมนตราที่อยู่ตรงข้อมือของเธอค่อยๆ สลายไปทีล่ะเส้นเมื่อครบ 24 ชั่วโมง และเส้นที่สุดท้ายเส้นที่สามก็คงจะใกล้ครบ 24 ชั่วโมงแล้วเมื่อกัน นานแล้วที่เฮเรนน่าไม่ได้รู้สึกร้อนใจขนาดนี้
แกรนด์จับเธอมาขังเพื่อลงโทษถือเป็นเรื่องปกติถ้าเธอเกิดทำเรื่องผิดพลาดขั้นรุนแรง และทุกครั้งที่เธอต้องอยู่ที่นี้ แกรนด์จะลงมนตราปิดผนึกพลังเวทย์ของเธอ ครั้งหนึ่งจะอยู่ 72 ชั่วโมง ถ้าครบกำหนดแล้วแกรนด์ยังไม่ยอมยกโทษให้เธอ เขาจะลงมาลงมนตราซ้ำด้วยตัวเขาเอง ครั้งนี้แค่ขังเธอไว้ถือเป็นโทษสถานเบามาก เพราะปกติถ้าเธอไม่ถูกแกรนด์เล่นงงานจนยับเยินมากกว่านี้เธอคงไม่ลงมาอยู่ตรงนี้ง่ายๆ
ถึงเธอจะสนิทกับแกรนด์ที่สุด แต่ไม่ใช่ว่าเธอจะทำเรื่องที่ผิดกฏ หรือเรื่องที่ผิดพลาดได้เสมอไป เพราะเขาคือผู้นำองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก เขาต้องมีความเฉียบขาดและไร้ซึ่งความเอียงเอน ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ยิ่งตำแหน่งไหนเข้าถึงตัวผู้นำมากที่สุด โทษก็จะหนักมากขึ้นตามกัน
“ขออนุญาติครับท่านมากาเร็ต ท่านผู้นำให้มาเชิญตัวท่านไปที่แท่นพิธีครับ” เหล่าพวกมาทิลด้าที่เป็นตำแหน่งเล็กๆ เดินโค้งทำความเคารพเธอ ก่อนจะเปิดประตูออกเพื่อให้เธอออกมา เฮเรนน่าเดินออกมาอย่างโดยดี เธอต้องการพบตัวแกรนด์ให้เร็วที่สุดในตอนนี้
โดยทั่วไปแล้ว คนในองค์กรมาทิลด้าถ้าไม่สนิทกันมากถึงฝากชีวิตได้ ไม่ว่าใครจะไม่มีการบอกชื่อจริงของตัวเองให้ใครรู้ ชื่อที่ใช้เรียกส่วนมากจะเป็นโค้ดเนมลับทั้งนั้น เช่นเดียวกับเธอ ที่มีชื่อว่ามากาเร็ต โค้ดเนมนี้แกรนด์เป็นคนตั้งให้เธอ
ครั้งนี้แกรนด์คงมีเรื่องด่วนและสำคัญจนไม่ยอมลงมารับเธอด้วยตัวเองแบบนี้ ทุกทีเขาจะมารับเธอด้วยตัวเองไม่เคยบอกให้ใครมาพาตัวกลับขึ้นไปแบบนี้ และทุกครั้งเขามักจะมาหาเธอด้วยสายตาและสีหน้าสะใจพร้อมกับหัวเราะเยาะเธอตลอดทาง ซึ่งเธอไม่ได้ตลกกับเขาสักครั้ง ถ้าเขามาลองนอนทรมานกับแผลสดๆ ที่ผ่านการเฆี่ยนตีแล้วต้องมานอนในพื้นแข็งๆ เย็นจัดแบบนี้สิ เขาจะหัวเราะไม่ออกเลยแม้แต่วินาทีเดียว
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามานึกถึงเรื่องที่ผ่านมา เธอต้องคุยกับแกรนด์
หญิงสาวพามาที่ห้องทดลองขนาดใหญ่ เธอถูกจับให้นั่งลงข้างแกรนด์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เปรียบเสมือนบังลังค์ เบื้องหน้าของเธอคือ ฮันนาห์ที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางวงแหวนเวทย์ขนาดใหญ่ เฮเรนน่าที่จะเข้าไปช่วยฮันนาห์ โดนแกรนด์ที่รู้ทันใช้เถาวัลย์เวทย์สีแดงรัดขาของเธอไว้ จนเธอหน้าขมัมไปกับพื้นก่อนที่เขาจะตวัดเถาวัลย์ดึงเธอกลับมานั่งอย่างเดิม เถาวัลย์นั้นลวกข้อเท้าเธอจนเป็นแผลอีกต่างหาก
“นั่งนิ่งๆ เฮเรนน่า”
“จะทำอะไร” หญิงสาวหันไปถาม แต่แกรนด์ได้แต่ยิ้มออกมาแทนคำตอบ เขาลุกขึ้นก่อนจะเดินไปตรงหน้าฮันนาห์ เขาผายมือข้างหนึ่งก่อนจะปรากฏลูกแก้วขนาดเท่าฝ่ามือออกมา
ลูกแก้วสีใสทอประกายระยิบระยับกับแสงรอบข้าง แสงสีรุ้งประกายมุกภายในวนเวียนราวกับเป็นการไหลเวียนของพลังเวทย์ และมันมหาศาลจนเฮเรนน่ารู้สึกพะอืดพะอม แต่นั้นคือความรู้สึกของเธอคนเดียว ลูกแก้วนั้นคือลูกแก้วมนตรา ลูกแก้วที่มีพลังเวทย์เข้มข้นสูงจนน่ากลัว ใครที่ได้ครอบครองมันถ้าคิดไม่ดีแล้วเอาไม่ใช่ด้วยวิธีไม่ถูกวิธีล่ะก็ โลกคงได้ถึงกาลอวสานแน่
แกรนด์ไปได้ลูกแก้วนั้นมาจากไหน นั้นคือสิ่งต่อไปที่เฮเรนน่าอยากรู้
“นายจะทำอะไร” ฮันนาห์ร้องถามอย่างไม่แน่ใจ
“เธอทำได้ใช่ไหม ฮันนาห์” เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ถือลูกแก้วช้อนคางของผู้หญิงตรงหน้าขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
“มันไม่ใช่เรื่องที่นายควรทำเลยแกรนด์” ฮันนาห์บอกด้วยน้ำเสียงว่าเขากำลังทำเรื่องที่ผิดมหันต์
“ฉันทำไม่ได้ มีแค่เธอเท่านั้นที่ทำได้”
“มันน่ากลัว นายก็น่าจะรู้ว่ามันน่ากลัวแค่ไหนแกรนด์ ถ้ามันหลุดออกมาใครจะควบคุมมัน”
“ทำตามที่ฉันข้อร้อง เรื่องอื่นเธอไม่ต้องกังวลหรอกที่รัก” แกรนด์ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน แต่มันแฝงไปด้วยความร้ายกาจ จนฮันนาห์ต้องเบือนหน้าหนี
“ฉันจะไม่ทำมัน” ฮันนาห์กล่าวด้วยเสียงหนักแน่นพร้อมกับตวัดสายตาที่แข็งกร้าวมามองเขา แกรนด์หุบยิ้มทันที ก่อนจะยิ้มที่มุมปากอย่างมีชัยมากกว่า
“ฉันคิดว่าเธอคงปฏิเสธได้ไม่นานนักหรอก” ทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ พลังบางอย่างก็พุ่งพรวดเข้าไปหาหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอโดนมันไปเต็มๆ จนทรุดลงกับพื้น
“เฮเรนน่า!!!” ฮันนาห์ร้องลั่น ก่อนจะหันมามองคนต้นเหตุอย่างไม่พอใจอย่างมาก
“ว่าไง ฮันนาห์ ยังจะปฏิเสธอีกไหม” แม้จะอ้ำอึ้งกับคำตอบ แต่สายตาที่เฮเรนน่าส่งมาให้เธอคือบอกให้เธอปฏิเสธทุกอย่างที่แกรนด์จะให้เธอทำ
“ไม่ ฉันไม่มีทางทำ!!”
“อ๊ากกกก” ร่างของเฮเรนน่าลอยไปติดกับกำแพง เธอถูกตรึงไว้กับกำแพง
“อย่าทำร้ายเธอ”
“คำตอบล่ะ”
“ไม่!!!” ฮันนาห์ยังคงยืนยันเสียงแข็ง เธอเป็นห่วงเฮเรนน่ามากก็จริง แต่เฮเรนน่าคงโกรธเธอแน่ถ้าเธอยอมทำตามง่ายๆ
“เธอเลือกที่จะให้ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้เองนะ ฮันนาห์” แกรนด์ลุกขึ้น ก่อนจะหันหน้าไปหาเฮเรนน่า เขาสบัดแขนออก ก่อนที่ดาบสายลมจะวิ่งเข้าไปเฉือนเนื้อของเฮเรนน่า จนนับรอยแผลไม่ถ้วนบนร่างกายของเธอ แม้จะเป็นแค่บาดแผลริ้วเล็กๆ แต่หารู้ไม่ว่าสายลมนั้นเฉือนเนื้อเธอจนเขาไปถึงกระดูด แต่เธอก็ยังคงส่ายหน้าให้ฮันนาห์ยืนยันคำตอบเดิม แต่คนที่ยืนดูกลับไม่อยากทำแบบนั้นอีกแล้ว
“หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้!!!” ฮันนาห์ร้องบอก เธอทนเห็นเฮเรนน่าเจ็บไม่ได้อีกแล้ว ร่างของเธอชุ่มไปด้วยเลือดถูกปล่อยลงไปกองกับพื้น ฮันนาห์วิ่งมาประคองร่างที่สติกำลังเลือนรางทุกทีเอาไว้
“พอแล้ว ฉันยอมทำแล้ว ยอมทำตามที่นายบอกแล้ว” หญิงสาวบอกพลางปาดน้ำตาออก ก่อนจะค่อยวางร่างของเฮเรนน่าลงกับพื้น แล้วยืนขึ้นไปประจันหน้ากับแกรนด์
“ดี ถ้ายอมตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมีคนเจ็บตัว” ใช่! ถ้าคนที่เจ็บต้องเป็นเธอ ต่อให้ฆ่าเธอให้ตายเธอก็ไม่ยอมที่จะทำตามคำสั่งเขาเด็ดขาด แต่นี้คนนั้นคือเฮเรนน่า คนสำคัญของเธอ
ฮันนาห์กลับมายืนที่กลางวงแหวนเวทย์ เธอรับลูกแก้วมนตรามาจากแกรนด์ ก่อนผายมือขึ้น ลูกแก้วมนตราลอยขึ้นจากมือของเธอขึ้นไปบนอากาศตรงหน้าเธอ บทเพลงประหลาดที่ฟังแล้วไพเราะหูแต่ภาษานั้นกลับไม่มีใครฟังรู้เรื่องดังออกมาจากปากของหญิงสาว ทันที่เพลงบรรเลงลูกแก้วมนตราก็เริ่มทำปฏิกริยาทันที มันกำลังสั่นไหวราวกับว่าจะระเบิดพลังที่อยู่ในนั้นออกมาให้รู้แล้วรู้รอดไป
ไม่นานทั่วทั้งห้องก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีประหลาดตามสีที่อยู่ภายในของลูกแก้ว มันอบอวลไปทั่วห้อง ทุกคนมองด้วยสายตาตื่นตะลึง มีเพียงเฮเรนน่าเท่านั้นที่รู้สึกอึดอัดและทรมานกับมันเป็นอย่างมาก เธอรู้สึกแค่ไม่ดีแน่หากพลังพวกนี้ถูกปลดปล่อยออกมาบนโลกมนุษย์ที่แม้จะดูเละเทะไปด้วยสงคราม แต่อีกมุมมันก็ยังมีความสวยงามหลงเหลืออยู่
แกรนด์ยิ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างยินดี ถ้าเขาได้พลังนี้มาอยู่ในมือ เป้าหมายของเขาก็จะสำเร็จอีกไม่ยาก
‘ท่านต้องหยุดมัน’ เฮเรนน่าพยายามเงี่ยหูฟังเสียงประหลาดที่ดังขึ้น มันกำลังพูดกับเธอหรือเปล่า
‘ท่านต้องหยุดมัน’
“พูดกับฉันงั้นหรอ”
‘ใช่ ท่านนั้นแหล่ะต้องหยุดมัน’
“ฉันต้องทำ”
‘มีแค่ท่านเท่านั้น มีแค่ท่านเท่านั้น’ เฮเรนน่าลืมตาขึ้นมามองเหตุการณ์ตรงหน้าที่เลวร้ายมากกว่าที่เธอคิด พลังเวทย์อัดแน่นและเข้มข้นมากเกินไป แล้วเธอจะหยุดมันได้ยังไง
‘ทำลายมัน ทำลายลูกแก้วนั้นซ่ะ’
“ทำลายลูกแก้ว” หญิงสาวพึมพำตามหลัง เธอเพ่งมองลูกแก้วที่กำลังแผ่อำนาจขึ้นทุกที เช่นเดียวกับฮันนาห์ที่ร้องเพลงดังขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่หยุดฮันนาห์อาจจะแย่แน่ๆ
เหมือนโชคช่วยที่มนตราผนึกเส้นสุดท้ายของเธอสลายไปแล้ว หญิงสาวอาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังชื่นชมมันเข้าไปคว้าตัวฮันนาห์ ก่อนจะใช้เวทย์ไฟสร้างเป็นบาเรียสะบัดหมอกประหลาดๆ นี้ออกจากตัวเธอและฮันนาห์ พร้อมกับปล่อยไอพิษที่ไม่ได้รุนแรงขนาดฆ่าคนได้ แต่ถ้าได้รับเข้าไปก็จะเป็นอัมพาตชั่วคราวออกมา เมื่อทุกคนกำลังชุลมุนวุ่นวาย เธอจึงร่ายคาถาเรียกธนูไฟออกมาก่อนจะยิงมันเข้าไปในใจกลางลูกแก้วมนตรา
แกร๊ง!
เสียงแตกร้าวของลูกแก้วดังขึ้น จนเป็นเป็นจุดสนใจ ก่อนที่รอยร้าวนั้นจะสร้างบาดแผลให้ลูกแก้วจนมันแตกสลายออกจากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พลังทั้งหมดที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากลูกแก้วที่แตกสลาย พุ่งเป็นเส้นตรงเข้ามาหาเฮเรนน่า เธอที่รู้ตัวว่าหลบไม่ได้ใช้เวทย์เคลื่อนย้ายฮันนาห์ไปที่อื่น ก่อนที่ตัวเองจะถูกดูดเข้าไปในพายุเวทย์สีดำ เฮเรนน่าป้องกันตัวเองโดยสร้างบาเรียและดีดตัวเองออกมาจากวงพายุนั้น ก่อนที่พายุจะกลับกลายเป็นเส้นตรงพุ่งเข้าทะลุบาเรียของเธอและพลังนั้นเข้าไปที่หน้าอกสายของเธอ
เฮเรนน่าที่ลอยอยู่กลางอากาศร่วงหล่นลงมาพื้นพร้อมกับอากาศเจ็บแสบทุกทรมานไปทั่งร่างกาย แต่เธอไม่มีเวลามานอนอยู่ตรงนี้ ถ้าแกรนด์จับได้เธอตายสถานเดียว เธอจึงใช้พลังเฮือกสุดท้ายวาร์ปตัวเองไปที่ๆ ส่งฮันนาห์ไปทันที
เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นและจบอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน แกรนด์ที่เข้ามาถึงตัวของตัวทำลายแผนการของเขาไม่ทัน กำมืออย่างเจ็บใจ เฮเรนน่าหักหลังเขาได้รุนแรงยิ่งนัก ถ้าไม่คิดว่าจะเอาเธอมาเป็นเครื่องต่อลองกับฮันนาห์ เขาจะไม่พาเธอมาบนนี้เด็ดขาด เฮเรนน่ามีพลังมากแค่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้!
“อบิเกล!!!!”
“ค่ะท่านผู้นำ” เจ้าของชื่อถลาเข้ามาคุกเข่าค่อหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
“ประกาศตามจับคนทรยศไปทั่วทุกที่ ใครจับเธอได้ฉันมีรางวัลให้ และต้องจับเป็นเท่านั้น!!!!” เสียงคำรามไปทั่วทั้งห้องโถง จนทุกคนบริเวณนั้นขนลุกไปตามกัน นานแล้วที่ไม่เห็นผู้นำของเขาโกรธใครมากขนาดนี้
เฮเรนน่าโทษของเธอคือตายสถานเดียว!!!!!
ปลั๊ก!!!
เสียงกระแทกพื้นจากการทิ้งตัวของหญิงสาวผมสีชมพูกุหลาบดังขึ้นทำให้คนที่นั่งชะเง้อรอคอยอยู่บนเตียงถลาเข้ามาประคองเธอทันที เฮเรนน่าเอามือจับตรงที่หน้าอกซ้ายของตัวเองด้วยอาการปวดแสบปวดร้อนจนถึงเข้าขั้นทรมาน เมื่อเธอเปิดเสื้อออกมาก็พบว่าตรงบริเวณนั้นมีตราสัญลักษณ์แปลกประหลาดสีดำเกิดขึ้น และตอนนี้มันก็กำลังเคลื่อนไหวราวกับจะหาที่ในการพักผิง ไม่เพียงแค่นั้นถ้าลองสังเกตดีๆ ยังมีไอสีดำจางๆ ลอยออกมาจากตราสัญลักษณ์นั้นด้วย
“เฮเรนน่า เธอได้มาได้ยังไง”
“ฉันไม่รู้” เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเพลียจนแทบจะหมดแรง
ฮันนาห์ที่ยื่นมือเข้าไปที่ตราสัญลัษณ์นั้นแต่ดูเหมือนว่ามันจะปฏิเสธเธอจนเธอต้องชักมือออกมาเพราะไอสีดำที่พุ่งออกมาหา และดูเหมือนว่าเจ้าของตราบาปนั้นจะทรมานอยู่ไม่น้อย
“เฮเรนน่า.....” เจ้าชองชื่อเงยหน้ามองคนเรียก หญิงสาวสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเห็นกริชในมือของเธอ
“จะทำอะไร”
“......ฉันจะช่วยให้เธอหายทรมานไง” รอยยิ้มนั้นปรากฏพร้อมกับมือที่ถือกริชยกขึ้นสูงขึ้นตรงหน้าเธอ
ชายหนุ่มผมสีดำสนิททุบโต๊ะอย่างหมดความอดทน สามวันแล้วที่เจ้าสาวของเขาหายตัวไปจากในงานแต่งงาน สามวันแล้วที่เขาไม่สามารถทำอะไรได้ แม้วันนั้นเขาจะติดตามร่องรอยของแขกตัวร้ายกลับไป แต่ปรากฏว่าร่องรอยนั้นกลับไปหายไปอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งองค์กรขนาดใหญ่ที่เคยตั้งตระหง่าอยู่กลางทะเล ก็หายวับไปราวกับว่ามันไม่เคยอยู่บนโลกใบนี้ เมื่อเขาสำรวจก็พบว่าไม่มีแม้แต่ร่องรอยให้เขาแกะตามไปได้อีก มาทิลด้าสามารถซ้อนตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เขาสั่งให้คนไปเฝ้าตรวจการที่นั้นเอาไว้ มีการเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ให้รีบแจ้งเขาทันที แต่เขาที่ร้อนใจกลับเฝ้าถามสถานการณ์กลับไปทุกครั้ง และคำตอบก็เป็นเช่นเดิมที่ว่า ไม่มีปฏิกริยาใดๆ เกิดขึ้นจากจุดที่พวกเขาเฝ้ามามองตลอดสามวันนี้
พลั่ก!!!
ประตูห้องโถงถูกเปิดขึ้น พร้อมกับเงาของคนๆ หนึ่งที่มองย้อนแสงอาทิตย์ขึ้นไปจนไม่สามารถเห็นได้ชัดว่าคนที่เข้ามาโดยพละการนั้นคือใคร ทุกคนในห้องเงียบกริบจนได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้มาใหม่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ แม้เธอจะเดินเบามาก แต่พื้นที่ตรงนี้กลับเงียบสนิทยิ่งกว่า ทุกสายตาจับจ้องไปยังเธอ
ร่างบางเจ้าของใบหน้าอ่อนหวานแต่กลับดูหยิ่งและทรนงเดินเชิดอย่างสง่าผ่าเผยไปยังโต๊ะประชุมที่มีขนาดใหญ่ แม้ร่างของเธอจะชุ่มไปด้วยเลือดและรอยบาดแผลที่แสดงให้ตามผ้าที่ขาด แต่นั้นกลับไม่ได้เป็นที่สนใจเท่ากับคนที่เธออุ้มอยู่ในแขน
สองสาวตาจับจ้องกันและกัน ดวงตาสีทับทิมและดวงตาสีรัตติกาลที่มองเธออย่างมีคำถาม เจ้าของดวงตาสีทับทิม วางร่างของหญิงสาวที่พามาด้วยลงบนโต๊ะ แม้ด้วยท่าทีไม่สนใจนัก เจ้าของดวงตารัตติกาลรีบรุดเข้ามาดูทันที หญิงสาวหลีกทางให้เขาได้เข้ามาอย่างถนัด ก่อนที่เขาจะหันมากระชากคอเสื้อเธอด้วยท่าทีโกรธแค้นจนแทบจะฆ่าเธอ แต่คนถูกกระชากกับนิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เธอทำอะไรกับฮันนาห์”
“ฉันฆ่าเธอ” เสียงตอบดังชัดเจนจนทุกคนในบริเวณได้ยินกันทั่วหน้า
“ว่าไงนะ”
“ฉันฆ่าเธอ ฉันฆ่าเธอด้วยมือของฉันเอง” คนตอบตีหน้าตายอย่างไม่รู้สึกในความผิด ดวงตาของเธอไร้แววและเย็นชา คำพูดขอเธอทำให้คนเป็นแม่ถึงกับลมจับทันที โชคดีที่ผู้เป็นพ่อเข้ามาประคองไว้ทัน
“เฮเรนน่า” ชายหนุ่มเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยอยากจะฆ่าใครเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต
“โกรธฉันหรอ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกนะ ที่ยัยนี้ตายน่ะ” ทันทีที่น้ำเสียงเย็นชาจบลง มือหนาที่แสนจะหนักหน่วงก็ฟาดเข้าที่ใบหน้าของเธอทันที ทำให้เลือดที่ปากที่แห้งไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้ง
“เธอทำแบบนี้ได้ยังไง!”
“ยัยนี้ขวางหูขวางตาฉันเกินไป”
“เธอฆ่าฮันนาห์ด้วยเหตุผลแค่นี้อย่างงั้นหรอ”
“ฉันคือคนของมาทิลด้า เมื่อคนที่หมดประโยชน์ใช้การไม่ได้ ก็ต้องกำจัดทิ้ง นั้นคือนาทีของฉัน” เฮเรนน่าหันไปสบตากับผู้เป็นพ่อของหญิงสาวเคราะห์ร้าย ก่อนจะคลี่รอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแต่มันกลับทำให้คนที่เห็นเย็นสะท้านไปทั่ว รอยยิ้มนั้นน่ากลัวเหลือเกิน
“เจ็บปวดสินะ....ลูกคนเดียว ทำใหม่ก็ได้นี่” ร่างของหญิงสาวถูกกระชากอย่างแรงด้วยฝีมือของผู้ชายที่พึ่งสูญเสียคนรักไปตลอดกาล เขาปล่อยหมัดที่ผสมเวทย์สายฟ้าเข้าที่ท้องเธออย่างรุนแรง สายฟ้าเล็กๆ แต่มีอนุภาพสูงวิ่งเข้าไปสู่ภายในร่างกายของเธอ จนเธอทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยอาการเจ็บปวดและชาตามร่างกาย
“มันจะมากไปแล้วนะเฮเรนน่า คนที่สมควรตายคือเธอไม่ใช่ฮันนาห์” ชายหนุ่มจับไหล่ของเธอทั้งสองข้างพร้อมกับบีบระบายความโกรธแค้นไปที่ร่างกายของเธอ
“อาจจะใช่....แต่อาจจะไม่ใช่ตอนนี้” ร่างของหญิงสาวสลายกลายเป็นหมอกสีดำ แต่ชายหนุ่มกลับรู้สึกได้ทันทีว่าเธอหนีไปได้ไม่ไกลนัก เพราะเธอไม่มีพลังเหลือเพียงพอที่จะไปได้ไกลกว่านี้ แถมยังบาดเจ็บขนาดนั้นยิ่งไม่มีทางหนีไปไหนได้แน่
เป็นจริงอย่างที่ชายหนุ่มสันนิฐาน เฮเรนน่าวาร์ปมาแค่ผ่านรั่วของคฤหาสน์อนาสตาเซียเท่านั้น แต่แค่นี้เธอก็แทบหมดแรงจะเดินอยู่แล้ว แต่เธอต้องหนี เธอยังตายตอนนี้ไม่ได้ เธอบอกกับตัวเองไว้แบบนั้น ร่างที่โซซัดโซเซดันตัวเองขึ้นจากพื้น ก่อนจะรีบวิ่งไกลออกไปจากที่นี้ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี ตลอดทางที่เธอออกวิ่งหนีเธอล้มคว่ำล้มหงายมาตลอด ประสาทรับรู้ที่ดีเกินคนทั่วไปทำให้เธอรู้ว่ามีคนกลุ่มใหญ่กำลังตามเธอมา และนั้นคงไม่แคล้วคือพวกอนาสตาเซีย พวกนั้นตามมาถูกได้ยังไงน่ะหรอ แค่ตามรอยเลือดที่หยดตามทางก็คงไม่โง่ตามมาไม่ถูกหรอก
ตอนนี้เธอไม่มีแม้แต่ปัญญาจะเรียกคนให้ช่วย
ไม่รู้ว่าโชคช่วยหรือกรรมซ้ำเติม เมื่อพื้นที่ข้างหน้าไม่ใช่แผ่นดิน แต่กลับเป็นน้ำ น้ำตกที่ค่อนข้างสูงและน้ำไหลเชี่ยวแรงจนน่ากลัว ทางเดียวที่จะหนีไปได้คือกระโดดลงไป และเธอก็ไม่รู้อีกว่ากระโดดลงไปแล้วเธอจะรอดหรือเปล่า แต่หันหลังกลับไปก็ไม่รอดเหมือนกัน เธอคงต้องลองเสี่ยงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“หนีไม่พ้นแล้วสิ” น้ำเสียงเยาะเย้ยของคนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูคู้อาฆาตกับเธอพูดขึ้น หญิงสาวหันหลังกลับไปมอง เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่พาพวกอนาสตาเซียมาด้วย
“ใครบอกว่าฉันหนีไม่พ้น”
“เธอจะกระโดดลงไปงั้นหรอ”
“ลาก่อน....เกล โนเอลล์” เฮเรนน่าตัดสินใจกระโดดลงไป ร่างของเธอหายไปในน้ำตกที่เชี่ยวหลาก โดยเฉพาะหน้าน้ำแบบนี้ น้ำยิ่งไหลแรงจนน่ากลัว ไหนจะก้อนหินก้อนใหญ่ที่อยู่เบื้องล่างอีก
“ถ้าเธอยังไม่ตาย เราก็คงจะได้เจอกันแน่ เฮเรนน่า เทรเวอร์” เกลพูดอย่างโกรธแค้น พลางมองไปยังเบื้องล่างที่ไม่เห้นแม้แต่เงาของร่างบางที่กระโดดลงไป