บทที่ 5-01
ใครจะไปรู้ว่าเพื่อนใหม่ของเธอบ้าลุ้นล็อตเตอร์รี่ขนาดนี้ ตอนนี้พวกเธอแวะเข้าเมืองดาเซียเพื่อหาซื้อของใช้จำเป็นสำหรับการเดินทาง เมืองท่าเรือที่อยู่ไม่ไกลอยู่ติดกับเมืองไอดัส ที่นี่มีการค้าที่รุ่งเรืองพอสมควรเพราะเป็นแหล่งคมนาคมที่สำคัญของราชอาณาจกัรคาแซนดร้า และบังเอิญว่าวันนี้เป็นวันล็อตเตอร์รี่ออกพอดี เพื่อนรักเธอจึงแวะตรวจล็อตเตอร์รี่อย่างใจจดใจจ่อที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และดูเหมือนทุกคนในที่นี้จะชอบการเสี่ยงโชคเช่นกัน
เฮเรนน่าเขี่ยใบล็อตเตอร์รี่ที่กองอยู่หน้าไม่ต่ำกว่า 30 ใบ และดูเหมือนเจ้าของกำลังจะช็อกตายเพราะไม่มีใบไหนที่ถูกรางวัลเลยสักใบเดียว
“โอ๊ย!!!! แย่ๆๆ ทำไมฉันถึงไม่มีดวงด้านนี้เลยน้า” เธอร้องโวยวายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในร้านที่ไม่มีใครมีวี่แววว่าจะถูกเช่นกัน
“เธอซื้อเยอะขนาดนี้ทุกครั้งเลยหรือเปล่า”
“ก็นะ เห็นเลขสวยๆ ก็เอามาหมดแหล่ะ ว่าจะเลิกๆ แต่ก็เลิกไม่ได้สักที พอคิดว่าจะเอาทุนคืนมันก็เผลอลืมตัวได้มาขนาดนี้ทุกที” คนฟังส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ การเสี่ยงโชคกับตัวเลขไม่กี่หลัก ก็ไม่ได้หมาความว่าจะโชคดีเสมอไป
“เธอเคยเสี่ยงบ้างไหมล่ะ”
“ก็เคยมี แต่ไม่เคยถูกหรอก”
“เห็นม้า ของพวกนี้ซื้อง่ายแต่ถูกยากชะมัด เฮีย!! ขอพาสลาเต้สองแก้ว เอาเย็นๆ เลยนะเร็วด้วย” ดูเหมือนคนไม่ถูกรางวัลจะเริ่มหงุดหงิดแล้ว เธอจึงประชดชีวิตด้วยการสั่งเครื่องดื่มหวานเจี๊ยบมากินซ่ะเลย
“เหอะ ๆ หงุดหงิดแล้วลงกับของกินหรือไง”
“ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ ว่าแต่เธอสิ สั่งของหวานมากินคนเดียวเยอะขนาดนั้น ถามจริงไม่กลัวอ้วนหรอ” ตรงหน้าของพวกเธอนอกจากใบล็อตเตอร์รี่ที่ไม่มีความหมายนอกจากเอาไปจุดไฟได้แล้ว ก็ยังมีจานขนมมากมายหลากหลายชนิดที่เจ้าตัวสั่งตั้งแต่ชนิดที่คุ้นเคยยันชนิดแปลกๆ
“ไม่นี่ ปกติก็กินขนาดนี้ ฉันก็ไม่ได้อ้วนขึ้น”
“โหย อิจฉา ฉันเนี่ยนะแค่ได้กลิ่นน้ำหนักก็มาแล้ว” เธอหันไปรับพาสลาเต้ที่สั่งมาจากพนักงาน ก่อนจะเอาเข้าปากเพื่อระงับสติอารมณ์ นี่น่ะหรอคนที่บอกว่าแค่ได้กลิ่นก็อ้วนแล้วน่ะ
“ว๊ายย!!!!” พนักงานสาวในร้านกรี๊ดลั่นเมื่อจู่ ๆ ลูกค้าตัวดีก็ลุกขึ้นมาอาละวาด พวกมันตัวใหญ่กว่าเด็กสาวที่เป็นพนักงานมากนัก เจ้าพวกนี้ชอบรังแกพวกที่ไม่มีทางสู้หรือไง
“เธอทำน้ำหกใส่ฉัน!!”
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะรีบทำความสะอาดให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” พนักงานสาวก้มหัวประลก ๆ ขอโทษ แต่ดูพวกนั้นจะไม่ยอมง่า ยๆ กับแค่น้ำหกใส่ทำเป็นเดือดร้อนไปได้ แม้เจ้าของร้านจะเข้ามาคุมสถานการณ์แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรอยู่ดี ลูกค้าบ้างคนเรียกเก็บเงินแล้ววิ่งไป บางคนก็ทำเนียนแล้วหนีออกไปดื้อๆ
“รู้ไหมว่าเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่ เธอต้องชดใช้”
“แต่ฉันไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกนะค่ะ” พนักงานสาวพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น เงินรายได้จากการเป็นเด็กเสริฟช่างน้อยนิด จะเอาปัญญาที่ไหนไปชดใช้ค่าเสียหาย
“งั้นก็ต้องเอาตัวเข้าแลก”
“ช้าก่อนพี่ชาย มันไม่มากไปหน่อยหรอ เสื้อของพี่ชายก็ไม่ได้ราคาสูงขนาดนั้นสักหน่อย ของปลอมใครก็ดูออก” หญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนเดินเข้ามาพูดด้วยท่าทีกวนประสาท ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกใครหรอก แต่คนแบบนี้มันก็น่าจริง ๆ นั้นแหล่ะ
“รู้ได้ยังไงว่ามันเป็นของปลอม บังอาจนักที่พูดจากับฉันแบบนี้!!”
“พี่ชาย เสื้อผ้าแบรนนี้ถ้าไม่ใช่คนระดับชั้นสูงไม่มีทางซื้อมาใส่ได้แน่ ๆ อยากแตะอั๋งสาว ๆ ก็หัดมีมุขที่น่าสนใจกว่านี้หน่อยสิ” ชายอันตพาธโกรธจนเลือดขึ้นหน้ากับคำพูดดูถูกของหญิงสาว ชายผู้นั้นยื่นมีมาตรงหน้าหมายจะทำร้ายบีทรีซ แต่กลับไปไม่ถึงเมื่อมีอีกมือคว้าไว้ก่อน
“โทษทีนะ แต่นายไม่ควรล่วงเกินเพื่อนของฉัน” เฮเรนน่าตอบไปหน้านิ่งๆ ก่อนจะลงแรงไปที่มือข้างที่จับไว้ จนชายอันตพาธร้องเสียงหลง เธอพลักชายร่างใหญ่กระเด็นออกไปด้วยมือข้างเดียว
“พวกเธอเป็นใครกันแน่”
“ฉันเป็นแค่คนผ่านมา แต่ไม่ชอบเห็นคนอื่นเอาใช้ลูกไม้ปัญญาอ่อนเอาเปรียบใครก็เท่านั้น” สายตาที่คมกริบของหญิงสาวผมสีกุหลาบที่ตอนนี้มันถูกรวบเก็บไว้แต่ฮูดสีดำ
“เธอ”
“ฉันให้เวลาพวกนาย สามวินาที ถ้ายังไม่ออกจากร้านนี้ไปแต่โดยดี อย่าหาว่าพวกฉันไม่เตือน” ไม่ทันที่พวกมันจะได้ทันตั้งตัว หญิงสาวก็เริ่มนับทันที
“1” พวกมันที่รู้ว่าสู้ไม่ได้แน่ รีบออกจากร้านไปแต่ทว่าก่อนออกกลับถูกเรียกไว้ซ่ะก่อน
“เดี๋ยว!! นายควรจ่ายเงินด้วยนะ” ชายอันตพาธควักเงินวางลงบนโต๊ะก่อนจะเผ่นไปกับลูกน้องของเขา เฮเรนน่าถอนหายใจอย่างหมดห่วงก่อนจะหันไปคุยกับพนักงานสาวและเจ้าของร้าน
“ขอบคุณพวกท่านที่ช่วยเหลือค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ชอบใครที่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า ยิ่งเป็นผู้ชายที่รังแกอยู่หญิงแล้วด้วย มันทุเรศสิ้นดี” บีทรีซตอบกลับไปอย่างไม่พอใจ
“แต่ยังก็ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้”
“ดีแล้วล่ะ คนพวกนี้เป็นพวกชอบอวดอำนาจ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้แน่จริงขนาดนั้น ฉันว่าเราไปกันดีกว่าเฮเรนน่า” คนถูกเรียกพยักหน้า
“อ่อ นี่ค่าเสียหายของพวกฉันค่ะ ไปนะค่ะ” บีทรีซยัดเงินใส่มือเจ้าของร้านที่ทำท่าเหมือนจะปฏิเสธ เธอไม่ได้นิยมเป็นฮีโร่เพื่อนกินฟรีนี่นา
“ว่าแต่เราต้องไปซื้ออะไรเพิ่มเติมบ้างนะ อ่อ ใช่แล้วหาสมุนไพรเพิ่มเติมไปดีกว่า มาเร็วเฮเรนน่า” เฮเรนน่าถูกเพื่อนของเธอลากไปที่ร้านสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุดในเมือง
“หวัดดีค่ะป้า วันนี้มีอะไรดีๆ มานำเสนอไหมค่ะ” เสียงแจ๊ว ๆ ของหญิงสาวผู้ร่าเริงตลอดเวลาเอ่ยทักเจ้าของร้านที่เป็นหญิงวัยกลางคนร่างท้วมแต่ดูใจดีที่กำลังรดน้ำต้นไม้น้อยๆ ในกระถางภายในร้านหันมามองเธอด้วยรอยยิ้ม
“ไงจ๊ะหนูบีทรีซ วันนี้พาเพื่อนมาด้วยหรอเนี่ย”
“ค่ะ นี่เรนนี่ เพื่อนใหม่ของหนู สวยไหมค่ะป้า” บีทรีซดึงเฮเรนน่าที่กำลังยืนมองรอบ ๆ เข้ามาทักทายเจ้าของร้าน เธอก้มหัวให้เป็นเชิงทักทาย
“สวยมากจ๊ะ วันนี้อยากได้อะไรล่ะ”
“อยากได้ไม่กี่อย่างหรอกค่ะ แต่อยากได้ก็คือกล่องรักษาคุณภาพสมุนไพรน่ะค่ะ พอดีว่าหนูต้องเดินทางเลยอยากได้เอาไปใช้สักหน่อย” บีทรีซบอกพลางยื่นรายละเอียดสมุนไพรที่เธอต้องการส่งให้กับเจ้าของร้าน
“ไม่มีปัญหาจ๊ะ หนูดูไปก่อนนะเผื่ออยากได้อะไรเพิ่มเติม ป้าจะไปจัดของให้”
“ค่า” ป้าเจ้าของร้านยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนจะเดินเข้าไปหลังร้าน ปล่อยพวกเธอไว้ตามลำพัง
“เอ่อ เฮเรนน่า น่ะเป็นแม่มดยา น่าจะรู้เรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรดีใช่ไหม”
“อืม ส่วนมากจะเป็นยาพิษซ่ะส่วนใหญ่ต่างหาก ไม่งั้นทุกคนคงไม่เรียกฉันว่าแม่มดหรอก” บีทรีซเห็นด้วยว่าที่เธอพูดเป็นความจริง เพราะสมุนไพรและพืชที่เธอสนใจส่วนใหญ่นำไปทำยาพิษได้ทั้งนั้น สมุนไพรและพืชบางชนิดแม้จะอันตรายแต่ก็ได้รับอนุญาตให้วางขายได้ตามกฏหมายเพราะบางอย่างให้ประโยชน์มากกว่าโทษ
“รู้ไหมว่าฉันแอบชื่นชมเธอมากเลยนะ” หญิงสาวผู้ที่ชื่นชมเอียงหน้าอย่างไม่เข้าใจ อย่างเธอเนี่ยน่ะหรอจะมีคนมาชื่นชม
“เธออาจจะไม่รู้ก็ได้นะ ว่าในวงการแพทย์ให้ความสนใจเธอแค่ไหน เพราะยาทุกตัวที่ส่งออกมาท้องตลาดโดยฝีการวิจัยของเธอ ถูกนำมาศึกษาแทบทั้งนั้น เธอไม่รู้ตัวเลยหรอว่าตัวเองสุดยอดแค่ไหน” เจ้าตัวส่ายหน้า บีทรีซจึงพูดต่อไปอีก
“แม้ในอเล็กซานเดรียจะมีการผลิตและวิจัยยาขึ้นมาเอง แต่ก็มีบางชนิดที่ต้องศึกษามาจากเธอเหมือนกัน จนหัวหน้าทีมวิจัยต้องเอ่ยปากว่าอยากได้เธอมาร่วมงานด้วยเลยแหล่ะ ฮ่าๆ” คนเล่าหัวเราะอย่างร่าเริง ตอนนั้นอาจจะใช่ แล้วตอนนี้ล่ะใครอยากได้เธอไปร่วมทำงานบ้าง
“ตอนนี้ยังอยากได้อยู่ไหมล่ะ”
“อืม...คงคิดหนักล่ะมั้งเนอะ”
“เรียบร้อยแล้วจ๊ะหนูบีทรีซ มีอะไรเพิ่มเติมไหม” ป้าเจ้าของร้านออกมาพร้อมกับกล่องใบขนาดพอเหมาะไม่เล็กไม่ใหญ่มาก แม้จะดูว่าเป็นกล่องไม้ฉลุลายธรรมดา แต่ด้านในมีการกักเก็บอุณหภูมิในขนาดที่พอเหมาะทำให้เมล็ดพืชสดอยู่ตลอดเวลา
“ไม่มีแล้วค่ะ เอ่อ เรนนี่ของเธอล่ะมีอะไรไหม” หญิงสาวเจ้าของกล่องใบใหม่หันไปถาม ก่อนที่เจ้าตัวจะหยิบพืชกรีนนิทมาวางบนโต๊ะ สองกำ เจ้าของร้านมองหน้าเธออย่างแปลกใจ ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครนิยมพืชจำพวกนี้มากนัก เพราะถ้าใครที่ไม่รู้วิธีสกัดที่ถูกต้อง จากยาจะกลายเป็นยาพิษรุนแรงทันที
“แม่หนูคนสวยคงเก่งเรื่องการสกัดยาไม่น้อย”
“ใช่แล้วค่ะป้า เรนนี่น่ะเก่งมากค่ะ ทั้งหมดเท่าไหร่ค่ะ” ทั้งสองตกลงราคาก่อนจะชำระค่าเสียหายแล้วเดินออกจากร้าน