บทที่ 8 -01
“ท่านผู้นำค่ะ มีสายของเรารายงานมาว่าพบตัวท่านมากาเร็ตแล้วค่ะ” อบิเกลเข้ามารายงานกับผู้นำขององค์กรหลังจากอเล็กซานเดรียสงบลงไปได้ 24 ชั่วโมง
“เธออยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้คาดว่าจะอยู่กับทางการอเล็กซานเดรียค่ะ” สำหรับอเล็กซานเดรียแล้วมาทิลด้าไม่ต้องการเข้าไปยุ่งมาที่สุด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องการตัวอดีตคนสนิทอยู่ดี
“เฝ้าติดตามไป อย่าพึ่งเคลื่อนไหวจนกว่าจะมีคำสั่งจากฉัน”
“ค่ะท่าน แล้วอีกเรื่องคือ เราพบว่าที่เมืองหลวงขออเล็กซานเดรียเกิดเรื่องขึ้นค่ะ”
“เรื่องอะไร” แกรนด์หันไปถาม อเล็กซานเดรียสงบสุขมาก แต่ดันเกิดเรื่องในเมืองหลวงเนี่ยนะ เป็นไปได้งั้นหรอ
“พวกปิศาจปรากฏตัวในเมืองหลวงค่ะท่าน แต่อเล็กซานเดรียปิดข่าวเรื่องนี้ คนนอกจึงไม่มีใครรู้ค่ะ”
“ปิศาจงั้นหรอ พวกมันมาได้ยังไง”
“ยังไม่ทราบแน่ชัดค่ะท่าน แต่ที่รู้แน่ๆ คนที่สามารถกำจัดพวกนั้นได้ในครั้งเดียวคือท่านมากาเร็ตค่ะ” แกรนด์มองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนจะหันมาสั่งคำสั่งให้กับคนสนิทคนใหม่ ด้วยเสียงทรงอำนาจว่า
“เรียกเจ้าหน้าที่ชั้นสูงเข้าประชุม ฉันมีเรื่องที่ต้องคุย!”
หลังจากที่ทำลายจุดกำเนิดพลังลงได้ เฮเรนน่าก็หลับไป 24 ชั่วโมงเต็มๆ เธอตื่นมาก็เย็นของอีกวัน และยังรู้สึกปวดตามร่างกายพร้อมกับคลั่นเนื้อคลั่นตัวอยู่ราวกับเป็นไข้ ทุกครั้งที่เธอสลบไปแบบไม่รู้ตัวก็มักจะตื่นในสถานที่ไม่คุ้นเคยทั้งนั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน เธอลุกขึ้นมามองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งด้วยทีสีชมพูไม่ต่างอะไรกับห้องเจ้าหญิง เจ้าของบ้านคงจะรวยไม่ใช่เล่น สิ่งที่เธอสังเกตก่อนใครคือสัมภาระของเธอที่ขนย้ายมาไว้ที่นี้ด้วย โชคดีจริงๆ เธอคิด แสดงว่าบีทรีซต้องอยู่ที่นี้ด้วยเหมือนกันสินะ เธอหยิบของจากสะพายใบไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ข้างในกลับเหมือนหลุมดำที่ใส่ของได้อย่างไม่จำกัดจำนวน เพื่อทำธุระของตัวเอง
ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ดิฉันขออนุญาติเข้าไปนะค่ะ” ประตูถูกเปิดออกก่อนที่เจ้าของห้องจะรับอนุญาต
“ขอประทานโทษค่ะ ดิฉันนึกว่าท่านยังหลับอยู่” แม่บ้านในวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างน้อมนอม เธอส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร
“ท่านเกลให้ดิฉันมาดูว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าท่านฟื้นแล้วดิฉันจะไปรายงานท่านเกลค่ะ” แม่บ้านขอตัวเดินออกไป เฮเรนน่านั่งลงที่เตียง เพราะต้องมีใครบางคนเข้ามาหาเธอแน่นอน
แต่เมื่อพวกเขามาถึงก็ไม่พบเธอแล้ว !!
“เฮเรนน่าไปไหน” เกลพูดขึ้นเมื่อในห้องมีเพียงความว่างเปล่าไม่มีแม้เงาคน ทั้งในห้องน้ำหรือระเบียงหน้าห้อง
“อย่าบอกนะว่ายัยนั้นหนีไปแล้ว เฮเรนน่า” บีทรีซร้องโวยวายก่อนทั้งหมดสี่คนจะออกไปตามหาเธอให้วุ่นวายไปหมด แต่หารู้ไม่ว่าคนๆ ไม่ได้หายไปไหนเลย เธอแค่.....
เหล่าแม่บ้านหลายคนยืนมองเธอด้วยสายตางุนงงพลางกระซิบกันเอง เมื่อเห็นหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีชมพูกุหลาบนั่งกินขนมหวานที่พวกเขาเตรียมไปให้ท่านทั้งหลายในบ้านอย่างไม่สนใจใคร
“เอ่อ ท่านค่ะ” พวกแม่บ้านรู้สึกพูดอะไรไม่ออก ก็ดูสิเธอกินไม่ฟังใครทั้งนั้น เหมือนกับว่าเธอโหยหิวมานาน
“มีอีกไหม” เธอเงยหน้ามาถามนิ่งๆ
“เอ่อค่ะ” พวกแม่บ้านรีบลุกลี้ลุกลนจัดเตรียมมาทันที แม้ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ดูจากรูปร่างหน้าตาของเธอ จัดได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตไม่น้อย
เกล บีทรีซ เบรนทิล และอลิซาเบลกลับมายังคฤหาสน์โนเอลล์ ด้วยท่าทางเหน็ดเหนื่อยและร้อนรน เพราะพวกเขาหาคนที่ต้องการไม่เจอ แต่ทว่าเมื่อเข้าไปในตัวคฤหาสน์พวกเขาแทบอยากจะฆ่าคนทันที เมื่อตัวการที่เป็นต้นเหตุของปัญหากลับยืนกินขนมมองหน้าพวกเขาอย่างหน้าตาเฉย
“เฮเรนน่า!!!!” ทั้งสี่ตะโกนพร้อมกัน
“........”
“ยัยตัวแสบเธอไปไหนมา” เกลเข้าไปโวยวายเธอคนแรก แต่คนโวยวายกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“ฉันไม่ได้ไปไหน ไม่เชื่อถามพวกแม่บ้านสิ” คนตอบตอบได้อย่างหน้าตายที่สุด
“เธอ......”
“แล้วคุณคิดว่าฉันจะไปไหน คิดว่าฉันจะหนีคุณไปงั้นหรอ คุณนี่คิดอะไรตื้น ฉันจะหนีได้ยังไง ในเมื่อคุณพันธนาการฉันไว้ขนาดนี้” เฮเรนน่ายกข้อมือที่มีอักขระมนตราให้เขาดู เกลลืมเรื่องนี้ไปซ่ะสนิทเลยว่าเขาลงมนตราตามตัวเธอไว้อยู่
“แล้วฉันก็ไม่คิดจะหนีให้ตัวเองลำบากด้วย” แค่ลำพังกับมาทิลด้าเธอก็พอทนแล้ว
“เธอนี่มัน”
“ฉันแค่หิว เลยลงไปหาอะไรกินในครัว” เธอมองหน้าเขาราวกับว่าจะด่าเขาว่า วันหลังก็ดูให้ดีสิ
“ขอโทษนะทุกคนที่ทำให้วุ่นวาย” เธอเดินเข้าไปขอโทษบุคคลทั้งสาม ยกเว้นเจ้าของบ้าน แถมยังหันมามองหน้าเขาด้วยสายตา ก็ไม่รู้สินะ อีกด้วยจนเขาอยากเข้าไปเขกกระโหลกเธอสักที
“ช่างเถอะ แต่เฮเรนน่า เธอฟื้นแล้วเพื่อนรักของฉัน” บีทรีซเป็นคนแรกที่วิ่งเข้ามากอดเธอไว้แน่นเหมือนอย่างเคย ก่อนจะคลายอ้อมกอดออก ก่อนที่ทั้งงหมดจะเข้าไปนั่งกันที่ห้องนั่งเล่น
“เธอน่ะ ชอบทำให้คนอื่นใจหายใจคว่ำอยู่เรื่อยเลยนะ” บีทรีซบ่นด้วยท่าทีไม่จริงจังนัก เฮเรนน่าเงยหน้ามองคนที่ตามเข้ามาอีกสามคน คนหนึ่งคือเกล แต่อีกสองคนเธอไม่รู้จัก
“อ่อ ลืมไปเลยนี่เฮเรนน่า นี่เบรนทิล กับอลิซาเบลเป็นเพื่อนของฉันเอง” บีทรีซแนะนำเพื่อนใหม่ทั้งสองให้เธอรู้จักแต่ไม่ยอมแนะนำเกลคนเดียว
“สวัสดีจ๊ะ เฮเรนน่า ยินดีที่ได้รู้จัก” อลิซาเบล ผู้หญิงตัวเล็ก หน้าตาดูน่ารักและบอบบาง เธอมีผิวขาวสะอาดที่ทำให้เส้นผมสีเหลืองอร่ามที่ดัดเป็นลอนของเธอดูเป็นประกาย เข้ามาทักทายเธอ
“ส่วนอีกคน คาดว่าจะรู้จักกันแล้วมั้ง เห็นเล่นต่อสู้ด้วยกันอยู่” บีทรีซพูดราวกับว่ากำลังเครืองใครสักคนในที่นี้
“เธอฟื้นก็ดีแล้ว จะได้คุยเรื่องของที่เกิดขึ้นสักที” เกลเข้าเรื่องทันที เขาคนเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมทำท่าทางเป็นมิตรกับเธออย่างโจงแจ้ง แต่เธอก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว เธอก็ไม่ได้อยากเป็นมิตรกับเขานักหรอก
“พูดมาสิ ฉันรอฟัง” หญิงสาวเจ้าของผมสีกุหลาบค่อดขอน
“เรื่องที่เกิดขึ้น เธอรู้ที่มาของมันใช่ไหม”
“ฉันตอบไปแล้วจะได้อะไร” เกลมองค้อนหญิงสาวที่กวนประสาทไม่รู้จักเวล่ำเวลาเท่าไหร่ เขาน่าจะจับตัวเธอส่งให้ทางการมากกว่าให้ที่พักพิง
“เฮเรนน่า ฉันไม่มีเวลามาประสาทเสียกับเธอมากนะ”
“ฉันก็ถามต่อไปอยู่ไงตอบไปแล้วจะได้อะไร ในเมื่อคุณดูไม่เชื่อเรื่องที่ฉันจะพูด” ใช่! ตอนแรกเขาไม่เชื่อ แต่เขาเห็น เห็นพลังที่เธอบอกนั้นแล้วไง
“ฉันเชื่อ เพราะฉะนั้นเธอตอบคำถามฉันมาได้แล้ว ยัยตัวแสบ เธอน่ะคดีติดตัวเยอะนะ” เกลมาอยู่ตรงหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีใบหน้าของทั้งคู่ก็อยู่ห่างกันแค่คืบเดียวเท่านั้น เกลพูดจบก็เงยหน้าออกไป
“ฉันคิดว่าการที่พวกปิศาจเข้ามาในโลกนี้ได้ เกิดจากจุดกำเนิดพลังพวกนั้น พวกเธออาจจะไม่เห็นภาพ” เฮเรนน่ากระดิกนิ้วเรียกกระดาษกับดินสอมาวางตรงหน้าเธอ ก่อนจะวาดรูปลักษณะของจุดกำเนิดพลังลงไป
“มันมีลักษณะแบบนี้ และเป็นแสงสีฟ้าอมเขียวเหมือนกับน้ำทะเล แต่ว่าโปร่งใส”
“แล้วมันเกิดมาได้ยังไง” เกลถามกลับไป
“ฉันไม่รู้แน่ชัดนักหรอก แต่มันถูกกำจัดได้ด้วยพลังของฉัน” ทุกคนหันมามองเธอเป็นตาเดียวแต่ไม่มีใครพูดอะไร
“ที่ฉันมั้นใจคือ 1. ฉันสามารถเห็นจุดกำเนิดพลังนั้นคนเดียว 2.ฉันก็ทำให้เห็นไปแล้วว่าฉันทำลายมันได้”
“แล้วไอ้จุดพลังที่เนี่ย มันเกี่ยวข้องยังไงกับพวกปิศาจหรอ” อลิซาเบลทำหน้างงๆ เฮเรนน่าจึงอธิบายต่อไปว่า
“จากที่ฉันเห็น มันเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างมิติเข้าด้วยกัน ระหว่างมิติของปิศาจและมิติของเรา โลกของเรามีหลากหลายมิติ มิติเพื่อนบ้านของเราก็คือพวกมันนั้นแหล่ะ”
“ทำไมพวกมันถึงอยากมาโลกของเรานัก” เบรนทิลถาม จงใจไปหรือเปล่าที่พวกมันจะมารุกล้ำเฉพาะมิตินี้
“เพราะมันถูกเรียกให้มาไง”
“ผ่านทางไหน” เฮเรนน่าหันไปมองเกลผู้ตั้งคำถาม
“ลูกแก้วมนตรา”
“ลูกแก้วมนตรา!!!!!” บีทรีซ เบรนทิล และอลิซาเบลร้องออกมาพร้อมกัน
ตามความเชื่อของมนุษย์ ลูกแก้วมนตราคือวัตถุต้องห้าม ถึงแม้มันจะดูสูงส่งและบริสุทธิ์ แต่ผลของการเข้าไปยุ่งกับมันร้ายแรงถึงตายได้ราวกับผู้ที่ครอบครองมันถูกคำสาป ลูกแก้วมนตราที่เคยเป็นที่แกร่งแย้งกันในเมื่อสมัยหลายร้อยปีก่อน จึงค่อยๆ หมดความศรัทธาลง และอันตธานหายไปในที่สุด และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามันหายไปไหน หรือมันไม่มีอยู่จริงในโลกนี้
“เธอมีความมั้นใจได้ยังไงว่าเป็นมัน”
“เพราะว่าฉันอยู่ในพิธีอัญเชิญพลังพวกนั้นน่ะสิ”
“ว่าไงนะ”
“พิธีอัญเชิญถูกจัดขึ้นโดยมาทิลด้า และผู้ที่อัญเชิญพวกมันมายังโลก คือ ฮันนาห์ เอมี่ อนาสตาเซีย” ทันทีที่เฮเรนน่าเอ่ยชื่อนั้น เกลก็เข้ามาคว้าคอเสื้อเธอทันที จนทุกคนต้องร้องห้าม
“อย่ามาพูดจาดพร่อยๆนะ”
“ฉันไม่ได้พูดจาพร่อยๆ คนอัญเชิญคือฮันนาห์คนนั้น ไม่ผิดแน่ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอยู่ตรงนั้นเห็นมากับตา แต่คุณไม่ต้องกังวลหรอก เจ้าสาวของคุณถูกบังคับ” เฮเรนน่าบอกด้วยสีหน้าตายแต่กลับกวนโทสะของคนฟังสิ้นดี เขาปล่อยเธอออกอย่างหงุดหงิด
“พวกมาทิลด้าต้องการใช้พลังของมันงั้นสิ” บีทรีซพูดขึ้น เฮเรนน่าพยักหน้า
“ถ้าพิธีสมบูรณ์ พวกมันอาจจะควบคุมปิศาจมาสร้างเป็นกองทัพได้”
“แล้วที่มันเป็นแบบนี้หมายความว่าพิธีไม่สมบูรณ์”
“ใช่ มันไม่สมบูรณ์ เพราะฉันทำลูกแก้วมนตรานั้นแตกไปก่อน”
“ทำแตก!!!” อีกครั้งที่ผู้ฟังทั้งสามตะโกนพร้อมกันด้วยความตกใจ เฮเรนน่าจึงเรียกห่อผ้าชิ้นหนึ่งออกมา ก่อนที่เธอจะเปิดหลักฐานในห่อผ้านั้นให้ถูกคนดู
“เนี่ยนะหรอ ลูกแก้วมนตรา เละเทะไม่มีชิ้นดีเลยแหะ-_-“ เบรนทิลบอกเมื่อเห็นสภาพของลูกแก้วแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไม่มีชิ้นดี
“แล้วเธอก็ได้ตราสัญลักษณ์นั้นมาเพราะลูกแก้วแตก” บีทรีซบอกพลางชี้ไปที่หน้าอกของเธอ แต่ดูเหมือนทุกคนจะไม่เข้าใจ
“ใช่ เหมือนกับลูกแก้วมีกลไกป้องกันตัวเอง ตัวเองไว้อยู่แล้ว มันเลยกลายเป็นคำสาปย้อนกลับสู่ตัวฉัน แต่พลังของลูกแก้วแพร่กระจายออกไป ก่อเกิดเป็นจุดกำเนิดพลังและเปิดประตูมิตินำพวกปิศาจเข้ามา”
“มันมีทั้งหมดกี่จุด” เกลถามอย่างซีเรียส แต่เฮเรนน่ากลับส่ายหน้า
“ฉันไม่รู้หรอก แต่ที่แน่ๆ มันต้องไม่ต่ำกว่า 10 จุดแน่นอน” เกลถึงกับมือกุมขมับ เขาไม่ได้สนว่ามันจะเกิดขึ้นที่ใด แต่การที่พวกปิศาจหลุดเข้ามาสร้างความวอดวายแค่ไหนเขาก็ประสบมาแล้ว ถึงจะเกิดที่อื่นแต่ความเป็นไปได้ที่จะกระทบพื้นที่ส่วนร่วมเหมือนกัน ถ้าป้องกันไม่ดี
“เธอสามารถรู้ใช่ไหมว่ามันเกิดขึ้นที่ไหนบ้าง”
“ฉันสัมพัสมันได้”
“เราต้องหาวิธีป้องกันนะเกล” บีทรีซบอก ใช่ เขาต้องทำแบบนี่เหมือนกัน แต่จะทำยังไงนี่สิ ไม่ใช่ว่าทุกสถานที่จะให้เขาเข้าไปคุมสถานการณ์นี้
“ฉันจะติดต่อไปกับทางการอเล็กซานเดรียเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เฮเรนน่า เธอต้องเข้ารายงานตัวกับทางการก่อน”
“เกล นายช่วยไม่ได้เลยหรอ” บีทรีซพูดด้วยน้ำเสียงแกรมข้อร้อง เกลส่ายหน้า
“เฮเรนน่าตกเป็นผู้ต้องหาในคดีของพวกปิศาจเต็มๆ เรื่องนี้สร้างความเดือดร้อนค่อนข้างใหญ่โต ทางการไม่ปล่อยเธอไว้หรอก นอกเสียจากเธอจะเข้ารายงานเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” เกลมองเฮเรนน่าที่หันมาสบตากับเขา
“เธอพร้อมที่ทำแบบนั้นไหมล่ะ”
“ได้ ฉันเบื่อกับการถูกยัดเหยียดข้อหาเต็มทนแล้ว” เธอจ้องตาเกลอย่างไม่กลัวเกรงเช่นกัน
เกลพาเฮเรนน่าเข้าพบกับเจ้าชายชาร์ลลี เกลา อเล็กซานเดรีย รัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งราชอาณาจักรอเล็กซานเดรีย แต่ทว่าเจ้าชายกลับเก็บตัวและไม่ค่อยออกงานเท่าที่ควร ถึงแม้จะเป็นแบบนั้นแต่เจ้าชายกลับเป็นคนควบคุมงานอยู่เบื้องหลังได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่ขาดตกบกพร่อง คนที่ทำงานใกล้ชิดท่านล้วนแต่ออกปากชมทั้งนั้น รูปร่างลักษณะของท่านไม่มีใครทราบแน่ชัด ถึงกระนั้นสาวๆ ในประเทศก็ยังเอาไปมโนกันต่างๆ มากมาย ว่าหน้าตาหล่อดังเทพบุตรบ้างล่ะ หุ่นดีอย่างกับนายแบบบ้างล่ะ ทำให้เฮเรนน่าเล่นๆ ว่าถ้าเจ้าชายเกิดออกมาตัวอ้วนหน้าเหมือนหมี พวกสาวๆ คงใจสลายไม่น้อย
....บางทีที่ไม่กล้าออกสู่สาธารณะเพราะว่าอายตัวเองหรือเปล่านะ....
“คิดอะไรอยู่” เกลที่เดินเข้าสู่ภายในพระราชวังพร้อมกับเธอ
“นิดหน่อย”
“ไม่ได้คิดจะทำอะไรพิเรนท์ๆ ใช่ไหม”
“ก็นะ”
“-*-“ อัศวินเฝ้ายามทุกคนล้วนทำความเคารพเกลแทบทุกคนที่เดินผ่าน เกลเองก็คงเส้นใหญ่อยู่ไม่น้อยสินะ ก็ใช่น่ะสิดูจากบ้านเขาก็น่าจะรู้แล้วว่ายิ่งใหญ่แค่ไหน แต่จะว่าไปนอกจากเกลและพวกแม่บ้านแล้ว เธอก็ไม่เคยเห็นใครในครอบครัวของเขาเหมือนกัน