บทที่ 8-02
“เจ้าชายรอเธออยู่ในนั้น” เกลบอกพลางชี้ไปที่ประตูบานใหญ่ที่มีลวดลายสวยงาม
“คุณไม่เข้าไปด้วยหรอ”
“เจ้าชายต้องการคุยกับเธอเป็นการส่วนตัว” เฮเรนนาพยักหน้าก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเข้าไปหลายเมตร เธอหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผ้าม่านโปร่งแสงที่ปิดตั้งแต่เพดานจนถึงพื้น แม้มันจะเป็นผ้าที่โปรงแสงแต่พอทับกันหลายชั้นก็ทำให้ไม่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่ด้านในได้ถนัดนัก แต่เธอเห็นคนๆ หนึ่งนั่งรอก่อนอยู่แล้ว และนั้นคงเป็นเจ้าชาย ร้ว่าลึกลับแต่ไม่น่าจะลึกลับได้ขนาดนี้
“เฮเรนน่า เทรเวอร์”
“เพคะ” เฮเรนน่าย่อกายทำความเคารพตามมรรยาทที่ดี
“คิดไม่ถึงว่าเธอจะลอบเข้ามาในเมืองนี้ ทั้งๆ ที่ถูกตามล่าตัวอยู่” เจ้าชายเย้ยหยั่นเธอราวกับว่าเธอกำลังท้าทายอำนาจของเขา
“หม่อมฉันมีเรื่องจำเป็นจึงต้องมา”
“เจ้าไม่กลัวที่จะถูกจับงั้นหรือ”
“หม่อมฉันไม่ได้กลัวไปมากกว่าเรื่องที่หม่อมฉันจะต้องทำเพคะ”
“เรื่องอะไรล่ะ ที่เจ้าต้องทำ ปล่อยปิศาจมายึดเมืองเรางั้นหรือ”
“ถ้าเรื่องนั้นเห็นทีหม่อมฉันต้องปฏิเสธ เพราะหม่อมฉันไม่ได้เป็นคนนำพวกมันเข้ามาที่นี้” เฮเรนน่าพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ถ้าไม่ใช่เจ้าแล้วจะเป็นใคร ในเมื่อเจ้าปรากฏตัวพร้อมกับเจ้าพวกปิศาจพอดี”
“ถ้าหม่อมฉันจะทำแบบนั้นจริง พระราชวังของพระองค์ก็คงไม่เหลือไม่เหมือนกัน” แปะๆ เจ้าชายปรบมือชื่นชมในคำพูดหยิ่งยโสของเธอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้อยู่ในสถานะที่พูดจาแบบนี้ได้ แต่เธอกลับพูดออกมาเขาจึงยอมรับไม่ได้น้อยว่าเธอช่างกล้าหาญ
“เจ้าคิดว่าจะได้ทำอย่างที่คิดง่ายๆ หรือไง”
“มันก็คงไม่ยากเกินกำลัง”
“เฮเรนน่า เทรเวอร์เจ้ารู้หรือไม่ว่าคำพูดของเจ้าจะนำพาภัยมาถึงตัว”
“ต่อให้หม่อมฉันไม่พูดออกไป ถ้าพระองค์จะยัดเยียดข้อหา หม่อมฉันก็ไม่สามารถเถียงได้อยู่แล้ว” ใช่! ต่อให้เธอพูดดีแค่ไหน ถ้าเจ้าชายคิดจะตั้งข้อหาให้เธอ เธอก็คงจะต้องถูกดำเนินคดีไปตามนั้นเหมือนกัน
“เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังพูดอยู่กับใคร”
“เจ้าชายชาร์ลลี หม่อมฉันรู้ว่าพระองค์มีอำนาจในมือมากแค่ไหน แต่ถ้าพระองค์อยากหาใครสักคนรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าจุดมุ่งหมายทั้งหมดมันต้องตรงที่หม่อมฉัน ต่อให้หม่อมฉันปฏิเสธให้ตายหม่อมฉันก็ไม่สามารถหลุดพ้นข้อหาที่ถูกยัดเยียดได้อยู่ดี แต่หม่อมฉันขอบอกตรงนี้เลยว่าหม่อมฉันไม่ได้เป็นคนทำ!” เฮเรนน่าพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจนถึงขั้นก้าวร้าว เจ้าชายอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ เขาไม่ได้ตั้งใจจะยัดเยียดให้เธออยู่แล้ว แต่เพราะเธอคือผู้ต้องสงสัยเขาต้องนำมาสอบสวน และเรื่องนี้มันก์ใหญ่เกินไป เขาจึงต้องลงมือสอบสวนเอง
เฮเรนน่า เทรเวอร์เป็นผู้หญิงที่มีชื่อเสียงพอสมควร ทั้งด้านความรู้และฝีมือ จนถึงตอนนี้เขาก็ได้รู้อีกเรื่องในด้านการควบคุมสถานการณ์ เธอไม่ได้กลัวเลยสักนิดที่โดนนำตัวมาสอบสวน ผิดกับคนอื่นๆ ที่กลัวจนพูดอะไรออกมาไม่ถูก
“แล้วเจ้าจะพิสูจน์ตัวเองได้ยังไงว่าเจ้าไม่ได้ทำ”
“หม่อมฉันพิสูจน์ตัวเองตั้งแต่วันนั้นแล้วเจ้าชาย ที่จริงหม่อมฉันไม่จำเป็นต้องหยุดมันให้เปลืองแรงด้วยซ้ำ ถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ เล่นดูให้เมืองของท่านวอดวายไปอย่างช้าๆ คงจะสนุกกว่า”
“ถ้ายังขืนพูดจาแบบนี้ข้าจะสั่งลงโทษเจ้านะ”
“ก็ดีนี่ จะได้รู้กันไปว่าเจ้าชายราชอาณาจักรนี้หูเบา ไร้ซึ่งความยุติธรรม”
“!!!!!” เอากับเธอสิ นี่ขนาดเขาเป็นเจ้าชายนะ ยังลุกขนาดนี้ ถ้าเขาเป็นผู้ตัดสินทั่วไป ผู้ตัดสินไม่หน้าหงายไปเลยหรอ
“เฮเรนน่า เทรเวอร์ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีหลักฐานมาดิ้นให้ตัวเองหลุดจากข้อหาอยู่ดี”
“ถ้าคิดจะยัดเยียดกันตั้งแต่แรกก็จับกันไปเลยสิ มาถามให้วุ่นวายเสียเวลาทำไม แล้วถ้าจะหาหลักฐานมาตอนนี้ ก็คงต้องบอกให้พวกปิศาจมาบุกเมืองอีกรอบ แล้วก็เชิญเสด็จออกไปดูด้วยนะว่าถึงตอนนั้นฉันจะทำยังไง บางทีฉันอาจจะนั่งมองอยู่ที่ไหนสักแห่งให้ปิศาจมันถล่มเมืองเลยก็ได้”
“เฮเรนน่า เทรเวอร์หยุดเถียงไร้สาระสักที”
“เออ ฉันไร้สาระ แล้วคุณล่ะ พูดอยู่ได้ว่าฉันเป็นคนผิด ก็คนก็พูดอยู่ป่าวๆ ว่าไม่ได้ทำ ฟังกันบ้างไหม” เฮเรนน่าหงุดหงิดจนลงไปนั่งขัดสมาธิกับพื้นพร้อมเปลี่ยนสรรพนาม สุดท้ายเธอก็เป็นคนผิดใช่ไหม
“เฮเรนน่า เจ้าชักจะมากเกินไปแล้วนะ”
“ก็เพราะคุณเองเอาแต่โยนความผิด ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าพวกปิศาจโผล่หัวมาที่นี้ได้อย่างไร แต่ถ้าคิดว่าฉันมาที่นี้เพื่อทำลายเมืองคุณเพราะคำสั่งของมาทิลด้า คุณคิดผิดแน่นอน ฉันเป็นพวกทรยศองค์กร ฉันไม่ทำแบบนั้นให้คดีติดตัวเพิ่มขึ้นหรอก” เจ้าชายชาร์ลลีเงียบไปราวกับว่าต้องการรวบรวมสามาธิและสติตัวเองอีกครั้ง
“ได้ ฉันจะเชื่อก็ต่อเมื่อ เจ้ามีหลักฐานเพียงพอมายืนยัน”
“อ่าว คุณก็ยังยัดเยียด”
“ไม่ได้ยัดเยียด แต่ฉันกำลังจะบอกเธอว่าฉันจะให้เธอพิสูจน์ตัวเองว่าเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ฉันรู้เรื่องจากเกลมาบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเธอต่อไปนี้คือออกตามเก็บจุดกำเนิดพลังที่จะเกิดขึ้นใหม่”
“ไม่ต้องบอกฉันก็ต้องทำ”
“ฟังคนอื่นพูดหน่อยสิ” เจ้าชาร์ลลีผู้ใจเย็น เริ่มเครียดทันที ถึงขั้นเปลี่ยนสรรพนามตามเธอเช่นกัน
“แล้วถือว่าฉันข้อร้องอย่างเป็นการส่วนตัว ฉันไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดขึ้นที่ไหน แต่ที่อื่นไม่ได้มีการป้องกันที่ดีมากนัก พวกซินเธียก็มีน้อยจนเกินที่จะต้านรับ ฉันอยากให้เธอไปช่วยเหลือพวกเขา เพราะส่วนใหญ่ที่ถูกทำร้ายเป็นพวกชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
“คิดว่าฉันจะใจดี เสียสละมากเลยงั้นหรอ”
“อยากเข้าไปนอนในตารางตลอดชีวิตไหม นี่ฉันให้เธอพิสูจน์ตัวเองนะ”
“พิสูจน์ตัวเองครั้งเดียวก็เกินพอ ครั้งอื่นๆ ทำไมต้องทำให้เหนื่อย”
“เฮเรนน่า!”
“นี่เจ้าชาย การควบคุมจุดกำเนิดพลังใช้พลังของฉันค่อนข้างมาก เกิดฉันตายขึ้นมาโลกไม่วุ่นวายเลยหรอ”
“เฮเรนน่า แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง”
“การพิสูจน์ตัวฉัน คุณจะต้องว่าจ้างฉันเป็นการส่วนตัว”
“ว่าจ้าง อาชญากรอย่างเธอเนี่ยนะ!!” เจ้าชายถามเสียงหลง เธอมีสิทธิ์มาต่อรองด้วยหรือไง
“อาชญากรก็มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด อาชญากรไม่ต้องกินต้องใช้หรือไง เป็นซินเธียก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กินข้าวได้นะคุณ” เจ้าชายถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ
“ได้ เธอจะยื่นข้อเสนออะไรก็ว่ามา”
“ให้ฉันเป็นคนรักคุณได้ไหม”
“เฮ้ย!!!!!” เจ้าชายชาร์ลลีร้องเสียงหลงมากกว่าเดิม แถมยังตกใจแทบตกเก้าอี้ ส่วนเธอถ้าไม่ติดว่าเป็นคนหน้าตายป่านนี้คงหัวเราะจนท้องแข็งไปแล้ว
“ฉันล้อเล่น ก็แค่อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ.....”
เฮเรนน่าเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทีสบายใจราวกับว่าเธอชนะคดี ก่อนจะเดินยืนข้างๆ เกลที่ยืนคุยกับพวกอัศวินกลุ่มหนึ่งอยู่
“ดูเธอสบายใจมากเลยนะ”
“แน่นอน ไม่เห็นมีอะไรต้องเครียด” เธอยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ
“เจ้าชายว่าไงมั้ง”
“ก็บอกว่าถ้าฉันไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในเวลาที่กำหนดจะจับฉันยัดเข้าตารางก็เท่านั้น”
“แต่ดูไม่เดือดร้อน”
“ที่ๆ ฉันเคยอยู่ไม่ได้ต่างไปจากนั้นเท่าไหร่ ไปหรือยัง ฉันอยากกินขนม”
“เธอน่ะ กินขนมในห้องครัวของฉันจนหมดไปตั้งแต่เช้า นี่ยังจะกินอีกหรือไง” เกลบ่นระหว่างเดินออกจากวังไปกับเธอ เฮเรนน่าไม่ได้เล่าเรื่องที่คุยกับเจ้าชายให้ฟังมาก เล่าแค่บางส่วนเท่านั้นที่เจ้าชายบอกให้เธอพิสูจน์ตัวเอง แต่เกลไม่ได้ถามอะไรเธอมาก เพราะบางเรื่องมันควรเป็นเรื่องระหว่างสองคนเท่านั้น