บทที่ 5 - มอบตัว
1/
บทที่ 5 - มอบตัว
Breekfic: Fate Return บลีกฟิก สงครามชิงอาณาจักร ภาค โชคชะตาที่ไม่อาจหลีกหนี
(
)
已经是第一章了
บทที่ 5 - มอบตัว
บทที่ 5 มอบตัว “ปล่อยนะ!!!” เสียงเล็กตวาดลั่น ผมสั้นประบ่าสีทองในยามนี้ยุ่งเหยิงไม่มีชิ้นดี เพราะเจ้าตัวสะบัดมันไปมาตามแรงอารมณ์ที่เดือดพล่าน ใบหน้าใสที่เคยร่าเริงในตอนนี้กลับฉายแววโกรธเกรี้ยวดุดัน ดวงตาสีน้ำผึ้งราวกับเปลวเพลินประกายความน่ากลัว ยามนี้หากมองใครแล้วผู้นั้นอาจเข่าอ่อนกันไปหมด “ที่นี่ไม่เหมาะจะสู้หรอกนะ” น้ำเสียงเหยียบเย็นเอ่ยปราม เจ้าของเสียงคือชายหนุ่มผมขาวตาแดงที่นั่งยอง ๆ มองเด็กสาวจอมดื้อสองคนที่ถูกขังอยู่ในกรงพิเศษที่ลงเวทโดยเจ้าชายภูต คูล เวราเน่ ซึ่งหากไม่ใช่ทำแบบนี้ เจ้าเด็กสองคนที่มีพลังกายมหาศาลและพลังเวทที่รุนแรง คงจะใช้ความสามารถรวมกันแล้วทำลายข้าวของทิ้งไม่มีชิ้นดี ทางข้างหลังโอลิเวอร์ ได้มีร่างของหนึ่งสาวกับหนึ่งหนุ่มที่นอนหลับเป็นตายอยู่บนเก้าอี้นวมของแต่ละคน สภาพของคนทั้งคู่มีบาดแผลรอยช้ำตามตัว สีหน้าดูเหน็ดเหนื่อย ประกายความสง่างามหม่นหมองลง แต่เมื่อเทียบกับเด็กสาวฝาแฝดทั้งสองที่แม้จะผ่านการต่อสู้หนักหนามา ตามตัวกลับไม่มีบาดแผลและยังเต็มไปด้วยกำลังเต็มเปี่ยม ถ้าหากโอลิเวอร์ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย ปานนี้โรงเรียนคงถูกสองแฝดเผาป่าราบไปแล้วล่ะ “ต่อให้พวกเธอหนีไปพร้อมกับพี่สาวสุดที่รักแล้วละก็ คิดเหรอว่าคนอย่างคูลจะหาไม่เจอ ตอนนี้ทุกพื้นที่ในเมืองเต็มไปด้วยตาของหมอนั่นหมดแล้วล่ะ” โอลิเวอร์ถามยันเชิงกับแอริสที่แยกเขี้ยวใส่เขาเหมือนกับสัตว์ป่าที่กำลังขู่ “เราไม่ได้คิดจะหนีไปซ่อนตัวนิ! เราแค่จะไปวางแผนกัน” เด็กสาวตอบ “เหรอ” โอลิเวอร์ตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ “แต่ถึงเขาคนนั้นจะรู้การเคลื่อนไหวของพวกเรา แต่ก็ขาดหลักฐานในการมัดตัวอยู่ดี โลกนั้น... ถ้าไม่มีหลักฐานอะไรก็ปรักปรำพี่น้องตระกูลแกรนไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ” ถ้าไม่มีหลักฐาน คูลกับคนอื่น ๆ ที่ทำงานให้กับสภาบลีกฟิกไม่มีสิทธิ์ที่จะไปจับพวกไอริสได้ ต่อให้พวกเขาเห็นหรือรู้ทุกอย่างก็ตามที แต่ในฐานะพวกกลุ่มคนที่อยู่เหนืออำนาจ พวกเขามีโอกาสหลากหลายทางในการจับตัวพวกเด็กสาวตระกูลแกรน นั่นรวมไปถึงหนทางที่เลือดเย็นด้วย แต่พวกเขาหวังว่าจะไม่ต้องใช้แผนการนั้นในเร็ว ๆ นี้ ไอริสที่หลบคูลโดยการปิดบังรูปร่าง แต่ก็ไม่สามารถปิดได้ทั้งหมด หญิงสาวใช้เวทในการปิดบัง ก็ย่อมมีกลิ่นอายเวทที่หลงเหลือรอบตัวอยู่ตลอดเวลา แต่หากเป็นนักเวทธรรมดาคงไม่มีใครสังเกตเห็น ทว่าคูลเป็นถึงเจ้าชายภูตที่ทุกส่วนในร่างกายเขาเต็มไปด้วยเวทมนตร์ และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไอริส มีหรือที่เจ้าตัวจะไม่รู้ว่าหญิงสาวซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ก็อย่างที่แอริสพูด ตราบใดที่คูลไม่มีหลักฐานตำตาว่าไอริสคือโอลิเวีย ชายหนุ่มก็ไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น เพราะในโลกเวทมนตร์เมื่อเรื่องอย่างการปลอมตัวเป็นคนอื่นเกิดขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้นทางเดียวที่พวกคนจากบลีกฟิกจะทำได้คงมีแค่พยายามล่อให้ไอริสใช้พลังเวทของตัวเองต่อหน้าคนจำนวนมากเท่านั้น ทว่า... คนอย่างโอลิเวีย แกรนไรซ์ ไม่เคยใช้เวทประจำตัวโดยไม่จำเป็น ถ้าหากไอริสกลับไปเป็นโอลิเวียตอนนี้ สิ่งที่เธอจะได้รับมีแต่คำประณามและบทลงโทษ เพราะฉะนั้นคำว่ากลับไปจึงไม่มีทางอยู่ในหัวของเธอแน่นอน “นี่พี่ชาย... ต่อให้เจ้าชายคนนั้นจะเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่พี่รู้ไหม หนูน่ะเชื่อในฝีมือพี่สาวบ้าเลือดของหนูที่สุดแหละ” ยามเที่ยงคืนที่ดึกสงัด ดวงจันทราส่องแสงสว่างอยู่บนฟากฟ้าชวนให้รู้สึกเคลิ้มฝัน บนดาดฟ้าของบ้านสามชั้นได้มีหญิงสาวผมยาวสีดำนอนเรียบไปกับพื้น โดยที่ข้าง ๆ มีแมวตัวสีขาวนอนขดหลับสนิท เธอในยามนี้มีดวงตาท่าส่องประกายสีดำสะท้อนกับดวงดาวไร้ความง่วงงุนเหมือนเช่นคนทั่วไป เพราะตอนนี้ ในหัวสวย ๆ ของเธอนั้นเต็มไปด้วยความคิดมากมายที่ปะปนชวนให้สับสน ท่ามกลางความเงียบสงบของบริเวณรอบบ้านย่านชานเมืองที่ห่างไกลผู้คน จู่ ๆ ก็ได้มีเงามืดกระโดดขึ้นมายืนบดบังแสงจันทร์เบื้องหน้าคนที่นอนอยู่จนมิดแสง ผู้บุกรุกที่มาถึงมองเห็นหน้าคนที่นอนด้วยท่าทีสบายใจแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จากนั้นก็ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นข้าง ๆ เอริส หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีฟ้าราวกับน้ำทะเลเม้มริมฝีปากที่ซีดขาวของตนเองอย่างชั่งใจ เธอลังเลอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจที่จะเริ่มเข้าสู่บทสนทนา “เจ้านั่นวางข่ายเวทเต็มไปหมด” เอริสบ่นออกมาตามประสาคนขี้หงุดหงิด “และข่ายเวทของเขาก็กำลังจะทำงานในบ้านของฉันอีกไม่ช้า” ไอริสเอ่ยขึ้นอย่างไม่ทุกข์ร้อน ซึ่งท่าทางตอนนี้กลับเรียกสายตาดุ ๆ จากคนฟังได้เป็นอย่างดี “เธอยอมให้เขาวางข่ายเวทในบ้านของเธอเองงั้นเหรอ” เอริสไม่เข้าใจ ไอริสเกลียดการรุกล้ำพื้นที่ของตัวเองเหนือกว่าสิ่งอื่นได้ แต่นี่เธอกลับปล่อยให้คนคนนั้น ที่คิดจะเปิดโปงตัวตนมาเข้าถึงตัวบ้านของเธอเองโดยไม่คิดต่อต้านหรือป้องกัน ไอริสหลับตาลงอย่างเชื่องช้า เธอกล่าวขึ้นมาทั้งที่หลับตาอยู่ว่า “จะให้ฉันตบตาผู้ชายคนนั้นด้วยการลบเวทขั้นสูงของเขาหรือไงกัน ในบลีกฟิกมันจะมีสักกี่คนที่ทำลายเวทของเจ้าชายภูติคนนั้นได้” “จริงสิ...” “แล้วทำไมถึงมาหาฉัน” ไอริสเริ่มเปลี่ยนประเด็น ในตอนนี้เธอยังไม่อยากจะพูดถึงเจ้าชายภูตคนนั้นให้มากนัก ในตอนนั้นเอง เจ้าแมวสีขาวก็เริ่มตื่นขึ้นมาเพราะเสียงพูดคุย มันใช่ตาสีดำสนิทของตัวเองหันไปมองหญิงสาวผมสีฟ้าหน้านิ่งโดยไม่ส่งเสียงอะไรออกมา ฝ่ายคนที่ถูกมองในตอนนี้เองก็ยังคงไม่รู้ตัวว่ามีสิ่งมีชีวิตอีกตัวหนึ่งอยู่บนนั้นด้วย “วันนี้ฉันโดนคนพวกนั้นตามจับตัว” “แล้วเป็นยังไงกันบ้างละ” “ฉันเจออริส แต่เหมือนว่าอริสเองก็จะมาด้วย ฉันไม่รู้อะไรมากนักหรอก เพราะหนีออกมาก่อน ปล่อยให้แอริสกับออริสจัดการที่เหลือต่อเอง” “ไม่มีทางที่อริสกับอรินจะรับมือสองแฝดได้ แต่ต่อให้รับมือได้โรงเรียนอาจจะกลายเป็นตอตะโกไม่ก็ทะเลลาวาไปแล้ว งานนี้โอลิเวอร์คงจะลงสนามไปรวมด้วย” “ใช่... เฮ้ย!” เสียงหวานพลันร้องลั่นขึ้นมาอย่างลืมตัว เมื่อแขนข้างซ้ายรับรู้สึกถึงเจ้าก้อนขนนิ่ม ๆ ที่มาถูไถกับแขนของตัวเอง เอริสตอนนี้มีสีหน้าตื่นตระหนกราวกับเห็นผี เจ้าแมวสีขาวตรงหน้าในสายตาคนอื่นอาจมองว่ามันคือแมวธรรมดาที่หน้าตาสวยน่าหลงใหล แต่สำหรับเอริสแล้ว ไบท์ คือแมวปีศาจและน่ากลัวยิ่งกว่าอะไรทั้งปวงในโลก และถ้าเป็นไปได้เธอขออยู่ให้ห่างมันไกลที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ดีกว่า ฝ่ายไบท์ที่ได้แกล้งคนพลันแกล้งเอียงคอมองกลับอีกฝ่ายด้วยท่าทางน่ารัก เหมือนกับแมวธรรมดาที่กำลังสงสัย “ยัยแมวปีศาจมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน” เอริสโวยวายออกมา ดวงตาสีฟ้าลึกลับมองมันอย่างระแวง ไอริสที่ได้ยินแบบนั้นก็หลุดขำออกมา ไบท์คือภูตศักดิ์สิทธิ์ประเภทหนึ่ง ที่สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ได้หลายชนิด แต่แค่เพราะมันชอบอยู่ในร่างแมว และมีพลังทำลายล้างเหมือนกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ เหล่าพี่น้องบ้านแกรนที่ถูกมันแกล้งอยู่บ่อยครั้งจึงตั้งชื่อให้มันว่าแมวปีศาจ “ฉันก็แค่คืนร่างจากสิงโตเฝ้าพิพิธภัณฑ์ มาเป็นแมวน้อยที่แสนน่ารักต่างหากละ” เจ้าแมวภูตผู้ศักดิ์สิทธิ์แก้ต่างให้ตัวเอง พร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส เมื่อรวมท่าทางกับคำพูดของมันแล้วไม่ว่าใครที่ได้ยิน ต่างก็ต้องเหม็นขี้หน้ามันเป็นแน่ ร่างเดิมของไบท์นั้นคือสิงโต แต่มันมักจะกลายร่างเป็นแมวเมื่อต้องคอยติดตามไอริส โดยคนที่รู้จักร่างแมวของมันมีเพียงพี่น้องตระกูลแกรน ซึ่งอันที่จริงเรื่องราวของชื่อและตัวตนปลอมแปลงพวกนี้ มีเพียงแค่คนในครอบครัวและอาจารย์ฟีโอน่าเท่านั้นที่รู้เรื่อง กลับมาถึงเรื่องของไบท์ สาเหตุที่คนอื่นต่างกลัวเจ้าแมวสาวตัวนี้มีอยู่เหตุผลใหญ่ ๆ นั้นคือเรื่องของพิษ แต่เดิมอาจารย์ฟีโอน่าเป็นคนชุบเลี้ยงพี่น้องทั้งสี่ และฝึกฝนการต่อสู้ให้พวกเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งการฝึกรวมไปถึงการป้องกันตัว และป้องกันพิษ พวกเธอทั้งสี่ต่างต้องทนกับยาพิษนับไม่ถ้วนมาตั้งแต่เด็กยันโต ความทรมานทุกอย่างยังคงตรึงอยู่ในจิตใต้สำนึก พอมาอยู่ใกล้แมวที่ร่างเต็มไปด้วยพิษ แน่นอนว่าพวกเธอต้องกลัวเป็นธรรมดา ทว่าการฝึกพิสดารต่าง ๆ ของอาจารย์ฟีโอน่านั้นไม่ได้ส่งผลเสีย เพราะจากการฝึกต่าง ๆ ภูมิต้านทานในร่างของพวกเธอก็ผิดปกติกันไปหมด อย่างร่างกายไม่รู้สึกเจ็บ อึดและทนเกินกว่าคนปกติ “บางทีก้อนหินอาจจะเหมาะกับเธอที่สุด” เอริสเถียงเจ้าแมวสีขาวกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ฝ่ายหนึ่งคือแมวที่หยิ่งทะนง ส่วนอีกฝ่ายคือสาวงามผู้หยิ่งในศักดิ์ เป็นการยากที่จะมีใครยอมให้ใคร ไบท์เมื่อถูกหยาม มันก็พลังโก่งตัวแล้วแยกเขี้ยวส่งเสียขู่ฟ่อ ๆ พร้อมกับขนทั่วร่างค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน ไอริสรู้ดีว่าไบท์แค่กลายร่างขู่เอริส แต่เธอก็กลัวว่าพี่สาวตัวเองจะรับคำท้าและตีกันขึ้นมาจริง ๆ จัง ๆ เพราะในตอนนี้เอริสเองก็มีสีหน้าเหมือนกับไม่คิดจะจบเรื่องราวตอนนี้ไว้แค่คำขู่ สังเกตได้จากดวงตาสีฟ้าเช่นเดียวกับสีผมที่เคยสงบนิ่งดังผืนน้ำ ยามนี้กลับเคลื่อนไหวประกายเป็นแรงคลื่น น้ำที่สงบเริ่มก่อตัวเป็นพายุ... เป็นเวลาเกือบนาทีที่มนุษย์กับภูตจ้องหน้ากันอย่างกินเลือดกินเนื้อ โดยที่ไม่มีใครยอมลงให้กันง่าย ๆ แต่ก็ไม่มีฝ่ายไหนที่เริ่มขยับตัวก่อน จนเมื่อกรรมการเริ่มที่จะปวดหัว ไบท์ที่สามารถเข้าถึงจิตสำนึกส่วนหนึ่งของไอริสได้ ก็ถอนหายใจออกมาแล้วเป็นฝ่ายยอมแพ้ สะบัดตัวหนีจากไป โดยที่ทิ้งท้ายคำพูดตัดปัญหาเอาไว้ “ฉันขอตัวไปสำรวจถ้ำก่อนก็แล้วกัน อีกชั่วโมงจะกลับมา” มันพูดแบบนั้น ก่อนร่างสีขาวจะกระโดดลงจากดาดฟ้าไปอย่างว่องไว ไอริสมองร่างที่ลาลับไปจนสุดสายตา ก่อนจะหันมาใจคนที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทมากกว่าพี่สาวอีกครั้ง ในตอนนี้จากดวงตาทะเลพายุได้เริ่มกลับมาสงบ และบรรยากาศรอบตัวก็ได้มีความเยือกเย็นและสูงศักดิ์กลับมาปกคลุมอีกครั้ง มองแล้วเหมือนกับตุ๊กตากระเบื้องที่สลักออกมาได้งดงามสมบูรณ์แบบ ไอริสเริ่มสำรวจเจ้าแห่งผืนน้ำตรงหน้าอย่างละเอียด ในตอนนี้ชุดนักเรียนโทนขาวของเอริสมีคราบเปื้นฝุ่นดิน หวนให้นึกถึงสมัยที่เธอออกแบบชุดนักเรียนให้กับตัวเองครั้งแรก เอริสเคยพูดเอาไว้ว่าสภานักเรียนจำเป็นต้องใส่ชุดสีขาว ซึ่งเป็นสีที่บริสุทธิ์เหมาะสมกับคนที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสภาผู้ใสสะอาด แน่นอนว่าคำพูดของเธอทำให้นักเรียนทั้งโรงเรียนเอือมระอา แต่กลับไม่มีใครใส่ใจ “สภาพดูไม่ค่อยได้เลยนี่” เสียงหวานหนุ่มของไอริสทักขึ้นอย่างเป็นห่วง แต่ดวงตาสีน้ำกลับซ่อนแววตาขบขันเอาไว้ เมื่อนาน ๆ ครั้งเธอจะได้เห็น เอริส แกรน หญิงสาวผู้รักความสะอาดแต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามอมแมม แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ใบหน้าใสและผิวขาวของเจ้าตัวก็ยังสะอาดสะอ้าน เหมือนกับเพิ่งไปอาบน้ำมาหมาด ๆ เอริสเห็นแววตาแบบนั้นของไอริสก็เริ่มขมวดคิ้วเรียวเข้าหากัน สีหน้าฉายแววไม่พอใจออกมาเล็กน้อย แม้จะอยากระเบิดอารมณ์ออกมา เพราะวันนี้ได้เจออะไรมามากมาย แต่เธอก็ตกสะกดความอดกลั้นเอาไว้เต็มกลืน หากเป็นคนอื่น และหากเธอยังอยู่ที่บลีกฟิก เอริสคงไม่ลังเลที่จะฆ่าคนที่หาเรื่องตัวเอง แล้วโยนเนื้อมันไปให้เป็นอาหารเจ้าโคโค่ไปแล้ว แต่ในตอนนี้ ต่อให้เธอได้ทำอย่างที่ใจคิด ผลลัพธ์คงกลายเป็นเธอนั่นแหละ ที่จะได้ตายก่อนเจ้าคนผมดำตรงหน้านี้เป็นแน่ ไอริสที่ลอบขำหยุดหัวเราะฉับพลัน แววตาติดตลกแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง เหมือนเวลาเผชิญเรื่องคอขาดบาดตาย เมื่อประสาทสัมผัสรอบตัวรับรู้สึกถึงเวทมนตร์ของผู้ชายคนนั้น กำลังจะเริ่มทำงานในไม่ช้า “แฝดนรกของพวกเราคงถูกคนพวกนั้นจับตัวไปแล้วสินะ” เสียงใสที่เคยขำขันเปลี่ยนเป็นแข็งกล้า นัยน์ตาพลันฉายแววไม่พอใจออกมาเล็กน้อย เธอไม่พอใจที่น้องสาวของตัวเองถูกจับเพราะการพ่ายแพ้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าสองคนนั้นห่างหายไปจากการฝึกซ้อมนานเกินไป ไม่อย่างนั้นไม่ว่าใครก็ไม่มีทางล้มพวกเธอได้ หากไอริสต้องเผชิญหน้ากับอริส อรินและโอลิเวอร์ เธอคิดว่าตัวเองคงรับมือไม่ไหว ถ้าแม้แต่สองแฝดที่ร่างกายแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้ายังจัดการไม่ได้ กลับไปบลีกฟิกครั้งนี้ พวกเธอคงต้องฝึกฝนครั้งใหญ่ “น่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นคงจะมายืนขนาบข้างฉันในตอนนี้แล้วละ” เจ้าของดวงตาสีฟ้าประกายแสงแข่งกับดวงจันทร์เอ่ยเสียงเรียบ แม้จะผิดหวังในตัวแอริสกับออริส แต่เอริสก็ไม่คิดโทษสองแฝดที่แพ้ ต่างกับไอริสที่แม้จะแสดงสีหน้าเรียบเฉย ทว่าก็ไม่อาจปิดบังความรู้สึกไม่พอใจไว้ได้หมด และถ้าเป็นไปได้ เจ้าตัวคงจะวิ่งแจ้นไปแหกคุกให้กับสองแฝดนั้นแล้ว การที่พี่น้องแกรนคนใดคนหนึ่งแพ้ ก็เทียบได้กับคนทั้งสี่ที่พ่ายแพ้ และยิ่งแพ้ให้กับพี่น้องตัวเอง พวกเธอยิ่งทนรับไม่ได้ “โอลิเวอร์รนหาที่จริง ๆ” ไอริสกัดฟันพูดออกมา ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่อริสกับออริสจะรับมือกับอาวุธเดินได้อย่างแอริสกับออริสได้ ถ้าให้เทียบกัน พวกฝั่งนั้นก็แค่เจ้าหญิงกับเจ้าชายเจ้าสำอางแห่งบลีกฟิก ในขณะที่สองแฝดนั้นคือโล่เหล็กกล้าที่แกร่งเหนือกว่าผู้ใดในใต้หล้า เพียงแต่โล่ไม่อาจกันงูพิษได้ โอลิเวอร์มาจากดินแดนปีศาจเดนชิว พลังที่เขาถนัดคือการใช้พิษ ซึ่งเป็นจุดอ่อนของสองแฝด อีกทั้งเขายังอยู่ในชั้นของผู้แข็งแกร่งประจำอาณาจักร เขาเป็นคู่ต่อสู้ที่ประเมินไม่ได้ เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้ครอบครองอาณาจักรบลีกฟิก ซึ่งคนเหล่านั้นก็คือ แม่มดแห่งดินแดนมนุษย์ ราชินีแห่งทวยเทพ และราชันแห่งปีศาจ คนทั้งสามต่างเป็นคนสำคัญต่อไอริส แต่ก็เป็นเหล่าคนที่เธออยากจะชนะรองจากเจ้าชายภูต “แล้วเราจะเอายังไงกันต่อ” เสียงหวานราวกับเสียงถ้อยทำนองดนตรีของเอริสเอ่ยขึ้นอย่างนึกเบื่อหน่าย นับตั้งแต่เกิด นี้นับเป็นครั้งแรกที่คนอย่างพวกเธอทั้งสี่ต้องมาวางแผนหลบซ่อนตัวบ้า ๆ บอ ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนพวกเธอมีแต่คำว่าลุย ไม่เคยคิดจะถอยเหมือนหมาจนตรอกแบบนี้เลย และถึงแม้เอริสจะเป็นพี่สาวจากบรรดาพี่น้องทั้งสี่ เธอเองก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่เหมาะกับตำแหน่งผู้นำ ด้วยนิสัยที่เป็นเหมือนน้ำอุ่นเดือดง่าย พร้อมที่จะระเบิดออกมาตลอดเวลาที่โดนคนสะกิด ส่วนสองฝาแฝดเองก็ทำตัวรอรับคำสั่งต่อจากเธออีกที ดังนั้นจากทุกคนแล้ว ไอริสคือเพียงคนเดียวที่ควบคุมอารมณ์และรอบคอบพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ได้ดีที่สุด แม้บางครั้งเจ้าหล่อจะมีนิสัยบ้าเลือดเกินไปหน่อยก็ตาม “เธอไปมอบตัว” “บ้าเหรอ!” เอริสร้องลั่นอย่างไม่เข้าใจ เธออุตส่าห์สู้หนีแทบตายกว่าจะมาถึงบ้านของไอริสได้ แต่กลับถูกเจ้าตัวไล่กลับไปซะอย่างงั้น พอเจออย่างนี้เลือดในกายก็เริ่มเดือดขึ้นมาอย่างช้า ๆ ทว่าน้ำแข็งขั้วโลกไม่มีทางละลายเพียงเพราะน้ำร้อนแค่แก้วเดียว สีหน้าของไอริสยามนี้นั้นเย็นชาทาบทับใบหน้าคมสวย เป็นสัญญาว่าจะไม่มีการอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้น ไอริสนั้นรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางต้านการเดินทางกลับไปบลีกฟิกได้ ต่อให้ร่วมมือกับพี่น้องคนอื่นก็ไม่มีทางสู้กับคูลได้เลย แล้วยังเรื่องของทางผ่านที่เชื่อมต่อกับดินแดนเจ้าพวกอสูร ถ้ายังปล่อยไว้ อีกไม่นานเมืองนี้และทุกคนต่างต้องตกอยู่ในอันตราย ซึ่งต้นเหตุทุกอย่างจะชี้ความผิดมาที่เธอทั้งสิ้น จากแค่โทษใช้เวทต้องห้าม จะกลายเป็นก่อการร้ายในทันที และเธออาจจะไม่ต่างอะไรจากคนที่เริ่มเผ่าอสุรกายเลยสักนิด แต่การรวมมือในครั้งนี้ ไม่ได้แปลว่าไอริสจะกลับไปเป็นโอลิเวียอีกครั้ง ในวันที่เธอแหกกฎเหล็ก ตำแหน่งนั้นก็ถูกยึดคืนไปในทันที ถ้าเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายไม่อนุญาต ก็ไม่มีสิทธิ์กลับไปใช้ได้ตามใจชอบ เพราะทันทีที่เธอก้าวออกมาจากหอคอย นั่นหมายถึงเจ้าหญิงอันดับที่สามแห่งบลีกฟิกได้จากไป... ต่อให้พวกเขาไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่เธอก็รู้ดีแก่ใจ เธอยังคงจำวันนั้นที่ได้รับสั่งได้เป็นอย่างดี สีหน้าของพวกเขาต่างพูดออกมาอย่างเด็ดขาดและจริงจัง แต่เธอก็ยังคงดื้อรั้นที่จะฝ่าฝืน ท่ามกลางความเงียบงันและลมหนาวยามค่ำคืน ในที่สุด เอริสก็เป็นฝ่ายทนความเงียบไม่ไหว “เธอกลัวสินะ” เพราะคนพวกนั้นเปิดหนทางแห่งการหนองเลือดขึ้นมา คนที่ไม่อยากเห็นเลือดอีกครั้งถึงได้ยอมแพ้ เพราะความกลัวที่ไม่อาจอธิบายให้คนอื่นฟังได้ เรื่องถ้ำเป็นอันรู้ดีสำหรับหลายคนที่เคยมาจากบลีกฟิก การเปิดประตูมิติจากแดนอื่นมักจะมีถ้ำเชื่อมไปฐานเวทของแต่ละดินแดนแบ่งเป็นสี่ทิศ เหนือ ใต้ ออก ตก คูลคิดว่าตัวเองจะเปิดมิติไปทางทิศตะวันตกที่เชื่อมไปยังดินแดนของภูตได้ แต่เขากลับไม่ทันคิดว่าการสุ่มเปิดบริเวณนั้นอาจทำให้เลยไกลไปจนถึงดินแดนของเจ้าพวกอสูร บลีกฟิก กับ ดินแดนของอสูรห่างกันแค่เพียงดินแดนภูตที่ขวางกั้น ทว่าการเปิดทางเชื่อมยังไม่เพียงพอที่จะพาทุกคนกลับไปได้ มันต้องมีเลือดของบุปผาทั้งสี่ที่ทรงอำนาจในการกระจายเวทครอบคลุมตัวทุกคนเพื่อนำพาสู่ดินแดนเก่า แต่อีกฝั่งสามารถผ่านเข้ามายังดินแดนใหม่ฝั่งนี้ได้ตลอดเวลา อย่างไม่ยุติธรรม ซึ่งเพราะเลือดของบุปผานั้นจำเป็นในการเดินทางกลับ เอริสจึงต้องกลับไปหาคูลเพื่อที่จะยุติประตูมิตินี้โดยไว “ที่เธอจะบอกฉันก็คือ ให้พวกเราหาทางกลับบลีกฟิกให้เร็วที่สุดสินะ” เอริสเอ่ยสรุป สายตายังคงจับจ้องร่างขาวซีดที่เหม่อมองไปยังทิศทางของป่าทึบ แม้จะเป็นพี่น้องที่มีห้องในจิตใต้สำนึกเชื่อมต่อกัน แต่ก็ใช่ว่าเอริสจะเข้าใจไอริสได้ทุกครั้งไป “ใช่” ร่างบางพึมพำพร้อมกับพยักหน้า ขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่แต่ที่เดิม ดวงตาสีดำในยามนี้นิ่งงันไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ออกมา ส่งผลให้ใบหน้าที่เรียบเฉยไร้การแต่งแต้มที่ขาวซีดนั้นดูเย็นชาและเยือกเย็นกระทบใจคนมอง ชวนให้หนาวไปถึงขั้วหัวใจ ท่าทางที่เฉยเมยไม่แยแสสิ่งใด ๆ ในโลกหล้าจะมีสักกี่คนที่แสดงมันออกมาได้ดีขนาดนี้อีก คงมีเพียงริมฝีปากแดงสดราวสีของโลหิต เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เจ้าหล่อนมีสีสัน แต่สีสันกลับไม่แสดงออกมาในทางที่ดี ในเมื่อมันกลับทำให้หญิงสาวร่างบอบบางทวีรังสีความน่ากลัวเพิ่มมากขึ้น คนอื่นอาจมองว่าการที่ไอริสพาทุกคนมายังดินแดนใหม่เป็นการช่วยเหลือเพื่อส่วนรวม แต่ความจริงเจ้าตัวทำเพื่อตัวเองทั้งสิ้น เอริสเตรียมตัวที่จะจากไป แต่ปลายเท้าก็พลันหยุดชะงัก แล้วหันกลับไปมองใบหน้าของไอริสอีกครั้ง “เธอรู้ใช่ไหม ว่าเขารู้ว่าเธออยู่ที่ไหน” คำถามเรียบง่ายออกมาจากปากเอริส แต่ส่งผลทำให้คนหน้านิ่งเริ่มมีการเคลื่อนไหว ดวงตาสีดำทะมึนมีแววสั่นคลอน แต่ก็กลับมาเฉยชาดังเดิมอย่างรวดเร็ว แม้จะแค่แวบเดียวก็เรียกรอยยิ้มสะใจมาบนใบหน้าของคนพูดได้เป็นอย่างดี เพราะถึงจะแข็งใจแค่ไหน แต่ยังไงก็ย่อมมีจุดอ่อน ไอริสเลิกสนใจป่าที่มืดมนแล้วหันไปสบตากับคนพูด ริมฝีปากบางที่มีสีแดงราวกับโลหิตก็พลันเหยียดยิ้มหยันอย่างน่ากลัวให้อีกฝ่าย ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สนใจว่า “ช่างสิ ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน หมอนั่นก็ไม่มีวันได้ตัวฉันไปหรอก” ดวงตาสีดำในยามพูดมีแววประกายมุ่งมั่น เป็นสายตาของคนที่ไม่เคยแพ้ เจ้าหญิงแห่งน้ำยิ้มรับก่อนจะโค้งตัวบอกลา “ไปดีกว่า ฉันเบื่อที่จะคุยกับเจ้าหญิงหัวใจน้ำแข็งอย่างเธอแล้ว” คราวนี้เธอกำลังจะไปจริง ๆ แต่ทว่าก็ถูกขัดซะก่อน “เดี๋ยว” เสียงใสทรงอำนาจพูดขัด ส่งผลให้คนจะจากต้องชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมามองอย่างขุ่นใจ แต่คราวนี้เมื่อหันไปแทนที่จะได้เห็นสีหน้าเย็นชาประชดชีวิต กลับได้เห็นเป็นสีหน้าชั่วร้ายที่ไม่ได้เห็นมาเนิ่นนานแทน ดวงตาที่คมใสทอแววมุ่งร้าย ริมฝีปากบางสีแดงสดที่แสยะยิ้มออกมาได้อย่างน่ากลัว ใบหน้าแบบนี้แหละที่พวกศัตรูมักจะได้เห็นก่อนที่ชะตาตัวเองจะขาดไป “ฝากบอกหมอนั่นด้วยแล้วกันว่า โอลิเวีย แกรนไรซ์ได้ตายไปนานแล้ว” ลมปากที่เยือกเย็นไหลผ่านออกมา เสียงที่พูดราวกับจะตัดขาดทุกเยื่อใย คราวนี้คนฟังถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับความปากแข็งของคนเป็นน้อง ถึงไอริสจะพูดว่าตัดขาด แต่ใจของเธอกับคนคนนั้นยากที่จะตัดจากกันได้จริง ๆ ในเมื่อชีวิตก็ยังพร้อมจะมอบแทนกันได้ง่าย ๆ ขนาดนั้น ไม่มีทางเลยที่จะให้ลืมความทรงจำระหว่างทั้งสองออกไปได้ “เจ้าชายอย่างหมอนั้น ไม่มีทางลืมของของตัวเองหรอกน่า” “ไม่ลืมเหรอ... แต่ฉันลืมเขาไปตั้งหลายสิบปีเลยนี่สิ” ไอริสยิ้มเยาะ คราวนี้ ไอริสไม่รอให้เอริสเป็นฝ่ายจากไปก่อน กลายเป็นว่าเป็นเธอเองที่โดนลงไปหลบในเงามืดของบ้านเพื่อหลบหน้าแขกผู้มาเยือนที่กำลังจี้จุดอ่อนให้เธอร้อนรน เย็นชา โมโห ล้วนเป็นเพียงแค่การกลบเกลื่อนที่ไม่น่ารัก เพราะใครจะรู้เล่าว่าร่างบางในยามนี้ ดวงตาสีดำคมใสได้สั่นไหวเพราะความคิดถึงมากขนาดหนัก จนถึงขนาดเสียการควบคุมแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาด แต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
บทที่ 5 - มอบตัว
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A