บทที่14 ไปให้สุด   1/    
已经是第一章了
บทที่14 ไปให้สุด
บทที่14 ไปให้สุด ฉันนั่งอยู่หน้าเกาหุ้ย เอื้อมมือไปหยิบไดรฟ์ของเธอมาเปิดดูในโน้ตบุ๊คของฉัน เมื่อวานฉันลางานกลับไปก่อนก็เลยไม่ได้เห็นรูปงาน พอได้ดูงานแบบนี้แล้ว ฉันถึงได้รู้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน เสื้อผ้าเป็นตีมสีเหลืองอ่อนกับสีม่วงอ่อน และALIEก็ยังคงมืออาชีพเหมือนเคย คนสวย เสื้อผ้าก็สวย เป็นสิ่งที่คู่กันได้ลงตัวมาก เกาหุ้ยหมุนปากกาในมือ มองไปที่จินหาน แล้วพูดเสนอขึ้น “ดิฉันสามารถติดต่อกับนางแบบและทีมงานที่ร่วมงานกับเราบ่อยๆ สถานที่เราก็ใช้ตรงข้างทาง ตอนนี้ใบไม้กำลังร่วงสวย ขอให้พวกเขาช่วยแก้ต่างให้ไปก่อน มันน่าจะไม่ใช่เรื่องที่ยากค่ะ” หลังจากที่เธอพูดจบฉันแทบจะเผลอลุกขั้นปรบมือให้เธอ ไม่แปลกใจที่ได้เป็นผู้ช่วยมานานหลายปีแบบนี้ ฉลาดและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เก่งมาก ถ้าฉันเป็นเธอคงนั่งเงียบทำอะไรไม่ถูกแน่เลย ในห้องตกอยู่ในความเงียบจินหานยังคงขมวดคิ้วอยู่ เขายกกาแฟขึ้นมาดื่มแล้วเอ่ยพูดขึ้น “ไม่ได้ นางแบบต้องเป็นALIE” “ทำไมล่ะ ทั้งๆ ที่ALIEก็ไม่ได้เหมาะกับเสื้อผ้าแนววนี้ขนาดนั้นหนิ...คะ” ฉันหลุดปากพูดออกไปอย่างลืมตัว เขาหันมามองหน้าฉัน แล้วเอ่ยบอก “ฉันบอกลูกค้า และรับปากไปแล้วว่านางแบบเป็นALIE” หลังจากที่เขาบอก ฉันก็เข้าใจแล้ว ALIE เป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดในตอนนี้ เขาใช้เธอมาเป็นตัวล่อ และไม่แปลกที่เพียงแค่ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา การสั่งซื้อของสินค้าก็เพิ่มขึ้นมาก เกาหุ้ยเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่มีเพียงฉันที่ได้ยิน “ตายแน่ๆ ” เวลานี้เธอยังมีอารมณ์มาส่งสายตาหยอกล้อกับฉันอีก ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนที่ทัศนคติดีมากคนหนึ่ง แต่ดูจากอารมณ์ของเธอ เธอคงเตรียมใจให้โดนว่าแล้วแน่ๆ แต่ฉันก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอหรอก หลังจากที่เห็นฉันไม่ตอบ เขาก็เอ่ยถามขึ้น “เธอมีความคิดอะไรดีๆ มั้ย” “หือ คุณถามฉันหรอคะ” ฉันเงยหน้ามองเขาด้วยใบหน้าตกใจ ฉันอยากจะอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ ทีหนึ่ง เมื่อกี้ใครใช้ให้ปากพล่อย หลังจากเขาถามจบ ก็มีคนมากมายกระซิบกัน “วันนี้บอสเป็นอะไรไป ถามผู้ช่วยเนี่ยนะ อย่างเธอจะไปรู้อะไร” “ก็ใช่นะสิ ไม่มีมารยาท เธอมีสิทธิ์อะไรมาเสนอความคิดเห็นแบบนี้” ฉันหันไปมองหน้าพวกที่กระซิบนินทาฉัน ฉันดึงไดรฟ์ออก พับหน้าจอลง แล้วเดินขึ้นไปเปิดที่โน๊ตบุ๊คส่วนกลางหน้าเวที “เฉียวซี เธอจะทำอะไร” เกาหุ้ยเอ่ยถามฉันด้วยความตกใจ ฉันก็เลยพยักหน้าเชิงบอกให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง ความจริงฉันก็ไม่ได้มั่นใจตัวเองมากเท่าไหร่ แต่ฉันคิดถึงคำพูดของเขา หลังจากเดือนนี้ฉันอาจจะตกงานขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ตอนนี้ฉันคงไม่สนใจหรอกว่าจะมีสิทธิ์หรือไม่มี ฉันแค่ไม่อยากยอมแพ้ และอยากทำให้พวกที่ดูถูกฉันเห็น การที่ตัวเองไม่มีวิธี แต่กลับไม่อยากให้คนอื่นพูดอีก “ทุกคนต่างรู้ว่านางแบบของเราบินออกนอกประเทศไปแล้ว ถึงแม้จะขอให้เธอบินกลับมาก็คงไม่ทัน” ฉันหันไปมองหน้าเขา แล้วเอ่ยพูดขึ้นต่อ “สีไฟที่อยู่ในรูปมันไม่เข้ากับสีชุดก็จริง แต่รูปถ่ายมันเป็นของตาย แต่หัวข้อของเรา เราสามารถปรับเปลี่ยนไม่ใช่หรอคะ เพราะยังไงก็ถ่ายใหม่ไม่ได้แล้ว ทำไมเราไม่เปลี่ยนหัวข้อใหม่ให้มันเข้ากับตีมของรูปถ่ายล่ะค่ะ ง่ายดี” หลังจากฉันพูดเสร็จ หัวหน้าแผนกอื่นๆ ที่นั่งอยู่ข้างล่างก็ต่างคนต่างมองหน้ากัน ซุบซิบคุยกัน บางคนพยักหน้า บางคนก็ส่ายหน้า แต่กลับไม่มีใครพูดอะไรหรือเห็นด้วยกับความคิดของฉัน ฉันยังคงยืนอยู่ตรงเวที ไฟที่ถืออยู่ในมือสั่นเทา ทำอะไรไม่ได้จะเดินกลับก็ไม่ได้ ในเมื่อทำมาถึงขั้นนี้แล้ว ได้แต่ยืนนิ่งๆ อยู่บนเวทีต่อ และตอนที่ฉันกำลังจะทำใจลงจากเวที เขาที่นั่งอยู่ข้างๆ สักพักเขาก็เอ่ยถามฉันต่อ “แล้วเธอมีหัวข้อที่คิดไว้รึยังล่ะ” ฉันหันไปขอบคุณเขาด้วยสายตา แล้วตอบเขากลับ “รูปถ่านที่ออกมาไม่เข้ากันแบบนี้ ก็เหมือนการเอาสีแดงมาคู่กับสีเขียว มันจะดูตัดกันเกินไป งั้นเราก็ควรสร้างหัวข้อที่ว่าความต่างที่ลงตัว และก็ถือโอกาสทำการขับเคลื่อนแฟชั่นแนวใหม่ได้ไม่ใช่หรอคะ” แล้วเกาหุ้ยก็พูดเสริมต่อฉัน “พอถึงเวลาเราก็จ้างพวกสื่อที่ดังๆ มาช่วยโปรโมท แค่เสื้อผ้าเราขายดี และนางแบบก็เป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการ แบบนี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่หรือคะ” เขาเหล่ตามองฉัน แล้วสุดท้ายก็พยักหน้าตอบตกลง
已经是最新一章了
加载中