บทที่ 9 กล้าปฏิเสธฉันหรือ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 9 กล้าปฏิเสธฉันหรือ
“สวัสดีครับ” ติณณ์มิได้พนมมือไหว้ หากแต่ก้มศีรษะลงนิดๆ ตามมารยาท เพราะถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นว่าที่ภรรยาใหม่ของบิดา ทว่าดูจากอายุแล้ว เธอก็ห่างจากเขาไม่ถึงยี่สิบปี ซึ่งไม่น่าจะนับเป็นแม่หรือน้าได้ ประเมินด้วยสายตาแล้ว เธอมิได้แต่งตัวฉูดฉาดอย่างที่คาดการณ์ไว้ เสื้อผ้าเรียบๆ เชยๆ ผมมวยขึ้นด้านหลังผูกตาข่ายสีดำเรียบร้อย หน้าตาผิวพรรณจัดว่าดีแม้ไม่ได้รับการแต่งแต้ม แถมยังดูเงียบๆ ผิดกับที่คิดไว้อยู่มาก นี่ล่ะ! เสปกพ่อ จืดๆ หงิมๆ อยู่ในโอวาท ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ “สวัสดีค่ะ” สุภาวดียิ้มตอบเกร็งๆ แม้จะเคยเห็นรูปถ่ายของบุตรชายและบุตรสาวของว่าที่สามี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอตัวจริง ไม่รู้ว่าจะได้รับการยอมรับหรือต่อต้านเรื่องการแต่งงานใหม่ “ลนาล่ะ? ไม่ได้รับน้องมาพร้อมกันหรือ?” กุลธรถามหาบุตรสาวที่มักจะมาสายเสมอ “เดี๋ยวก็คงถึงครับ รายนั้นไม่สวยออกจากบ้านไม่ได้” “จะแต่งไปแข่งกับใคร ไม่รู้จักรักษาเวลา” ประมุขแห่งเอ็มไพร์กรุ๊ปบ่น “เด็กผู้หญิงน่ะค่ะ ก็ต้องพิถีพิถันเป็นธรรมดา วันนี้วันสำคัญนี่คะ” สุภาวดีช่วยแก้ต่างให้ ไม่อยากให้เสียบรรยากาศ เพราะดูสีหน้าของติณณ์แล้ว เขาก็ไม่ได้ดูยินดีนักที่ต้องมาดินเนอร์พร้อมหน้าพร้อมตาในคืนนี้ “ลูกสาวคุณน่ารักกว่าอีก” กุลธรรีบพูดเอาใจ ผู้เป็นบุตรชายมองภาพสวีทของคนแก่อยากมีเมียแล้วส่ายหน้า ค่อนขอดบิดาในใจที่ไม่รู้จักอายบ้าง ทั้งเริ่มจะมีอคติกับว่าที่แม่เลี้ยงขึ้นมาตงิดๆ นี่คงจะแกล้งทำตัวหงิมๆ ให้พ่อตายใจ เพราะรู้ว่าพ่อชอบคนเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือนล่ะสิ แถมยังมีเรือพ่วงเป็นลูกสาวมาอีกหนึ่ง คงถอดแบบแม่ออกมาแหงๆ แล้วนี่อะไร ลูกสาวตัวเองก็สายเหมือนกัน ไม่เห็นพ่อจะตำหนิอะไรบ้างเลย เขารึงานกองท่วมหัวต้องกลับไปสะสางยังสละเวลามานั่งดูคู่รักวัยทองอยู่นี่ ก็ยังดีที่บรรยากาศสงบๆ ของร้าน ช่วยไม่ให้เขาเบื่อมากนัก ในเมื่อไม่อยากมองภาพเลี่ยนๆ เขาก็กวาดสายตามองหาสาวๆ สวยๆ ในร้านแทน ไม่ถึงอึดใจ ร่างบางระหงในชุดแซ็กรัดรูปของยลนาก็โผล่เข้ามา พร้อมกับลีลาการยักย้ายส่ายสะโพกราวกับกำลังเดินอยู่บนแคทวอล์ค ยังไม่ทันที่ยลนาจะพนมมือไหว้ทายทัก เขาก็ชิงพูดขึ้นมาแบบเซ็งๆ “แต่งตัวครึ่งวัน สวยได้แค่นี้!” “พี่ติณณ์!” ยลนาเม้มปาก ส่งค้อนให้พี่ชาย แล้วหันมายิ้มหวานให้บิดาและเผื่อไปให้ว่าที่แม่เลี้ยง “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณอา” “นั่งลงเถอะ แต่งตัวแบบนี้กินข้าวเสร็จจะไปไหนต่อล่ะ?” กุลธรถามเสียงดุ “แหม...ลนาแต่งชุดนี้มาเพื่อวันแห่งครอบครัวเลยนะคะ ไม่ได้จะไปเที่ยวต่อสักหน่อย” “ก็ดูเหมาะกับหนูลนาดีนะคะ หุ่นสวยๆ ใส่ขึ้นออกค่ะ” สุภาวดีรีบคลี่คลายสถานการณ์ “ต๊าย! คุณอานี่ตาถึงนะคะ ใครๆ ก็บอกค่ะว่าลนาเหมาะจะเป็นนางแบบ อา...แล้วนี่เรามากันครบแล้วใช่ไหมคะ ลนาหิวมากเลยค่ะ” “หึ!” ติณณ์แค่นหัวเราะน้องสาว ที่ทำตัวระริกระรี้จนออกนอกหน้า กุลธรหันไปเลิกคิ้วเป็นเชิงถามสุภาวดี แม้จะรู้แล้วว่าปรารถนายังไม่เลิกงาน แต่ก็อยากจะรอให้พร้อมหน้าพร้อมตากันก่อน “เชิญเลยค่ะไม่ต้องรอ” สุภาวดีรีบบอก “ทานเถอะค่ะ คุณเองก็ต้องทานยาหลังอาหารเหมือนกัน” กุลธรจึงพยักหน้า จากนั้น พนักงานเสิร์ฟก็ทยอยยกอาหารมาวางจนเต็มโต๊ะ ทางด้านปรารถนาที่กำลังเผชิญหน้ากับแขกกิตติมศักดิ์ของกรภัทร ก็ต้องหัวหมุนไปหลายตลบ เพราะการสำแดงฤทธิ์เดชของกวินตรา ที่คอยควบคุมการดีไซน์ต่อเติมแผงบาร์เครื่องดื่มด้วยตัวเอง เธอต้องจดทุกคำพูดของหญิงสาว ที่เดี๋ยวก็วกกลับไปตรงนั้นตรงนี้ เดี๋ยวก็แก้ เดี๋ยวก็เปลี่ยน ตามแต่จะนึกขึ้นได้ จนร่ำๆ อยากจะวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ที่ตู้ล็อกเกอร์มาอัดเสียงไว้แทน “จดทันไหม?” กวินตรายืนกอดอกไขว่ห้าง ทำทีก้มหน้าลงไปถามคนจดที่ตัวเล็กกว่า ราวกับจะข่มให้อีกฝ่ายตัวลีบลงไปอีก “ค่ะ นี่ค่ะ” ปรารถนายื่นสมุดโน้ตไปให้ พลางเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังที่เข็มสั้นใกล้จะแตะสิบเก้านาฬิกาแล้ว “แบบนี้อ่านไม่ออกหรอก ต้องไปพิมพ์มา ในห้องทำงานเล็กมีโน้ตบุ๊คไม่ใช่เหรอคะ ให้ผู้ช่วยคุณไปพิมพ์ให้เสร็จวันนี้เลย กวินรอได้ค่ะ จะได้ดินเนอร์กับเล็กที่นี่รอไปด้วยเลย” “เอ่อ...” ปรารถนาอึกๆ อักๆ เงยหน้ามองกรภัทร เธอยังไม่ได้บอกเขาเลยว่าวันนี้จะไม่ทำล่วงเวลา เพราะมีนัดสำคัญรออยู่ แล้วเขาเองก็คงยังไม่ได้หาคนมาแทนด้วยเหมือนกัน ยศสินีก็กำลังวุ่นกับการต้อนรับแขก... “ปลั๊กมีธุระที่ไหนหรือเปล่า เห็นทำท่าจะบอกผมตั้งแต่เมื่อกี้” กรภัทรแสร้งถาม แม้จะเดาได้ตั้งแต่เห็นเธอเหลือบมองนาฬิกาบ่อยๆ แล้ว ว่าปรารถนาจะต้องมีธุระสำคัญอะไรอีกแน่ เพราะคนอย่างเธอถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆ จะไม่ยอมเสียค่าโอทีเด็ดขาด “คือ...ปลั๊กนัดกับแม่ไว้น่ะค่ะ ก็เลยจะขออนุญาตผู้จัดการไม่ทำโอที” “อ้าว! ป่านนี้ไม่ใช่ท่านจะรอนานแล้วหรือ?” เขาทำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อน “ก็คงเริ่มไปแล้วค่ะ” เธอยิ้มแหยๆ คิดว่าอาจจะถูกดุ ที่ไม่บอกตั้งแต่แรก เพราะมันกระทบถึงการหาคนทำล่วงเวลาแทนด้วย “กวินจะรอเอาแบบพิมพ์ใช่ไหม?” ชายหนุ่มหันไปถามกวินตรา “ค่ะ ยังไงก็จะต้องได้ค่ะ” หญิงสาวทำท่าเป็นต่อ “อืม...ถ้าอย่างงั้น...สินี” กรภัทรกวักมือเรียกยศสินี ซึ่งเหล่ๆ มองๆ อยู่ก่อนแล้ว จึงวิ่งปรู๊ดมาถึงโดยพลัน “ค่ะผู้จัดการ” ยศสินีรีบเข้ามายืนยิ้มแป้นแล้นอยู่ข้างเพื่อนสาว กรภัทรจึงดึงสมุดโน้ตจากมือของปรารถนา ยื่นให้ยศสินี “เดี๋ยวเอาต้นฉบับไปพิมพ์ให้คุณกวินตราในห้องทำงานผมนะ เสร็จแล้วสั่งปริ้นท์ได้เลย คุณกวินตราต้องใช้คืนนี้ มือพิมพ์อย่างสินีคงใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงหรอกใช่ไหม?” “สบายมากค่ะผู้จัดการ ครึ่งชั่วโมงก็เรียบร้อยค่ะ” ยศสินีที่ได้รับคำเยินยอยิ้มแฉ่ง พร้อมจะอุทิศเวลาทุกนาทีเพื่อคนที่แอบปลื้มอยู่แล้ว “แต่ว่า...จะอ่านลายมือเพื่อนเธอออกหรือเปล่า?” กวินตรายังไม่ยอม เพราะตั้งใจจะให้ปรารถนาเห็นว่าตนนั้นสนิทสนมกับกรภัทรแค่ไหน “โอ๊ย! สบายมากค่ะ ลอกการบ้านกันบ่อยๆ” “ขอบใจนะ” ปรารถนาหันไปขอบคุณเพื่อน “ปลั๊กไปเก็บของได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทัน โทรไปบอกท่านด้วยแล้วกันว่าจะไปช้าหน่อย” กรภัทรเอ่ยอนุญาต “ขอบคุณค่ะ” “กวินอยากทานอะไรล่ะ?” กรภัทรหันไปถามกวินตรา หลังปรารถนาและยศสินีเดินออกไปแล้ว “อะไรก็ได้ค่ะ” กวินตราจึงเริ่มยิ้มได้บ้าง เมื่อเขายังจำได้ว่าหล่อนเอ่ยปากอยากทานมื้อค่ำที่นี่ ถึงปรารถนาจะไม่อยู่ แต่พนักงานคนอื่นๆ ก็ต้องเอาเรื่องของเธอและเขาไปซุบซิบให้ได้ยินเองนั่นแหละ พนักงานสาวๆ คงจะแอบละเมอเพ้อพกถึงคุณชายของเธออยู่ไม่น้อย ยัยอ้วนปุ๊กลุ๊กอย่างยศสินีก็ด้วย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ยัยเด็กชื่อประหลาดนั่นต่างหาก...ที่เธอรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่กรภัทรมีให้ แม้จะเป็นแค่ผู้หญิงเชยๆ ตัวเตี้ยขาสั้น แถมยังสวมแว่นเฉิ่มๆ ก็ประมาทไม่ได้ “เดี๋ยวผมจะสั่งเมนูอร่อยที่สุดไว้ให้ระหว่างกวินรอเอาเอกสาร ผมมีธุระด่วน กวินทานให้อร่อยนะ ขับรถกลับบ้านดีๆ ล่ะ” “เอ๊ะ!?” กวินตราหน้าเหวอ เมื่อกรภัทรยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วเดินพรวดพราดออกไปหน้าตาเฉย “เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยวก่อนเล็ก! แล้วดินเนอร์ของเราล่ะคะ?” “ผมยังไม่ได้รับปากด้วยเสียหน่อย ไปนะ อย่าลืมเอาแบบพิมพ์กลับไปดูด้วยล่ะ” หญิงสาวได้แต่ยืนตาเบิกโพลงอยู่ที่ประตูหลังร้าน เมื่อกรภัทรจ้ำอ้าวออกไปแบบไม่เหลียวหลัง โดยที่เธอไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะกล้าทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียว อะไรกัน? นี่เธอถูกปฎิเสธอีกแล้วหรือ?
已经是最新一章了
加载中