บทที่ 15 พยายามฆ่า?   1/    
已经是第一章了
บทที่ 15 พยายามฆ่า?
บนชั้นสิบสองของตึกเอ็มไพร์กรุ๊ป ติณณ์นั่งเอนหลังอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเก้าอี้ พร้อมเอาขาไขว้กันไว้บนโต๊ะ ดวงตาคมจ้องมองทิวทัศน์ยามพลบค่ำของกรุงเทพมหานคร ซึ่งเริ่มจะมีแสงไฟจากท้องถนนและตึกสูงระยิบระยับ สองมือกุมไว้บนตัก ใช้หูฟังเชื่อมกับโทรศัพท์มือถือต่อสายไปยังหมายเลขปลายทาง ซึ่งขณะนี้กำลังทำงานอยู่ที่ร้านของญาติหนุ่ม เขาหาเบอร์หล่อนได้ไม่ยาก แค่ใช้เวลาช่วงกลางวันโทรไปขอเบอร์ของเธอที่ร้าน และอ้างว่าเป็นญาติที่เพิ่งมาจากต่างจังหวัด เพื่อนของหล่อนก็ให้เลขสิบตัวมาแบบไม่ลังเล เธอเป็นคนแรกที่สร้างบาดแผลร้ายให้กับเขา ผู้หญิงที่ไม่มีคุณสมบัติจะตบผู้ชายดีๆ กลับทำให้เขาต้องอับอายขายหน้า ซ้ำต้องมาบาดหูกับเสียงซุบซิบของคนในร้านที่ว่า “เรื่องของผัวเมียทะเลาะกัน อย่าไปยุ่งดีกว่า” “สงสัยผู้ชายเจ้าชู้เนอะ” “สมน้ำหน้า! คิดว่าหล่อเลือกได้ เป็นฉันนะไม่เอาแค่ตบหรอก จะฆ่าให้ตายคามือเลย” ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ ให้ตาย!! ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยโดนหยามเกียรติถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะยัยแว่น ยัยลูกหมา ยัยขี้เหร่ขาสั้น ยัยเด็กอวดดี หลังโดนตบจนหน้าหัน เขาก็กลับมาที่บ้าน อุตส่าห์ให้อภัยหล่อนโดยคิดเสียว่าโดนลูกหมากัด ปรากฏว่าคืนนั้น ผู้หญิงที่น่าเข็ดขยาดอีกคนก็โทรมาฟูมฟายคร่ำครวญเรื่องคุณชายกับเขากลางดึก เขารู้ว่ากรภัทรไม่เคยมีใจให้กวินตรา แต่ไม่คิดว่าญาติหนุ่มจะกล้าปฏิเสธผู้ถือหุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์ของเอ็มไพร์กรุ๊ปอย่างชัดถ้อยชัดคำโดยไม่เกรงใจหม่อมวิลาวัณ ซึ่งการกระทำของหมอนั่น กระทบกระเทือนถึงชะตาชีวิตของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ก็แน่ล่ะ! หม่อมวิลาวัณหมายมั่นปั้นมือจะเพิ่มหุ้นในบริษัท โดยใช้กวินตราเป็นสะพาน และครอบครัวฝ่ายหญิงเองก็หวังสิ่งเดียวกัน หากว่าเธอไม่สามารถลงเอยกับคุณชายได้ล่ะก็ เขาก็จะเป็นเหยื่อรายต่อไป... นั่นคือเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลก! และเขาจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ ที่น่าแปลกก็คือ กวินตราสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างยัยลูกหมากับกรภัทร “กวินสงสัยมากเลยนะติณณ์ ไม่อยากจะเชื่อว่าเล็กจะตาต่ำขนาดนี้ ถึงจะไม่อยากเชื่อ แต่เล็กก็ปกป้องมันเหลือเกิน ติณณ์ต้องช่วยกวินนะ นะ...” วินาทีแรกที่ได้ยินจากปากหล่อน เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เขาไปที่ร้านอาหาร กรภัทรก็โผล่มาช่วยปรารถนาราวกับเจ้าชายขี่ม้าขาว วันที่เจอกันที่คอฟฟีช็อป รวมถึงวันที่เขาเจอเธอที่ห้างสรรพสินค้า กรภัทรก็ไปที่นั่นเหมือนกัน “เอาอย่างนี้...ผมขอพิสูจน์ก่อน กวิน งดไปที่ร้านสักพัก ผมรู้แล้วว่าต้องทำยังไง” เขาบอกหล่อนไปแบบนั้น “แล้วจะให้กวินทำอะไรบ้างคะ?” “กวินได้ทำแน่ ผมมีความคิดดีๆ แล้ว แค่นี้ก่อนนะแล้วผมจะติดต่อไป” คืนนั้น เขานอนคิดทั้งคืน ก่อนจะตกผลึกได้ความคิดดีๆ และเริ่มปฏิบัติการในวันต่อมา จนกระทั่งวันนี้ วันที่เริ่มดีเดย์โทรหายัยลูกหมาเป็นครั้งแรก “คะ...คุณติณณ์!” เสียงอันตื่นตระหนกของเธอดังมาตามสาย “ไม่เรียกไอ้คุณตีนแล้วเรอะ!” “ฉัน...ฉัน...ไม่ได้ตั้งใจ...นะคะ...ฉันต้องขอโทษ...” “ใครเขารับคำขอโทษทางโทรศัพท์กันเล่า...ฮึ! จะบอกให้นะ ฉันจะไม่ยกโทษให้ ถ้าเธอไม่มาขอโทษฉันด้วยตัวเอง” “แต่...คุณก็เป็นฝ่ายผิดนี่คะ...และฉันก็ขอโทษแล้วด้วย” ดวงตาของเขาวาวโรจน์ขึ้น เมื่อเธอบังอาจต่อปากต่อคำ “ฟังนะ! ถ้าเธอไม่มา ฉันจะแจ้งความ! ข้อหาพยายามฆ่า!” “คะ!?” ปรารถนาที่ถือสายอยู่อีกฟากฝั่งหนึ่งของเมืองอุทานดังลั่นด้วยความตกใจ ได้ยินประโยคหลังแล้วโทรศัพท์ก็แทบจะหล่นลงพื้น ไม่ใช่ข้อหาทำร้ายร่างกายอย่างที่ยศสินีว่า แต่เป็นข้อหาพยายามฆ่า โทษหนักกว่าร้อยเท่า! “ฉันมีหลักฐานเป็นภาพในกล้องวงจรปิด ไม่ใช่แค่ตอนเธอตบฉันเท่านั้น แต่ยังมีตอนที่เธอเข้ามาประทุษร้ายฉันด้วย แถมพยานปากเอกเป็นพนักงานที่ร้าน คิดดูซิ! ว่าเธอจะติดคุกสักกี่ปี แล้วจะมีบริษัทไหนหน่วยงานไหน รับคนมีประวัติไม่ดีเข้าทำงาน” “คุณ!” เธอพูดไม่ออก เพราะที่เขาพูดมานั้นถูกต้องทุกอย่าง โดยรูปการณ์แล้ว...เธอตบเขา แถมยังเข้าไปดึงทึ้งรื้อค้นหามือถือถึงเนื้อถึงตัวเขาอีก คนในร้านไม่รู้หรอกว่าที่จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น “มาหาฉันที่คอฟฟีช็อปข้างตึกเอ็มไพร์ ฉันจะรอถึงหนึ่งทุ่ม ถ้าไม่เห็นเธอ เตรียมรับหมายจับได้เลย!” ตรู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ เขาวางสายไปแล้ว! ปรารถนากดกำโทรศัพท์แน่น ยืนพิงตู้ล็อกเกอร์อย่างหมดแรง รู้สึกราวกับโลกทั้งใบกำลังจะถล่มลงมา “ปลั๊ก...เป็นอะไร” ยศสินีซึ่งเห็นเพื่อนหายไปนานจึงเดินเข้ามาดู “หน้าซีดมากเลย ไม่สบายเหรอ...” หญิงสาวเงยหน้ามองเพื่อน ก่อนจะเก็บกระเป๋าไว้ในล็อกเกอร์แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “ไม่เป็นไรจ้ะ...ขอโทษนะที่หายมาซะนานเลย” “ปลั๊ก...เราว่าปลั๊กไปพักเถอะ อย่าโหมงานนักเลย กลับไปพักที่บ้านเถอะ เดี๋ยวเราไปบอกผู้จัดการให้” “แต่...” ปรารถนาลังเล ณ วินาทีนี้ เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีสมาธิทำงานได้หรือเปล่า ดีไม่ดีทอนเงินผิดๆ ถูกๆ ก็จะต้องหาเงินมาใช้หนี้อีก คุณชายบอกว่าก่อนกลับให้เขาไปหา แต่เธอไม่อยากจะเจอเขาตอนนี้เลยจริงๆ ที่สำคัญ...คุณติณณ์บอกว่าจะรอถึงแค่หนึ่งทุ่ม เธอไม่อยากเจอหมายจับ แม่จะต้องตกใจแน่ “ไปเถอะ...เราจะเรียนผู้จัดการให้” “ฝากขอโทษผู้จัดการด้วยนะ บอกพี่ปลาให้ตัดค่าแรงของเราวันนี้ด้วย ฝากด้วยนะสินี” เธอตัดสินใจออกจากร้าน แล้ววิ่งจนขาแทบจะขวิดไปที่สถานีรถไฟฟ้า ระหว่างที่รถวิ่งฉึกฉักอยู่บนราง และต้องยืนเบียดเสียดกับผู้คนในชั่วโมงเร่งด่วนของคนทำงานที่ต้องรีบกลับบ้าน เธอก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมติณณ์ถึงได้จงเกลียดจงชังเธอมากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยคิดจะไปเข้าใกล้ยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบหน้าเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันด้วยซ้ำ เพราะว่าเธอจน ไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้ช่วยของคุณชาย ซึ่งเป็นญาติของเขา หรือเพราะน้ำหน้าอย่างเธอ ไม่ควรจะดิ้นรนเพื่อให้สมปรารถนาดังฝัน คนรวยเท่านั้นหรือ ที่คู่ควรกับหน้าที่การงานดีๆ คนสวยเท่านั้นหรือ ที่จะได้ใส่เสื้อผ้าและกินอาหารดีๆ ทั้งๆ ที่ทุกคนก็มีสิทธิและเสรีภาพทัดเทียมกัน ทำไมจึงต้องแบ่งแยกชนชั้นที่เป็นนามธรรมเหล่านั้นกันด้วยเล่า? เธอลงจากรถไฟฟ้าหลังขึ้นมาได้หกสถานี มองเห็นตึกเอ็มไพร์กรุ๊ปที่สูงกว่าสิบชั้น ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางตึกอื่นๆ ในย่านธุรกิจนี้ ก่อนจะเดินแกมวิ่งเพื่อหาคอฟฟีช็อปที่ปีศาจร้ายกำลังรออยู่ ผู้คนไม่พลุกพล่านนัก เพราะเลยเวลาเลิกงานมานานแล้ว ทั้งในย่านธุรกิจ ก็ไม่มีอาคารบ้านเรือนที่พักเท่ากับตึกสำนักงาน ดังนั้น เธอจึงซื้อผลไม้จากรถเข็นกินรองท้อง เผื่อว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย เมื่อท้องอิ่ม เธอก็พร้อมจะต่อกรกับสิ่งชั่วร้าย ระหว่างเดินไปยังที่นัดหมายก็สวดมนต์เรียกองค์ขันติมาประทับร่าง เพื่อให้เขายกโทษให้และไม่เอาความ ต่อให้ต้องก้มหัวขอโทษเธอก็จะทำ ทันทีที่เห็นร่างสูงอยู่ในคอฟฟี่ช็อป เธอก็สูดลมหายใจลึกๆ เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปหาอย่างนอบน้อม และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อเขาเห็นเธอ เขาก็วางแก้วกาแฟดังกึก แล้วก้มดูนาฬิกาข้อมือ “สวัสดีค่ะ” เธอยกมือไหว้ ก่อนจะรีบนั่งลงเพราะกลัวว่าจะโดนแขวะเหมือนวันนั้น ทั้งยังกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟมาสั่งโกโก้เย็นอีกหนึ่งแก้ว “รักษาเวลาดีนี่ หนีงานมารึไง?” ตกลงชมหรือด่ากันแน่? ปรารถนาค่อนขอดในใจ ก้นเพิ่งจะหย่อนลงเก้าอี้ก็โดนซะแล้ว กระนั้นก็ยังตอบเขาด้วยเสียงอันสุภาพ “ขออนุญาตผู้จัดการมาแล้วค่ะ”
已经是最新一章了
加载中