บทที่ 17 จีบแบบเนียนๆ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 17 จีบแบบเนียนๆ
“คือ...” ปรารถนาลังเล ไม่รู้ว่าจะพูดดีหรือไม่ เพราะครั้งที่แล้วก็เสียมารยาทเบี้ยวนัดคุณกุลธรมาแล้วครั้งหนึ่ง หากวันนั้นเธอไม่ไปอยู่ข้างๆ แม่แล้วล่ะก็ แม่อาจจะถูกมองไม่ดีก็ได้ แต่...เธอรับปากติณณ์ไว้แล้ว และเรื่องนั้นมันมีผลต่ออนาคตของเธอและแม่อย่างใหญ่หลวง หากเธอไม่ทำตามสัญญา รับรองว่าเขาต้องนำคลิปนั้นไปแจ้งจับเธอแน่ คราวนี้...ไม่ใช่แค่เธอ แต่แม่และคุณกุลธร จะต้องเสียชื่อไปด้วย ทั้งหมด...ก็เพราะผู้ชายคนนั้นเพียงคนเดียว! “ปลั๊กเข้างานตอนค่ำก็ได้จ้ะ ตอนกลางวันเป็นเรื่องของพวกผู้ใหญ่เดี๋ยวจะเบื่อ ลูกๆ ของคุณกุลธรก็คงจะมาตอนค่ำเหมือนกัน” “จ้ะแม่!” หญิงสาวยิ้มออก เมื่อสามารถขยายเส้นตายไปได้ และคิดว่าการไปที่ดลวรรณรีสอร์ทในคราบของพนักงานส่งเอกสาร จะไม่สะดุดตาญาติๆ ของคุณกุลธรเข้า นั่นก็เพราะไม่มีใครรู้จักเธอเลย และรีสอร์ทนั้นก็กว้างใหญ่ไพศาลเกินกว่าจะเดินชนกันได้ง่ายๆ เธอช่วยมารดาเก็บข้าวของลงกล่อง เตรียมตัวสำหรับการย้ายที่อยู่ จากรังหนูไปสู่บ้านหลังใหญ่ที่ยังไม่เคยเห็นและไม่เคยย่างกรายเข้าไปแม้แต่ครั้งเดียว สำหรับเศรษฐีอย่างกุลธร อาจคิดว่าเสื้อผ้าและสิ่งของพวกนี้อาจไม่จำเป็นสำหรับแม่ แต่สำหรับเธอแล้ว ทุกสิ่งที่อยู่ในบ้านหลังนี้ คือน้ำพักน้ำแรงของแม่และเธอที่หามาได้ตลอดชีวิต แม้จะเป็นบ้านเช่า แต่ก็อยู่มายี่สิบกว่าปี เจ้าของบ้านก็ใจดีไม่เคยขึ้นค่าเช่าเลยสักครั้ง แม้เศรษฐกิจจะผันผวนแค่ไหน ตั้งแต่วันมะรืน...แม่ก็จะต้องย้ายไปอยู่บ้านนั้นแล้ว เพื่อเตรียมตัวทั้งตัวเองและคุณกุลธร ส่วนเธอ...ได้ขออนุญาตแล้วว่า จะตามไปหลังพิธีแต่งงานเสร็จสิ้น ดังนั้น เพื่อมิให้เป็นการฉุกละหุก ปรารถนาจึงได้ขออนุญาตลากิจกับนายจ้างทั้งสองรายในวันรุ่งขึ้น “ได้สิ...พอดีเลย ในช่วงปลายสัปดาห์ ฉันเองก็ต้องไปพบคู่ค้ารายใหญ่ จะได้พายัยลูกออนไปด้วย หนูเองก็ถือซะว่าลาพักร้อนไปด้วยเลย ไม่มีปัญหา...เงินเดือนก็ยังคงเท่าเดิมล่ะนะ” เมื่อเจ้าสัวทรงชัยเอ่ยปากอนุญาต เธอก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งที่ไม่ต้องถูกหักเงินในส่วนห้าวันที่ไม่ได้ไปสอนพิเศษด้วย เอาไว้เธอจะสอนชดเชยให้กับอนิษการ์อีกวันละหนึ่งชั่วโมง จนกว่าจะครบชั่วโมงที่ขาดไปก็แล้วกัน เธอไม่ได้บอกใครว่าจะลาหยุดเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานแต่งงานของแม่ บอกแต่ว่ามีธุระสำคัญต้องไปจัดการที่ต่างจังหวัด รวมทั้งคุณชายกรภัทร ที่เธอจะต้องขออนุญาตเขาในวันนี้ด้วย เธอมาก่อนเวลาเข้างานเกือบสองชั่วโมง เพื่อเช็คสต็อกและทำงานทดแทนส่วนของเมื่อวาน ซึ่งยศสินีโทรไปบอกว่าคุณผู้ช่วยมิได้หักค่าแรงแต่ประการใด วันนี้ไม่ใช่วันศุกร์ เธอไม่แน่ใจว่าคุณชายจะเข้ามาหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่มา เธอก็จะต้องโทรไปลาด้วยตัวเอง ทว่า...กรภัทรเองก็เข้าร้านก่อนถึงเวลางานของเธอด้วยเหมือนกัน และทุกครั้งเขาก็มักจะแวะห้องสต็อกก่อนเสมอ เขาก้าวผ่านห้องสต็อกไป ก่อนจะสะดุดกึก แล้วเดินย้อนกลับมาเพื่อดูให้แน่ใจ “ปลั๊ก!” “คะ!” ปรารถนาตกใจหันขวับ ไม่คิดว่าเขาจะเข้าร้านวันนี้ ก่อนจะพนมมือไหว้เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง “สวัสดีค่ะ ผู้จัดการมาเร็วจังค่ะวันนี้” “ผมให้ช่างมาทำในส่วนของบาร์น้ำน่ะ ก็เลยมาเร็วหน่อย และตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็จะไม่ว่างเลย วันนี้จึงต้องรีบมอบงานให้พี่ปลา แล้วก็ต้องเพิ่มชั่วโมงโอทีอีกสองชั่วโมง” “ปลั๊กขอทำโอทีด้วยนะคะ” เธอรีบอาสา ด้วยรู้สึกผิดที่จะต้องขอลาอีกหลายวัน ในขณะที่งานที่ร้านกำลังยุ่งกับการจัดบาร์น้ำ “จริงเหรอ?” “ค่ะ...คือ....ปลั๊ก...มีเรื่องต้องขออนุญาตผู้จัดการด้วยค่ะ” เธอเว้นช่วงไปนิดหนึ่ง ครั้นเห็นว่าเขากำลังตั้งใจฟังก็เลยพูดต่อ “ปลั๊กจะขออนุญาตลาค่ะ” “ลา?” กรภัทรตกใจ เมื่อเห็นความวิตกกังวลในแววตาของหญิงสาว “ค่ะ...ปลั๊กมีธุระที่ต้องจัดการหลายเรื่องค่ะ ก็เลยจะขอลาหยุดตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงวันอาทิตย์น่ะค่ะ” “โธ่เอ๊ย!” เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ค่อยยังชั่วหน่อย นึกว่าปลั๊กไม่อยากทำงานกับผมแล้วเสียอีก” “เอ่อ...” หญิงสาวไม่รู้จะพูดอะไรดี เมื่อเขาพูดมาแบบนั้น ใจเต้นโครมครามเมื่อเขามองเธอแปลกๆ และพูดจาแปลกๆ ในระยะหลัง “ปลั๊กขอเช็คสต็อกก่อนนะคะ” “มา ผมช่วย ว่างงานอยู่พอดี” เขาไม่เปิดช่อง เมื่อเธอตัดบทเสียเฉยๆ จึงถอดเสื้อสูทพาดไว้กับพนักเก้าอี้ ดึงแขนเสื้อขึ้น แล้วหยิบใบเช็คสต็อกออกจากกล่อง เตรียมพร้อมทำงานอย่างทะมัดทะแมง ระหว่างทำงาน เขาก็แอบมองคนที่เงียบไปเพราะตั้งใจกับการก้มๆ เงยๆ ระหว่างกระดาษในมือกับวัตถุดิบในลัง ริมฝีปากของเธอก็ขมุบขมิบท่องจำนวนตัวเลขไปด้วย ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เธอก็จัดการกับใบเช็คสต็อกในมือได้หมด เหลือก็แต่ส่วนที่อยู่กับเขานี่ล่ะ “งานของผมไม่คืบหน้าเลย” “เดี๋ยวปลั๊กช่วยนะคะ” “ขอบคุณมาก” เขายื่นใบเช็คสต็อกคืนให้ส่วนหนึ่ง เมื่อเธอเอื้อเฟื้อจะช่วย เหลือกับตัวเองไว้อีกสองถึงสามใบ “บอกผมได้หรือเปล่า ว่าปลั๊กมีแพลนจะไปไหน ทำไมถึงต้องลางานตั้งหลายวัน” “เอ่อ...” ปรารถนาลังเล ไม่แน่ใจว่าจะบอกดีหรือไม่ เธอเองก็ไม่ได้อยากปิดบัง แต่ก็คงจะบอกความจริงได้ไม่หมด “คือ...ปลั๊กต้องย้ายบ้าน และก็ติดไปงานของแม่ พรุ่งนี้ต้องไปลองชุดที่ร้าน แล้วก็เก็บของที่บ้านด้วยน่ะค่ะ คือ...ของก็ไม่เยอะอะไรหรอกค่ะ แต่ปลั๊กชอบสะสมหนังสือ ก็เลยต้องคัดออกไปบริจาคบ้าง ถ้าผู้จัดการมีอะไรด่วน ปลั๊กเข้าร้านพรุ่งนี้เช้าก่อนก็ได้ค่ะ” “อืม...” เขาทำท่าครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้น ตอนเช้าปลั๊กไปทำธุระกับผมก่อนได้ไหม แล้วผมจะไปส่งที่ห้องเสื้อเอง” “เอ่อ...ค่ะ” เธอรับคำเสียงเบา ไม่กล้าปฏิเสธไม่ให้เขาไปส่งที่ห้องเสื้อ เพราะเขาเล่นถามคำถามติดๆ กัน เธอตั้งสมาธิกับการเช็คสต็อกใหม่ แม้จะมีผู้ชายหน้าตาดี การศึกษาดี ชาติตระกูลดี เดินป้วนเปี้ยนอยู่ไม่ห่าง ทั้งที่ในใจอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้สินะ...พักหลังนี้ อยู่กับเขาตามลำพังทีไร เธอไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย เหมือนแสงสว่างที่เจิดจ้า จนคนที่อยู่ในโลกมืดอย่างเธอตาพร่าทุกครั้งที่มองเห็น ราวกับไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เกิดมาบนโลกเดียวกัน “ว้า! เหลืออีกสองใบ ผมคงทำไม่เสร็จทันเวลาแน่ๆ” กรภัทรร้องขึ้น เมื่อเห็นว่าเธอจัดการกับใบเช็คสต็อกล็อตที่สองเสร็จแล้ว “เดี๋ยวปลั๊กทำที่เหลือเองค่ะ” “ขอบคุณอีกครั้งครับ” เขายิ้ม ส่งกระดาษที่เหลือให้เธอจนหมด “เดี๋ยวผมไปดูช่างก่อนนะ แล้วก็...จะให้พี่ปลาสั่งอาหารสำหรับโอทีคืนนี้ไว้ด้วย ปลั๊กอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” “มะ..ไม่ค่ะ...ปลั๊กกินอะไรก็ได้ค่ะ” เธอรีบถอยห่างออกมา ก้มหน้ามองใบเช็คสต็อกเพื่อมิให้หัวใจกระเจิดกระเจิง ผู้จัดการ...ไม่ได้ทำเครื่องหมายอะไรในกระดาษแม้แต่แผ่นเดียว ราวกับ... ยังไม่ทันจะคิดถึงประโยคต่อไป เขาก็เดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของเธอเบาๆ ก่อนจะพูดด้วยถ้อยคำที่ทำให้เท้าของเธอแทบยืนไม่ติดพื้นว่า “เอ่อ...ขอโทษนะ ที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย...ที่จริงแล้ว ผมก็แค่เอาใบเช็คสต็อกมาเป็นข้ออ้างที่จะอยู่กับปลั๊กเท่านั้นเอง”
已经是最新一章了
加载中