ตอนที่ 2
ข้าวนั่งลงบนเตียงไม้สักที่เดิมมองหญิงสามคนที่นั่งพับเพียบก้มหมอบอยู่แทบเท้าจนต้องยกขาขึ้นมากอดเข่าไว้เลิกคิ้วมองบรรยากาศแปลกๆที่ชวนขนลุก
“เหมือนบรรยากาศไม่ค่อยจะดี หรือฝัน ลองนอนดีกว่า” ข้าวโน้มตัวลงนอนทันทีก่อนเหล่มองหญิงสามคนผงกหัวขึ้นมองหน้ากันพลางกระทุ้งศอกส่งซิกให้กันและกันอย่างเกี่ยงหน้าที่ทำข้าวเพลียใจพลิกตัวหันหน้าไปอีกทางหลับตาลง
“เอ็งห่มผ้าให้แม่หญิงสิ รำเพย” รำไพกระซิบพร้อมมองจิกหญิงทางฝั่งซ้ายมือ
“เอ็งก็ห่มสิ อยู่ใกล้แม่หญิงแท้ๆ” รำเพยเถียงกลับทันควัน ข้าวลืมตายกมือหนุนหัวกัดฟันก่อนข่มตาหลับอีกครั้ง
“เอ็งสองคนนั่นแหละไปห่ม” รำพันยืดอกเท้าเอวชี้หน้าสั่งสองคนที่ถกเถียงกันอยู่
“เอ็งสองคนอยู่ใกล้กว่าไม่ห่มเล่า ข้าไม่อยากโดนถีบออกมา” รำเพยค้านขึ้นพร้อมยกสาเหตุมองจ้องหญิงสองคนที่กัดฟันง้างมือขึ้นพร้อมกันขู่ใส่รำเพยที่หดหัวลงหน้าบึ้ง
“ก่อนเจอแม่หญิงถีบ เจอข้าฟาดเสียก่อนประไร” รำไพถลึงตาดุขู่อีกรอบจนข้าวไม่เป็นอันนอนเด้งตัวลุกขึ้นหันขวับจ้องเขม็งหญิงสามคนที่สะดุ้งโหยงรับก้มหน้างุดหมอบด้วยความไว
“จะเถียงกันอีกนานไหม ฉันจะนอนฉันต้องการตื่น สมองฉันจะไม่ไหวคำนวณเรื่องราวบ้าบออะไรนี่แล้วนะ ออกไปเลยไปน่ารำคาญแม้กระทั่งในฝัน” ข้าวยกมือจับหน้าผากสบถลั่นห้องจนเสียงลอดออกมาจากหน้าต่างพาคนทั้งเรือนสะดุ้งไปตามๆกัน สร้อยทองที่นั่งอยู่กับภาพย์เลื่อนสายตามองไปยังห้องที่ปิดประตูสนิทก่อนหันกลับมามองหน้ากัน
“เหมือนว่าข้าทาสบริการของแม่สร้อยทองจะคุมไม่อยู่เสียแล้ว ข้าคงต้องขอตัวลาเสียก่อนแล้วจะมาเยี่ยมใหม่ หรือหากมีเหตุอันใดเกี่ยวกับแม่จันทร์หอมให้คนไปตามข้าได้ทุกเมื่อ” ภาพย์ยิ้มกริ่มมองหน้าสร้อยทองที่พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนลุกขึ้นพร้อมกันเดินไปหน้าประตู “ส่งข้าแค่นี้เป็นพอ”
“เยี่ยงนั้นข้าไหว้” สร้อยทองพนมมือระดับอกก้มศีรษะลงไหว้เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ยกมือไหว้ระดับอกก่อนมองลอดไปทางเสียงที่เงียบไปแล้วหันหลังกลับเดินลงบันไดทันที สร้อยทองมองตามจนสับสายตาที่ท่าน้ำก่อนหมุนตัวเดินไปที่ห้องเสียงเอะอะโวยวาย
แอ๊ดดด
มือสองข้างผลักประตูออกแล้วก้าวเข้ามามองหน้าคนที่นั่งกุมขมับอยู่บนเตียงไม้สัก ข้าวเอียงหน้ามองคนที่เข้ามาด้วยความฉงน
“ออกไปก่อน” เสียงหวานหูสั่งหญิงสามคนที่รีบน้อมรับถอยออกไปพร้อมปิดประตูให้ เหลือเพียงสร้อยทองกับข้าวอยู่กันตามลำพัง สร้อยทองเดินเข้ามานั่งลงที่ขอบเตียงยื่นมือลูบผมสีแดงของข้าวด้วยรอยยิ้ม
“เกิดอะไรขึ้นกับผมของเจ้า” เสียงหวานหูเอ่ยถามขึ้นอย่างอ่อนโยนจนข้าวขนลุกชันมองหน้าเธออย่างพูดไม่ออกได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคอ “จำข้าไม่ได้หรือจันทร์หอม มานอนตักนี่มา ข้าจะกล่อมเจ้าให้หลับสบายเอง เจ้ามักนอนไม่หลับตั้งแต่เด็ก”
“เอ่อ…” ข้าวอ้าปากค้างเกาหัวงงโน้มตัวลงนอนหนุนตักตามแรงที่จับให้มานอนหนุนพร้อมลูบศีรษะคนนอนช้าๆ
‘นกเขากาเหว่าลายเอย.... ไข่ให้...แม่กาฟัก
แม่กาก็หลงรัก เอย...นึกว่าลูกในอุ...ทร....
คาบข้าวเอามาเผื่อเอย... คาบเหยื่อมาป้อน
ปีกหางยังอ่อนเอย... พึ่งจะสอนบิน...
เจ้าพาลูกเที่ยวหากิน เอย... ที่ปากน้ำแม่คงคา...อืม....
ตีนหนึ่งก็เหยียบสาหร่ายเอย... ปากก็ไซ้...เที่ยวหาปลา
กินกุ้งกินกั้งเอย... กินหอยสะพั้งและแมงดา
กินแล้วก็โผมาเอย....เกาะต้นหว้าโพธิ์ทอง...อืม…’
เสียงเอื้อนเอ่ยที่ฟังเสนาะหูแต่ทำคนนอนฟังขนลุกเกลียวหลับตาพริ้มอย่างคุ้นหูราวกับมักชิน สร้อยทองลูบผมกล่อมร่างเล็กที่นอนหนุนตักด้วยความผูกพัน
ฟ้ามืดพระจันทร์เรืองรองส่องกระทบน้ำที่เรือเทียบท่า ภาพย์ก้าวขาขึ้นจากเรือยืนอยู่บนท่าเงยหน้ามองดวงจันทร์ด้วยรอยยิ้มก่อนเหล่มองบ่าวติดตามที่ผูกเรืออมยิ้มบิดไปบิดมาแทนนาย ทำชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาพลางทำทีสุขุมก้าวขึ้นเรือนไม้ที่มีหญิงสาวนุ่งซิ่นสีสดกับผ้าพันช่วงอกคลุมด้วยผ้าบางฉีกยิ้มต้อนรับชายหนุ่ม
“คุณพี่” เสียงใสเอ่ยทักทายชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“บอกแล้วไม่ใช่รึ เจ้าเป็นหญิงมาอยู่เรือนชายหากเรียกเช่นนี้จักเสียหาย เรียกขุนภาพย์เยี่ยงผู้อื่นเสียดีกว่า” ภาพย์ยิ้มบางๆเดินเข้ามาด้านในมองบ่าวติดตามถือของมาเก็บไว้ที่ชั้นวางของก่อนเดินออกไป
“เดี๋ยว…” เสียงเจ้านายสั่งจำต้องหยุดกึกทันที
“ขอรับทูลหัวของบ่าว” ชายหนุ่มร่างเล็กยิ้มยีฟันตอบรับถลาเข้ามาจับขาภาพย์
“ข้ายังไม่ได้สั่งให้ไป”
“ได้เลยขอรับทูลหัวของบ่าว” ตอบรับพร้อมทำตาปริบเหลือบมองหญิงที่ยืนมองอยู่
“เจ้ามีอะไรกับข้าหรือไม่แม่หญิงพุดซ้อน หากมีอันใดรีบกล่าวเถิดดึกกว่านี้น้ำค้างจะลงเอา” ภาพย์มองสบตาหญิงสาวที่กุมมือก้มมองบ่าวคนสนิทของชายตรงหน้าก่อนตัดพ้อตอบ
“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ คุณพี่ อืม ขุนภาพย์”
“อย่างนั้นรึ เยี่ยงนั้นข้าไปผลัดผ้าแล้วกัน” ภาพย์ตอบกลับก่อนหันมองบ่าวที่เกาะขาตน “ไปได้ไอ้แก้ว”
“ไม่ให้บ่าวไปส่งถึงหน้าห้องหรือขอรับทูลหัวของบ่าว”
“อืม ช้าอยู่ไยเล่า” ภาพย์พยักหน้ารับอย่างสุขุมเดินนำอ้อมไปที่ห้องทางฝั่งซ้ายมือของเรือน หญิงสาวมองตามคอตกหมุนตัวเดินกลับไปหลังเรือน
แสงแดดยามเช้าลอดเข้ามากระทบม่านตาข้าวที่รีบเด้งตัวลุกขึ้นถีบผ้าแพรออกมองรอบอย่างหัวเสียกับการอยู่ที่เดิมก่อนโค้งตัวง้อกุมท้องบิดไปบิดมาประคองตัวลุกขึ้น
ผลัก!
ประตูเปิดออกพร้อมบ่าวสามคนเดินเข้ามาต้องชะงักรีบก้มตัวหมอบทันทีเมื่อเห็นข้าวยืนกุมท้องบิดไปบิดมาย่ำอยู่กับที่
“ตัวอันใดกัดหรือเจ้าคะ อีรำเพยจัดห้องอย่างไรให้มีแมลงเข้ามา ไปบดยาให้แม่หญิงเสียบัดนี้ สะเพร่านัก” รำไพหันมาจิกตารำเพยที่สะดุ้งเฮือกรีบคลานเข่าออกไปทำตามทันที
“ผลัดผ้าก่อนเถิดเจ้าค่ะแม่หญิง” รำพันยื่นมือจับขาข้าวที่ยังคงบิดไปบิดมาหน้าซีดกัดริมฝีปากสุดจะทน
“ไว้ค่อยผลัด ตอนนี้ฉันไม่ไหวจะทนแล้ว มันกำลังจะออกมา” ข้าวเม้มปากกำมือแน่น
“อะไรจะออกหรือเจ้าคะ” รำไพถามต่อพร้อมยันตัวนั่งหมอบมองตาปริบๆ
“อึ”
“อึคืออะไร เอ็งรู้หรือไม่” รำไพหันไปกระทุ้งศอกสะกิดรำพันที่เงยหน้ามองข้าวอย่างแปลกใจ
“เอ็งไม่รู้แล้วข้าจะรู้รึ คืออันใดเจ้าคะแม่หญิง” หันไปสวนกลับแล้วหันมาเงยหน้าถามคนที่ยืนบิดอยู่สายตาเริ่มเกรี้ยวกราดก้มลงมาจ้องหน้าขบฟัน
“ขี้ไง ถ้าบอกปวดท้องหนักสุภาพไปก็ไม่รู้เรื่องอีก ฉันปวดขี้มันจะราดอยู่แล้วมัวพูดกันอยู่ได้ห้องน้ำคงไม่มีอีกสิ อะไรก็ได้ตอนนี้” ข้าวกระทึบเท้าบิดตัวเป็นเกลียวจ้องเขม็งบ่าวสองคนที่เบิกตาโตมองหน้ากัน
“กระโถนอยู่ไหน ไปเอากระโถนมา” รำพันหมุนตัวมองหาสิ่งที่เอ่ย
“นั่นข้างเสาเอ็งเห็นหรือไม่ ข้าจะไปเอาไม้แกงก้น” รำไพรีบลุกขึ้นไปเปิดหีบหยิบไม้เหลาไร้เสี้ยนหลายอันพร้อมผ้าให้ผลัดเปลี่ยน ข้าวมองไม้ในมือรำไพก่อนมองกระโถนที่รำพันมาวางตั้งไว้ตรงหน้าแล้วจับมือเธอ
“เต็มที่เลยเจ้าค่ะ”
“เหอะ เหอะ ต้องมาอึในห้องเนี้ยนะ คลาสสิคชะมัดเลย นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี้ย!” ข้าวยกมือตบหน้าผากอย่างหัวเสียน้ำตาซึมมองสภาพตนเองที่ถูกรำไพกับรำพันช่วยถลกผ้าดูแลอย่างใกล้ชิดโดยไม่รังเกียรติแต่อย่างใด