ตอนที่ 5   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 5
เมื่อถึงเรือนไทยข้าวรีบวิ่งขึ้นบันไดเข้าห้องทันทีปิดประตูกระแทกหน้าบ่าวสามคนที่ถูกสั่งให้มาดูอาการของผู้เป็นนายคนที่สอง สร้อยทองมองตามก่อนมองภาพย์ที่ขมวดคิ้วยืนเอามือไพล่หลัง “ข้าไปหารือกับออกพระสุรัสวดีเกี่ยวกับผู้ที่มีเส้นผมผิดแปลกไปจากเดิมเยี่ยงแม่จันทร์หอม ครั้งที่ข้าติดตามเจ้าคุณพ่อไปเยือนเรือนพระยาเดชาเสนาบดีกรมการคลัง แม่จันทร์หอมยังคงมีเส้นผมที่สวยงดงามดั่งเช่นแม่สร้อยทอง ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าเกิดอันใดขึ้นหลังจากนั้น” ภาพย์มองหน้าสร้อยทองที่ยืนนิ่งก่อนก้มหน้าสลดใจ “ออกพระสุรัสวดีว่าอย่างไรบ้าง” “แม่จันทร์หอมอาจเป็นโรคที่ไม่มีผู้ใดตรวจพบ ออกพระต้องการพบแม่จันทร์หอม หากไม่เป็นการรบกวนแม่สร้อยทอง ข้าจะนำเรื่องไปบอกกล่าวเชื้อเชิญออกพระมาที่เรือนเจ้า” “อะไรที่ทำให้จันทร์หอมกลับมาเป็นดั่งเดิม ข้ายินดีทุกประการ ขอบน้ำใจขุนภาพย์อีกครั้ง” “ข้าเองก็อดห่วงไม่ได้เช่นกัน ข้าลาตรงนี้เสียดีกว่า แล้วข้าจะมาเยี่ยมใหม่” “ข้าไหว้” สร้อยทองยกมือพนมระดับอกกล่าวลาชายหนุ่มที่ยกมือรับไหว้ก่อนก้าวลงเรือไปกับคนของตน ข้าวยืนมองคนสองคนที่แยกออกจากกันที่ท่าน้ำของเรือนก่อนหมุนตัวเดินมานั่งหน้ากระจกเงามองดูตนเองก่อนผ่อนลมหายใจยาว “จันทร์หอมหรอ นี่คืออดีตใช่ไหม ที่ฝันทุกคืนนี่ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับพี่สาวในสมัยนี้สินะ แล้วย้อนมาทำไม แล้วฉันที่โลกปัจจุบันล่ะหรือว่านี่ฝัน แต่นี่ตัวฉันนะมันไม่ใช่ฝัน จะกลับปัจจุบันยังไงเนี้ย แล้ว แล้ว แล้วฉันที่สมัยนี้ล่ะหายไปไหน นี่คืออดีตของฉันจริงๆหรอ โอ๊ยยจะบ้าตายอยู่แล้ว” ข้าวขมวดคิ้วกุมหัวบ่นกับตัวเองก่อนกวาดสายตามองรอบห้องอย่างไม่เชื่อสายตาแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หีบใหญ่ที่เคยเห็นบ่าวหยิบผ้าออกมา ข้าวนั่งลงเปิดหีบมองผ้าสไบหลายผืนพับทับกันอย่างมีระเบียบหยิบรื้อออกมาทีละผืน “ถ้าฉันย้อนมาจริง ปัจจุบันฉันตกน้ำ อดีตฉันก็ต้องตกน้ำสิจะสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ถ้าฉันย้อนมาจริงๆชุดที่ฉันใส่ต้องติดมากับตัวฉัน เอาให้รู้ว่านี่ฝันเสมือนจริงหรือฉันย้อนเวลามาในอดีตตัวเอง” “แม่หญิงเจ้าคะ” เสียงเรียกดังเข้ามารบกวนเป็นระลอกจนข้าวเริ่มรำคาญตวาดกลับไป “ฉันอยากอยู่คนเดียว ไปไหนก็ไป!” สิ้นเสียงโทสะของคนด้านในทำคนด้านนอกขนลุกเกรียวนั่งหมอบมองหน้ากันสามคนอยู่หน้าประตู ข้าวหยุดนิ่งเอียหูฟังสักพักก่อนหันกลับมารื้อผ้าต่อจนเจอบางอย่างที่ซ่อนอยู่ด้านล่างสุด “นี่มัน! จริงดิ” ข้าวอ้าปากค้างสะบัดชุดว่ายน้ำวันพีชที่ใส่ครั้งสุดท้ายก่อนตื่นมาอยู่ที่นี่ เธอรีบลุกขึ้นถือชุดไว้ในมือกระชากประตูเปิดออกมองหน้าบ่าวสามคนที่เงยหน้ามองสีหน้าตื่นตระหนกของผู้เป็นนาย “แม่ แม่หญิงเป็น เป็นอันใดหรือเจ้าคะ” รำเพยเอ่ยทักขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ “ก่อนที่ฉันจะตื่นมาอยู่ที่นี่ ฉันใส่ชุดนี้ใช่ไหม” ข้าวยื่นชุดจ่อมาที่หน้าบ่าวสามคน “เจ้าค่ะ อีม้วยมันล่มเรือแม่หญิงในระหว่างการล่องเรือมาหาแม่นายเจ้าค่ะ หากขบวนเรือแม่นายไปไม่ทัน ไม่อยากนึกเลยเจ้าค่ะว่าจะเกิดอันใดขึ้น” รำพันตอบกลับอย่างมั่นใจ “ถ้างั้นฉันย้อนเวลามาจริงๆแต่มันยังไม่กระจ่าง ม้วยงั้นหรอ ฉันต้องการคุยกับคนชื่อม้วย ไปตามหามาให้หน่อยสิ” ข้าวกำชุดไว้ในมืออย่างวิเคราะห์ “มันเสียสติพูดจาหารู้ความไม่เจ้าค่ะ” รำไพแย้งขึ้น “เป็นบ่าวไม่ใช่หรือไง มีสิทธิ์คิดแทนนายด้วยหรอ” ข้าวย้อนกลับพร้อมปรายตามองจิกบ่าวทั้งสามที่สะดุ้งไปตามๆกันรีบก้มหน้างุดก่อนเลิกคิ้วมองท่าทางความหวาดกลัวของบ่าว “ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง” “ข่าวลือทั่วบางบอกว่าแม่หญิงลูกสาวพระยาเดชาเสนาบดีกรมการคลังดุร้ายราวกับเสือป่าเจ้าค่ะ ซ้ำยังข้องเกี่ยวกับมนต์ดำอีกทั้งยังสิ้นชีพราวกับตายแล้วเกิดใหม่” รำพันตอบกลับพร้อมหรี่ตามองท่าทีของข้าวที่นิ่งเงียบ “แต่ข่าวลือพวกนี้ไม่มีมูลเจ้าค่ะ ทางต้นเรือนของพระยาเดชาบอกว่าแม่หญิงจันทร์หอมกิริยางดงามไม่เช่นนั้นท่านขุนจะยอมตกลงปลงใจเป็นคู่หมายรึ” รำเพยย้อนกลับเหล่มองรำพันที่หันมองกลับ “เอ้า! ข้าจะรู้ไหมเล่า ข้าอยู่เรือนนี้” รำพันย้อนกลับก่อนก้มหน้างุด “เดี๋ยวนะตกลงปลงใจคู่หมาย คืออะไร ขุนไหน ถ้าไม่ได้เข้าใจผิดเกี่ยวกับคำโบราณเก่าแก่เนี้ย อย่าบอกนะว่าอีตาขุนนั้นเป็นคู่หมั้นฉันนะ!” ข้าวอ้าปากอึ้งมองตาปริบทำชุดหลุดจากมือ “คู่หมั้นคู่หมายเจ้าค่ะ” สามเสียงประสานพร้อมกัน “ห๊ะ!” ข้าวอุทานลั่นเรือนจนคนทั้งเรือนหยุดนิ่ง “อะไรเนี้ย อดีตก็หมั้นหมายปัจจุบันก็หมั้นหมาย ให้ตายเถอะ ฉันจะหนีจากบ่วงการคลุมถุงชนไม่ได้เลยหรือไง เวรกรรมใช่ไหมเนี้ย” “แม่จันทร์หอม” เสียงหวานหูเรียกขึ้นพร้อมเดินเข้ามากับนางทาสที่ยกสำรับมาตั้งที่กลางเรือนมีหลังคาไม้กระโจมบังแดด “อุทานลั่นเรือนเกิดอันใดหรือ” “พี่สาว” ข้าวย้ำตัวเองมองหน้าสร้อยทองที่ยืนกุมมือมองนิ่งก่อนมองนางทาสสามรำที่ถอยกลับนั่งหมอบห่างๆ “ว่าจักถามอยู่เหมือนกัน เหตุใดถึงนุ่งผ้าประหลาดนี้ ของค้าจากเมืองเหนือรึช่างไม่งามไม่เหมาะสมเอาเสียเลย เอาไปเผาเสียเถิดนะแม่จันทร์หอม” สร้อยทองก้มลงหยิบวันพีชพร้อมมองหน้าข้าวอย่างแปลกใจแต่คนที่แปลกใจแทบช็อคคือหญิงตรงหน้า “ไม่ เอาไว้เป็นระลึกเตือนตนจะได้ไม่ลืม ฉัน เอ่อ ข้า ข้าก็ได้ เอ็งๆข้าๆเดี๋ยวก็ชินไม่รู้ว่าต้องอยู่นานเท่าไหร่ อยู่ยันแต่งงานกับอีตาขุนหรือเปล่าก็ไม่รู้” ข้าวบ่นพึมพำส่ายหน้าไปมายกมือตบหน้าผากรับชุดวันพีชมาถือไว้ “เหตุใดถึงเรียกขุนภาพย์เยี่ยงนั้น ไม่งามเลยนะแม่จันทร์หอม เป็นคู่หมายกันอีกทั้งขุนภาพย์โตกว่าเจ้าสมควรเรียกคุณพี่เสียดีกว่า เจ้าลืมได้อย่างไรกัน” สร้อยทองเอ่ยด้วยสีหน้าสลดยิ้มเจื่อนๆก่อนเลื่อนสายตาเปลี่ยนเป็นยิ้มบางๆที่ดูราวกับฝืนยิ้ม “เมื่อก่อนฉัน เอ่อ ข้า ข้าเป็นยังไงข้าจำไม่ได้ สมองข้าอาจกระแทกกับอะไรสักอย่างใต้น้ำ ความจำเลยเลือนหาย ถอนหมั้นฉัน เอ่อ ข้าเถอะนะ” ข้าวเอื้อมมือจับมือสร้อยทองด้วยสีหน้าจริงจัง “เจ้ากล่าวอันใดประหลาดแท้ เจ้ากับขุนภาพย์มีใจให้กัน เหตุใดถึงกล่าวเช่นนี้ สำรับเสร็จเรียบร้อย ทานเสียยังร้อนๆ” สร้อยทองเปลี่ยนมาจับมือข้าวพาไปที่นั่งหน้าสำรับอาหารมากมายที่รออยู่ ข้าวขมวดคิ้วมองน้ำเปล่าในถ้วยแก้วที่มีเปลือกมะกรูดลอยแช่อยู่ “นี่น้ำดื่มหรืออะไร” “ลืมหมดจริงงั้นรึ ดูข้าแม่จันทร์หอม” สร้อยทองยิ้มบางๆมองข้าวที่มองตามอย่างงุนงงก่อนยกมือจุ่มล้างในถ้วยแก้วข้างตนหันรับผ้าจากทาสที่ยื่นผ้าเข้ามาเช็ดมือให้แล้วถอยกลับไป สร้อยทองหันไปแกะปลาย่างใส่จานของข้าวที่กำลังล้างมือในถ้วยแก้วแล้วหันไปสะบัดใส่ทาสที่นั่งหมอบอยู่ด้านหลังอย่างเย้าแหย่ก่อนหันมากินอาหารตรงหน้าด้วยมือ “เปลี่ยนแปลงอีกเยอะเลย ดีไม่เกิดเป็นนางทาส ตายแน่ฉัน” ข้าวผ่อนลมหายใจยาวก้มหน้าก้มตากอบข้าวในจานมาใส่ปากอย่างไม่ถนัดมือจนสร้อยทองอมยิ้มกับท่าทางกระโดกกระเดกผิดไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง หลังจากกินข้าวปลาอาหารเสร็จข้าวปลีกตัวเดินดูเรือนไทยรอบเรือนอย่างสงสัยพลางยกมือกอดอกจับคางมองเรือนแล้วมองอีกก่อนเหล่มองชายหนุ่มคุ้นหน้าเดินเข้ามาพร้อมบ่าวติดตามสามคน ข้าวแบะปากหมุนตัวกลับก้าวขาเดินหนี “เจ้าจะหนีพี่ไปไหนเล่าแม่จันทร์หอม” ภาพย์เดินตามอยู่ด้านหลัง “บอกแล้วไงว่ามีพี่คนเดียว” ข้าวหยุดกระทันหันหมุนตัวกลับมาประชันหน้ากับภาพย์ที่ไม่ทันมองเกือบชนหญิงตรงหน้าในระยะใกล้ชิด ดวงตาสองคู่สบกันก่อนที่ข้าวจะละสายตาเบี่ยงไปมองข้างๆที่เป็นคูน้ำเหล่มองบ่าวติดตามด้านหลังของชายหนุ่มที่ยืนก้มหน้ายิ้มกริ่ม
已经是最新一章了
加载中