ตอนที่ 6
“นายชื่ออะไร หน้าตาดูพูดรู้เรื่องกว่าคนเป็นเจ้านายอีกนะ” ข้าวชี้หน้าโผงผางถามแก้วที่ยืนก้มหน้าค่อยๆเงยหน้ายกนิ้วชี้มาที่ตัวเองด้วยความมึนงง ภาพย์หันมองแก้วที่ก้มหน้างุดทันทีเมื่อสบสายตาเขม็งของผู้เป็นนาย
“ข้านะรึพูดจาไม่รู้เรื่อง เจ้าเสียมากกว่าที่พูดจาเลอะเลือนหาเป็นความอันใดไม่” ภาพย์ตอบกลับพร้อมเอามือไขว้หลังทำทีสุขุมมองหน้าข้าวที่เงยหน้ามองตน
“ยิ่งฟังยิ่งจะงงเองแล้ว ก็บอกว่ามีพี่คนเดียว ใครกันแน่ที่พูดจาไม่รู้เรื่อง อีตาขุนทองนี่อย่างไงนะ บ้านช่องไม่มีอยู่หรือไง มาอยู่ได้มาทำไมนักหนาไม่ทำงานทำการหรือไง” น้ำเสียงหงุดหงิดของข้าวทำภาพย์เบิกตาโตด้วยความทึ้งกับโทสะกิริยาขวานผ่าซากของหญิงคู่หมายที่ต่างจากแต่เดิมราวกับคนละคน
“เจ้าว่ากระไรนะ!”
“โอยยยย กระไรกรรไกรไข่ผ้าไหมสองบาทยี่สิบ ได้ยินเต็มรูหูว่าถูกด่ายังทำเป็นไม่รู้เรื่อง เอาเป็นว่าฉัน เอ่อ ข้าไปทางนู้น คุณขุนทองก็ไปทางนี้นะ” ข้าวขมวดคิ้วเท้าเอวไม่สบอารมณ์ชี้มือจับตัวภาพย์ที่งุนงงให้ขยับไม่ประชันกันก่อนเดินเลี่ยงออก
หมับ!
มือซ้ายของภาพย์คว้าจับข้อมือซ้ายของข้าวให้หยุดหันหน้ามองกันและกันจนบ่าวด้านหลังต้องก้มหน้าหันหลังให้
“ยังคุยกันไม่รู้เรื่องจะหนีเสียแล้วรึแม่จันทร์หอม เจ้าคงลืมไปสิ้นว่าเจ้ากับพี่เป็นคู่หมายกัน”
“ไม่ได้หนีแต่คุยไม่รู้เรื่องก็ไม่คุยให้เสียเวลา”
“เจ้าจะเถียงพี่งั้นรึแม่จันทร์หอม”
“บอกว่ามีพี่คนเดียว ปล่อยมือได้แล้ว ไหนว่าสมัยนี้ชายต้องให้เกียรติหญิงนี่กล้าดียังไงมาแตะเนื้อต้องตัวกัน” ข้าวยกมือที่ถูกจับอยู่ขึ้นมาจ่อไปตรงหน้าภาพย์ที่ลดมือลงไม่ยอมปล่อย
“พี่กับเจ้าเป็นคู่หมั้นคู่หมายกัน มากกว่านี้ก็ทำได้” ภาพย์ยิ้มกริ่มยื่นหน้าลงมาใกล้ข้าวที่ทำหน้านิ่งพยายามข่มใจสู้ตาชายหนุ่ม
“นั่นมันเมื่อก่อนไม่ใช่ตอนนี้ ฉัน ข้าเป็นคนใหม่แล้วไม่ได้ยินที่พระอาจารย์พูดหรือไง เท่ากับว่าแม่จันทร์หอมของนายไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว แต่ถ้าฉันกลับบ้านได้เมื่อไหร่นายคงได้พบกับคู่หมั้นคู่หมายตัวจริงของนายอะนะคุณขุนทอง”
“กล่าวอันใดน่าขันเสียจริง พี่คิดถึงเจ้า มาหาเจ้าไม่ได้เชียวรึ”
“โอ้ตรงดีแฮะ ผู้ชายยุคนี้นี่พูดจาตรงดีจริง” ข้าวยกมืออีกข้างแกะมือที่จับอยู่อย่างตั้งใจจนภาพย์นึกสนุกเพิ่มแรงบีบยิ้มกริ่มมองหน้าเธอ
“คิดสิ่งใดสมควรเอ่ยสิ่งนั้น สิ่งนี้ซื่อตรงไม่พอรึ” ข้าวเงยหน้ามองภาพย์ที่ฉีกยิ้มมองเธอด้วยความจริงใจ
“เพิ่งกินข้าวอิ่ม จะอ้วก ปล่อยสักทีสิ”
“เรียกคุณพี่แล้วจะปล่อย” คำต่อรองเอ่ยขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์
“เฮ่อ ก็แค่เรียกไม่เห็นยาก หึ” ข้าวยกไหล่เชิดปลายคางจ้องหน้าภาพย์ก่อนเอ่ยเสียงแข็ง “คุณพี่”
“หวานขึ้นอีกนิด” ชายหนุ่มเองก็ไม่ยอมแพ้ในการต่อรองพร้อมเพิ่มแรงบีบไม่ให้คนตรงหน้าแกะมือออกง่ายๆ
“คุณณณณพี่” ข้าวเอ่ยเสียงยานเลิกคิ้วจ้องเขม็ง
“จากใจ”
“อะไรนักหนาเนี้ยได้คืบจะเอาศอกเอาวาเอาบ้านเอารถไถเลยหรือไง” ข้าวเริ่มโวยวายอย่างหงุดหงิด
“พี่รอได้”
“เออ เออ ก็ได้เปิดหูฟังให้ดีนะเจ้าค่ะ” ข้าวยืนสูดลมหายใจเข้าปอดมองหน้าภาพย์ที่ก้มหน้ามองสบตาเธอช้าๆ ข้าวชะงักนิ่งค้างสบตาชายหนุ่มที่ยิ้มกริ่มก่อนเอ่ยขึ้นเสียงหวานชวนน่าฟัง “คุณ...”
“ท่านขุนเจ้าคะ” เสียงบ่าวทักมาทางด้านหลังอย่างขัดจังหวะ ข้าวกระพริบตาถี่งับปากสะบัดมือออกจนหลุดพ้นก้าวออกห่างให้ระยะห่างจากชายหนุ่มก่อนเหลือบมองบ่าววัยกลางคนยืนก้มหน้าหลบสายตา
“ว่าอย่างไร” ภาพย์ขมวดคิ้วอย่างขุ่นเคืองมองทาสคนดังกล่าว
“แม่นายรอพบท่านขุนบนเรือนเจ้าค่ะ”
“อืม” ภาพย์พยักหน้ารับอย่างหงุดหงิดใจก่อนเหลือบมองมาทางข้าวที่ยืนกอดอกมองหญิงวัยกลางคนที่เป็นบ่าวก้มหน้างุดพยายามไม่เงยหน้าสู้
“เจ้าจะขึ้นเรือนหรือไม่แม่จันทร์หอม”
“แม่นายรอพบท่านขุนทองนี่เจ้าคะ ไม่ใช่ฉัน เชิญ” ข้าวผายมือไปทางเรือนมองหน้าภาพย์ที่ผ่อนลมหายใจยาวส่ายหน้าไปมาเดินเลี่ยงออกไปที่เรือนไม้ทรงไทย ข้าวมองบ่าวติดตามของภาพย์เดินตามนายไปจนลับตาก่อนหันกลับมามองบ่าววัยกลางคนที่หมุนตัวรีบเดินแยกไปหลังเรือนอย่างร้อนรน ข้าวเลิกคิ้วยิ้มมุมปากเดินตามไปทันทีก่อนหยุดยืนแอบดูอยู่หลังโอ่งใหญ่
“อีกระถินเอ็งดูกิริยาแม่หญิงสิ น่าละอายยิ่งนักรู้ทั้งรู้ว่าแม่นายมีใจให้ท่านขุน ยังริแย่งชิงผู้ที่เลี้ยงดูตนมา” บ่าววัยกลางคนเดินฟึดฟัดหัวเหวี่ยงเข้ามานั่งแคร่อยู่ข้างบ่าวร่างท้วมอีกคนที่กำลังนั่งเหลาไม้ไร้เสี้ยน ข้าวขมวดคิ้วเอียหูฟังอย่างนิ่งคิดไตร่ตรอง
“เอ็งจะไปยุ่งเรื่องอันใดของนาย เป็นทาสก็อยู่ส่วนทาส ระวังปากจะพาโดนเฆี่ยนหลังลายจักหาว่าข้าไม่เตือน”
“ก็มันจริง แม่หญิงนี่ไร้ยางอายเสียจริง แม่หญิงผู้นี้ต้องเล่นมนต์เป็นแน่”
“พูดพล่ามระวังเถอะ” คำเตือนครั้งที่สองไม่ได้ทำให้คนพูดเดือดร้อนแต่อย่างใด รำไพเดินถือตะกร้าสานที่มีผ้าไหมผ้าแพรของเจ้านายเข้ามาอยู่หลังข้าวอย่างงุนงง
“แม่หญิงเจ้าคะ” เสียงทักของบ่าวทำข้าวสะดุ้งโหยงยกมือจับอกหันหลังกลับมามองคนทักก่อนเหลียวมองบ่าวที่สนทนากันแล้วนิ่งเงียบเดินออกไปอย่างไม่พูดไม่จา รำไพมองตามอย่างสงสัยเดินเข้ามาปรายตามองบ่าววัยกลางคนสองคนช้าๆ
“อีแย้ม อีกระถิน มึงพูดอันใดให้แม่หญิงกุได้ยินฮะ!” รำไพปาตะกร้าในมือทุ่มใส่บ่าววัยกลางคนที่ชื่อแย้ม
“อีรำไพ!” แย้มปัดตะกร้าทิ้งลุกขึ้นชี้หน้าจิกคำเรียกชื่อคนที่อยู่ตรงหน้า
“นั่นประไรเป็นเรื่องจนได้” กระถิน บ่าวร่างท้วมลุกขึ้นเท้าเอวเข้ามาห้ามศึกฝีปาก
“เอ็งดูมัน ข้าโตกว่ามันตั้งมาก สันดานต่ำเหมือนนายใหม่มันไม่มีผิด” แย้มเหยียดยิ้มกอดอกเชิดปลายคาง
“เอ็งไม่รู้จักแม่หญิงดีก็อย่าได้เที่ยวกล่าวหา อย่างไรเสียแม่หญิงก็น้องสาวแม่นาย” กระถินเข้ามาแทรกกลางอย่างหัวเสีย
“น้องรึ ลูกเมียน้อยเล่นมนต์ดำจับท่านพระยานะสิ แย่งเหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูก”
“เออ หากนายกุจักแย่งแล้วมันหนักกะบาลมึงหรือยังไงฮะอีแย้ม! กุช่วยถอนงอกมึงดีหรือไม่” รำไพพุ่งเข้าใส่คว้าผมแย้มจิกเข้าหาตัว
“อีคางคกขึ้นวอ ขี้ข้าลืมนายเก่าอย่างมึงไม่ตายดีหรอก” แย้มยกมือปัดป้องแรงจิกของรำไพที่ยกมือขวาฟาดลงนาบที่หน้าหญิงผู้มีอายุมากกว่า
“อยากโดนหวายลงหลังกันนักรึ พอได้แล้ว” กระถินเข้ามาขัดขวางพยายามห้ามการตบตีของหญิงสองวัย และดูเหมือนคนที่สาวกว่าจะเป็นต่อเรื่องแรงขึ้นคร่อมง้างมือนาบฝ่ามือลงบนหน้าหญิงวัยกลางคนจนหน้าสะบัดหันข้างอย่างอ่อนแรงเสียงดังโวยวายจนต้องหาคนช่วยแยก
ข้าวเดินมาหยุดลงที่ท่าน้ำมองเรือของคนมาเยือนสายน้ำแน่นิ่งไม่ไหวติงนึกย้อนสิ่งต่างๆที่พบเห็นพยายามเรียบเรียงลำดับรวมทั้งแววตาที่สร้อยทองมองภาพย์
“จันทร์หอม เป็นคนยังไงกันแน่” ข้าวขมวดคิ้วยืนเหยียบขอบท่าอย่างไม่หวั่นว่าจะพลาดท่าตกก้มมองน้ำที่เผยให้เห็นเงาสะท้อนตนเองก่อนลดตัวนั่งยองๆค่อยๆเลื่อนมือไปที่น้ำ