ตอนที่ 8
เสียงระนาดดังแว่วเข้าหูข้าวให้หันมองตามหลังจากการมอบหมายบางอย่างให้แก้วทำ เธอเดินลัดเลาะข้างกำแพงวัดโดยมีสาวสามรำเดินกางร่มตามติดตัว เสียงฉิ่งดังกระทบควบคู่เป็นทำนองประสานเสียงระนาดเรียกความสนใจได้ดี เธอเดินเข้ามาในวัดกวาดสายตาคมมองหาต้นเสียงแต่กลับไม่พบ จึงเดินอ้อมไปอีกทางอย่างเร่งรีบราวกับเสียงจะหายไปในชั่วอึดใจจนขาที่ก้าวตามของบ่าวสามคนแทบพันกันระวิง
“ฮ่ะ ฮ่า ฮา” เสียงหัวเราะฟังดูเข้มดังขึ้นเรื่อยๆจนชัดเมื่อพ้นเขตวัดทะลุออกมาอยู่ที่ลานโล่งมีไม้แหลมกั้นขวางทางกับทหารเฝ้ายามเข้มงวด ข้าวก้าวขาเดินเข้าไปแต่ถูกบ่าวสามคนรั้งตัวห้ามไว้
“แม่หญิงเจ้าคะ เข้าไปไม่ได้เจ้าค่ะ นี่เขตอภัยทานสำหรับชายฉกรรจ์เจ้าค่ะห้ามหญิงใดเข้าเด็ดขาด” รำเพยเอ่ยห้ามทันที
“ทำไม เอะอะอะไรก็ชาย ถามจริงผู้หญิงเป็นเบี้ยล่างหรือไง ได้ เอางั้นก็ได้ ชายก็ชายเดี๋ยวรู้กันเข้าได้เฉพาะชายใช่ไหม ได้ ได้เลยจัดให้” ข้าวสะบัดแขนให้หลุดจากบ่าวสามคนอย่างหงุดหงิดเดินย้อนกลับไปอ้อมผ่านวัดมองหาบางอย่างที่ไม่น่าจะพบแต่ก็ไม่ได้ทำเธอท้อแต่อย่างใดเดินดุ่มๆเข้าไปที่วงล้อมชนไก่ยกมือสะกิดไหล่ชายร่างเล็กที่สูงกว่าตนไม่มากยืนลุ้นตัวโกร่งหันกลับมามองข้าวช้าๆ
“ว๊ายย แม่หญิงทำอันใดเจ้าคะไม่งามเจ้าค่ะ” รำเพยเข้ามาจับมือข้าวดึงกลับมาไว้ข้างตัวพร้อมประคองออกห่างชายดังกล่าวที่มองเหลอหลา
“อย่ายุ่งได้ไหม อยากโดนหรือไง” ข้าวยกมือกำหมัดง้างขึ้นสายตาเกรี้ยวกราดมองจ้องไล่บ่าวทีละคนที่ก้มหน้างุดอย่างหวั่นเกรงถอยออกไปยืนข้างหลัง ข้าวหันกลับมามองชายตรงหน้าอีกครั้งพร้อมหยิบถุงอัฐมาเทใส่มือจำนวนหนึ่งแล้วยื่นไปตรงหน้าชายดังกล่าวที่เห็นอัฐแล้วตาลุกวาว
“แม่หญิงมีอะไรให้รับใช้หรือขอรับ”
“หึ ฉัน เอ่อ ข้าต้องการชุด ผ้าที่เอ็งใส่ ถอดมาแลกกับอัฐ” ข้าวกระตุกยิ้มเอ่ยอย่างมีแผนทำบ่าวสามรำมองหน้ากันอย่างตกใจ
“แม่หญิงเจ้าคะ”
“เงียบเหอะน่า! ลอดช่องจริงเลย” ข้าวตวาดลั่นอย่างไม่สบอารมณ์ขมวดคิ้วมองหน้าชายตรงหน้าที่ยิ้มกริ่ม
“ข้าหาตัวใหม่ให้แม่หญิงเลยย่อมได้”
“ดี ไปหามาสิเร็วที่สุดไม่งั้นอัฐนี่ก็ไม่ได้”
“รอประเดี๋ยวข้าจะรีบมา” ว่าจบก็รีบวิ่งออกไปทันที ข้าวมองตามก่อนฉีกยิ้มชอบใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาอย่างง่ายดายเพียงแค่มีอัฐซึ่งตอนนี้เหลือเพียงน้อยนิด ไม่นานเกินรอทั้งเสื้อและกางเกงสีชากับผ้าขาวม้าสีเข้มยื่นอยู่ตรงหน้าข้าวจากชายที่วิ่งไปทำตามคำสั่ง ข้าวยื่นอัฐแลกกับชุดก่อนเดินไปหาที่ใส่ที่มิดชิด เธอหลบหลังต้นไม้ใหญ่โดยให้บ่าวสามคนดูผู้คนไว้ กางเกงและเสื้อสวมทับสไบที่พันเก็บรัดอกก่อนสวมเสื้อทับคาดผ้าขาวม้าขึ้นเก็บผมเหนือหัวก่อนเดินออกมาอย่างไม่สนใจสายตาของบ่าวสามคนที่จะห้ามปราม เธอรีบเดินอ้อมไปยังจุดหมายทันที
ข้าวเดินเข้ามาหยุดอยู่หน้าเขตอภัยทานโดยมีบ่าวสามคนยืนห้ามปรามหวั่นวิตกก่อนเป็นที่สะดุดตาทหารให้เดินเข้ามาถาม ข้าวสะบัดมือทั้งสามรำอย่างหงุดหงิดเมื่อทั้งสามพยายามรั้งตัวไว้
“มาทำอะไรตรงนี้” เสียงห้าวหาญหยาบกร้านทักขึ้นอย่างทะมัดทะแมง ข้าวยืดอกที่รัดพันจนแบนราบเลิกคิ้วพยายามมองลอดเข้าไปด้านในอย่างใช้ความคิดก่อนกระตุกยิ้มวางมือลงข้างลำตัวตอบกลับ
“ข้ามาหาพี่มิ่งเห็นบอกว่าจะพาข้ามาเปิดหูเปิดตาให้สมเป็นชายชาติทหาร” น้ำเสียงฟังดูฉะฉานเอ่ยหยิบยกชื่อสมมติขึ้นมา
“ไอ้มิ่งรึ อืม มันฝึกอยู่ด้านใน เข้าไปได้แต่เมียเอ็งสามคนห้ามเข้า”
“ได้ยินแล้วใช่ไหม ห้ามเข้า” ข้าวเหลียวหลังไปทวนย้ำสามบ่าวที่ยืนลุกลนก่อนกระตุกยิ้มเดินเข้าไปด้านในด้วยความเนียน “ชื่อคนโบราณนี่มันโหลจริงๆ”
ข้าวกวาดสายตามองหาเสียงระนาดกับเสียงฉิ่งที่ยังคงบรรเลงขับกล่อมพร้อมเสียงหัวเราะแทรกอย่างชอบอกชอบใจ ลานกว้างปูผ้าหยาบมีวงปี่พาทย์บรรเลงขับกล่อมให้ชายวัยกลางคนนั่งอยู่บนพรมที่นั่ง ข้าวเดินเข้าไปยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่มองชายวัยกลางคนนั่งปรบมือหัวเราะชื่นชมก่อนหยิบกระดานชนวน (แผ่นบางทำจากวัสดุแข็งเช่นหินที่เรียกว่ากระดานชนวนซึ่งใช้เป็นสื่อในการเขียน หินนี้เป็นหินแปรที่เกิดจากการตกผลึกของแร่ธาตุในหินจากดินเหนียวไปเป็นแนวขนานแบนแร่คล้ายเกล็ดเช่นแร่ไมกาขนาด 4x6 นิ้วหรือ 7x10 นิ้วห่อหุ้มไว้ในกรอบไม้) ที่วางอยู่ข้างกายมาถือค้างไว้แล้วหยิบดินสอพอง (โขลกดินสอพองพรมน้ำพอปั้นเป็นแท่งขนาดหัวแม่มือยาวไม่เกินคืบ) ที่อยู่ในถุงข้างเอวมาจับเขียนบางอย่างลงบนกระดานชนวน
หมับ!
“โอ้ยยย” ข้าวร้องเสียงหลงเมื่อมีมือดีมาบีบหูเธอให้หันมองคนบีบ ข้าวกัดริมฝีปากขมวดคิ้วหรี่ตามองชายฉกรรจ์เปลือยผ้าช่วงบนไว้หนวดคมเข้มนุ่งผ้าพันรัดช่วงล่าง
“เอ็งมายืนด่อมๆมองๆอะไรแถวนี้ เหตุใดไม่ไปฝึกซ้อมจำที่พระอาจารย์สั่งสอนไม่ได้รึ”
“เจ็บๆๆ ปล่อยก่อนได้ไหมเนี้ย” ข้าวปัดมือชายฉกรรจ์ร่างใหญ่บึกบึนยืนมองหน้าเธอ
“ร่างบางปวกเปียกเยี่ยงนี้กลับไปชนม้าชนไก่นู้นไป”
“ได้ๆไปเดี๋ยวนี้แหละพี่ชาย” ข้าวมองพลางยิ้มแหยๆส่งกลับยกมือลูบหูอย่างหงุดหงิดก่อนเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงเงยหน้ามองชายล่ำสันเปลือยช่วงบนผิวขาวเผยกล้ามท้องที่เห็นได้ชัดเดินตรงเข้ามากับชายที่นุ่งผ้าครบชุดไว้หนวดเคราร่างสูงคมเข้มถือไม้เท้าสนทนากันอย่างเป็นกันเอง ข้าวเบิกตาโตชะงักก้าวถอยหลังหมุนตัวกลับมาเจอชายฉกรรจ์ที่บีบหูเธอพาผวาทั้งสองฝ่าย
“ไอ้มิ่งมาทำอะไรตรงนี้เอ็งพร้อมหรือยัง” เสียงเข้มจากชายด้านหลังพร้อมเสียงไม้เท้ากระทบลงที่พื้น ข้าวยืนนิ่งไม่ขยับเม้มปากอย่างหาทางออกก่อนยกมือบังหน้าหลีกทางสายตาของชายฉกรรจ์ที่ยกมือผลักศีรษะข้าวออกจนผ้าขาวม้าหลุดร่วงลงสู่บ่า ผมสีแดงปรกลงมาอย่างได้จังหวะการประคองตัว
“หญิงรึ!” เสียงเข้มทักขึ้นเมื่อหันไปเห็นตอนที่ข้าวประคองตัวยืนอย่างตกใจมองผ้าขาวม้าอยู่ที่บ่า เสียงของชายผู้ถือไม้เท้าทำทุกสายตา ณ ตรงนั้นมองเป็นตาเดียวอย่างตกใจเช่นเดียวกับชายผิวขาวที่เลื่อนสายตาละออกจากการพันผ้าคาดเอวรัดให้แน่นขึ้น
“แม่จันทร์หอม” เสียงคุ้นหูทำให้ข้าวเงยหน้าสบตากับเจ้าของเสียงผู้มีแผงอกอันขาวล่ำก่อนที่เธอจะยิ้มแห้งๆส่งกลับ ภาพย์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเดินเข้ามาหาเธอทันที
“รู้จักหรือขุนภาพย์” เจ้าของเสียงเข้มเอ่ยขึ้นฉงน
“คู่หมายข้าแม่จันทร์หอม” ภาพย์หันไปตอบชายเจ้าของไม้เท้าที่เลิกคิ้วยกมือจับคางยกมือไล่ชายฉกรรจ์ออกให้พ้นสายตา
“เจ้าเป็นหญิงปลอมตัวเข้ามาเยี่ยงนี้นับว่าทหารยามของข้าสายตาไม่ได้เรื่องเอามากๆ” ชายผู้ครองไม้เท้าเอ่ยอย่างขบขันฉีกยิ้มชอบใจแต่คนที่ดูเดือดร้อนกับเป็นร่างล่ำสันเจ้าของแผงอกขาวเผยกล้ามท้องและกล้ามแขน
“มีเหตุอันใดหรือถึงได้แต่งตัวเยี่ยงนี้อีกทั้งยังฝ่าฝืนเข้ามาในที่ชาย รู้หรือไม่สิ่งนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง” ภาพย์หันมาดุพร้อมจ้องหน้าข้าวที่จับผ้าขาวม้าถือไว้ในมือยืนกอดอกเงยหน้ามองจ้องกลับ
“ก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาหรอก แค่ชอบฟังเสียงปี่พาทย์อยากเข้ามาดู แล้วยังไงเข้ามาแล้วจะเฆี่ยนหรอ หรือจะตัดคอ ถามจริงเหอะสมัยนี้ผู้หญิงต้องเป็นแม่ศรีเรือนนั่งหน้าโง่ๆอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนอย่างเดียวเลยหรือไง น่าเบื่อตายชัก” ข้าวสวนกลับพร้อมจ้องเขม็งอย่างสุดจะทนทำคนโดนสวนอึ้งกิมกี่แต่คนที่ขบขันชอบใจเห็นจะเป็นคนที่ถือไม้เท้า
“ฮ่ะ ฮ่า ฮา นี่นะรึคู่หมายของขุนภาพย์ บุตรสาวพระยาเดชาเสนาบดีกรมการคลัง วาจาคมดุราวกับพญาเสือต่างจากที่ข้าคิดไว้โดยสิ้นเชิง”
“จันทร์หอมของข้ากิริยาเรียบร้อย วาจาไพเราะ ดั่งที่ข้าเอื้อนเอ่ยเกริ่นไว้แต่เพลานี้กลับแปรเปลี่ยนจนหมดสิ้นแม้แต่ข้อห้ามก็ยังฝ่าฝืนไร้ซึ่งมารยาทพยศราวกับม้าดีดกระโหลก” คำพูดแสนคมบาดลึกเข้าสู่จิตใต้สำนึกของข้าวสร้างความโมโหให้กับเธอไม่น้อย