ตอนที่ 12   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 12
แก้วเดินเข้ามานั่งรอหน้าต้นโพธิ์เท้าคางมองข้าทาสที่เป็นชายเดินผ่านหน้าไปอย่างฉงนลุกขึ้นยืนก้าวขาเดินแต่ดันชนกับรำเพยที่เดินไม่มองทางเกือบล้มลงกับพื้นดินดีที่แก้วคว้ามือจับไว้ทันฉีกยิ้มแห้งๆ “พาคนไปทำอันใดรึ” แก้วละตัวออกมองหน้ารำเพยที่ขยับตัวยืนมองหน้าพร้อมตอบกลับ “แม่หญิงบอกว่าจะทำห้อง ห้องอันใดสักอย่าง ข้าจึงรีบไปดู เอ็งจะไปด้วยหรือไม่หากไปก็รีบไป” “ไปก็ได้ข้าอยากรู้แล้วสิ” แก้วพยักหน้ารับเดินตีคู่ไปกับรำเพย รำพันคลานเข่าเข้ามาหาข้าวกับภาพย์ที่นั่งมองหน้ากันราวกับหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ จนข้าวต้องเป็นฝ่ายเลื่อนสายตามองรำพันช้าๆ “แม่หญิงเจ้าคะ มากันครบแล้วเจ้าค่ะ” “อืม ดีมาก จะรีบลงไปเดี๋ยวนี้แหละ” ข้าวตอบรับพร้อมลุกขึ้นวางจานไว้บนที่นั่ง “จะไปไหนหรือ” ภาพย์ลุกขึ้นมองหน้าหญิงข้างๆอย่างแปลกใจ “ทำห้องน้ำ” ข้าวตอบสั้นๆห้วนๆรีบเดินลงเรือนไปยังด้านหลัง ภาพย์ขมวดคิ้วนิ่งคิดก่อนเดินตามลงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ข้าววิ่งมาหยุดอยู่หน้าบ่าวทั้งหลายมองชายบึกบึนที่อยู่ในเรือนนี้อย่างพึงพอใจก่อนมองท่าน้ำที่ไว้อาบแล้วเอามือจับคางเดินไปเดินมาหาทำเลที่ตั้งใหม่ “เอาตรงนี้แล้วกันใกล้ๆกับท่าน้ำจะได้ตักน้ำใส่ตุ่มง่ายหน่อย” ข้าวเดินมายืนอยู่ริมท่าบนฝั่งก่อนชี้นิ้วลงพื้นทำบ่าวที่ยืนมองอยู่แปลกใจเช่นเดียวกับภาพย์ที่เดินเข้ามาทีหลังมายืนอยู่ข้างๆเธอ “ฟังให้ดีจะออกแบบแปลนให้ กั้นไม้ตีเป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดสิบคนโอบ เอาแบบเปิดประทุนไร้หลังคาชมนกชมไม้ใช้บังกายไว้อาบน้ำ ตีผนังให้ทึบหน่อยนะห้ามมีรอยรั่วรอยร้าวหากใครแอบดูได้ละก็ จะจับเผาทั้งเป็นเลยคอยดู” ข้าวกดสายตาจิกต่ำไล่มองบ่าวที่เป็นชายทุกคนก่อนหันมาสบตาคนข้างๆ “ขอรับ” เสียงตอบรับพร้อมเพรียงทำข้าวหลีกทางออกจากพื้นที่ ภาพย์เดินตามข้าวมาที่ใต้ต้นโพธิ์ก้าวตามเธอทุกฝีก้าวจนเธอหยุดกะทันหันทำให้ชายหนุ่มไม่ทันระวังชนหลังเธอ หญิงสาวหมุนตัวกลับหลังหันเงยหน้ามองร่างสูงล่ำอยู่ตรงหน้าก่อนค่อยๆก้าวถอยทิ้งระยะห่างหนึ่งช่วงตัว “มีอะไรหรอเจ้าคะท่านคุณพี่ขุน” ข้าวยกมือกอดอกเลิกคิ้วหาเรื่องเขา “พี่อยากรู้ว่าเจ้าจะไปทำอันใดอีก ดูน่าสนใจ” “ไม่มีงานทำหรือไงเจ้าคะ” ข้าวเถียงเสียงแข็ง “งานหรือ มีสิแต่งานสำคัญคือเจ้ามากกว่า” “เหอะ! เกี้ยวพาราสีคิดว่าหลงกลหรือไง ต่อให้หล่อเลือดทะลักเทพบุตรเรียกพ่อ ฉันก็ไม่สนหรอก” ข้าวแบะปากยักไหล่หมุนตัวกลับขึ้นเรือน ภาพย์ยิ้มกริ่มมองตามก่อนหันหลังหลับมาเจอแก้วและรำเพยที่ยืนทำทีไม่สนใจก้มหน้างุดเมื่อผู้เป็นนายกระแอมไอยืดอกวางมาดสุขุม “ไปกันได้แล้วไอ้แก้ว” “ขอรับทูลหัวของบ่าว” แก้วยิ้มแป้นก่อนเดินตามภาพย์ออกไปที่ท่าน้ำขึ้นเรือ ข้าวยืนกอดอกพิงบานหน้าต่างมองไปยังท่าน้ำที่มีชายหนุ่มกำลังก้าวลงเรือก่อนเงยหน้าชำเลืองสบตาคนบนเรือนที่อยู่ตรงบานหน้าต่าง รอยยิ้มสุดแสนเสน่ห์ส่งหาข้าวทำเธอชะงักรีบเบี่ยงหลบละตัวออกจากหน้าต่างยืนหันหลังยกมือลูบอกเบาๆพลางเดินมานั่งบนเตียงไม้สัก “อืม เตียงแข็งปวดหลังตายหานุ่นทำเมาะมารองดีกว่า” ข้าวอมยิ้มดีดนิ้วอย่างนึกบางอย่างออกรีบหมุนตัวเดินออกจากห้องกวาดสายตามองหาบ่าวของตนก่อนเอ่ยปากเรียก “แม่สาวสามรำ รำอะไรบ้างนะ รำเพย รำ รำไพ รำพัน!” “เจ้าขาาาา” เสียงประสานดังมาสามทิศจนข้าวหมุนมองรอบก่อนพบสาวสามรำที่ว่าเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหาอย่างสำรวม “แม่หญิงมีอันใดหรือเจ้าคะ” รำพันเชยหน้าขึ้นมองข้าวช้าๆอย่างฉงน “มีนุ่นหรือเปล่า” “นุ่นหรือเจ้าคะ เรือนเอกไม่มีเจ้าค่ะ” รำไพตอบกลับอย่างงุนงง “เรือนท่านขุนมีเจ้าค่ะ” รำเพยตอบพลางเสนอ “จริงเจ้าค่ะหากแม่หญิงต้องการเอ่ยปากขอท่านขุนรับรองได้นุ่นมาเยอะแน่เจ้าค่ะ” รำพันยิ้มกริ่มหันไปยิ้มกับรำเพยอย่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย “ท่านขุนไหน” ข้าวเลิกคิ้วกอดอก “ขุนภาพย์ไงเจ้าคะ” รำไพตอบสมทบทำข้าวแบะปากหน้างอ “บ้านอื่นไม่มีหรือไง” “หากแม่หญิงจักไปเยี่ยมเรือนท่านขุนก็ไม่มีปัญหาหรอกเจ้าค่ะ เป็นคู่หมายกันไปมาหาสู่เป็นเรื่องธรรมชาติ” รำพันยิ้มกริ่มเหลือบมองข้าวที่เหลือกตามองบนยกมือไล่ความคิดของสามบ่าวอย่างไม่ชอบใจก่อนเดินไปนั่งที่ลานโล่ง “เรื่องของม้วยไปถึงไหนแล้ว” ข้าวเปลี่ยนเรื่องนั่งกินเงาะที่คว้านเม็ดออกแล้วหันมองบ่าวสามรำคลานเข่าเข้ามานั่งอยู่ที่พื้นตรงหน้า “มันหนีกระเจิงไปไหนไม่ทราบได้เจ้าค่ะ บ่าวให้คนไปตามจับมันทั่วบางยังไม่เห็นวี่แว่วหนังหัวมันเลยเจ้าค่ะ” รำไพตอบทันทีอย่างไม่รอช้า “แล้วเมืองเหนือเนี้ยอยู่ที่ไหน พาไปหน่อยได้ไหม” ข้าวขมวดคิ้วพยายามไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ที่พอรู้ “บ่าวไปไม่ถูกหรอกเจ้าค่ะหากแม่หญิงต้องการกลับเมืองเหนือท่านขุนพาไปได้เจ้าค่ะ” รำเพยฉีกยิ้มกว้างก่อนก้มหน้างุดเมื่อข้าวหันขวับตวัดหางตามองเธอ “ขุนไหน” เสียงจิกต่ำบ่งบอกความเย็นชาของอารมณ์ชัดเจน “ขุนภาพย์เจ้าค่ะ” รำพันก้มหน้าตอบพร้อมยกมือตีแขนรำเพยมองค้อน “เฮ้อ ขุนภาพย์ควรคู่กับพี่สร้อยทองมากกว่า หากได้แต่งกันจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกสามสิบชั้น หรือสามสิบชั้นคงไม่พอห้าสิบชั้นไปเลย” ข้าวยิ้มกริ่มวางมือลงบนหน้าตักมองแจกันทองเหลืองใส่ดอกไม้ “แม่หญิงกล่าวอันใดเจ้าคะ ท่านขุนเป็นคู่หมายของแม่หญิงนะเจ้าคะ” รำไพขมวดคิ้วเงยหน้ามองผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ “ฉันต้องรู้เรื่องจันทร์หอมให้ลึกกว่านี้” “แม่หญิงไม่ได้แย่งท่านขุนจากแม่นายนะเจ้าคะ ท่านขุนชอบคอกับแม่หญิงใครๆก็รู้กันทั่วบาง” รำเพยเอ่ยขึ้นทำข้าวสับสนมากกว่าเดิม “เธอสามคนอยู่เรือนนี้จะรู้เรื่องที่เรือนอื่นได้ยังไง” ข้าวมองหน้าทั้งสามอย่างหาเหตุผล “แต่แม่หญิงเจ้าคะหากท่านขุนไม่ได้ถูกใจแม่หญิงจักให้ท่านเจ้าพระยาข้ามฟากข้ามเมืองไปสู่ขอหรือเจ้าคะ แม่นายอยู่ที่นี่มานานรู้จักมักคุ้นกับท่านขุนตั้งแต่เด็ก หากต้องการดองกันเป็นฝั่งเป็นฝาจริงจักเสียเวลาไปข้ามฟากข้ามเมืองด้วยเหตุอันใดเล่าเจ้าคะ” รำเพยร่ายยาวหยิบยกเหตุผลที่น่าฟังจนข้าวคิดตามด้วยความอึ้งพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วทำไมถึงมีข่าวว่าจันทร์หอมไปแย่งขุนภาพย์มา” ข้าวแย้งต่อบท “อีพวกปากหอยปากปูแม่หญิงอย่าไปใส่ใจเลยเจ้าค่ะ” รำไพตอบกลับทันควันชนิดไม่ต้องคิดไตร่ตรอง “ข้าว่ามีคนใส่ร้ายแม่หญิงมากกว่า” คำพูดของรำพันทำข้าวมองฉงนคว้าหมอนสามเหลี่ยมมาเท้าแขนอย่างตั้งใจสนทนา “จริงเจ้าค่ะทางเรือนท่านขุนมีแม่หญิงผู้หนึ่งคิดจะจับท่านขุนเจ้าค่ะ” รำไพขยับเข้ามาใกล้กระซิบกระซาบมองซ้ายมองขวาดูลาดเลาบ่าวคนอื่น “จริงแท้แน่อย่างไรไม่รู้เจ้าค่ะแต่มีแม่หญิงมาอาศัยอยู่ที่เรือนท่านเจ้าพระยาจริงๆ” รำเพยสมทบสร้างรากฐานข้อมูลที่เริ่มโยงกันพันวุ่นวายพาข้าวหัวหมุนจากสามคนกลายเป็นมีบุคคลที่สี่มาเพิ่ม “หญิงใดบ้างจะไม่อยากออกเรือนกับท่านขุนที่เพียบพร้อมเช่นนั้น” รำพันมองหน้ารำเพยกับรำไพอย่างเห็นด้วยก่อนเงยหน้าสบตาข้าวที่ผ่อนลมหายใจยาวส่ายหน้าไปมา “เฮ้อ ยิ่งฟังยิ่งเครียดหาอะไรกินแก้เครียดดีกว่า” ข้าวหยิบหมอนวางลงแล้วลุกขึ้นเดินอ้อมไปหลังเรือนตรงดิ่งไปทางครัว บ่าวสามรำมองหน้ากันก่อนวิ่งตามไปทันที
已经是最新一章了
加载中