ตอนที่ 14   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 14
หมับ! มือสองข้างอันแข็งแกร่งยกขึ้นรับตัวคนที่กำลังตกลงมาก่อนโน้มตัวลงเป็นเบาะรองรับหลบกิ่งไม้ที่ตามลงมาอย่างฉิวเฉียดกระแทกลงพื้นข้างตัว ข้าวมองตาปริบๆอึ้งค้างอยู่ในอ้อมอกของภาพย์มือสองข้างของชายหนุ่มกอดรัดหญิงสาวไว้แน่นราวกับเกรงว่าเธอจะบาดเจ็บโดยไม่สนใจตนเอง ดวงตาสองคู่สบกันช้าๆก่อนจะถูกพยุงขึ้นโดยบ่าวสามรำที่ยกมือปัดเนื้อปัดตัวข้าวอย่างห่วงใย สร้อยทองเข้ามาประคองตัวภาพย์ลุกขึ้นก่อนหันมองข้าวที่มองทั้งสองด้วยความนิ่ง “เหตุใดถึงปีนป่ายเป็นลิงเป็นค่างเยี่ยงนี้เล่าแม่จันทร์หอม หากขุนภาพย์รับไว้ไม่ทันจักเกิดอันใดขึ้น หัวใจข้าจะวายเสียรู้แล้วรู้รอด” สร้อยทองเข้ามาจับแขนข้าวมองสำรวจทั่วตัวอย่างกังวล “ขอโทษ” ข้าวตอบกลับสั้นๆก้มหน้านิ่งก่อนเบี่ยงตัวก้าวถอยหลังหมุนตัววิ่งขึ้นบันไดไปบนเรือน สร้างความงุนงงให้กับทุกคน สร้อยทองขมวดคิ้วมองตามก่อนหันมองภาพย์ที่มองตามข้าวพลางยกมือจับต้นคอสีหน้ากังวลแสดงออกชัดเจนทำสร้อยทองสลดก้มหน้าลงช้าๆ “แม่หญิง” บ่าวสามรำอุทานขึ้นเมื่อได้สติรีบวิ่งขึ้นเรือนตามไปแต่ก็ไม่ทันได้แต่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ข้าวนั่งลงอยู่หน้ากระจกเงามองตนเองที่เงาสะท้อน “ฉันกำลังทำอะไรอยู่เนี้ย เล่นตามบทหรือฉีกบท จันทร์หอมเธอไปไหนของเธอนะ พระอาจารย์มาแทนตนเองที่จากไปแล้วฉันละ ถ้าจันทร์หอมยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องอยู่เมืองเหนือหรอ ต้องหาทางไปเมืองเหนือ นี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำสินะ เป็นไงเป็นกันสู้ตาย” ข้าวจ้องตนเองในกระจกเงาอย่างหาไขข้อข้องใจก่อนลุกขึ้นเดินเปิดประตูทำบ่าวสามรำล้มลงถลาเข้ามาล้มทับกันสยบแทบเท้า สร้อยทองนั่งอยู่กับภาพย์ที่กลางบ้านหันมองข้าวก้าวขาออกจากห้องเลี่ยงการเหยียบโดนบ่าวสามคนที่ประคองตัวจับเอวยกมือถกเถียงกันก่อนเดินเข้ามารวมตัวกันอีกฟากอย่างสำรวม “เป็นอะไรหรือไม่” สร้อยทองลุกขึ้นเข้ามาจับแขนข้าวมองอย่างละเอียดด้วยความห่วงใย “ฉัน เอ่อ ข้าอยากกลับเมืองเหนือ” ข้าวมองหน้าคนสองคนที่ขมวดคิ้วมองหน้าตนพร้อมกัน สร้อยทองพาข้าวเข้ามานั่งลงข้างๆก่อนจับมือกุมไว้ “ขุนภาพย์” สร้อยทองเลื่อนสายตาขอความคิดเห็นจากชายที่ผ่อนลมหายใจด้วยความหนักอกจนข้าวจับสังเกตได้ “ทำไม” “เจ้าจะกลับไปอยู่กับผู้ใด เรือนเล็กของพระยาเดชาเสนาบดีกรมการคลังถูกรื้อถอนจนหมดสิ้นก่อนที่เจ้าจะจากมาเสียอีก” ภาพย์กล่าวอย่างสุุขุมมองสบตาข้าวที่อึ้งค้าง “แล้วพ่อกับแม่ละ” ข้าวสวนกลับมองหน้าสร้อยทองที่อ้ำอึ้งก้มหน้าสลด “อย่าบอกนะ” “ทั้งสองสิ้นนานแล้ว นี่อาการของเจ้ายังไม่หายอีกรึ ข้าจะทำอย่างไรดีเล่า” ภาพย์ขมวดคิ้วนิ่งคิดเอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใยออกนอกหน้า สร้อยทองกุมมือข้าวไว้แน่นก่อนยกมือลูบผมเธอช้าๆอย่างหดหู่ใจ “เจ้ายังมีข้าอยู่นะแม่จันทร์หอม” “แล้วยังงี้จะหาได้ที่ไหน จันทร์หอมไปไหนกันแน่” ข้าวขมวดคิ้วก่อนยกมือกุมขมับนิ่งคิด “รำเพย รำพัน รำไพ พาแม่หญิงไปพัก” สร้อยทองเรียกบ่าวสามรำทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงข้างๆไม่สู้ดีนัก “เจ้าค่ะ” ทั้งสามตอบรับประสานเสียงเข้ามาประคองตัวข้าวลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้อง “ไม่ ไม่ ฉันอยากไปสูดอากาศสักหน่อย” ข้าวยกมือปัดบ่าวสามคนออกเดินย้อนกลับมาบอกสร้อยทองอย่างจริงจัง “แต่ว่า…” “ไปตลาดดีหรือไม่ พี่จักพาไป” ภาพย์มองหน้าเธอที่เลื่อนสายตาสบเล็กน้อย “ก็ดีเหมือนกัน” ข้าวตอบกลับก่อนก้าวลงเรือนไปรอที่ท่าน้ำ บ่าวสามรำรีบคว้าร่มเดินตามลงไปทันที ภาพย์หันมองสร้อยทองก่อนลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ข้าต้องไปก่อน อย่าได้ห่วงแม่จันทร์หอมข้าจะดูแลเอง” “เยี่ยงนั้นข้าไหว้” สร้อยทองลุกขึ้นยกมือไหว้บอกลาเช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ยกมือรับแล้วเดินลงเรือนไป ข้าวยืนมองแก้วที่นั่งแกะเชือกผูกเรือก่อนยกมือกอดอกนั่งลงยองๆข้างคนที่นั่งอยู่ก่อน แก้วค่อยๆเอียงหน้ามองช้าๆก่อนผละออกอย่างตกใจเกือบกลิ้งตกน้ำ ข้าวขมวดคิ้วกอดเข่าพร้อมเอามือเท้าคางเลิกคิ้วมองหน้าคนที่ผวาเกินเหตุ “ตกใจอะไรไม่ใช่ผี” “แม่หญิงก็อย่าเล่นเยี่ยงนี้สิขอรับ บ่าวใจคอไม่ดีเสียวสันหลังเลยขอรับ” แก้วนั่งหมอบก้มหน้าอย่างสำรวมสงบเสงี่ยม “หวั่นไหวกับฉันหรือไง” ข้าวขมวดคิ้วมองท่าทีของชายหนุ่มไร้ซึ่งฐานะ “ไม่กล้าคิดหรอกขอรับ ท่านขุนเฆี่ยนตายแน่ขอรับ” “ฉัน เฮ้อ ข้าแค่จะถามว่าของที่สั่งไว้เดี๋ยวไปเอาเอง หากนาย เอ่อ เอ็งเอามาให้ที่เรือน ข้าว่าท่านขุนของเอ็งต้องรู้แน่ เพราะเช่นนั้นข้าไปเอาเองดีกว่า เห็นว่าที่เรือนเจ้าพระยามีนุ่น ขอขโมยหน่อยแล้วกัน” “แล้วเจ้าจะคิดขโมยด้วยเหตุใดเล่า บอกกล่าวดีๆใครจะกล้าว่าอันใดได้” เสียงสุขุมตอบกลับอยู่ด้านหลัง ข้าวตวัดหางเงยหน้ามองคนที่เดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยก่อนลุกขึ้นยืนประชันหน้าสีหน้าเรียบนิ่ง “งั้นก็ขอไว้ก่อนเลยแล้วกัน ไม่สิไม่ขอดีกว่าเดี๋ยวตามไปชดใช้กันชาติหน้า จ่ายเป็นอัฐแล้วกันจะได้ไม่มีหนี้ค้างอะไรกัน ให้จบสิ้นไปตั้งแต่ชาตินี้” “แล้วถ้าพี่ไม่รับอัฐของเจ้าเล่า เราจะเจอกันไปทุกชาติทุกภพหรือไม่” รอยยิ้มกรุ้มกริ่มส่งหาหญิงตรงหน้าที่กระพริบตาถี่หันรีหันข้างก่อนหันมองบ่าวสามรำที่กระซิบกระซาบยิ้มแหย่กันอย่างฉอเลาะ “เดี๋ยวเหอะ!” ข้าวเท้าเอวชี้หน้าบ่าวสาวรำที่สะดุ้งโหยงก้มหน้างุดทันที ภาพย์เหลียวมองตามก่อนฉีกยิ้มหันมาสบตากับข้าวช้าๆ “เจ้าจะไปตลาดใช่หรือไม่” “ใช่ ไปตลาด ตลาด” ข้าวทำเนียนเฉไฉหมุนตัวกลับมองแก้วที่ประคองเรือยิ้มกริ่ม ขาซ้ายก้าวลงเรือแต่เรือกลับเลื่อนออกห่างในจังหวะที่แก้วเงยหน้ามองข้าวอย่างวิตกว่าจะพลาดตก แขนขวาโอบเข้าที่เอวเธอดึงเข้ามาชิดอกเมื่อเห็นว่าเรือขยับออก แก้วรีบดึงเรือเข้ามาทันที จังหวะเดียวกับที่ข้าวเอียงหน้ามองชายหนุ่มที่กอดเอวเธอจากทางด้านหลังอย่างตกใจพร้อมได้ยินเสียงลดต้นคอเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย “ทำอันใดของเจ้าแม่จันทร์หอมหากเกิดพลาดท่าตกน้ำ จะเป็นอย่างไรเล่า” “บ่าวขอประทานโทษขอรับ” แก้วก้มหน้างุดสำนึกผิดจับเรือไว้ “ตกน้ำก็เปียก” ข้าวตอบปัดๆก้มมองมือที่ยังโอบอยู่ “พูดอันใดเจ้าคิดว่าชีวิตเจ้าน่าขันอย่างนั้นรึ เจ้าเป็นอะไรไปพี่จะทำอย่างไร” ภาพย์ปล่อยมือออกก้าวลงเรือก่อนหันมายื่นมือรอรับหญิงที่ยืนนิ่งด้วยความอึ้งกับคำพูดแต่ละประโยคของเขา บ่าวสามรำยืนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มเคลิ้มตาม ข้าวตวัดหางตามองเขม็งคนของตนที่รีบก้มหน้างุดก่อนหันกลับมาจับมือภาพย์ลงเรือ แก้วเงยหน้ามองตามยิ้มหน้าบานพลางมองบ่าวสามรำก้าวลงเรือนั่งทางด้านหลังข้าวเพื่อกางร่มให้แล้วก้าวลงเรือผลักลำพายออกไป ข้าวนั่งจับหน้าขาเม้มปากมองซ้ายมองขวาก่อนหันมาสะดุดตากับสายตาที่อยู่เบื้องหน้าทำให้ต้องรีบหันหนีทำเฉไฉมองไปทางอื่น ภาพย์ยิ้มกริ่มยกมือจับจมูกแก้อาการที่หวั่นไหวในจิตใจอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
已经是最新一章了
加载中