ตอนที่ 15
เมื่อถึงท่าใหญ่แก้วผูกเรือเทียบท่าให้ผู้เป็นเจ้านายขึ้นไปด้านบน ภาพย์หันมารับมือข้าวที่กำลังจะก้าวขาขึ้นเธอเงยหน้าสบตาเขาช้าๆอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงจำใจให้เขาประคองตนขึ้นท่าอย่างไม่โวยวายเพราะกำลังเก็บความหวั่นไหวในใจของตนเองอยู่
“พี่ต้องว่าราชการสักครู่ เจ้าเดินชมอยู่แถวนี้แล้วกันอย่าไปไกลนักแล้วพี่จะรีบกลับมาพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง”
“อืม เชิญเจ้าค่ะ” ข้าวพยักหน้าตอบทันทีเบี่ยงสายตาหลบไม่สบตาเขา
“พวกเจ้าดูแลแม่หญิงให้ดี หากแม่หญิงเป็นอันใดข้าจะไม่ปล่อยไว้เข้าใจหรือไม่” ภาพย์หันมาด้วยเสียงเข้มสุขุมจริงจังสั่งบ่าวสามรำที่ก้มหน้างุดตอบกลับ
“เจ้าค่ะท่านขุน”
“อย่าพยศให้มากความดูแลตนเองด้วยจันทร์หอมของพี่” ภาพย์หันมายิ้มกริ่มส่งให้ข้าวที่มองตาปริบๆด้วยความอึ้งก่อนที่เขาจะเดินออกไปกับแก้ว บ่าวสามรำหันมองหน้ากันอย่างเคาะเขินแทนผู้เป็นนาย
“ฟู่ว ตั้งสติข้าว ก็แค่ผู้ชายปากหวานคนหนึ่ง หยึย” ข้าวยกมือตบหน้าผากเท้าเอวส่ายหน้าไปมาพยายามเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนตบหน้าอกเบาๆสูดลมหายใจเข้าแล้วผ่อนออกเดินนำบ่าวสามรำที่กางร่มให้
ปึก เคร้ง!!
เสียงบางอย่างดังมาจากทางฝั่งขวามือที่อยู่ห่างไกลจากผู้คน ข้าวเลิกคิ้วหันมองตามเสียงก่อนเดินเข้าไปดูตามติดด้วยบ่าวสามรำ
เคร้ง!!!
ไหแตกกระจายหลังกระแทกกับแผ่นหลังหนาไร้เครื่องแต่งกายช่วงบนผมเปียยาวสะบัดตามแรงหันเมื่อมีมืออันแข็งแรงดึงให้เซตามแรงก่อนล็อกคอให้ชายฉกรรจ์อีกคนอัดหมัดเข้าหน้าท้องจนสะบักสะบอม เสียงเด็กเล็กนั่งร้องไห้อยู่กับหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ยกมือไหว้อ้อนวอนชายสองคนที่กำลังทำร้ายชายตรงหน้า ข้าวขมวดคิ้วมองชายที่ถูกรุมทำร้ายแล้วย้อนนึกกลับไปครั้งที่เธอมาเหยียบตลาดของที่นี่ครั้งแรกเขาคือช่างตีเหล็กหลอมอาวุธที่ปฏิเสธเธอนั่นเอง ข้าวเลิกคิ้วยืนกอดอกมองสภาพสะบักสะบอมของเขาก่อนส่ายหน้าไปมาคว้าร่มในมือรำเพยมาหุบแล้วเดินเข้าไปง้างฟาดตีหัวชายฉกรรจ์อย่างแรงเรียกความสนใจได้ดี
“แม่หญิง! ตายแน่กู อีรำเพย อีรำพันมึงไปช่วยแม่หญิงเร็ว” รำไพยกมือทาบอกอย่างตกใจรีบมองหาสิ่งของที่พอจะช่วยเจ้านายของตนได้แต่ยังไม่ทันได้หาเจอหันมองข้าวสะบัดร่มกระแทกเสยหน้าชายฉกรรจ์แยกตัวชายดังกล่าวให้ชายหนุ่มหน้าตี๋จัดการคนที่ล็อกคอตนม้วนตัวพลิกยกชายฉกรรจ์ทุ่มลงพื้นก่อนยกหมัดอัดกระแทกหน้าไปหลายหมัดพลางชำเลืองมองหญิงที่มาช่วยกำลังทำเรื่องที่ไม่คาดคิด
“ว๊ายย แม่หญิง!!” บ่าวสามรำถึงกับแผดเสียงหลงยกมือปิดปากเมื่อข้าวยกขาถีบชายฉกรรจ์ก่อนคว้าไหกระโดดขึ้นแคร่หน้ากระท่อมหลังเล็กดิ่งตัวอัดเข้าที่ศีรษะชายฉกรรจ์ค่อยๆล้มลงกับพื้น ยังไม่จบเพียงเท่านี้เธอก้มลงหยิบเศษไหขึ้นมาเดินเข้าไปหาชายฉกรรจ์ที่ยกมือจับหัวพยุงตัวลุกแต่ถูกเท้ายันเข้าที่หัวไหล่จนล้มลงไปนอนก่อนที่เธอจะยกขากระแทกลงที่เป้าศูนย์กลางการดำรงเผ่าพันธ์ุพร้อมยกขึ้นสูงแล้วอัดลงไปอีกรอบทำผู้ชมอึ้งค้างไปตามๆกัน รอยยิ้มแสยะก้มลงเอามือเท้าขาที่เหยียบจุดความเป็นชายของชายฉกรรจ์ที่ร้องโอดโอย
“รู้จักไหมยูยิสสู (การต่อสู้ที่ใช้มือเปล่าในระยะประชิดตัวไม่สามารถที่จะใช้อาวุธได้ถนัด การต่อสู้แบบยูยิสสูไม่มุ่งที่จะทำให้คู่ต่อสู้มีอันตรายถึงชีวิต แต่มีจุดประสงค์เพื่อให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บและยอมแพ้ ถ้าไม่ยอมแพ้ก็อาจทำให้พิการทุพพลภาพ โดยใช้วิธีจับมือหักข้อต่อส่วนต่างๆของร่างกาย)” สิ้นเสียงที่ฟังดูเยือกเย็นดวงตาเกรี้ยวกราดจิกต่ำมือขวาที่ถือเศษไหยกขึ้นสูงหวังปักเข้าเบ้าตาจุดหมายอย่างไร้ความปราณี ชายหนุ่มผมเปียยาวที่ล้มชายฉกรรรจ์อีกคนได้วิ่งเข้ามารั้งมือข้าวไว้อย่างได้ทันท่วงที
“อย่าทำแบบนั้น” เสียงชายหนุ่มเข้าหูเธอก่อนบ่าวสามรำจะเข้ามาจับรั้งเอวแยกตัวผู้เป็นนายออกจากเขา ข้าวเหวี่ยงเศษไหไปทางชายที่นอนสลบก่อนสะบัดตัวหลุดจากบ่าวเงยหน้ามองชายผมเปียยาวยืนมองสภาพชายฉรรจ์ที่ถูกล้มโดยหญิงร่างบางก่อนหันไปสนใจแม่ลูกที่นั่งร้องห่มร้องไห้ยกมือไหว้
“ขอบคุณ ขอบคุณแม่หญิง” เสียงกล่าววนไปมาผสมเสียงร้องไห้ของเด็กจนชายถักผมเปียต้องพาเข้าไปสงบสติความกลัวในกระท่อม ข้าวปรายตามองไปทางกระท่อมก่อนหมุนตัวกลับมองหน้าบ่าวสามคนที่สะดุ้งผวาก้มหน้างุด
“อย่าบอกพี่สาวฉันเด็ดขาดรวมทั้งอีตาขุนทองด้วย ไม่งั้นเจอยูยิสสูแน่” ข้าวมองหน้าบ่าวสามรำด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“เจ้าค่ะ” ปกติก็ฟังจนตัวลีบอยู่แล้วยิ่งเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ลีบหนักกว่าเดิมไปอีก
“แม่หญิง” เสียงชายหนุ่มเอ่ยทักขึ้นหลังจากเดินออกมาจากกระท่อม
“ถ้าจะขอบใจละก็ไม่ต้อง ฉันหวังว่าฉัน เอ่อ ข้าคิดถูก ไอ้เดี้ยงพวกนั้นนะรุมทำร้ายผู้หญิงกับเด็ก แล้วนายก็มาช่วย เอ่อ เอ็งก็มาช่วย เข้าใจถูกไหม” ข้าวหันกลับมามองหน้าชายหนุ่มพร้อมยืนกอดอก
“ใช่ แม่หญิงรอบรู้เก่งกาจมิน่าถึงสนใจคมดาบอาวุธคู่บ้านคู่เมือง”
“มันก็แค่ของสะสมของโบราณ แต่ใช้ไม่เป็นหรอก อยากมีไว้ให้อุ่นใจ ส่วนศิลปะการต่อสู้เมื่อกี้ฉัน หืม ข้าเรียนรู้เพื่อเอาตัวรอดเวลาขึ้นคานทองเท่านั้น ได้ปล่อยของค่อยหายอึดอัดหน่อย”
“หากแม่หญิงต้องการดาบข้าจะหลอมให้โดยเฉพาะเพื่อตอบแทน”
“ไม่ต้องหรอก ข้าสั่งคนไปวานเอ็งให้หลอมแล้ว กระบองซ่อนคมคุ้นไหม” ข้าวกระตุกยิ้มมุมปาก
“แต่คนที่สั่งข้าเป็นบ่าวจากเรือนเจ้าพระยา ไม่ทราบว่าแม่หญิงอยู่เรือนนั้นรึ”
“เปล่า ใครอยากอยู่กัน ข้าอยู่เรือนไหนมันก็เรื่องของข้า” ข้าวตอบกลับอย่างยียวนแล้วหมุนตัวเดินออกไปกับบ่าวสามรำที่วิ่งไปเก็บร่มก่อนวิ่งตามนายไป ชายหนุ่มมองตามแล้วหันกลับมามองชายฉกรรจ์อาการปางตายจึงรีบจัดแจงลากตัวชายฉกรรจ์ออกไปจากกระท่อมเพื่อเก็บกวาดข้าวของให้สองแม่ลูกก่อนกลับไปที่ซุ้มตีเหล็ก
มือเรียวยาวขาวละอ่องรับกับผิวกายที่เปลือยท่อนบนอยู่หน้าเตาเพลิงที่ลุกโชติในมือถือหินหยกก่อนฉีกยิ้มนึกถึงดวงตาดุก่อนเลื่อนสายตามองไปทางกระบองไม้ขนาดหนึ่งเมตรสีดำที่อยู่บนโต๊ะข้างเตา
“ข้าไม่เคยพบเจอหญิงใดดุร้ายเช่นเจ้ามาก่อน ขอให้ข้าได้พบเจ้าอีกจะได้หรือไม่” รอยยิ้มเผยอยู่บนใบหน้าก่อนเบี่ยงตัวไปลับหยกเปลี่ยนทรง
ข้าวยกมือนวดไหล่เดินดูแผงขายของข้างวัดก่อนเหลือบเห็นหลวงเสนายืนสั่งการคนที่ติดตามตนจนยืนอยู่เพียงลำพังเท้าไม้เท้าอย่างสุขุมก่อนหันมาสบตาคนที่ยืนมองอยู่ ข้าวเลิกคิ้วเดินเข้าไปยกมือไหว้ทักทายชายหนุ่มที่เดินเข้ามาเช่นกัน
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ข้าวฉีกยิ้มเปิดบททักทายอย่างเป็นมิตรจนบ่าวสามรำฉงนสงสัยเมื่อการแสดงออกของผู้เป็นนายปฏิบัติต่อหลวงเสนาและภาพย์ต่างกันราวกับฟ้าดิน
“สบายดีเมื่อครู่ข้าพบขุนภาพย์ เจ้ากำลังจะไหนหรือ หากจักตามขุนภาพย์ก็ไปพร้อมข้าเสียเลย” หลวงเสนาตอบกลับด้วยรอยยิ้มทำผู้ฟังอบอุ่นไปตามๆกัน
“ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ฉัน เอ่อ ข้าไม่อยากต่อปากต่อคำกับชายผู้นั้น” ข้าวยกมือกอดอกเชิดปลายคางฉีกยิ้ม
“เช่นนั้นให้ข้าเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่ ข้าเองก็ไม่ได้ทำอันใด” หลวงเสนายิ้มตามรอยยิ้มหญิงตรงหน้าทำบ่าวสามรำมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ ข้าอยากรู้อะไรหลายเรื่องของที่นี่ คุณหลวงเสนาช่วยบอกหน่อยได้ไหม อืม เจ้าคะ” ข้าวมองหน้าหลวงเสนาแล้วยิ้มบางๆ
“เจ้าอยากรู้เรื่องอันใดเชิญกล่าวมาได้เลย ข้ายินดีบอกกล่าวทุกเรื่อง แม้นข้าจักดูน่าเกรงขามแต่ข้าหาใช่คนดุไม่”
“ไม่เหมือนขุนภาพย์ก็ดีแล้วเจ้าค่ะ” ข้าวหมุนตัวกลับมองหน้าบ่าวสามรำที่กระตุกเฮือกหลีกทางให้หนุ่มสาวเดินเคียงคู่กันไปตามทาง
“อีรำเพยไปตามท่านขุนมาเร็ว ก่อนที่ท่านหลวงจะเกี้ยวแม่หญิง” รำไพยกมือตีแขนรำเพยเอ่ยอย่างร้อนรน
“แล้วทำไมเอ็งไม่ไป ท่านขุนอยู่ในเขตอภัยทาน เข้าไปได้เสียที่ไหนเล่า” รำเพยย้อนกลับยกมือลูบต้นแขนที่ถูกตี
“มัวเถียงกันอยู่ได้ แม่หญิงจะใจอ่อนเพราะพวกเอ็งไม่ตามไปนี่ละ” รำพันยกมือตบเข้ากกหูทั้งสองรำที่ยกมือจับหูมองค้อนก่อนวิ่งตามไป