ตอนที่ 18
ข้าวเดินวนไปวนมามองรอบอย่างไม่คุ้นเคยคล้ายจะหลงยืนเท้าเอวปาดเหงื่อ ก่อนได้ยินเสียงเข้มตะโกนเรียก เธอจึงรีบมองหาต้นเสียงแล้ววิ่งไปหาเขาทันทีก่อนที่เขาจะเข้ามาเจอเธอ
“แม่จันทร์…”
“ข้าอยู่นี่” ข้าวหายใจหอบหยุดอยู่ตรงหน้าภาพย์ที่ยกมือลูบหลังช่วยเธอ
“วิ่งตามใครหรือ”
“ม้วย ท่านขุนรู้จักไหม” ข้าวเงยหน้ามองชายหนุ่มที่ขมวดคิ้วขยับเข้ามาหาข้าว
“ท่านขุนรึ พี่จะตอบก็ต่อเมื่อเจ้าเปลี่ยนวาจาเอื้อนเอ่ยเสียใหม่”
“ไม่ตอบก็ไม่ต้องตอบ ไม่ง้อ” ข้าวเลิกคิ้วบ่ายเบี่ยงมองทางอื่น
“แม่จันทร์!” ภาพย์ขมวดคิ้วมองหน้าเธออย่างเหนื่อยใจก่อนเดินนำออกไป ข้าวผ่อนลมหายใจยาวเหลียวมองย้อนกลับไปทางที่ตนจากมาด้วยรอยยิ้มแล้วเร่งฝีเท้าเดินตามภาพย์ไปติดๆ
กลางดึกเงียบสงัดข้าวลุกขึ้นจากเตียงไม้จับหลังอย่างไม่คุ้นชินกับการไม่มีเบาะรองนอนเธอหย่อนขาลงจากเตียงยังไม่ทันแตะพื้นต้องรีบเด้งกลับกอดเข่าชะเง้อมองเมื่อนิ้วเท้าสัมผัสโดนขาคนที่นอนอยู่บนพื้นหนึ่งคนนั่นคือรำเพยส่วนอีกสองรำอยู่ตรงหน้าประตูในห้องราวกับเป็นทุ่นระเบิดกักข้าวไม่ให้ไปไหน
“หิวน้ำชะมัดเลย” ข้าวค่อยๆก้าวลงจากเตียงข้ามขารำเพยชนิดเบาที่สุดแล้วย่องเดินไปที่ประตูยกมือเกาหัวหาทางเปิดประตูไม้ที่ค่อนข้างมีเสียงดังพอตัว รำไพขยับตัวเอียหูฟังทำให้ข้าวหยุดมือถอยห่างช้าๆเดินย่องกลับไปยืนเท้าเอวก่อนเลิกคิ้วมองแสงจันทร์ลอดเข้ามาทางหน้าต่างเธอจึงรีบก้าวขาเดินไปที่หน้าต่างแล้วชะโงกหน้ามองความสูงที่น่าจะกระโดลงไปไหน ข้าวหันมองบ่าวสามรำที่นอนนิ่งก่อนรวบชายผ้าซิ่นขึ้นพันเป็นอีกทบให้สั้นแล้วก้าวขาหย่อนกระโดดลงสู่เบื้องล่างในยามวิกาล
ปึก!
ขาสองข้างอยู่บนพื้นดินเงยหน้ามองหน้าต่างที่เพิ่งทิ้งตัวลงมาด้วยรอยยิ้มก่อนประคองตัวยืนตรงแกะผ้าซิ่นให้เป็นอย่างเดิมพร้อมขยับผ้ารัดอกให้แน่นขึ้นกวาดสายตามองรอบในยามวิกาลชวนวังเวงเธอตัดสินใจเดินไปยังท่าน้ำหลังเรือนที่ใช้อาบน้ำ
“จันทร์หอมยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ” ข้าวยืนกอดอกมองน้ำที่แน่นิ่งอย่างคิดทบทวนสิ่งที่ได้ยินจากม้วยในครั้งพบกันการที่ม้วยเรียกเธอว่าผีอาจไม่ใช่เรื่องที่สร้างขึ้นหรือเข้าใจผิดก็ได้
ช่วยด้วย โจร!!
เสียงตะโกนโวยวายลั่นเรือนพร้อมไฟที่จุดสว่างแตกตื่นข้าวรีบวิ่งกลับไปทันทีแต่ยังไม่ทันจะถึงตัวเรือนดีพบเข้ากับชายผู้บุกรุกสวมผ้าดำผิดหน้าในมือถือมีดใหญ่ดิ่งลงมาจากหน้าต่างห้องของเธอ
“อยากตายนักรึหลบไป!” เสียงเข้มของชายฉกรรจ์จ่อมีดมาทางข้าวที่ยืนลำดับเหตุการณ์ปะติดปะต่อความน่าจะเป็นก่อนยกมือกอดอกหลีกทางให้ชายฉกรรจ์ช้าๆ
“จะมาฆ่าฉันแต่บอกให้ฉันหลบกลับไปเจ้านายไม่ว่าหรือไงไอ้หมารับใช้” เสียงข้าวกระตุ้นชายฉกรรจ์ให้หันกลับมามองอีกครั้งในขณะที่เดินผ่าน แต่ยังไม่ทันได้มองเห็นเต็มที่เท้าฟาดลงเตะเข้าที่ต้นคอจนเซถลาเอียงข้าง ข้าวหมุนตัวตามแรงแตะก่อนยกมือเสยผมมองชายฉกรรจ์ที่ยกมีดง้างขึ้น เธอเบี่ยงหลบพร้อมยกขาถีบข้อมือที่ฟาดลงก่อนหมุนตัวฟันศอกเข้าที่อกชายฉกรรจ์แล้วเขย่งปลายเท้าเอื้อมมือไปด้านหลังจับคอและแขนร่างใหญ่ยกทุ่มลงพื้นด้วยแรงทั้งหมดก่อนประคองตัวมองจิกต่ำยกขาเตะเข้าที่ตัวชายฉกรรจ์อย่างเหนื่อยหอบพร้อมปาดเหงื่อ
“ใครเป็นนายแกบอกมาเดี๋ยวนี้ กัดไม่เลิกเลยนะ” ข้าวหยุดเตะเดินไปหยิบมีดที่ตกอยู่ข้างๆมาถือลูบคมมองต่ำ
“อย่า อย่าทำอะไรข้าแม่หญิง ข้าแค่ทำตามคำสั่ง”
“คำสั่งใคร อ่อ ไม่ต้องบอกหรอกเอานี่กลับไปบอกเจ้านายแกดีกว่า อย่าให้ฉันรู้นะว่าเกี่ยวข้องอะไรกับความเป็นความตายของเรือนพระยาการคลัง เจอตัวเมื่อไหร่ไม่ตายดีแน่ รู้จักนางมารยุคบุกเบิกไหม ฉันนี่แหละจำใส่สมองไว้” ข้าวแสยะยิ้มง้างมือขึ้นหวังสะบั้นแขนที่ยื่นร้องขอชีวิต
“แม่หญิง!” เสียงสามเสียงประสานกันดังขึ้นก่อนรีบเข้ามาห้ามปรามรั้งไว้เช่นเดียวกับสร้อยทองที่วิ่งเข้ามาหลังการตามหาตัวน้องสาวทั่วเรือน แสงไฟส่องสว่างจากคบเพลิงและตะเกียงที่จุดขึ้น ทาสชายเข้ามาจับตัวคนร้ายลุกขึ้น
“เดี๋ยว! จับหันหลัง” ข้าวออกปากสั่งสีหน้าจริงจังจนน่าขนลุกแม้แต่สร้อยทองเองก็ยังตกใจ ข้าวตวัดหางตามองบ่าวสามรำที่รีบปล่อยมือถอยหลังอย่างหวาดกลัว
“จันทร์หอม…” เสียงเอื้อนเอ่ยของสร้อยทองไม่ได้ทำให้ข้าวหยุดยั้งความเกรี้ยวกราดได้ ทุกสายตามองมาทางหญิงผู้แสนน่าเกรงขามอย่างตกใจรวมทั้งทาสชายที่ยืนล็อกตัวชายผู้บุกรุกเมื่อปลายมีดกรีดลงเป็นตัวอักษรที่หลังทีละตัวจนเลือดซิบไหลเป็นทางยาว
“อ๊ากกก ฆะ ฆ่าข้า อั่ก”
“หึ หึ ง่ายเกินไป ทนอีกหน่อยยังไม่ครบคำเลย” ความเลือดเย็นยังคงต่อเนื่องไม่หยุดง่ายดาย สร้อยทองเซเอียงข้างยกมือจับหน้าผาก รำเพยเข้าไปช่วยประคองรับไว้ทันท่วงที
“จันทร์...จันทร์หอม” เสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นราวกับจะหมดแรงทำให้ข้าวเริ่มได้สติปล่อยมีดทิ้งลงข้างลำตัวบวกกับการกรีดครบคำค่อยๆหันมองสร้อยทองช้าๆที่ล้มลงในอ้อมแขนรำเพย
“พี่สาว!” ข้าวร้องเสียงหลงเข้ามาช่วยประคองสร้อยทองขึ้นเรือน ปล่อยให้พวกทาสจัดการต่อ รำไพกับรำเพยยืดอกชี้นิ้วสั่งการพวกทาสก่อนมองจิกไปทางทาสที่อยู่ในห้องครัวอย่างเย่อหยิ่งแล้วสะบัดก้นเดินตามผู้เป็นนายไป
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าวิ่งคลุกคลักล้มลุกคลุกคลานขึ้นบันไดเข้ามายืนอยู่หน้าห้องที่ปิดสนิทลงกลอนประตู
“ท่านขุนขอรับ ทูลหัวของบ่าวขอรับ” เสียงเรียกราวกับกระซิบเหงื่อแตกพลั่กจับประตูเอาหูนาบหน้าตาตื่นรอคนด้านในเปิดประตูออกมา
แอ๊ดดด
“มีอะไรไอ้แก้ว ดึกดื่น หากไม่ใช่เรื่องทุกข์ร้อนจริงจะเตะกลิ้งลงเรือนเสีย” ภาพย์เปิดประตูยืนจ้องหน้าบ่าวคนสนิท
“โจรขึ้่นเรือนเอกขอรับทูลหัวของบ่าว”
“ว่าไงนะ! ทำไมเพิ่งมาบอก อยากโดนลงหวายหรือยังไง ไปเตรียมเรือเร็ว” ภาพย์ก้าวออกจากประตูทันทีเดินนำแก้วไปที่เรือที่แวะเข้าไปหยิบมีดดาบในฝักที่แขวนอยู่แล้ววิ่งลงเรือนตามนายไป พุดซ้อนเดินออกมานอกห้องเอียงหน้ามองอย่างแปลกใจอยู่กับบ่าวสองคนของตนมองตามจนชายหนุ่มลับสายตา ภาพย์ลงเรืออย่างร้อนใจเร่งรีบจนไม่ได้สวมเสื้อบังกายมีเพียงโสร่งที่ปกปิดช่วงล่าง แก้วรีบพายเรือพาไปยังที่หมายทันที
ข้าวนั่งอยู่ข้างเตียงไม้ใช้มือพัดเรียกสติสร้อยทองก่อนมองยาหอมที่ต้มเสร็จอยู่ในมือรำเพยที่คลานเข่าเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะหัวเตียงช้าๆ
“พี่สาว ได้ยินไหม” ข้าวขมวดคิ้วพยายามเรียกสติคนที่นอนแน่นิ่ง
“แม่หญิงเจ้าคะ ท่านขุนมาเจ้าค่ะ” รำไพเดินเข้ามาคุกเข่าบอกกล่าว
“มาทำอะไรปานนี้” ข้าวลุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เดินออกจากห้องไปต้อนรับคนที่มาโดยไม่บอกไม่กล่าว เมื่อภาพย์เจอเธอเขารีบเข้ามาจับมือหญิงตรงหน้าที่ยืนเหวอค้าง
“เป็นอะไรหรือไม่ พี่ได้ยินว่าโจรขึ้นเรือนอย่างนั้นรึ เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ รีบบอกพี่มาสิจันทร์หอม” คำพูดร้อนรนจับตัวข้าวหมุนไปมาตรวจดูทั่วตัวทำหญิงสาวอึ้งค้างยกมือจับแก้มที่ร้อนผ่าวเมื่อหัวไหล่โดนแผงอกแม้นี่จะเป็นครั้งที่สองแต่เธอก็ไม่คุ้นชินกับการสัมผัสใกล้ชิดแบบนี้
“ไม่ ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงหรอก แต่พี่สาว” ข้าวปลดมือภาพย์ออกตอบกลับเสียงขัดๆเขินๆยกมือทัดผมที่หูหันมองไปทางห้องใหญ่ที่มีบ่าวนั่งอออยู่เต็ม ภาพย์รู้สึกตัวกระแอมเบาๆลดมือลงก้าวถอยห่างทิ้งระยะมองหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้มก่อนเลื่อนสายตามองคนที่เดินออกมาหลังฟื้นได้สติ