ตอนที่ 19   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 19
สร้อยทองนั่งลงอยู่ข้างข้าวบนที่นั่งกลางเรือนมองหน้าภาพย์ที่นั่งเปลือยท่อนบนราวกับเป็นเรือนของตนเองความล่ำสันทำหญิงสาวสองคนประหม่าใจ ข้าวมองสร้อยทองที่มองหน้าตนก่อนเลื่อนสายตาไปสบกับภาพย์ที่มองตนเช่นกัน “มองแบบนี้ฉันทำอะไรผิดหรอ ก็มันเป็นโจร จงใจจะมาฆ่าฉันด้วยซ้ำ” ข้าววกกลับมาอธิบายให้ผู้เป็นพี่สาวฟัง “แต่ว่าเจ้าก็รู้ดีมันอันตรายเพียงใด” สร้อยทองเอื้อมมือจับมือข้าวอย่างห่วงใย “ข้าไม่อยากเสียเจ้าไปอีกคนนะจันทร์หอม ข้าไม่เหลือใครแล้ว” “แม่จันทร์หอมทำอะไรงั้นหรือ” ภาพย์ขมวดคิ้วถามขึ้นอย่างสงสัย “จะบอกกล่าวเองหรือให้ข้าบอกขุนภาพย์” สร้อยทองมองหน้าข้าวที่ลอบกลืนน้ำลายเลิกคิ้วหันมองหน้าชายหนุ่มที่รอฟังคำตอบอยู่ “แฮะ แฮะ” ข้าวแสร้งยิ้มหัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนก่อนมองสบตาชายตรงหน้าที่ยังมองอย่างต้องการคำตอบจากหญิงสาว “ข้าแค่จับโจร” “จับโจร จับได้เยี่ยงไร” ภาพย์ขมวดคิ้วฉงนจ้องมองเธออย่างคาดคั้นความจริงที่ยังบอกไม่หมด “ยูยิสสู” ข้าวยิ้มแห้งๆตอบกลับพร้อมเบี่ยงหน้าหนีมองทางอื่น “มันคืออะไร” เสียงประสานของพี่สาวและชายหนุ่มคู่หมายเอ่ยออกมาพร้อมกันก่อนมองหน้ากันอย่างสงสัยแล้วหันมาหยุดสายตาที่คนๆเดียว ข้าวเลิกคิ้วหดตัวสายตาล๊อกแล๊กลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนแสร้งยิ้ม “การต่อสู้ประชิดตัว ข้าจำเป็นต้องเรียนไว้เพื่อตัวเอง ข้าไม่มีคนคอยดูแล ข้าก็ต้องดูแลช่วยเหลือให้ตัวเองอยู่รอด การดำเนินชีวิตเดี๋ยวนี้อันตรายจะตายไป แค่ป้องกันตัวฆ่าใครไม่ได้หรอก” “เจ้าไปร่ำเรียนจากที่ใดกัน” สร้อยทองถามต่อพร้อมกระชับกุมมือข้าวด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยผิดจากชายหนุ่มที่นั่งอยู่อีกฝั่งด้วยความนิ่งสงบ “สำนักญี่ปุ่นเปิดสอน เอ่อ หมายถึง มีคนสอนที่เมืองเหนือ ข้าเลยขอเป็นลูกศิษย์เท่านั้นเอง” ข้าวเลิกคิ้วตอบอย่างหาเหตุผลให้ได้มากที่สุดพลางเหล่มองชายหนุ่มที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ได้ยินเธอกล่าวประโยคก่อนหน้านี้ สร้อยทองมองตามสายตาของข้าวที่มองภาพย์ก่อนก้มหน้าสลดจนชายหนุ่มเอ่ยขึ้น “ต่อไปนี้พี่จะดูแลเจ้าเองแม่จันทร์หอม พี่จะบอกกล่าวเจ้าคุณพ่อเรื่องพิธีซัดน้ำกำหนดฤกษ์งามยามดีให้ชี้ชัด” คำกล่าวของภาพย์ทำข้าวอึ้งค้างมองตาปริบๆเพราะสิ่งที่ได้ยินกลับไม่ใช่สิ่งที่คิดไว้ ข้าวหันมองสร้อยทองที่ก้มหน้าสลดอยู่ข้างกายก่อนเงยหน้ามองภาพย์แล้วลุกพรวดพราด “ไม่ได้ ตอนนี้ไม่ได้ ถ้าข้าออกเรือนแล้วพี่สาวข้าละ” “จันทร์หอม” สร้อยทองเงยหน้าขึ้นยื่นจับมือข้าวให้นั่งลงที่เดิมด้วยรอยยิ้มบางๆ “อะไร เรียกแบบนี้ทีไรชวนเสียตัวทุกที” ข้าวหลับตานิ่งไม่มองหน้าผู้เป็นพี่สาว “อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องออกเรือน อย่าได้ห่วงข้าเลย ข้าดูแลเรือนผู้เดียวมานานจักดูแลต่อก็ไม่เห็นเป็นไร ในเมื่อเจ้ามีคนที่รักและเอ็นดูเจ้า ข้าก็ต้องร่วมยินดีกับเจ้า ข้าอยากเห็นเจ้ามีความสุขหลังจากผ่านเรื่องร้ายมา ออกเรือนกับขุนภาพย์เถิดนะ” สร้อยทองยกมือลูบผมข้าวที่เอียงหน้ามองเธออย่างไม่เข้าใจก่อนเลื่อนสายตามองภาพย์ที่มองทั้งสองอย่างสุขุม ข้าวปลดมือสร้อยทองลดลงลุกขึ้นแยกตัวเดินเข้าห้องปิดประตูใส่หน้าบ่าวที่จะเดินตามเข้าไป ภาพย์กับสร้อยทองมองตามก่อนมองหน้ากัน “จันทร์หอมคงจะเหนื่อย ออกเรือนก็ดีเหมือนกันข้าจักได้วางใจ” สร้อยทองวางมือลงบนหน้าตักเอ่ยอย่างตัดใจ “แม่สร้อยทอง” ภาพย์เอ่ยเรียกพร้อมมองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ “ว่าอย่างไรหรือ” “ข้าอยากจะขอพาแม่จันทร์หอมกลับเมืองเหนือ ดูเหมือนว่าแม่จันทร์หอมยังมีเรื่องคาใจอยู่หากไม่ค้นหาความเป็นจริงคงไม่มีทางที่จิตใจจะสงบได้ บางครั้งการปดปิดเรื่องราวก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เจ้าว่าจริงหรือไม่” “หากขุนภาพย์เห็นว่าดีแล้ว ข้าก็เห็นดีด้วย จันทร์หอมดูเข้มแข็งขึ้นมากอาจเป็นเพราะได้เรียนรู้เติบโตขึ้น อีกทั้งยังมีวาสนาได้คู่หมายที่แสนดีเยี่ยงขุนภาพย์ ข้านั้นเบาใจขึ้นมาทีเดียว” สร้อยทองตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ข้ามอบหัวใจให้แม่จันทร์หอมไปแล้วไม่อาจนำกลับคืนมาได้อีก ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องร้ายเพียงใดข้าจักอยู่เคียงข้างแม่จันทร์หอมไม่พรากจากไปไหน ข้าขอสัญญาต่อหน้าเจ้าผู้เป็นพี่สาว ข้าจะมีแม่จันทร์หอมเพียงหนึ่งเดียวเรือนเดียวอยู่คู่กันตราบสิ้นลมหายใจไม่ว่าภพนี้หรือภพไหนข้าจะต้องคู่กับแม่จันทร์หอมทุกชาติไป” น้ำเสียงจริงจังกล่าวออกมาจากใจจริงทำคนฟังหดหู่และวางใจในความรู้สึกเดียวกัน รอยยิ้มของหญิงสาวส่งให้ชายหนุ่มที่ลอบมองไปทางประตูที่ปิดสนิทก่อนหันกลับมามองหน้าคนที่นั่งอยู่ “เช่นนั้นข้าลาตรงนี้เสียดีกว่า แม่สร้อยทองจะได้พัก” ภาพย์ลุกขึ้นมองหน้าสร้อยทองที่ลุกขึ้นเช่นกัน “ข้าไปส่งที่ท่าแล้วกัน” สร้อยทองผายมือเชิญ “ขอบน้ำใจ” ภาพย์ยิ้มบางพยักหน้ารับก่อนเดินตีคู่ไปกับสร้อยทองลงเรือน แสงแดดยามบ่ายส่องกระทบเข้าม่านตาจนต้องลืมตาตื่นยกมือจับคอบิดเนื้อบิดตัวด้วยความเหนื่อยล้ากวาดสายตามองรอบที่ยังคงอยู่ที่เดิมไม่อาจกลับไปในที่ที่จากมาได้ เสียงผ่อนลมหายใจดังยาวเป็นวรรคเป็นเวรก้าวลงจากเตียงไม้ที่แสนแข็งก่อนยกมือกอดอกหรี่ตามองเตียงแล้วหมุนตัวกลับเดินไปเปิดประตูมองบ่าวสามรำนั่งรออยู่หน้าห้อง “แม่หญิง” เสียงประสานพร้อมกันอย่างดีใจเอ่ยขึ้น ข้าวยกขาแหวกทางก้าวออกมามองซ้ายมองขวาเมื่อเรือนดูเงียบมีเพียงนางทาสที่ทำความสะอาดทุกวัน “พี่สาวละ” ข้าวเท้าเอวยืนบิดตัวยืดเส้นยืดสายถามบ่าวสามรำ “ออกไปหาพระคุณเจ้ากับท่านขุนแล้วเจ้าค่ะ แม่นายสั่งว่าหากแม่หญิงตื่นแล้วให้บอกกล่าวแล้วตามไป” รำไพตอบทันทีด้วยรอยยิ้มเดินเข้าไปหยิบผ้าและกระโถนออกมาแล้วเดินตามข้าวลงเรือนไปยังท่าน้ำเดินเข้าห้องที่สร้างขึ้นนั่งที่เก้าอี้เล็กเปลี่ยนผ้ากระโจมอกให้บ่าวสามรำขัดเนื้อขัดตัวอาบน้ำอาบท่าอย่างสบายใจ “ตามไปหรอ ฮิฮิ” ข้าวยกมือปิดปากหัวเราะชอบใจก่อนปรายตามองโอ่งที่ตั้งอยู่ข้างๆยื่นมือลูบลายโอ่งด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จนบ่าวสามรำเหล่มองหน้ากันอย่างหวั่นเกรง “แม่หญิงเจ้าคะ” รำเพยนั่งขัดขมิ้นกับมะขามเปียกที่น่องขาให้ข้าวเอ่ยขึ้นช้าๆอย่างหาญกล้าเพื่อมีสองสายตาอำมหิตเขี่ยเท้าให้รำเพยเป็นหน่วยกล้าตาย “ข้าจะ...ไป...เรือนคุณพี่ท่านขุน” ข้าวก้มหน้ายื่นมาบอกรำเพยด้วยรอยยิ้มแสยะชวนขนลุกทำบ่าวสามรำผงะมือไม้อ่อน “ฮ่ะ ฮ่า ฮา” “แม่หญิงเจ้าคะ ท่านขุนไม่อยู่เรือนนะเจ้าคะ ไม่ไปหาแม่นายหรือเจ้าคะ” รำเพยกระพริบตาถี่ถามกลับอย่างกล้าๆกลัวๆขยับเข้ามาถูขาข้าวอีกครั้งเช่นเดียวกับรำไพที่ตักน้ำราดชำระล้างกายให้ผู้เป็นนายส่วนรำพันนั่งจิ้มกิ่งข่อยก่อนยื่นให้ข้าวรับไปสีฟัน “ก็ไม่อยู่เรือนนะสิถึงต้องไป นุ่นหมดต้นแน่” ข้าวยิ้มกรุ้มกริ่มพาสามบ่าวมองหน้าอย่างหวาดผวาก่อนรีบชำระล้างร่างกายให้นายจนเสร็จรวมไปถึงผลัดผ้า ผ้าสไบสีแดงสดพาดไหล่รับกับโจงกระเบนสีทองผมปล่อยยาวยืนรับลมอยู่ที่ท่าก่อนก้าวลงเรือเมื่อบ่าวสามคนลากเข้ามาเทียบ รำเพยกางร่มให้นายตามหน้าที่ส่วนรำไพกับรำพันพายเรือหัวท้ายเพื่อไปยังเรือนที่หมายไว้ ข้าวมองเด็กๆกระโดดเล่นน้ำด้วยรอยยิ้มก่อนยื่นมือเล่นน้ำลากไปมากวาดสายตามองการค้าขายทางเรืออย่างสนอกสนใจในความเก่าแก่โบราณ “ชีพนี้พลีเพื่อแผ่นดิน ชีวาต้องมามลายยังขอป้องปกไว้ด้วยสายโลหิตของเรา” ข้าวยิ้มกริ่มเอ่ยเสียงแผ่วเบาฮัมเพลงอย่างเพลินใจก่อนบอกต่อ “อากาศดีจริงๆ นี่ถ้าย้อนกลับไปยุคข้าศึกบุกกรุงมีหวังบันเทิงลอดช่องแน่นอน” “แม่หญิงว่าอันใดนะเจ้าคะ บ่าวฟังไม่ถนัดเลยเจ้าค่ะ” รำเพยเอียหูรอฟังอย่างไม่เข้าใจทำข้าวยิ้มขบขันลุกพรวดขึ้นจนเรือเกือบล่ม “ว๊ายยย แม่หญิงระวังเจ้าค่ะ อีรำเพยจับขาแม่หญิงไว้!” รำพันแทบเหวี่ยงไม้พายทิ้งเฉียบพลันจะเข้ามาจับตัวข้าวให้นั่งลงแต่ก็ไม่สามารถ ข้าวก้มมองรำเพยคว้าขาเธอจับตั้งฐานให้มั่นอย่างชอบใจก่อนยืนมองเรือนใหญ่ที่ใกล้ถึงท่า “เทียบฝั่งเลยไม่ต้องไปที่ท่า” ข้าวเอ่ยปากสั่งทันที “จะดีหรือเจ้าคะ มันขึ้นยากนะเจ้าคะ” รำไพค้านขึ้นมองผู้เป็นนายอย่างฉงนแปลกใจ “จะทำหรือไม่ทำ” ข้าวตวัดหางตามองบ่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าค่ะ” ตามนโยบายอย่างไม่มีข้อหลีกเลี่ยง ข้าวกระตุกยิ้มมุมปากมองเรือเทียบฝั่งก่อนกระโดดขึ้นฝั่งอย่างโลดโผนพาบ่าวสามรำใจหายใจคว่ำ เธอเหลียวมองบ่าวที่จัดแจงลุกขึ้นอย่างอืดอาดทำให้เธอต้องเดินนำออกไปก่อนอย่างไม่สนใจบ่าว “แม่หญิงรอบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” เสียงประสานดังขึ้นเพื่อรั้งนายแต่ไม่ทัน
已经是最新一章了
加载中