ตอนที่ 22
หลังจากกลับมาจากเรือนเจ้าพระยาได้ฝักนุ่นมาเต็มกระสอบข้าวจัดแจงให้ทาสในเรือนเอกนำนุ่นออกจากฝักพร้อมหาผ้าผืนใหญ่รวมหัวกันเย็บผ้าสองผืนประกบกันก่อนยัดหนุนเข้าไป ข้าวยืนสั่งการด้วยรอยยิ้มก่อนยกหน้าที่ให้รำไพและรำพันจัดการควบคุมดูแลต่อส่วนตนเดินขึ้นเรือนไปกับรำเพย
“แม่รำ” ข้าวเรียกลอยๆนั่งอยู่หน้ากระจกเงามองรำเพยผ่านทางกระจก
“รำเพยเจ้าค่ะ” รำเพยขยับเข้ามาใกล้ขาข้าวที่หมุนตัวกลับมานั่งขัดสมาธิยกมือเท้าคางขมวดคิ้วสงสัย
“เอาของมา”
“เจ้าค่ะ” รำเพยลุกขึ้นไปที่เตียงไม้ก้มตัวเอื้อมมือเข้าที่ใต้เตียงล้วงหยิบไม้เท้าสักลายหัวมังกรออกมาแล้วรีบถือมานั่งลงพับเพียบยื่นให้ผู้เป็นนาย ข้าวถือไม้เท้าอย่างชอบอกชอบใจก่อนดึงข้อต่อที่ซ่อนคมดาบไว้ รำเพยผละถอยหลังมองตาปริบๆ
“ต้องตามหาม้วยให้เจอ” ข้าวลุกขึ้นมองคมดาบแล้วขมวดคิ้วคิดเรื่องราวที่พบเจอ
“ทำไมละเจ้าคะ มันเป็นบ่าวทรยศแม่หญิงนะเจ้าคะ”
“ก็เพราะทรยศนี่ไงถึงต้องตามตัว ความลับทุกอย่างอยู่ที่ม้วย ถ้าไขปริศษานี้ไม่ได้ชีวิตฉัน หึ ข้าจะปลอดภัยได้ยังไง ไม่แน่นะการที่ย้อนเวลากลับมาอาจให้กลับมาแก้ไขอะไรบางอย่างก็ได้ ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะย้อนกลับมา หากจันทร์หอมตายก็ต้องมีคนฆ่าและดูเหมือนไม่มั่นใจจึงสั่งคนมาฆ่าอีกรอบ” แววตาเฉียบเก็บคมดาบเข้าฝักไม้เงยหน้ามองออกไปทางหน้าต่าง
“แม่หญิงว่าอะไรนะเจ้าค่ะ” รำเพยยกมือเกาหัวอย่างงุนงง
“คิดตามนะ” ข้าวหันกลับมานั่งลงที่เดิมพร้อมวางไม้เท้าไว้บนหน้าตักยกมือจับบ่ารำเพยที่สะดุ้งเฮือกรีบก้มหน้าตอบรับทันที
“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ”
“โจรที่ขึ้นเรือนคราวนั้นมันไม่ได้เอาอัฐหรือของมีค่าไป มันมีจุดหมายอย่างอื่น”
“เจ้าคะ” รำเพยเงยหน้ามองฉงน
“ต้องการฆ่าข้ายังไงละ”
“แม่หญิงรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”
“ก็ถ้ามันคิดจะมาปล้นจริงเธอคงจะมาถามฉันอย่างนี้หรอกนะ ปานนี้นอนคอขาดอยู่ในหลุมแล้ว” ข้าวเลิกคิ้วสรุปความขยายความให้บ่าวผู้มึนงง
“นั้นสิเจ้าคะ บ่าวคิดไม่ถึงเลยเจ้าค่ะ แล้วแบบนี้แม่หญิงจะปลอดภัยหรือเจ้าคะ ออกเรือนแต่งกับขุนภาพย์เถิดเจ้าค่ะ” รำเพยเข้ามาจับขาข้าวอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่ต้องห่วงอีกสิบวันได้แต่งแน่ เฮ้อ อึดอัดชะมัดเลย” ข้าวผ่อนลมหายใจยาวโน้มตัวลงนอนหงายหยิบไม้เท้ามากอดไว้เลื่อนสายตามองเพดานก่อนเอ่ยด้วยความหนักใจ “พี่สาวจะทำยังไง ทำไมความรักแบบนี้มันเข้าใจยากจริง เฮ้อ ทำอะไรไม่ได้เลยจริงๆหากจันทร์หอมยังอยู่ก็ล้มเลิกไม่ได้นะสิกลายเป็นคนสวยสวมรอยไปซะละเรา น่าเห็นใจพี่สาว”
“ท่านขุนรักแม่หญิงนะเจ้าคะ” รำเพยกล่าวสมทบชะเง้อมองผู้เป็นนายอย่างกล้าๆกลัวๆ
“นั้นแหละที่ยาก ขุนภาพย์รักจันทร์หอมขนาดนี้ใครจะเปลี่ยนได้ เทวดายังแยกไม่ได้เลย นับถือความมั่นคงของอีตาคุณพี่ท่านขุนนี่จริงๆ”
“บ่าวไม่เข้าใจแม่หญิงหมายถึงสิ่งใดเจ้าค่ะ”
“เฮ้อ ไปนอนดีกว่าพรุ่งนี้ตอนเช้าเตรียมเรือด้วยข้าจะไปเขตอภัยทาน” ข้าวเด้งตัวลุกขึ้นนั่งหยิบไม้เท้าจับหมุนไปมาก่อนกระตุกยิ้มเดินไปนั่งบนเตียงแล้วโน้มตัวลงนอนพร้อมวางไม้เท้าไว้ข้างกาย รำเพยเกาหัวงุนงงอย่างตามความคิดไม่ทันคลานเข่าเข้ามาจับผ้าห่มกายให้นายแล้วหยิบพัดสานนำมาพัดให้ข้าวที่นอนพลิกตัวหันหลังหลับตาอมยิ้ม
เสียงนกต้อนรับยามเช้าที่สดใดหลังจากทำกิจวัตรประจำวันเสร็จข้าวยืนเท้าเอวอยู่บนท่ารอเรือที่รำไพดึงเข้ามาหลือบมองสายน้ำอย่างตัดพ้อก่อนหันมองรำเพยถือร่มส่วนรำพันถือกระจาดเดินเข้ามา
“พร้อมแล้วนะ” ข้าวมองเรือเทียบท่า
“เจ้าค่ะ”
“เยี่ยม ลุยกันเลย” ข้าวชูมือด้วยรอยยิ้มก้าวลงเรือ
“ไปเยี่ยมใครหรือเจ้าคะ” รำเพยมองฉงนถามอย่างสงสัยทำข้าวชะงักก้าวขาเหยียบเรือได้ข้างเดียวหันมาเลิกคิ้วมองหน้ารำเพยที่ก้มหน้างุดอย่างหวาดเกรง
“เฮ้อ หมายถึงดีมาก” เธอขยายความก่อนก้าวลงเรือไปนั่งอยู่ที่หัวเรือตามด้วยรำเพยและรำพันให้รำไพเป็นคนพาย
เรือนเจ้าพระยา
ภาพย์เดินออกจากห้องชำเลืองเห็นผู้เป็นมารดานั่งอยู่บนที่นั่งกำลังชื่นชมบางอย่างจนน่าสนใจและสะดุดตากับสร้อยคอทองคำทับทรวง(เครื่องประดับชนิดหนึ่งเรียกว่า ตาบ รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนฝังเพชรพลอย ติดอยู่ตรงที่ไขว้สังวาล สะพายแล่งทับหน้าอก ตาบหน้าหรือตาบทับ)ประดับทัมทิมเม็ดงาม
“ตื่นแล้วรึพ่อภาพย์” เสียงทักทำภาพย์ได้สติกลับมาเดินเข้ามาหาผู้เป็นมารดาช้าๆแต่สายตายังชำเลืองมองสร้อยคอเป็นระยะ
“คุณแม่ทำอันใดอยู่หรือ”
“แม่จะทำอันใดได้นอกจากเชยชมความงดงาม” คุณหญิงนภาฉีกยิ้มลูบทับทรวงฝังเม็ดทับทิมก่อนเหลือบเห็นสายตาของบุตรชายจดจ้องอยู่กับสิ่งที่ตนกำลังจับลูบ “สนใจรึพ่อภาพย์”
“คุณแม่ได้จากไหนมาหรือ ลูกไม่เคยเห็นคุณแม่สวมใส่”
“สมบัติเก่าแก่สร้อยคอประจำตระกูลอีกไม่นานก็คงได้ส่งต่อให้สะใภ้ที่คู่ควร” คุณหญิงนภามองหน้าภาพย์ที่สนใจอกสนใจสร้อยคอนี้ก่อนยื่นให้บุตรชายช้าๆ “งามดีใช่หรือไม่”
“หากได้อยู่บนกายหญิง” ภาพย์ยิ้มบางๆรับสร้อยคอไว้มองดูอย่างชื่นชมก่อนลุกขึ้นมองเจ้าพระยาวสุเดินเข้ามานั่งข้างคุณหญิงนภา ภาพย์นั่งลงตามต่อมาถือเป็นการให้เกียรติผู้เป็นบิดา
“สนทนาอันใดกันแต่เช้า แล้วนั่นถือสิ่งใดอยู่”
“สร้อยคอประจำตระกูลอย่างไรเล่าเจ้าคุณพี่” คุณหญิงนภาตอบแทนพร้อมมองภาพย์อย่างนึกชะล่าใจ
“จริงสิลืมเสียสนิทว่าจักนำไปเป็นของหมั้นหมายแต่ดันหาไม่เจอ” เจ้าพระยาวสุวางมือไว้บนหน้าขา
“นี่ก็เพิ่งรื้อค้นหาเจอจึงนำออกมาเชยชมดีที่ยังสมบูรณ์แบบพร้อมใช้งาน” คุณหญิงนภากล่าวสมทบ
“หากพร้อมใช้ก็จงนำไปใช้ นำไปสิพ่อภาพย์ อีกไม่กี่วันก็ต้องแต่งกันอยู่ดี” เจ้าพระยาวสุเอ่ยอย่างชี้นำด้วยรอยยิ้มทำภาพย์ยิ้มกริ่มยกมือไหว้บิดาและมารดา
“ลูกขอมอบสร้อยคอนี้ให้คนที่คู่ควรเอง”
“คู่ควรรึคงไม่ใช่แม่จันทร์หอมหรอกนะ” คุณหญิงนภาค้านขึ้นอย่างไม่ยินดียินยอมด้วย
“หยุดเถิดแม่นภา” เจ้าพระยาวสุหันมาปรามผู้เป็นคู่ครองข้างกายด้วยความสุขุม
“เจ้าคุณพี่” คุณหญิงนภาขมวดคิ้วมองกลับอย่างไม่พอใจ
“ความใจกว้างของแม่นั้นข้าซึ้งและขอบน้ำใจยิ่งแต่แม่ไม่รู้หรอกว่าการมีเพียงเรือนเดียวใช่ว่าจะไร้บารมี ความต้องการนั้นไม่เหมือนกันเสียทุกคน ผู้เป็นพ่อเป็นแม่สมควรเป็นแบบอย่างที่ดีไม่ใช่ชักจูงแนะนำสิ่งที่ผิดศีลผิดจรรยาให้แด่ลูก ข้าจะไม่เอ่ยซ้ำอีก ไปกันเถอะพ่อภาพย์” เจ้าพระยาวสุทิ้งท้ายเพียงเท่านี้แล้วเดินภาพย์ลงเรือนไป คุณหญิงนภานั่งอึ้งกับวาจาถากถางของผู้เป็นสามีอย่างเหนื่อยหน่ายรวมทั้งการขัดใจที่ไม่สมหวัง พุดซ้อนเดินเข้ามาพร้อมผ้าซิ่นที่ถืออยู่ในมือหยุดชะงักมองแผ่นหลังภาพย์เดินจากไป
“แม่พุดซ้อน” เสียงคุณหญิงนภาเรียกขึ้นทำให้หญิงสาวต้องเบี่ยงประเด็นเดินเข้าไปนั่งพับเพียบยื่นผ้าซิ่นให้หญิงวัยกลางคน
“เย็บเสร็จพอดีเลยเจ้าค่ะ” รอยยิ้มที่แอบทนฝืนเอ่ยอย่างเรียบร้อย
“ฝีมือประณีตเหมาะแก่การออกเรือน ไม่ต้องห่วงอย่างไรเสียแม่พุดซ้อนก็ต้องออกเรือนกับพ่อภาพย์ กิริยาอย่างแม่จันทร์หอมนะรึ หึ หาใช่หญิงที่คู่ควรไม่ วาจาก้าวร้าวกิริยาต่ำทราม ข้าไม่มีทางรับเป็นสะใภ้เด็ดขาด สะใภ้ข้ามีเพียงผู้เดียวคือแม่พุดซ้อนที่อยู่ตรงหน้านี่อย่างไรเล่า” คุณหญิงนภายิ้มกริ่มมองหน้าพุดซ้อนที่เงยหน้ามองด้วยรอยยิ้มเนียมอาย
“แต่ว่าคุณป้า…”
“สักวันพ่อภาพย์จะเห็นว่าผู้ใดคือกรวดผู้ใดคือเพชร พิธีซัดน้ำหากฝ่ายหญิงยังเป็นแม่จันทร์หอมอย่าหวังว่าจะมีขึ้น”
“คุณป้าจะทำอันใดหรือเจ้าคะ” พุดซ้อนมองหน้าฉงนอย่างไม่เข้าใจ คุณหญิงนภายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ไม่บอกกล่าวสิ่งใด