ตอนที่ 6 ในอ้อมแขนอากิฮิสะ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 6 ในอ้อมแขนอากิฮิสะ
ครืน...! จู่ๆ แขนกำยำของใครบางคนดึงฉันออกมาและรั้งไว้แนบตัว เมื่อลืมตาอีกครั้งพลันเห็นว่าแวมไพร์นั่นกระเด็นไปยืนเซอยู่ไกลแล้ว ก่อนจะทรุดลง และเมื่อเห็นว่าสู้แรงไม่ได้ก็สลายร่างหนีไป แขนกำยำที่ยึดร่างของฉันอยู่คือ... “อากิฮิสะ...!” “เตือนแล้ว” เสียงทุ้มลึกเอ่ยพูดดีๆ มือกำยำจิกยึดแผ่นหลังฉันไว้ ดวงตาคมคายมองฉันนิ่งๆ ใบหน้าของร่างสูงเต็มไปด้วยน้ำฝนเม็ดหนักหน่วงที่ไหลหลั่งลงมา “ว่าอย่าอยู่ห่างฉัน” อากิฮิสะดูโกรธ ไม่รู้โกรธแวมไพร์หรือโกรธฉัน แต่ถ้าหากเป็นโกรธฉัน ฉันไม่เห็นต้องแคร์ “อย่าทำแบบนี้อีก” นั่นเป็นอีกประโยคที่เขาเอ่ยบอกฉัน ทำไมต้องกลับมาอยู่ในแขนคู่นี้อีกแล้ว ฉันกลายเป็นเหยื่อของแวมไพร์ เพื่อนวัยเด็กที่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป ฉันควรทำอย่างไร ใครก็ได้ช่วยบอกฉันที! ฉันเดินกลับบ้านของอากิฮิสะโดยมีเจ้าของบ้านร่างสูงใหญ่เดินตามมาห่างๆ นั่นเพราะฉันรีบเดินให้ห่างจากเขา ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะตามมาไหม สุดท้ายต้องกลับมาที่บ้านหลังนี้อีกจนได้ ให้ตายสิ สิ่งที่อากิฮิสะเป็นความจริง แวมไพร์กำลังถูกดึงดูดมาหาฉันราวกับหิวกระหาย ไม่อยากเชื่อเลย วันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเต็มไปหมด เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นจริงในโลกนี้ด้วยซ้ำ! “หิวหรือเปล่า” เสียงทุ้มลึกเอ่ยทำลายความเงียบเมื่อถึงบ้าน ฉันนั่งลงอย่างหงุดหงิดและสับสน ในหัวครุ่นคิดตลอดว่าต้องทำอย่างไร “ไม่รู้” ฉันควรทำอย่างไรดี “เสียเลือดไป ถ้าไม่กินอะไรทดแทนเข้าไปจะไม่ดี” อดตวัดสายตามองอีกฝ่ายอย่างขุ่นเคืองไม่ได้ ทำไมฉันต้องมาที่นี่และเชื่อฟังเขาด้วย ทั้งที่เขาเป็นคนทำให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้ ในตู้เย็นของอากิฮิสะมีอาหารหลายอย่างและมีมาก เหมือนว่าเขาไม่ได้อยู่ภายในบ้านหลังนี้คนเดียว ไม่รู้อยู่กับคนอื่นหรือเปล่า แต่ฉันไม่จำเป็นต้องถามเขานี่ ไม่เห็นจะอยากคุยด้วยเลยแวมไพร์ที่จู่ๆ จับฉันมาแบบนั้น ไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งลงกินข้าวด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ปรายตามองอากิฮิสะและเห็นร่างสูงยืนกอดอกมองออกไปภายนอกหน้าต่าง ภายนอกสวนกุหลาบกำลังหลับสงบใต้ละอองฝนและแสงจันทร์ ใบหน้าของเขาดูไม่เหมือนคนญี่ปุ่นทั่วไป แต่ออกจะเหมือนลูกครึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยม บางทีอาจเพราะดวงตาที่เจือสีคล้ายท้องฟ้าฤดูหนาวของเขาก็ได้ จำได้ว่าบางทีอยู่เฉยๆ ฉันก็ชอบจ้องตาของเขา ฉันหมายถึงสมัยเด็ก “นายเป็นแวมไพร์มาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วหรือไง ตั้งแต่ที่ฉันกับนายยังเป็นเด็ก” “ตั้งแต่ตอนนั้น” “ไม่เห็นเคยบอกนี่” มาได้ยินตอนนี้รู้สึกเหมือนตัวเองโง่อย่างไรก็ไม่รู้ แต่ก่อนนั้นเขาไม่เคยกัดฉันไม่ใช่หรือ เคยแต่เล่นเกมแวมไพร์กัน มันเป็นการวิ่งไล่จับที่เหยื่อซึ่งก็คือฉันต้องหนีเขาที่เป็นแวมไพร์ จำได้ว่าเล่นแบบนั้นสนุกที่สุดแต่เหนื่อยมาก เล่นเสร็จกลับบ้านตื่นมาจะต้องกินข้าวสองถ้วยทุกที เรามักเล่นกันในเวลากลางคืน หลังจากที่พ่อแม่หลับฉันมักลอบออกมานอกบ้าน แม่เคยห้ามไม่ให้ออกนอกบ้านตอนกลางคืนก็จริง...แต่เด็กก็คือเด็กที่มักทำหูทวนลมกับคำสั่งจากผู้ใหญ่ ถ้าหากฉันเป็นแม่ฉันคงพูดอีกอย่างเพื่อให้เด็กทำอีกอย่าง เพราะเด็กหลายคนชอบทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำสั่งเหมือนฉันไง “ตอนนั้นเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แล้วทำไมตอนนี้จู่ๆ มาดื่มเลือดฉัน ไม่ทำอะไรฉันแบบก่อนนั้นมันดีกว่าไม่ใช่หรือไง” ที่จริง ความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับเขามีมากมาย หากแต่ตอนนี้ภาพพจน์ดีๆ หายไปหมดแล้ว “รสเลือดของเธอ...ครั้งเดียวก็จำได้” ฉันนิ่งอึ้ง “ตั้งแต่ตอนนั้น” ทั้งที่เป็นเพียงเลือดหยดเดียวจากหนามกุหลาบเท่านั้น “บ้าจริง” ฉันไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นแวมไพร์ จนกระทั่งตอนนี้ สัมผัสจากคมเขี้ยวที่แม้แต่ขณะอยู่เฉยๆ แบบนี้ก็รู้สึกถึงการรุกล้ำนั้นอยู่ ถึงจะไม่เจ็บอีกแล้ว หลงเหลือแต่ความรู้สึกของสัมผัส... “เจ็บอยู่” ร่างสูงข้างหน้าต่างถามถึงบาดแผลของฉัน เหมือนอ่านใจฉันได้ “ช่างเหอะ” ฉันเอ่ยปัดอย่างไม่ใส่ใจ ตั้งแต่วินาทีที่ถูกคมเขี้ยวฝังก็ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น อีกอย่างฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบโวยวายหรือดราม่า ต่อเป็นให้แวมไพร์ก็เหอะ แล้วไง จะให้กลัวไปตลอดชีวิตก็กินไป เมื่อครู่ที่กลัวสุดขีดน่ะพอแล้ว คนเราต้องก้าวต่อ หลังมื้ออาหารฉันเก็บจานและแก้วไปล้าง เช็ดจานที่สะอาดแล้วก่อนเก็บเข้าตู้เหนือซิ้งค์ บ้านนี้ดูสะอาดเอี่ยมและรสนิยมดีตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว จากกระจกหน้าต่างฉันมองออกไป นี่ฉันต้องอยู่ที่นี่ไปอีกกี่วัน กี่คืน ยังมีแวมไพร์อื่นภายนอกนั้นอยู่หรือไม่ หวังว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น อากิฮิสะไปจากที่นี่นานแล้ว อะไรทำให้เขากลับมาอีกครั้ง จะว่าไปฉันมีข้อสงสัยหลายข้อ แต่จะไม่ถาม “นายไม่กิน” ฉันเพิ่งนึกได้เลยถามออกไป เขายังไม่ได้กินอะไรเลย เมื่อครู่เขาปล่อยฉันนั่งกินอยู่คนเดียว แต่ที่จริงไม่เห็นต้องแคร์เลย ในเมื่อแวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันตาย “กิน” คนถูกถามเอ่ยตอบ ได้ยินเสียงฝีเท้ายาวก้าวเข้ามาใกล้จากข้างหลัง “และจะกินอาหารของแวมไพร์” ฉันนิ่งเกร็ง ลมหายใจฉันขาดห้วง...! ฉันผิดที่ไปถามเรื่องความหิวกับแวมไพร์ ก็แค่สัญชาตญาณเวลาอยู่กับเพื่อน ไม่สิ เขาไม่ใช่เพื่อนฉันอีกแล้ว เขาเป็นแวมไพร์! “นายดื่มเลือดไปแล้วนะ” ฉันเตือนความทรงจำอีกฝ่าย เพราะงั้นฉันถึงต้องมาอยู่เหมือนผู้หญิงถูกลักพาตัวแบบนี้ไง ไม่! จะไม่ยอมถูกกัดอีกแล้ว! หากแต่ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิมอีก “นายเพิ่งกัดฉัน ฉันยังเป็นรอยอยู่ด้วย!” ถึงมันจะจางไปมากแล้วก็เหอะ คนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้จนฉันไม่มีที่จะถอยอีกต่อไป “ออกไปนะ!” ไม่อยากคิดเลยว่าเขาจะกัดฉันแบบไหนอีก อย่างไรก็ยอมไม่ได้! “ห้ามกัดฉันนะ อากิฮิสะ!” ฉันหันหลังเข้าผนังทันทีในเมื่อร่างสูงเดินมาจนตัวเราจะชนกันอยู่แล้ว “จะไม่ยอมให้นายทำบ้าๆ อีกแล้ว!” “เป็นรอยอยู่จริงด้วย” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยนิ่งเหนือหัวไหล่ ใกล้จนลำคอใต้เสื้อของฉันรู้สึกถึงลมหายใจ อึก... หายใจขาดห้วงเมื่อรู้ว่าดวงตาสีเข้มของร่างสูงที่เสี้ยววินาทีนี้มาหยุดยืนซ้อนหลังจนชิดทอดมองลงมาตามสาบเสื้อของฉัน และเห็นรอยแดงเรื่อจางบนเนินผิวลึกลงไป “อย่ามองนะ!” มือฉันรีบกดเสื้อให้แนบกับหัวใจตัวเอง “เธอไม่ได้กลัวเจ็บหรอก ฉันรู้ดี อายามิไม่เปลี่ยนไปสักนิด ตอนเด็กๆ เวลาเป็นแผลก็ไม่เคยร้องไห้” “ไม่ต้องทำมาเป็นจำได้หรอก” เวลาแบบนี้ฉันไม่อยากให้เขารื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ อีก เราไม่น่ารู้จักกันเลยด้วยซ้ำ! “ไม่กลัวเจ็บ แต่แค่ไม่อยากให้ใครเห็นสินะ” อึก...ก็แน่อยู่แล้ว ทำไมนะฉันถึงรู้สึกว่าดวงตาคมนั้นอ่านใจฉันได้ หรือนั่นเป็นความสามารถของแวมไพร์! “งั้น...คงต้องกัดที่ลึกกว่านี้” “!”
已经是最新一章了
加载中