ตอนที่ 8 Then, Why   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 8 Then, Why
เที่ยงนั้นอากิฮิสะเห็นฉันเข้าระหว่างที่ฉันกับคาโอริและมาริกำลังเดินไปที่โรงอาหาร “เฮ้ย อากิฮิสะไปกินข้าวกัน” หากแต่ได้ยินเพื่อนผู้ชายสองสามคนเรียกร่างสูงนั้นเสียก่อน อากิฮิสะปฏิเสธ “ทำไม” “ก็ไม่ทำไม” ฉันรู้ว่าทำไมเขาไม่กิน เพราะเขาเป็นแวมไพร์ไง สิ่งที่มีชีวิตที่ชาวโลกเชื่อว่าเป็นแค่ตำนาน และออกจะเป็นตำนานที่น่ากลัวเมื่อนึกถึงคมเขี้ยวและการดื่มเลือด ทว่าแปลกที่นักเขียนบางคนทำให้กลายเป็นเรื่องโรแมนติกไปซะงั้น คนชวนแสดงสีหน้าสงสัย หากแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อแล้วเดินผ่านไป พักหนึ่งกลุ่มอื่นเดินมาอีก “เฮ้ อากิฮิสะไม่ไปกินข้าวรึไงวะ” พวกผู้ชายถาม “วันนี้มึงเลิกเย็นเหมือนกู ไม่กินจะไหวเหรอวะ” “ไหว” “เฮ้ยได้ไง นายมีเหตุผลอะไรกันแน่ที่จะไม่กิน” ถ้าฉันเป็นแวมไพร์จะตอบอย่างไร คงน่าปวดหัวอยู่ อากิฮิสะเหมือนรำคาญจะตอบ สุดท้ายจึงยอมไปกับพวกนั้น เขาเป็นแวมไพร์มาแต่เกิดเพราะงั้นต้องรู้อยู่แล้วว่าควรเอาตัวรอดอย่างไร อีกอย่างเขาคงเคยตอบคำถามแบบนี้มาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้ว “ทำไมไม่กินวะอากิฮิสะ” ในคาเฟทีเรียฉันได้ยินเพื่อนอีกคนจากกลุ่มเดิมคุยกับอากิฮิสะที่โต๊ะห่างออกไป ฉันกับเพื่อนอยู่อีกโต๊ะ กำลังกินมื้อเที่ยงกันอยู่ “สั่งมาเผื่อแล้ว กินดิวะ อร่อยนะเว้ย” ทว่าฝ่ายถูกชวนกลับมองอาหารด้วยสายตาว่างเปล่า ฉันรู้หรอกว่าเขาจะไม่กิน “เฮ้ นายจะไม่กินรึไง มีปัญหา หรือหยิ่งรังเกียจพวกกู” พวกนั้นเริ่มโกรธ “หรือเป็นพวกเรื่องมาก” เริ่มยุ่งแล้ว อากิฮิสะเป็นแวมไพร์ เกิดโกรธขึ้นมาพวกนั้นมีหวังตายสนิท “หรือเพราะนายมันหล่อวะเลยเอาแต่ใจ” พวกช่างสงสัยไม่อ่อนข้อ เสียงดังขึ้นอีก “เปล่า” “แล้วถ้างั้นทำไม มีเหตุผลอะไร ไม่บอกกูคาใจนะเว้ย” คนจะไม่กินข้าวมันทำให้บางคนหนักหัวมากนักใช่ไหม ทว่าตั้งแต่สมัยเด็กอากิฮิสะไม่เคยโกหก เพราะงั้นคิดไม่ออกเลยว่าเขาจะแก้ตัวเรื่องนี้แบบไหน “รุ่นพี่อากิฮิสะหยิ่งเหรอ หรือว่าแค่กินยาก” มาริเริ่มสงสัยไปด้วย คนอื่นในโรงอาหารเริ่มมองเช่นกัน “ฉันว่ารุ่นพี่เขาแค่ไม่อยากพูดกับรุ่นพี่พวกนั้นมากกว่า รำคาญละมั้ง” แม้แต่คาโอริยังกินไปจ้องโต๊ะรุ่นพี่ไป ไม่รู้นึกท่าไหนฉันลุกเดินไปพร้อมจานที่กินอาหารเสร็จเพื่อเอาไปเก็บ เดินผ่านไปที่โต๊ะเสียงหนวกหูนั่นด้วย “รุ่นพี่เขาไม่ชอบกินหรอกค่ะ” ฉันพูดกับพวกขี้สงสัยเหนือไหล่อากิฮิสะ เดี๋ยว นี่ฉันกำลังปกป้องอากิฮิสะ แต่นักศึกษาใหม่อย่างเขาควรได้รับการต้อนรับที่ดีกว่านี้ไม่ใช่หรืออย่างไร ไม่ใช่เอาแต่มานั่งจับผิด “เห น้องรู้จักอากิฮิสะเหรอ ทำไมครับ ทำไมเขาไม่ชอบกิน” “ทั้งไม่อร่อยและหน้าตาไม่น่ากิน คงกินไม่ได้หรอกค่ะ” ฉันก็พูดไป “อากิฮิสะเป็นลูกคนรวยเหรอครับ หรือว่าอนามัยจัด” ฉันคิดว่าคำถามแรกน่ะใช่ บ้านอากิฮิสะหรูหรา มีสวนกุหลาบส่วนตัว การแต่งตัวตั้งแต่สมัยเด็กดูออกได้ว่ามาจากตระกูลสูง “แต่บางทีมากินที่นี่ก็เคยอาหารเป็นพิษอยู่เหมือนกัน” ฉันบอก ปรายมองจานรุ่นพี่ “จานนั้นก็ไม่รู้ว่าสะอาดไหม” รุ่นพี่ที่จะกลืนอาหารตรงหน้าชะงักค้าง “แล้วเขาก็ไม่ค่อยสบาย” ฉันหาเหตุผลที่ฟังหนักแน่นขึ้น “จริง เป็นโรคติดต่อร้ายแรงอะไรหรือเปล่า หรือว่าเจ็บคอ หรือฟันไม่ค่อยดี” “เป็นทุกอย่างค่ะ ป่วยหนักมาก เป็น COVID-19” รุ่นพี่อ้าปากค้าง “กูไม่ได้เป็นอะไร” ทว่าจู่ๆ อากิฮิสะตอบเพื่อนขัดกับสิ่งที่ฉันแก้ตัวแทนทั้งหมด ก่อนคว้าอาหารตรงหน้ามากินจนหมดด้วยท่าทางสบายๆ อายามิมองอึ้งๆ ก่อนกลับหลังหันเดินกลับโต๊ะของตัวเอง พวกรุ่นพี่ผู้ชายมองตามแผ่นหลังรุ่นน้องผมยาวที่หน้าตาเหมือนตุ๊กตาที่น่าครอบครองไป “รุ่นน้องคนนั้นเข้าใจผิดอะไรก็ไม่รู้ คนรู้จักของนายเหรออากิฮิสะ” เพื่อนเอ่ยถาม ยังมองตามอายามิอยู่ “อือ” เสียงทุ้มของอากิฮิสะเอ่ยตอบในลำคอ “น่าอิจฉาว่ะที่มีรุ่นน้องเป็นห่วงนาย หนำซ้ำยังหน้าตาสวยมากเสียด้วย” อากิฮิสะตักอาหารและลิ้มรสอาหารมนุษย์ตรงหน้านั้น ทว่าดวงตาคมคายมองตามคนที่ถูกพูดถึงไป ‘คืนนี้เล่นอะไรดี’ สิบสามปีก่อนใบหน้ากลมแบบเด็กหญิงถามเขาด้วยรอยยิ้ม ‘เล่นแวมไพร์กันดีกว่า ฉันเป็นแวมไพร์ อายามิเป็นมนุษย์ที่ต้องวิ่งหนี ถ้าวิ่งไม่ทันจะถูกแวมไพร์ดูดเลือด เริ่มล่ะนะ!’ ‘อย่าตามมานะ กรี๊ด!’ ขาสั้นของอายามิวิ่งออกไป ความทรงจำของอากิฮิสะหวนกลับสู่จุดเริ่มต้น นานมาแล้วท่ามกลางแสงจันทร์เขาและอายามิวิ่งไป วิ่งไล่จับอย่างสนุกสนาน ‘จับได้แล้ว!’ ร่างเด็กของอากิฮิสะคร่อมร่างอายามิ ‘อ...อ๊ะ...อ....อากิฮิสะ...!’ คืนนั้นริมฝีปากเล็กของอากิฮิสะสัมผัสลำคอเล็กบางของอายามิจริงๆ และเส้นผมของอายามิมอบสัมผัสนุ่มลื่นเมื่อมือของอากิฮิสะขยุ้มแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะฝากรอยสีกลีบกุหลาบไว้แนบลำคอเล็กๆ ของอายามิ นั่นมันนานมาแล้ว... เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจำไม่ได้ เมื่อคืนเขาดื่มเลือดของเธอ ร่างที่ราวกับตุ๊กตาให้สัมผัสที่นุ่มมือ ดวงตาสีฟากฟ้าฤดูหนาวกระพริบเมื่อแผ่นหลังของร่างในชุดนักศึกษาหญิงเดินห่างกลับไปนั่งกับเพื่อนแล้ว หากแต่สัมผัสแห่งรสเลือดของเธอยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นของอากิฮิสะ ...เช่นเดียวกับสัมผัสจากแผ่นหลังเปล่าว่างที่ทรุดลงในมืออันกำยำของเขา… มือของแวมไพร์ “อายามิ ไปคุยอะไรกับรุ่นพี่โต๊ะนั้นเหรอ” คาโอริกับมาริถามเมื่อฉันเดินกลับมาที่โต๊ะ “ดูเหมือนรุ่นพี่จะไม่ชอบกินอาหารที่นี่ใช่ป่ะ” “ฉันว่าอย่างรุ่นพี่เขาอาจมีโปรแกรมอาหารพิเศษของตัวเองก็ได้ แบบที่เน้นโปรตีนหรือไม่มีคาร์บ (แป้ง) เลยหรืออะไรแบบนี้” มาริออกความเห็น “เหมือนพวกดาราผู้ชายที่ดูดีกว่าพวกเราจนเหมือนเป็นมนุษย์คนละเผ่าพันธุ์ไง” ฉันไม่ได้ตอบหากแต่นั่งลง ดื่มชาพีชไม่ใส่น้ำตาลที่สั่งมา แล้วทำไมไม่บอกว่าที่จริงกินอาหารมนุษย์ได้ งั้นวันหลังก็กินอาหารมนุษย์ปกติสิ ไม่ต้องดื่มเลือดแล้ว อีกอย่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อ่อนแอกว่าจะไปช่วยเผ่าพันธุ์แวมไพร์ที่แข็งแกร่งทำไม ไม่น่าไปช่วยเลย
已经是最新一章了
加载中