ตอนที่ 10 จะรู้สึกดีไปเอง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 10 จะรู้สึกดีไปเอง
ดีดร่างเมื่อริมฝีปากราวกับไฟกดจูบร่างฉันอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง และครั้งนี้ต่ำลงไปกว่าเดิมเสียอีก “จะมีวันนั้นแน่นนอน” เสียงทุ้มเอ่ยพร่า “วันที่เธอจะพูดคำนั้น วันที่เธอบอกว่ารู้สึกดีและอยากถูกสัมผัสแบบนี้ไม่ว่าจะกี่ครั้ง” ม...ไม่มีทางหรอก...! มันเหมือนกับการที่วัวจะเนื้ออร่อยต้องขุนมันให้อ้วนด้วยเบียร์จนมีความสุขและนวดมันเพื่อให้เนื้อนิ่มหรืออย่างไร เนื้อชั้นดีอย่างเนื้อมัตสึซากะเขาทำกันแบบนั้น แต่นี่ฉันเป็นมนุษย์ การทำแบบนี้มันเป็นเรื่องของคู่รักเท่านั้น แวมไพร์เป็นปีศาจร้ายกาจที่หลอกใช้สิ่งนี้ “ไม่มีวัน!” ฉันเกร็งขืน ผลักเขาออกสุดแรงทำให้อากิฮิสะต้องจับมือฉันไพล่หลังไว้ใต้แผ่นหลังตัวฉันเอง ก่อนจะใช้มือหนึ่งของเขายึดไว้ด้วยกัน บ้าจริง...! “ปล่อยนะ!” ให้ตายสิฉันดิ้นไม่ได้เลย หนำซ้ำมือของตัวเองที่แผ่นหลังฉันทับอยู่ยังทำให้ร่างฉันแอ่นขึ้นเสียอีก “แล้วจะรู้สึกดีไปเอง” คำพูดอากิฮิสะทำให้ฉันนึกถึงอนิเมะแวมไพร์ที่บอกว่าอย่ามองดวงตาคู่นั้น ดวงตาของแวมไพร์ เพราะเราจะตกเป็นทาส ถูกพันธนาการ “ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ฉันเสียงแข็ง มือของอากิฮิสะข้างที่ไม่ได้ล็อคมือฉันเคลื่อนไล้ต้นขาด้านนอกติดสะโพกของฉัน “ไม่ได้รู้สึกดีหรอกหรือไง...” “อ...อื้อ...!” แล้วจู่ๆ ริมฝีปากร้อนกดแนบต่ำลงไปตามหน้าท้องเปล่าว่าง ทำให้ร่างฉันสั่นสะท้านทุกครั้ง อากิฮิสะกดจูบต่ำลงเป็นระยะ มือหนาแบบผู้ชายแข็งแรงคลึงปลุกเร้าต้นขาติดสะโพกของฉัน แล้วร่างกายของฉันเป็นอะไรไป ทำไมถึงอาบไปด้วยหยาดเหงื่อใต้มือนั้น...! ริมฝีปากร่างสูงกดจูบต่ำสุดหน้าท้อง...ทาบทับลึกลงแนบตะเข็บแพนตี้สีดำตัวบางของฉัน ฉันกัดริมฝีปากไม่ให้ต้องครางออกมา เขาไม่ได้ฝังคมเขี้ยวลงมาตรงนั้นหากแต่หยอกเย้าราวกับจงใจทำให้ร่างฉันละลายเป็นน้ำ ทำไมร่างฉันร้อนขนาดนี้ แต่ร่างกำยำที่คร่อมอยู่เหนือขึ้นไปนั้นร้อนกว่า ราวกับเปลวไฟขัดกับดวงตาสีฟ้าฤดูหนาวที่ดูราวน้ำแข็งเยือกเย็น ฉันสะท้านไปทั้งตัวเมื่อคมเขี้ยวฝังลงบนผิวว่างเปล่าเหนือขอบผ้าชิ้นบาง “อ....อ๊า...!” จิกเล็บกับมือที่รั้งฉันอยู่ใต้แผ่นหลังตัวเองเมื่อคมเขี้ยวกดลึกลงในผิวฉัน “อ...อากิฮิสะ...!” ดีดร่างเมื่อคมเขี้ยวย้ำลึกรุนแรง มอบบางสิ่งที่ไม่ใช่ความเจ็บปวด แต่มันคืออะไรกัน... ความรู้สึกที่วาบหวามจนฉันกลัวว่าตัวเองจะโหยหามัน ราวกับถูกกลืนกินทั้งร่างด้วยเปลวไฟอย่างไรอย่างนั้น...! แล้วสติฉันเริ่มเลือนจาง ...ราวกับกลีบกุหลาบที่ถูกสายลมพัดปลิวไป… มือเล็กที่จิกมือใหญ่ซึ่งพันธนาการร่างของเธอไว้ใต้แผ่นหลังว่างเปล่าของตัวเองคลายออก ร่างสีขาวนิ่งไปแล้ว แต่ทว่าอากิฮิสะยังดื่มเลือดจากเธออยู่ ก่อนร่างสูงจะผละเงยขึ้น แขนกำยำช้อนร่างของอายามิขึ้นราวกับเด็ดดอกลิลลี่สีขาวน้ำหนักเบา ดวงตาคมเข้มนิ่งมองร่างที่หมดสติ อายามิเติบโตขึ้นมากนับแต่วันที่เขาจากไป และรสเลือดของเธอราวกับปลุกทุกสิ่งทุกอย่างในร่างเขา เขาชอบเลือดของอายามิ ชอบมานาน ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเขาเป็นแวมไพร์ เมื่อช้อนร่างเธอขึ้นดวงตาสีฟากฟ้าฤดูหนาวนิ่งมองริมฝีปากของร่างไร้สตินั้นขณะเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น “เหยื่อของนายกลิ่นหอมยั่วยวนเกินไป” เสียงทุ้มต่ำนั้นเปล่งดังจากในความมืด ก่อนที่ร่างสูงผู้ครอบครองใบหน้าคมคายคล้ายอากิฮิสะจะก้าวเดินออกมาจากเงา หล่อเหลาและสง่างาม ดวงตาคมเข้มสีเดียวกัน เขาเป็นพี่ชายของอากิฮิสะ และเป็นแวมไพร์ ดวงตาคมเข้มของอากิฮิสะตวัดมองเมื่อผู้มาใหม่ยกยิ้มมุมปาก “บางทีเหยื่อของนายอาจดึงดูดแวมไพร์อื่นมาที่นี่ แม้แต่ข้าเองก็ยังอยากลิ้มรสเธอ อยากรู้เหลือเกินว่าหากฝังคมเขี้ยวลงไปในร่างของหญิงสาวที่งดงามแบบนี้จะให้ความรู้สึกดีขนาดไหน” “ฮารุมะ” อากิฮิสะเอ่ยชื่อแวมไพร์นั้น ชื่อของพี่ชาย ขรึมทว่าดุดันเช่นเดียวกับดวงตาอันเยือกเย็นที่ยังทาบมองร่างหญิงสาวในมือเมื่อเอ่ยออกไป “หากพี่ดื่มเลือดเหยื่อของข้า ข้าจะฆ่าพี่ให้ตาย” “หึ...” แล้วอากิฮิสะอุ้มอายามิเดินขึ้นบันไดกลับห้อง ทิ้งพี่ชายไว้ตรงนั้นขณะเสียงฮารุมะเอ่ยไล่หลัง “แต่แวมไพร์หลงใหลได้แค่เลือด อย่าลืมเสียล่ะ” “...” “อากิฮิสะ” “ย...อย่า...!” ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความฝันที่มีอากิฮิสะอยู่ในนั้น ฝันที่เหมือนย้อนอดีตถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อก้มดูพลันเห็นว่าร่างที่เสื้อหลุดลุ่ยของตัวเองปรากฏรอยแดง อึก... อากิฮิสะฝังคมเขี้ยวลึกลงไปในร่างฉันขนาดนั้น... บ้าที่สุด...! พลันดึงสาบเสื้อเข้าหากัน ปิดร่างตัวเองในขณะที่ปลายสายตาสะดุดเห็นอากิฮิสะยืนนิ่งริมหน้าต่าง ดวงตาคมเข้มปรายมองมาที่ฉัน เอ่ยถาม “เวียนหัวหรือเปล่า” ดวงตาดุดันของฉันตวัดมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความขุ่นเคืองเมื่อถูกถาม อะไรกัน ยังมีแก่ใจมาห่วงหรือถามฉันงั้นเหรอ ฉันลุกขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง สวมเสื้อนอกและเก็บกระเป๋าเดินออกไป “ทำแบบนั้น จะไปข้างนอกหรือไง” “ฉันจะไม่กลับมาอีกแล้ว อากิฮิสะ” ปัง! “ระวังแวมไพร์” ก่อนประตูปิดและทิ้งปีศาจที่ร้ายกาจนั่นไว้ในห้องได้ยินเสียงเตือนไล่หลังมา แวมไพร์เหรอ แล้วไง ฉันมีไม้กางเขน เมื่อเย็นฉันเก็บก้านกุหลาบมามัดรวมกันเป็นกางเขน ตอนนี้ก็ถืออยู่ แวมไพร์จะต้องกลัวฉัน กึก ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นชายอีกคนยืนอยู่ชั้นล่างหลังจากลงบันไดมา ร่างสูง เส้นผมสีเที่ยงคืน ดวงตาสีท้องฟ้าฤดูหนาว เขาดูเหมือนอากิฮิสะ บางทีอาจจะเป็นพี่น้องกัน ทว่าที่สำคัญ เขาต้องเป็นแวมไพร์อีกคนแน่! “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า” ริมฝีปากได้รูปไม่ต่างจากอากิฮิสะยกยิ้มเมื่อเอ่ยถาม “มี” ฉันตอบ ชูกางเขนขนาดเท่าฝ่ามือให้เขาดูอย่างไม่เกรงกลัว “อะไรน่ะ งานศิลปะจากก้านกุหลาบเหรอ” เรียวนิ้วยาวของมือใหญ่หยิบกางเขนออกไปจากมือฉัน ก่อนพลิกดูไปมา ทำไมถึงไม่ได้ผล…! แวมไพร์กลัวอะไรกันแน่! “สวยดี” ริมฝีปากที่ยกยิ้มตรงมุมเอ่ยชม “เจ้าหมอนั่นพาเธอมางั้นเหรอ เจ้าอากิฮิสะที่น่ารำคาญ แต่เดินออกมามืดๆ แบบนี้เธอคงจะมีอะไรให้ช่วยจริงๆ สินะ” “ม...ไม่มี” “จริงเหรอ...” ดวงตาราวกับรูปวาดไร้ที่ติลากมองลำคอของฉัน อึก... ฉันก้าวถอยหลัง คิดดูเอาเองเหอะว่าขอความช่วยเหลือจากแวมไพร์จะโดนอะไรบ้าง ไม่อยากจะคิด “อย่ามายุ่งกับฉัน!”
已经是最新一章了
加载中