ตอนที่13 โชคชะตาเล่นตลกให้เราสองคนตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน
1/
ตอนที่13 โชคชะตาเล่นตลกให้เราสองคนตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน
ลิขิตฟ้าทุกภพชาติรักแค่เธอ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่13 โชคชะตาเล่นตลกให้เราสองคนตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน
มู่หลงยิ้มอย่างอ่อนโยนจ้องมองใบหน้ายิ้มแย้มของไป่เซไม่กะพริบตาจนไป่เซทำตัวไม่ถูก อาจารย์เทียนอวี่เห็นเช่นนี้จึงกระแอมเสียง “ อะแฮ่ม ! ” มู่หลงจึงได้สติพูดขึ้นว่า “ พวกเราเดินทางต่อเลยมั้ยครับอาจารย์ ” “ อืม ดีเหมือนกัน ไปพักในเมืองเอา ” ทั้งสามแยกย้ายไปขึ้นรถของตนเองแล้วออกเดินทางต่อ ทางฮ่องเต้ชายชุดดำปรากฎตัวรายงานว่า “ ฝ่าบาทอาจารย์ของท่านร่วมเดินทางกับพระชายาด้วยพะยะค่ะ พระชายาใกล้ถึงประเทศหมานมิงแล้วพะยะค่ะ ” “ เจ้าว่าอะไรนะ ! ” ฮ่องเต้รู้สึกโมโห ขึ้นเสียงดังทันที แล้วหันไปมองหญิงสาวในอ้อมอกพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ หลันเอ๋อร์ เจ้าลงำปนั่งในรถม้าของนะข้าทำอะไรเสร็จจะไปนั่งเป็นเพื่อนเจ้า ” หญิงสาวทำตัวว่านอนสอนง่ายลงไปอย่างเชื่อฟังแต่ในใจกลับรู้สึกอิจฮาริษยาไม่พอใจขึ้นมา “ มีอีกเรื่องพะยะค่ะ ทางแคว้นหนานมิงเหมือนจะเตรียมกองกำลังไว้ด้วยพะยะค่ะ ” “ หึ ข้าคิดไว้แล้วเชียวว่ามู่หลงจะไม่ยอมส่งตัวพระชายาคืนมาแน่ ” ฮ่องเต้ย้อนคิดถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อนก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เขาเห็นมู่หลงคอยแอบดูซิ่วอิงอยู่ห่างๆตลอดและมักจะติดต่อกับพ่อของซิ่วอิงผ่านการค้าขายช่วยเจรจาแต่ไม่ยอมเปิดเผยตัวตนว่าเป็นองค์ชายครั้งซิ่วอิงไปเที่ยวเล่นน้ำตกก็ยังแอบตามนางไปจนเจอเข้ากับเขาที่ตามตื้อซิ่วอิงพอดี “ อ้าวมู่หลง เจ้ามาทำอะไรที่นี่ ” “ เปล่าแล้วเจ้าล่ะ ” ฉีอินยิ้มแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “ ข้าตามว่าที่พระชายามาเล่นน้ำ ” มู่หลงได้ยินเช่นนั้นก็แสดงความไม่พอใจออกมาเล็กน้อย “ ใครคือว่าที่พระชายาของเจ้า ” “ ข้าจะบอกเจ้าให้นางชื่อซิ่วอิง ” มู่หลงนิ่งอึ้งตะลึงไป “ มู่หลงเจ้าถึงกับอึ้งเลยเหรอ อย่าบอกนะว่าเจ้าแบบชอบว่าที่พระชายาข้า ” “ เอ่อ นางตกลงจะแต่งดับเจ้าแล้วเหรอเจ้าถึงได้เรียกนางว่าว่าที่พระชายา มันจะเป็นการทำใก้นางเสียชื่อเอานะ ” “ เฮ่ย มู่หลงในใต้หล้านี้มีใครปฏิเสธข้าได้บ้างมีแต่คนอยากเป็นพระชายาข้า ” “ เจ้ารู้จักนางน้อยไป ” “ เจ้าพูดอย่างกับเจ้ารู้จักนางมาก เจ้าชอบนางจริงๆใช่มั้ยมู่หลง ” “ ถ้าข้าบอกว่าใช่ล่ะ เจ้าจะว่าอย่างไร \" ข้าน่ะรู้จักนางดีเพราะพ่อนางคือคนที่ข้ารู้จักค้าขายที่ชายแดนเจรจาธุกิจค้าขายกับประเทศหนานมิงบ่อยครั้ง ” ฉีอินอึ้งพูดอะไรไม่ออกรู้สึกไม่พอใจสักพักก็ดึงสติพูดขึ้นว่า “ เจ้าก็รู้ว่านิสัยข้าเป็นเช่นไร เจ้าเป็นสหายข้าอย่างอื่นข้ายกให้เจ้าได้หมดแต่ซิ่วอิงคงไม่ได้ ” “ นางไม่ใช่สิ่งของที่ใครอยากจะยกให้ใครก็ยกให้ได้ ” “ ใช่นางไม่ใช่สิ่งของข้าจึงอยากได้นางมาเป็นชายา เจ้ารู้เช่นนี้ควรจะถอยให้ข้านะ ” “ ฉีอินข้าไม่อยากถอยให้เจ้า และข้าก็ไม่อยากทำลายมิตรภาพที่แน่นแฟ้นของเรา แต่เรื่องนี้เราสองคนไม่อาจตัดสินใจได้ ” อันที่จริงข้าชอบนางมาสักพักหนึ่งแล้ว ที่ข้าเคยบอกว่าข้ามีหญิงที่ชอบแล่วก็คือนาง ในฐานะที่เจ้าเป็นกษัตริย์แห่งแคว้นฉางอานข้าจะถอยให้หนึ่งก้าว เมื่อถึงเวลาข้าจะมาสู่ขอนาง \" มู่หลงพูดอย่างจริงจัง “ มู่หลงเจ้าเป็นถึงองค์ชายราชทายาทแคว้นของเจ้าขัดสนหญิงงามหรือไง ถึงได้คิดจะแย่งผู้หญิงกับข้า อ่อข้าก็เคยบอกกับเจ้าว่าที่เมืองของข้ามีหญิงงามล่มเมืองที่ข้าชอบก็คือนาง ” ฉีอินพูด “ หึ โชคชะตาเล่นตลกอะไรกับเราสองคนถึงได้ตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน ข้าบอกแล้วข้าจะถอยให้เจ้าแต่หากว่าเจ้าได้ครองหัวใจนางไปและไม่รักษาไว้ให้ดีต่อให้นางเคยเป็นของเจ้าข้าก็ไม่รังเกียจนางและข้าจะไม่ถอยให้เจ้าอีก ” สีหน้ามู่หลงอ่อนล้าผิดหวังเสียใจปะปนกันไป พูดจบก็ใช้วิชาตัวเบาไปหาย “ มู่หลงนะมู่หลงข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำจริงๆ ” ฮ่องเต้บ่นพึมพำด้วยความโกรธ จากนั้นก็พูดเสียงสั่งทหารองครักษ์ว่า “ พวกเจ้าตามข้ามา ที่เหลือคอยคุ้มกันหลันเอ๋อร์ ” แน่นอนว่าทหารที่คอยคุ้มกันนั้นไม่พอใจในใจพวกเขาเดิมทีรถม้าคันนี้เป็นของพระชายาแต่ฮ่องเต้เอาใครก็ไม่รู้มาอยู่ ฮ่องเต้ควบม้าเร็วไปหญิงสาวก็สั่งทหารให้ควบม้าให้เร็วรีบตามฮ่องเต้ไป เมื่อถึงประตูเมืองแคว้นหนานจิงฮ่องเต้ก็ตามมาถึงเช่นกันฮ่องเต้ตะโกนเสียงดังเรียกไป่เซเพื่อหยุดพวกเขา “ ซิ่วอิง! ” ทุกคนหันไปมองหยุดานเคลื่อนไหวดวงตาตกใจสีหน้าของไป่เซไม่ค่อยดีเท่าไหร่คิ้วขมวดทันทีมู่หลงจึงเอ่ยกับเขาว่า “ ไม่ต้องกังวลเพียงแค่เจ้าไม่เต็มใจกลับไปกับเขาก็ไม่มีใครบังคับเจ้าได้ มีข้าอยู่เจ้าวางใจ ” ไป่เซพยักหน้า เธอนึกภาพถ้ากลับไปกับฮ่องเต้เธอจะเจอกับอะไรบ้างลูกเธอจะไม่ปลอดภัย เธอจึงรูสึกกลัวแม้เธอจะเป็นวรยุทธแต่ช่วงเวลาท้องเธอก็ทำอะไรไม่ได้เยอะต้องระมัดระวังเพื่อลูกของเธอ ฮ่องเต้ขี่ม้าเข้ามาใกล้มู่หลงจึงขี่ม้าออกไปหาเขาแล้วเอ่ยประชดประชันว่า “ มาถึงแล้วเหรอ ข้านึกว่าเจ้าจะแต่งตั้งพระชายาคนใหม่แล้วซะอีก ” แน่นอนว่ามู่หลงไม่อยากให้ไป่เซได้ยินจึงพูดเสียงเบากลัวจะกระทบจิตใจนาง แต่ฮ่องเต้นั้นกลับพูดเสียงดังปกติ “ หึ นั่นมันเรื่องของข้า ดูเหมือนว่าเจ้าจะห่วงใยพระชายาของข้าซะเหลือเกินนะ ” “ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์เพราะนางคือชายาของข้ายังไงวันนี้นางก็ต้องกลับกับข้า ” อาจารย์เทียนอวี่ยังคงนั่งในรถม้ามองดูชายหนุ่มสองคนพูดคุยอย่างเงียบๆ ไป่เซก็เช่นกัน “ ถ้าจำไม่ผิดข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ หากว่าเจ้าไม่รักษานางให้ดีข้าไม่รังเกียจที่จะดูแลนางต่อจากเจ้า ” มู่หลงเริ่มพูดเสียงดังปกติน้ำเสียงดุเล็กน้อย “ เจ้ากล้าเหรอ ” “ แน่นอนว่าข้ากล้า เพราะข้ารักนางรักนางคนเดียวมาตลอด ที่ข้าถอยให้เจ้าเหตุผลเพราะอะไรเจ้ารู้หมดแล้ววันนี้ข้าจะไม่ถอยให้เจ้าหากนางไม่เต็มใจกลับเจ้าก็บังคับนางไม่ได้ ” คำพูดเด็ดขาดของมู่หลงทำให้ไป่เซและจางจิ้งอึ้งไม่น้อย “ คุณหนูคุณชายมู่บอกว่าชอบท่านมานานแล้วคุณหนูได้ยินมั้ยเจ้าคะเรามีที่พึ่งแล้ว ” จางจิ้งดีใจแต่ไป่เซกลับรู้สึกผิด “ คุณชายมู่ดีกับเรามากก็จริงแต่ข้าไม่ใช่หญิงสาวเหมือนคนทั่วไปแล้ว ” ไป่เซพูดสีหน้าเศร้าหมอง “ ได้ในเมื่อไม่ยอมส่งนางคืนมาดีๆข้าก็จะไม่บังคับเจ้าแต่เจ้ากับข้านั้นขาดกัน ” พูดจบฮ่องเต้ก็กระโดดลงจากหลังม้าเดินไปยังรถม้าคันที่ไป่เซอยู่แล้วเรียกให้จางจิ้งลงส่วนเขานั้นขึ้นไปบนรถม้าแทนเพื่อไปทำความเข้าใจกับไป่เซ มู่หลงแม้จะรู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบหัวใจแต่เขาก็ยังอดทนรอให้โอกาสไป่เซได้เลือกเอง “ ซิ่วอิงข้าขอโทษ ” ฮ่องเต้เอ่ย ไป่เซสีหน้าเย็นชาไม่พูดไม่จาหรือโต้ตอบอะไร ฮ่องเต้จับไหล่ของเธอทั้งสองข้างแล้วพูดต่อว่า “ ซิ่วอิงข้ารู้สึกผิดแล้ว ข้าไม่อาจขาดเจ้าได้ข้ารักเจ้ารักเจ้าคนเดียวเจ้ากลับไปกับข้าเถิดนะ ข้าตอ่อไปข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียใจอีก ” พอพูดถึงตรงนี้ฮ่องเต้ก็เผลอนึกถึงหลันเอ๋อร์ขึ้นมา ก็ทำให้เขาปวดหัวขึ้นมานิดหน่อยแต่คนอย่างฮ่องเต้ความมั่นใจสูงส่งเขามองเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ขอเพียงนางกลับไปเขาก็จัดการเรื่องนี้ได้ทันที ไป่เซยังคงเย็นชาไม่พูดเหมือนเดิม “ ซิ่วอิงข้ารู้ว่าเจ้าโกรธข้า เกลียดข้า แต่เจ้าอย่าลืมสิพ่อแม่ของเจ้าอยู่ที่นั่นถ้าเจ้าไม่กลับไปเจ้าไม่ห่วงพวกเขาเหรอ ” คำพูดนี้ของฮ่องเต้ทำให้ไป่เซโกรธมากมองเขม็งใส่ฮ่องเต้แล้วพูดว่า “ เจ้าจะทำอะไร นี่เจ้ากำลังขู่ข้าอยู่เหรอ ” น้ำเสียงโกรธเคืองดุดันของไป่เซทำให้ฮ่องเต้พอใจมากถ้าไม่ใช้วิธีนี้มีหรือนางจะคุยกับเขา “ ซิ่วอิง ข้าจะไม่ขอให้เจ้ายกโทษให้ข้าตอนนี้แต่เจ้ากลับไปกับข้าเถอะ ข้าใช้เวลาตามเจ้าหลายวันพวก้รากลับกันเถอะนะ ” ข้าไม่กลับเจ้าคิดว่าข้าเป็นอะไร ตอนอยู่กับเจ้าเจ้าทำเช่นไรกับข้า ข้าจำได้ดี ต่อให้ตอนนี้เจ้าทำดีแค่ไหนข้าก็ไม่กลับข้ามีที่ที่จะไปแล้วเจ้าอย่ายื้อข้าอีกเลย ใบหย่าข้าก็เขียนแล้วเข้ากับข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกันอีก \" “ ข้าไม่หย่าซิ่วอิงข้าไม่ยิมหย่าเด็ดขาด ” “ เจ้าจะเก็บข้าไว้เพื่ออะไร เป็นของเล่น ของประดับวังของเจ้างั้นเหรอ ” น้ำตาไป่เซไหลพรั่งพรูออกมา “ ซิ่งอิงเจ้าใจเย็นๆนะข้ารักเจ้าข้าไม่อาจเสียเจ้าให้คนอื่นได้เจ้าไม่รู้หรือมู่หลงคิดยังไงกับเจ้าเขาถึงพาเจ้าหนี ” “ ข้ารู้ และเขาก็ดีกับข้ามากด้วย ” “ เจ้าพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร พบกันเพียงไม่กี่วันเจ้าก็ชอบชายอืานแล้วเหรอ ” ฮ่องเต้เริ่มพูดโมโห “ เจ้าดูถูกข้าเกินไปแล้ว เหอะ ความจริงเจ้าดูหยามศักศรีข้านานแล้วตอนนี้แทบไม่เหลือแล้วต่างหาก ” “ ซิ่วอิง ข้าพูดกับเจ้าดีๆ ใจเย็น อดทนกับเจ้าแล้วนะ ” น้ำเสียงอ่องเต้เริ่มเปลี่ยนเป็นดุขึ้นมา “ เหอะ เจ้าช่างกล้า ช่างกล้าพูดว่าพูดดีๆกับข้าแล้ว เหอะๆ น่าขันสิ้นดี (ดวงตาแดงของเธอก่ำน้ำตาเอ่อล้นไหลพรุ่งพรูออกมามากกว่าเดิม) เจ้ารู้มั้ยเจ้าไม่เคยทำดีกับข้าเลยพูดดีสักครั้งแทบไม่มีข้าต้องการให้เจ้าพูดดีกับข้าไม่ขังข้าเจ้ารูมั้ยกว่าข้าจะได้คำพูดดีๆจากเจ้า เจ้ารู้มั้ยว่าข้าเจ็บปวดทรมานแค่ไหนที่ต้องแสร้งทำเป็นไม่โกรธเกลียดเจ้า ” ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกผิดกุมมือไป่เซไว้แล้วพูดว่า “ ข้าขอโทษต่อไปจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว ข้าสัญญ…. ” ไป่เซพูดขัด “ ไม่ต้อง! เจ้าไม่ต้องสัญญาอะไรกับข้าอีก คำสัญญาของเจ้ามันไม่มีประโยชน์ไม่มีค่าตั้งแต่วันที่เจ้าทิ้งข้าในคืนนั้นแล้ว ” พูดจบไป่เซปวดน้ำตาตัวเองจะเดินลงจากรถม้าแต่ฮ่องเต้ดึงมือคว้าเอวเขามากอดไว้ พูดว่า “ เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นเจ้าเป็นชายาของข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด ” “ ปล่อย ” น้ำเสียงต่ำเย็นชาของไป่เซทำให้ฮ่องเต้เจ็บจี๊ดเหมือนนางไม่มีอะไรในใจแล้ว “ ฉินฉีอิน! เจ้าอย่าเห็นแก่ตัวได้มั้ยข้าเกลียดเจ้าเจ้าทำร้ายข้ายังไม่พออีกหรือ ! ” ไป่เซตะคอกเสียงใส่ “ เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดเถิดข้าแพ้เจ้าข้าง้อคนไม่เก่งที่ข้าจะพูดข้าพูดไปหมดแล้วแต่ที่ข้าจะไม่ยอมคือข้าไม่ยอมให้เจ้าไปจากข้าเจ้าเป็นของข้าเจ้าต้องกลับไปกับข้า ” “ เจ้านี่หน้าด้านนัก ข้าไม่ได้รักเจ้าเจ้ายังจะบังคับข้าอีก ” ไป่เซพูดเสียงแข็ง “ ข้าบอกแล้วเจ้าอยากพูดอะไรก็พูดเถอะเจ้าไม่รักข้าข้ามีวิธีที่จะทำให้เจ้ารักข้าอีกครั้ง ” พูดจบฮ่องเต้กอดรัดไป่เซอย่างแน่น อีกมือจับเข้าที่ท้ายทอยนางก้มลงจูบนางอย่างดูดดื่มไม่ปล่อยให้นางได้หายใจจูบริมฝีปากอ่อนนุ่มอย่างเอาแต่ใจ ด้านนอกหญิงสาวทนไม่ไหวเลยลงจากรถวิ่งมาแม้ทหารจะห้ามไว้ก็ไม่ทันเสียงเอะอะข้างนอกแต่ฮ่องเต้กลับไม่สนใจประทับริมฝีปากลงจูบต่อริมฝีปากของไป่เซแดงแก้มอมชมพูระเรื่อเธอพยายามต่อต้านผลักฮ่องเต้ออกแต่แรงเธอน้อยไป จะสกัดจุดเขาก็ไม่สำเร็จฮ่องเต้รู้ทันจับมือนางไว้แน่นแล้วจูบต่อ “ ฝ่าบาทเพคะ ฝ่าบาท ” เสียงเรียกหลันเอ๋อร์ดังมาจากด้านนอกทำให้ฮ่องเต้หยุดการกระทำลง ไป่เซยิ้มยกมุมปากขึ้นทำเสียง “ หึ ” อย่างเย็นชาดวงตาฉายแววรังเกียจทันที ฮ่องเต้จับมือไป่แล้วพูดว่า \" กลับไปกับข้า \" ไป่เซไม่ทันได้พูดอะไรห้องเต้ก็โอบเธอลงรถม้าแล้วทุกสายตาจ้องมาที่พวกเขาฮ่องเต้จับมือเธอไว้แน่นเธอพยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่สำเร็จตอนนี้ฮ่องเต้โมโหเอาแต่ใจมากขึ้นจูงมือเธอไปยังหญิงสาวคนนั้นเธอรู้สึกเจ็บปวดใจมากยิ่งเข้าใกล้เธอรู้สึกยิ่งเจ็บหน้าอกกัวใจเหมือนโดนมีดกรีด : หึ ฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ ฉินฉีอินก็คือฉินฉีอิน การกระทำกับคำพูดตรงข้ามกันสิ้นดี : เธอพึมพำผิดหวังเหนื่อยล้า หญิงสาววิ่งเข้ามากอดฮ่องเต้ ฮ่องเต้ยังพูดกับเธอว่า “ มีอะไรฮื้ม ให้เจ้ารออยู่ในรถมิใช่หรือ ” น้ำเสียงอ่อนโยนนี้คนอื่นฟังอาจจะชอบแต่ไปเซกลับรังเกียจแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าทางอารมณ์ใดๆ เธอึงสะบัดมือฮ่องเต้ออกแล้วถอยห่างอย่างรังเกียจ ฮ่องเต้มองเธอจะเข้ามาใกล้เธอรีบถอยหนี ทันใดทันอาจารย์เทียนอวี่และมู่หลงก็มาปรากฎข้างกายเธอ “ ท่านอาจารย์ ! ” ฮ่องเต้ประหลาดใจตั้งแต่มาถึงอาจารย์ของเขาก็ไม่มายุ่งเกี่ยวมาตอนนี้อาจารย์เขากลับไปยืนข้างซิ่วอิง “ ฉีอิน ซิ่วอิงเป็นศิษย์น้องเจ้า ศิษย์ที่ข้าเลี้ยงดูทนุถนอมที่พวกเจ้าทั้งสองอยากจะไปดูตอนนั้น เจ้าจำได้กรือเปล่า ” ฮ่องเต้นิ่งอึ้งจองหน้าไป่เซ ไป่เซเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าฮ่องเต้จะเป็นศิษย์พี่อีกคนของเขา “ จำได้ท่านอาจารย์ ข้านึกไม่ถึงว่าพระชายาของข้าจะเป็นเด็กผู้หญิงคนนั้น ” “ อืม ดังนั้น อาจารย์ไม่อยากให้เจ้าบังคับใจนาง ให้นางตัดสินใจเองว่าจะกลับกับเจ้าหรือจะอยู่กับมู่หลง ” ได้ยินเช่นนั้นฮ่องเต้ก็รู้สึกไม่พอใจ “ ท่านอาจารย์ ! ” นางเป็นพระชายาของข้าจะให้อยู่กับคนอื่นได้อย่างไร \" “ ฉีอิน ถ้าเจ้ารักนางจริงเหตุใด นางถึงต้องหนี เหตุใดผ่านมาหลายวันแล้วเจ้าถึงเพิ่งตามมาทัน นี่เหรอที่เจ้าเรียกว่าความรัก เจ้าแค่ต้องการครอบครอง เจ้าปล่อยนางไปเถอะ ” น้ำเสียงทุ้มต่ำของอาจารย์ทำให้ฮ่องเต้คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนเหม่อลอยไปชั่วขณะ แล้วมองไปยังไป่เซพูดขึ้นว่า “ ซิ่วอิง เจ้ารักข้ามั้ย เจ้าเคยรักข้ามั้ย ” ฮ่องเต้เหมือนจะเจ็บปวดจริงๆก็คราวนี้ดวงต่ำแดงน้ำตาซึมออกมาขณะที่พูดก็ก้าวไปหาไป่เซทีละก้าวๆ หลันเออ๋อร์ จับมือเอาไว้พูดขึ้น “ ฝ่าบาท ! ” \" หุบปาก! \" ฮ่องเต้ตะคิกเสียงดังสะบัดมือนางออกแล้วผลักนางออกไป แล้วก้าวเท้าไปหาไป่เซ ถามซ้ำไปซ้ำมาว่า “ เจ้าเคยรักข้ามั้ย เจ้าตอบข้ามาว่าเจ้ารักข้า เจ้ารักข้า! ” “ ข้าเคยรักเจ้าแต่ตอนนี้ข้าไม่ได้รักเจ้าแล้ว เจ้าปล่อยข้าไป แล้วเจ้าก็ไปอยู่กับผู้หยืงของเจ้าซ พูดจบไป่เซก็หันหลังเดินไปทางมู่หลงน้ำตาเธอก็ไหลพรุ่งพรูออดมาทันที มู่หลงจับมือเธอแล้วโอบกอดเธอไว้พูดปลอบไป่เซว่า “ ไม่เป็นไรนะ เจ้ายังมีข้าอยู่ ข้าจะดูแลเจ้าเอง ข้าสัญญา ” ฮ่องเต้เห็นภาพนั้นเขารู้สึกเหมือนมีมดมากัดกินใจเขาเป็นร้อยๆตัวภาพภรรยาตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของชายอื่น ชายาของตัวเองกำลังจะกลายเป็นชายาของชายอื่น ชีวิตนี้เขาเหลืออะไร ผู้หญิงที่คู่ควรของเขาเป็นของเขากลับไปเป็นของคนอื่น น้ำตาฮ่องเต้ไหลอาบแก้มดวงตาแดงก่ำ ร่างกายแผ่ไอสังหาร เส้นเลือดบนใบหน้านูดชัดเจน กำมือแน่น ฮ่องเต้โกรธจัด เลือดภายในกายพลุ่งพล่านเดือดดาลขึ้นมา พูดตะคอกเสียงดังออกไปว่า \" เจ้ารักเขา เจ้าอยู่กับเขาแค่ไม่กี่วันเจ้าก็รักเขาแล้วงั้นเหรอ หวังซิ่วอิง ! ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสมหวัง \" ฮ่องเต้ยิ่งคิดเขายิ่งโกรธจนควบคุมตนเองไม่อยู่ชักกระบี่ขึ้นมาพุ่งไปทางมู่หลง มู่หลงใช้วิชาตัวเบาหลบแล้วเอาไป่เซอยู่ข้างๆอาจารย์ “ รออยู่นี่นะ ไม่ต้องกังวลอะไร เขากับข้าฝีมมือพอกัน ” พูดจบเขาก็ไปอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ทันที ทั้งสองปรับมือกันเพลงดาบท่วงท่าต่างเหมือนกันไม่มีใครแพ้ชนะทั้งสองต่อสู้กันสักพักใหญ่ๆก็ยังหาผลแพ้ชนะไม่ได้ฮ่องเต้ฉินฉีอินโกรธโมโหจึงรวบรวมพลังลมปรานกำลังภายในเข้าด้วยกันฟันลงไปบนกระบี่ของมู่หลงใช้ฝ่ามือตีเข้าไปที่หน้าอก มู่หลงได้รับบาดเจ็บและกระเด็นไปไกลกระอัดเลือดออกมาทางปากเยอะมาก ไป่เซตกใจวิ่งไปทางมู่หลง “ คุณชายมู่ ! ” ตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ เธอโอบคุณชายมู่ไว้ร้องให้เสียใจสะอึกสะอื้นโกรธแค้นฮ่องเต้มากขึ้น “ คุณชายมู่ คุณชายมู่ท่านต้องไม่เป็นอะไรนะท่านทำใจดีๆไว้นะ ” มู่หลงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายมือสั่นๆจับที่แก้มของไป่เซ พูดว่า “ ข่ะ..ข้า…รักเจ้า ..อย่า..ร้อง.. ” พูดจบมือของมู่หลงก็ทิ้งตัวลงพื้น ฮ่องเต้มองดูยกมุมปากขึ้น “ หึ ข้าบอกแล้วจะไม่ให้เจ้าสมหวัง ” ฮ่องเต้พูดอย่างเยือกเย็นแต่ไป่เซกลับไม่ได้ยินและไม่สนใจเขาสนใจแต่คนตรงหน้ายิ่งทำให้ฮ่องเต้คุมความบ้าคลั่งไม่อยู่ “ ไม่…คุณชายมู่ ท่านฟื้นขึ้นมาก่อน ข้าจะรักท่าน ท่านฟื้นขึ้นมา ” “ ท่านอาจารย์ช่วยคุณชายมู่ด้วยท่านอาจารย์ช่วยรักษาเขาที ” เธอร้องให้น้ำตาไหลพรั่งพรูออกมา สะอึกสะอื้น ส่งมู่หลงให้กับหลงหลง อาจรย์เทียนอวี่ถอนหายใจแล้วพูดขึ้นว่า “ เฮ้อ มันถูกกำหนดไว้แล้ว พวกเจ้านี่ดื้อจริงๆ ” สำหรับอาจารย์เทียนอวี่นั้นใจ้ย็นมาก จากนั้นก็ตามไปมู่หลงไป ดวงตาโศกเศร้าเสียใจเมื่อครู่กลายเป็นดุดันแดงก่ำดวงตาคมกริบฉายแววความเกลียดแค้นไอสังการบนตัวเธอพร้อมจะฆ่าคนเป็นหมื่นเป็นพันคนในพริบตา ฮ่องเต้ก้าวมาหาก้าวมาหาไป่เซสภาพอย่างคนไร้สติ ได้ยินคำสารภาพรักของทั้งสองคน เลือดในกายเดือดพล่านกำมือแน่นหมายจะมาจับตัวไป่เซกลีบ ไป่เซยืนอย่างมั่นคงรวบรวมกำลังภายในใช้วิชาตัวเบาลอยหายไปอยู่ข้างหลังข้างๆหลันเอ๋อร์ สายตาเลือดเย็นแผ่ไอสังหาร ฮ่องเต้ก็ดีดตัวไปทางเธออย่างรวดเร็วแต่ก็ช้าไป ไป่เซดึงมีดสั้นออกมาแทงเข้าท้องของหญิงสาวเธอไม่อยากให้หญิงสาวตายเลยแทงไปที่จุดที่เธอต้องการ แล้วพูดออกมาอย่างเลือดเย็นว่า “ ข้าไม่ให้ผู้หญิงของเจ้าตายหรอกแต่เมื่อเจ้าพามาก่อกวนใจข้าและทำร้ายผู้ชายที่พูดจาอ่อนโยนกับข้าเพียงคนเดียวของข้า เจ้าอย่าหวังจะสมหวังมีทายาทสืบทอดกับผู้หญิงคนนี้ ข้าเจ็บ เจ้าเจ็บ ข้าพอใจ ” แววตาโหดร้ายเลือดเย็นของไป่เซทำให้ทหารทั้งสองฝ่ายรู้สึกกลัวนิ่งอึ้งค้างทื่อกับการกระทำของเธอแม้แต่ฮ่องเต้ยังตกใจในการลงมือว่องไวพริบตาเดียวของไป่เซเขาถึงกับหยุดชะงัด ไป่เซก้าวเข้าไปหาฮ่องเต้ทีละก้าวๆแววตาเลือดเย็นอาฆาตพร้อมกับพูดว่า “ ทำไม ตกใจเหรอ ไม่คิดว่าฮ่องเต้ผู้โหดร้ายจะตกใจเป็นเหมือนกัน เสียใจหรือเสียดายกันล่ะว่าที่พระชายาท้องไม่ได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ เจ้ารู้จักข้าน้อยไป \" ฉินฉีอิน ! \" ไป่เซควงมีดจะแทงเข้าไปที่อกฮ่องเต้แต่ทังไม่ทันแทง ชายชุดดำก็มาคว้าตัวฮ่องเต้แล้วผลักไป่เซแล้วใช้วิชาตัวเบาหนีหายไปทิ้งเพียงคำพูดว่า \" ถอย กลับ \" ไป่เซล้มลงกับพื้นอย่างแรง เธอได้สติขึ้นมารู้สึกเจ็บที่ท้อง จางจิ้งรีบมาดูเธอ เม็ดเหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผากเต็มตัวเธอ “ โอ้ย! ข้าเจ็บท้อง ” “ ท่านหมอๆ ช่วยคุณหนูด้วย้จ้าค่ะ ท่านหมอ ” หมอหลวงจากที่รักษาต้มยาให้มู่หลงก็รีบวิ่งมาทางไปเซ ทางดานอาจารย์เทียนอวี่ กำลังรักษามู่หลงถ่ายทอดกำลังภายในอยู่นั้นได้ยินเสียงตะโกนตามหมอถึงกับหยุดชะงัด “ เข้าไปในเมือง ให้เร็วที่สุด ” อาจารย์เทียนอวี่ร้อนใจมาก ทหารนำเปลมาอุ้มร่างไป่เซขึ้นบนรถม้า \" โอ้ย ข้าปวด โอ้ยย… \" \" คุณหนูอดทนไว้นะเจ้าคะอย่าหลับ อดทนอีกนิดเดียว\" จางจิ้งพูด สายตาไป่เซเริ่มเบลอจากนั้นก็สลบไป “ คุณหนู คุณหนู คุณหนูฟื้นสิเจ้าคะ ” โรงเตี้ยวขนาดใหญ่ในเมืองหลวงหลานกิง ผู้คนทำมาค้าขาย เดินไปมาพลุกพล่าน คึกคัก หนานกิงเป็นเมืองที่เศรษฐกิจรุ่งเรืองมาก ไป่เซค่อยๆลืมตาขึ้น เริ่มรู้สึกตัว มองไปรอบๆตัวแล้วเอามือจับที่ท้อง เปล่วเสียงออกมา “ ลูก ” จางจิ้งที่นอนพิงของเตียงก็ตื่นขึ้นมา “ คุณหนูท่านฟื้นแล้ว ” “ ลูก ลูกข้ายังอยู่ใช่มั้ย จางจิ้งลูกข้าปลอดภัยใช่มั้ย ” “ เจ้าค่ะ ลูกคุณหนูปลอดภัยแล้ว ช่วงที่คุณคุณหนูสลบไปสองวัน มีคนมาสืบข่าวเรื่องลูกของคุณหนูข้าคิดว่าเป็นคนของฮ่องเต้ ข้าเลยปล่อยข่าวไปว่าคุณหนูแท้งเจ้าค่ะ งั้นข้าจะไปเอาข้าวต้มกับน้ำซูปให้นะเจ้าคะ ” พูดจบจางจิ้งก็ลุกขึ้นหมุนตัวออกไป จางจิ้งคือคนที่รู้ใจไป่เซที่สุดว่าอะไรควรทำยังไง “ อื้ม \" เดี๋ยว! แล้วคุณชายมู่ล่ะเขาเป็นยังไงบ้าง ” ไป่เซรู้สึกเป็นห่วงขณะที่ถามถึงคุณชายมู่เธอก็นึกถึงฮ่องเต้เช่นกัน “ คุณหนูคุณชายมู่แท้จริงแล้วเขาคือองค์ชายราชทายาทแห่งแคว้นหนานจิงเจ้าค่ะ ” ไป่เซตะลึงค้างทำตาปริบๆ “ ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ ” “ จริงเจ้าค่ะ ตอนที่คุณหนูสลบอยู่ก็ได้หมอจากในวังมาดูแลรักษาส่งยาให้เจ้าค่ะ ” “ ตอนนี้องค์ชายมู่ก็ปลอดภัยแล้วเจ้าค่ะ หากคุณหนูสุขภาพดีเมื่อไหร่ค่อยไปเยี่ยมเขากันนะเจ้าคะ ” “ อื้ม ” “ ข้าไปเอาน้ำซูปกับข้าวต้มมาให้เจ้าค่ะ ” จางจิ้งหมุนตัวออกไปทันที หมอกำลังปรุงยาแล้วป้อนให้หญิสาวที่นอนสลบอยู่บนเตียงด้านนอกฮ่องเต้มองไปทางใต้แววตาลุ่มลึกดำขลับยากจะคาดเดาอารมณ์ได้ หมอก็เดินออกมาจากห้องของหญิงสาว “ เอ่อ ฝ่าบาทคุณหนูท่านนี้ยังไม่ฟื้นเลยคงต้องใช้เวลาอีกสักสองวันพะยะค่ะ ” “ อืม ไปเถอะข้าจะไปดูนางหน่อย ” หมอออกไปฮ่องเต้ก็เข้าไปในห้องหันเอ๋อร์ ฮ่องเต้มองดูหลีนเอ๋อร์ที่สลบอยู่ก็นึกถึงภาพที่ไป่เซถูกผลักสีหน้าเจ็บปวดร้องโอ้ยเอามือกุมที่ท้องจึงส่งคนออกไปสืบข่าวทันทีเขามั่นใจว่าไป่เซต้องท้องลูกของเขาอยู่ ฮ่องเต้เดินออกมาจากห้องของหญิงสาวกลับไปยังห้องของตนเองในสมองเขานึกถึงภาพมู่หลงโอบกอดซิ่วอิง ภาพที่ทั้งสองคนสารภาพรักกัน เขารู้สึกโกรธแค้นและเจ็บปวดใจสิ้นหวังเหมือนชีวิตเขาไม่มีอะไรแล้วแม้แต่กลับวังยังไม่ยอมกลับแม้ทหารจะโน้มเน้าใก้เขากลับก็ไม่เป็นผล ทางด้านไทเฮาที่ไม่เคยเข้ามายุ่งงานบ้านเมืองราชการเลยก็ต้องมาทำหน้าทีแทนลูกชายไทเฮารักและตามใจลูกชายมาตลอดและมั่นใจในการทำงานของลูกแต่ที่เขากังวลที่สุดคือเรื่องผู้หญิง ลูกชายเขาแม้ด้านอื่นๆจะเจ้าเล่ห์เพอุบายแต่เขาก็อดห่วงลูกชายที่จะแพ้ต่อร้อยเล่ห์มายาของผู้หญิงและตอนนี้เขารู้สึกว่าลูกชายกำลังประสบอยู่ส่วนฮ่องเต้องค์ก่อนก็ไปเป็นนักบวชอยู่ในวัดหลังจากใก้ลูกชายสืบทอดราชบัลลังก์แทน ชายชุดดำมารายงาน “ ฝ่าบาทพระชายาแท้งลูกแล้วพะยะค่ะ ” ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกคิดว่าตนเองได้ยินผิดไป “ เจ้าว่าอะไรนะ! พูดใหม่อีกรอบ ” “ พระชายาแท้งลูกแล้วพะยะค่ะ ” ฮ่องเต้เข่าทรุดลงกับพื้นแทบร่างแทบจะร้ายวิญญานคนชุดดำได้พยุงเขาเอาไว้ได้สติมาก็สั่งการออกไปอย่างโหดเหี้ยม “ เรียกตัวคนที่ผลักพระชายามาประหารชีวิตซะ ” ชายชุดดำคุกเข่าพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า \" ฝ่าบาท ยังมีอีกวิธีพะยะค่ะ \" “ ว่ามา ” ฮ่องเต้ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนไปจากเดิม “ ลักพาตัวพระชายาพะยะค่ะ ” แววตาฮ่องเต้เป็นประกายขึ้นมาทันที : ความคิดนี้ข้าน่าจะคิดได้นานแล้ว : “ เจ้าไปจับตาดูพระชายาอย่าให่นางจีบได้ล่ะ ” “ พะยะค่ะ ” ชายชุดดำโค้งคำนับถอยออกมาใช้วิชาตัวเบาหายไปอย่างรวดเร็ว ชายชุดดำอีกคนโผล่มา \" ฝาาบาทพระชายาองค์ชายจิ้นมู่หลงฟื้นแล้วพะยะค่ะและเตรียมตัวกลับเข้าวังวันนี้ยามเว่ย( 13:00-14:59 น.) พะยะค่ะ “ ดีคอยเฝ้าจับตาดูไว้ อย่าให้พวกเขาจับได้ ” “ พะยะค่ะ ” ชายชุดดำโค้งคำนับแล้วหายตัวไป “ จิ้นมู่หลง เจ้าแย่งภรรยาของข้าครั้งนี้เจ้ายังรอดครั้งหน้าเจ้าไม่รอดแน่ ” ฮ่องเต้พูดพึมพำกำมือแน่นแววตาแข็งกร้าวเกรี้ยวกราด ทางด้านวังหนาน มู่หลงได้สั่งกำลังทหารคอยคุ้มกันกันรอบๆตำหนักที่ไป่เซพักอยู่อย่างแน่นหนาและสั่งองครักษ์ลับยอดฝีมือที่มีวรยุทธแข็งแกร่งปกป้องเธออีกกลุ่มหนึ่ง จึงยากที่คนของฮ่องเต้ฉีอินจะลักพาตัวไป่เซไป มู่หลงเป็นคนรอบคอบกับเรื่องของไป่เซ้สมอง ทำให้อาจารย์ของ้ขาวางใจไม่น้อย หนึ่งเดือนผ่านไป…. “ ซิ่วเอ๋อร์ ตอนนี้เจ้าอยู่ในวังแคว้นหนานจิงแล้วมู่หลงเองก็ดูแลปกป้องเจ้าอย่างดีอาจารย์วางใจหายกังวลในความปลอดภัยของเจ้ามากแล้วถึงเวลาที่อาจารย์จะต้องกลับแล้วเจ้าดูแลตนเองดีๆล่ะ ” “ เจ้าค่ะท่านอาจารย์ ขอบคุณท่านอาจานย์มากที่เป็นห่วงและตามมาดูแลข้า ” “ ขอบคุณอะไรกัน เป็นหน้าที่ของอาจารย์ที่ต้องปกป้ององค์น้อยๆที่บอบบางอย่างเจ้า ” “ อาจารย์น่ะข้าไม่ได้บอบบางสักหน่อยข้าเก่งและแข็งแรงมากๆเจ้าค่ะ ” ไป่เซยิ้ม “ อื่อ ซิ่วเอ๋อร์น้อยของอาจารย์เก่งที่สุดเป็นเด็กดีที่สุดแล้ว ฮ่าๆๆๆ ” จอาจารย์เทียนอวี่ตบหัวไป่เซเบาๆหัวเราะอย่างมีความสุข ศิษย์อาจารย์พูคุยหยอกล้อกันอย่างรักใคร่เหมือนเด็กน้อย ไป่เซและและมู่หลงเดินมาส่งอาจารย์เทียนอวี่ “ ท่านอาจารย์ถนอมตัวด้วยนะเจ้าคะ ” ไป่เซพูด “ รักษาตัวด้วยครับท่านอาจารย์ ” มู่หลงพูด อสจารย์เทียนอวี่มองทั้งสองแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนพูดกับมู่หลงว่า “ ฝากเจ้าดูแลซิ่วเอ๋อร์ดีๆด้วยล่ะ อย่าให้ข้ารู้นะว่าเจ้าทำให้ซิ่วเอ๋อร์ร้องให้เสียใจ ไม่งั้นอาจารย์จะลงโทษเจ้า \" “ ครับอาจารย์ข้าสัญญาจะดูแลศิษย์น้องเป็นอย่างดีที่สุด ” อาจารย์ตบไหล่มู่หลงเบาๆ มู่หลงพูดอย่างมั่นใจ “ อืม อืม ข้าไปล่ะ ” ไป่เซและมู่หลงมือทั้งสองซ้อนทับกันโค้งคำนับอาจารย์ มองแผ่นหลังที่เดินออกไปไกลแล้ว ทั้งสองก็เดินกลับเข้าตำหนัก “ นี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว ไม่รู้ท่านพ่อท่านแม่ข้าจะเป็นอย่างไรบ้าง ” ไป่เซพูด จิ้นมู่หลงหันมามองเขาแล้วเอ่ยถามอย่างนุ่มนวลว่า “ เจ้าอยากให้ท่านพ่อท่านแม่เจ้ามาอยู่ที่นี่กับเจ้ามั้ยหื้ม \" “ เอ่อ ความจริงแล้วข้าเป็นก่วงพวกเขากลัวว่าาจะถูกฮ่องเต้ฉินจับไปน่ะ ” ไป่เซพูดสีหน้าพลางกังวล “ ข้าให้ทหารลับข้าคอยคุ้มกันพวกเบาอยู่เจ้าอย่าห่วงไปเลย เดี๋ยวข้าจะให้คนไปรับพวกเขามาอยู่กับเจ้าดีไหม ” มู่หลงพูดอย่างเอาใจมอบความอบอุ่นที่มีให้แก่ไป่เซ “ อืม ลำบากท่านอีกแล้ว ” ไป่เซพูด มู่หลงจับมือไป่เซทั้งสองข้างกุมเอาไว้แล้วพูดด่วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างนุ่มนวลว่า “ เด็กดื้อ ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว ว่าข้าเต็มใจหากว่าเจ้าต้องการ สิ่งใดที่ทำให้เจ้าสบายใจข้าก็ยินดีทำเพื่อเจ้าทุกอย่าง ” “ อื้ม ” ไป่เซพยักหน้ายิ้ม ทั้งสองเดินจูงมือกันอย่างสบายใจ หลงหลงเดินเขามาโค้งคำนับแล้วพูดว่า “ องค์ชายฝ่าบาทมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าพะยะค่ะ ” “ อืม ” จากนั้นหันไปมองหน้าไป่เซเอ่ยขึ้นว่า “ ข้าไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อก่อนเสร็จแล้วจะไปหาเจ้านะ ” “ ได้ ” ไป่เซตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า จากนั้นมู่หลงก็เดินจากไป “ ถวายบังคมเสด็จพ่อ ” “ ลุกขึ้นเถิด ” “ เสด็จพ่อทรงเรียกหาลูกมีเรื่องอะไรหรือพะยะค่ะ ” “ อืม…เรื่องการหมั้นหมายของเจ้ากับบุตรสาวขุนนางตระกูลลี่ ” “ เสด็จพ่อ ลูกเคยทูลเสด็จพ่อแล้วว่าไม่ได้ชอบนางและไม่คิดที่จะหมั้นหมายกับนาง ข้ามีคนที่ชอบแล้ว ” มู่หลงกล่าว \" ถึงเจ้าจะมีคนที่ชอบแล้วแต่เจ้าก็สามารถแต่งสนมได้หลายคนเจ้าจะรีบปฏิเสธบุตรสาวตระกูลลี่ทำไมกัน ” “ เสด็จพ่อ ชาตินี้ทั้งชาตินอกจากคนที่ข้าชอบแล้วข้าไม่สนใจหญิงใดอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ ” จิ้นมู่หลงยืนกรานที่จะไม่รับการหมั้นหมายกับบุตรสาวขุนนางตระกูลลี่จนพ่อของเขาจนปัญหาที่จะโน้มน้าวเขาต่อไป ความจริงเขาเองก็ไม่อยากบังคับลูกชายลูกชายเขาเองก็ไม่เคยทำอะไรที่ทำให้เขาลำบากใจมาก่อนเพียงแต่ครั้งนี้นั้นเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะตระกูลลี่เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ร่ำรวยที่สุดของแคว้นกุมทหารทางตอนเหนือของแคว้นทั้งหมดบุตรชายคนโตของตระกูลลี่เองก็เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ หากเขาคิดกบฎฮ่องเต้แคว้นหนานจิงห่วงว่าลำพังลูกชายคนเดียวของเขานั้นอาจจะชนะด้วยความยากลำบากจึงคิดที่จะสร้างสัมพันธ์รวมเป็นหนึ่งกับตระกูลลี่เพราะบุตรสาวตระกูลลี่ “ เจ้านะเจ้า งั้นเจ้าบอกมาสิว่าคนที่เจ้าชอบพอนั้นคือใครนามว่าอะไร ” “ คุณหนูตระกูลหวัง หวังซิ่วเอ๋อร์ พ่ะย่ะค่ะ ” ฮ่องเต้จิ้นรู้สึกชื่อนี้คุ้นๆสักพักดวงตาก็เบิกกว้างทันที “ หวังซิ่วเอ๋อร์ พระชายาซิ่วเอ๋อร์แห่งแคว้นฉางอาน ชายาของเพื่อนเจ้า ” “ นางได้หย่ากับเขาแล้ว และตอนนี้นางก็อุ้มท้องลูกของข้าด้วยพ่ะย่ะค่ะ ” จิ้นมู่หลงโกหกเสด็จพ่อของเขาเพื่อตัดปัญหาอื่น เขาเองก็คิดแล้วว่ามีวิธีนี้เท่านั้นที่พ่อแม่เขาจะยอมรับพวกเขาก็จะให้แต่งงานและแต่งตั้งซิ่วอิงเป็นพระชายาได้ ฮ้องเต้จิ้นได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจอย่างมาก “ อุ้มท้อง ! ” เจ้านี่…เจ้าแย่งพระชายาคนอื่นแล้วยังทำเขาท้องก่อนแต่งอีก \" ฮ่องเต้จิ้นกุมขมับหรี่ตาลงถอนหายแล้วเอ่ยว่า “ ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้วจะส่งตัวกลับก็คงจะดูใจจืดใจดำไป เจ้าได้วางแผนจะแต่งแม่นางซิ่วอิงเมื่อไหร่ ” “ หลังคลอดลูกเสร็จข้าก็จะสู่ขอนางแต่งงานเลยพ่ะย่ะค่ะ ” “ อืมๆ เจ้าก็รีบแจ้งเรื่องนี้แก่เสด็จแม่เจ้าเถิดผู้หญิงด้วยกันคงจะดูแลกันได้เข้าใจกันดี ” “ พ่ะย่ะค่ะ ” แม้จะไม่อยากให้ลูกชายทำผิดศิลธรรมแต่เรื่องก็เกิดแล้วฮ่องเต้จิ้นทำได้เพียงยอมรับและแ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่13 โชคชะตาเล่นตลกให้เราสองคนตกหลุมรักผู้หญิงคนเดียวกัน
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A