ตอนที่15 แขกไม่ได้รับเชิญ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่15 แขกไม่ได้รับเชิญ
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ดูสูงส่งสง่างามใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาสุขุมไร้ทีติสามชุดสีขาวก้าวเท้าเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ผู้คนต่างพากันตะลึงในความหล่อของเขา ข้างกายมีองครักษ์คนสนิทติดตามอย่างใกล้ชิดเสริมบารมีให้เขาดูน่าเกรงขาม ไป่เซกับองค์ชายจิ้นมู่หลงตกใจถึงกับอึ้งไปชั่วขณะทั้งสองรีบดึงสติกลับมาจิ้นมู่หลงดึงไป่เซเข้ามาอยู่ในอ้อมอกพร้อมกับลูกใจ ใบหน้ายิ้มอ่อนให้กับคนที่กำลังเดินมาทางพวกเขาหัวใจไป่เซเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเธอถอนหายใจเบาๆช้าๆมือกอดลูกชายไว้แน่น ฮ่องเต้ฉินฉีอินเห็นจิ่นมู่หลงอบกอดไป่เซก็เกิดความหึงหวงไม่พอใจในใจขึ้นมาทันทีและเผลอขมวดคิ้วขึ้นได้สติก็ฉีกยิ้มเล็กน้อย  เดินเข้ามาใกล้ไป่เซสายตามองไป่เซอย่างลึกซึ้งชั่วครู่หนึ่งจากนั้นจึงละสายตามองไปที่เด็กน้อยทันทีที่เห็นก็เกิดความรู้สึกผูกพันธ์ขึ้นมาทันทีอย่างบอกไม่ถูก  สายตาผู้คนต่างจดจ้องที่ทั้งสามคน หนึ่งในนั้นคือบุตรสาวของขุนนางตระกูลลี่ที่ชอบองค์ชายจิ้นมู่หลงมานานแล้ว  จิ้นมู่หลงยิ้มแล้วพูดว่า   “ ไม่นึกว่าท่านจะให้เกียรติมาร่วมงานวันเกิดองค์ชายน้อยหากรู้ก่อนข้าคงจะส่งบัตรเชิญไปให้แล้ว ”    ฮ่องเต้ฉินฉีอินยิ้มมุมปากเอ่ยว่า  “ ไม่เป็นไรเลยพวกเราไม่ใช่คนอื่นไกลไม่จำเป็นต้องเชิญข้าก็ต้องมาให้ได้ ” จิ้นมู่หลงแม้จะโมโหมากแต่ก็สามารถจัดการกับอารมณ์บนใบหน้าให้ดูปกติคนอื่นยากที่จะมองออก จากนั้นฮ่องเต้ฉินฉีอินใบหน้ายิ้มอ่อนๆแววตาเจ้าเล่ห์พูดเบาๆพอได้ยินแค่สามคนว่า “ เพราะเป็นงานวันเกิดลูกชายพ่อแท้ๆจะไม่มาอวยพระได้อย่างไรกันจริงไหม ” ตอนที่ฮ่องเต้คำว่าจริงไหมสายตามองไปยังไปเซแววตาเจ้าเล่ห์นั้นทำให้ไป่เซขนลุกฟู่ทันที แววตาแสดงตวามตกใจกลัวไปเล็กน้อย หัวใจเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะถามกับตัวเองในใจว่า : เขารู้ได้อย่างไรกันว่าเด็กคนนี้เป็นลูกเขา :  เธอตั้งสติอีกครั้งจากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มเป็นมิตรว่า “ ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาทที่ทรงสละเวลาให้เกียรติร่วมงานวันเกิดลูกชายของพวกเราในวันนี้ ”  จิ้นมู่หลงได้ยินคำว่าลูกชายของพวกเราเขายิ้มอย่างพอใจ ฮ่องเต้ฉินฉีอินยิ้มอย่าเจ้าเล่ห์คิดในใจ  : ผู้หญิงคนนี้สมควรตาย เห็นได้ชัดว่าเด็กหน้าคล้ายข้าถึงห้าส่วนสามารถยืนยันได้ว่าเป็นลูกของข้ายังจะให้คนอื่นเป็นพ่อแทนอีก : อาการหึงของฮ่องเต้ฉีอินที่หวงของของตัวเองกำเริบเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ เข้าไปใกล้ไป่เซมากขึ้นหยิบกำไลข้อเท้าทองคำลวดลายมังกรเอ่ยเสียงเบาว่า “ เด็กคนนี้ควรจะชื่อ หั่ว หลง ฉินหั่วหลง ที่แปลว่ามังกรภายภาคหน้าเขาจะเติบโตเป็นผู้ครองบัลลังก์มังกรของข้า ” พูดจบฮ่องเต้ฉีอินยิ้มอย่างพอใจแล้วไปนั่งที่โต๊ะ ความจริงเขาตั้งใจจะพูดเรื่องที่พ่อแม่ของไป่เซเข้าไปอยู่ในวังของเขาตอนนี้เลยแต่เห็นเป็นวันสำคัญของลูกชายไม่อยากทำเสียบรรยากาศจึงตัดสินใจยังไม่พูดอดทนรออย่างใจเย็น ไป่เซโมโหโกรธมาก จิ้นมู่หลงเองก็เข้าใจเขาดีโอบไหล่เขายิ้มอย่างอ่อนโยนเพื่อเตือนให้เขามีสติจากนั้นก็พาไป่เซไปนั่งตรงตำแหน่งของเขาทั้งสองคนตรงกลางมีฮ่องเต้จิ้นและฮองเอาทุกคนนั่งทานข้าวร่วมกันสายตาของฮ่องเต้ฉีอินจ้องมองไป่เซอย่างไม่ละสายตา ทำให้องค์ชายอย่างจิ่นมู่หลงไม่พอใจเพราะเขาสองคนกำลีงจะแต่งงานกัน ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรออกลุกขึ้นพูดว่า “ ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติมาร่วมงานมงคลในวันนี้ของลูกชายข้า ” ฮ่องเต้ฉีอินแอบด่าในใจว่า   : จิ้นมู่หลงข้ารู้จักกับเจ้ามาตั้งแต่เด็กจนโตนึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนหน้าไม่อายเช่นนี้พูดออกมาไม่อายข้าบ้างรึไง ว่าเด็กคนนั้นคือลูกชายเจ้า : ฮ่องเต้ฉีอินและจิ้นมู่หลงมองตากับแวบหนึ่ง จากนั้นจิ้นมู่หลงก็พูดต่อว่า “ อีกสองเดือนข้างหน้าคงต้องเชิญพวกท่านทุกคนมาอีกครั้งในงานพระชาชพิธีอภิเษกสมรสของข้ากับว่าที่พระชายาหวังซิ่วอิง ” ผู้คนพูดคุยแสดงความปิติยินดีกันอย่างครึกครื้น ไป่เซรู้จุดประสงค์ของจิ้นมู่หลงดีแม้จะไม่ทันตั้งตัวรู้สึกอัดอัดนิดหน่อยแต่ก็ยังฝืนยิ้มอ่อนๆ ฮ่องเต้จิ้นพูดขึ้นว่า “ ทุกท่านเหล้าจอกนี้ดื่มแสดงความยินดีให้กับลูกข้า ดื้ม ”  ทุกคนยกเหล้าขึ้นมาดื่มทันที ฮ่องเต้ฉีอินได้ยินเช่นนั้นเหมือนฝ่าผ่าลงบนขั้วหัวใจของเขานิ่งอึ้งจ้องไปที่ไปเซอยากจะลากเธอกลับไปเดี๋ยวนี้เลยแววตาเกรี้ยวกราดโหดร้ายกวาดมองไปทางจิ้นมู่หลง จิ้นมู่หลงยังคงมีใบหน้ายิ้มอ่อนโยนป้อนผลไม้แก่ไป่เซยิ้มให้กันอย่างรักใคร่ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้โกรธจนควบคุมสติไม่อยู่จึงยกเหล้าขึ้นมาดื่มอย่างเร็วหลายจอกจากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ ข้าขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับองค์ราชทายาทด้วยงานพระชาชพิธีอภิเษกสมรสของท่านทั้สองอย่าลืมส่งบัตรเชิญไปให้ข้าในวังล่ะข้าจะได้พานายท่านหวังกับฮูหญิงออกวังมาพร้อมกับข้า ”  ฮ่องเต้ฉินฉีอินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ใบหน้าของไป่เซและจิ้นมู่หลงตึงเครียดขึ้นมาทันทีอย่างเห็นได้ชัดสายตาของไป่เซและมู่หลงจ้องไปที่เขาอย่างไม่พอใจ ไป่เซแสร้งว่ารู้สึกมึนหัวจึงขอไปพักจิ้นมู่หลงก็พาเธอไปพักทันทีหลังจากที่ไป่เซออกไปฮ่องเต้ฉีอินก็ลุกขึ้นขอตัวกลับเช่นกันภายในงานเหลือแต่ฮ่องเต้จิ้นฮองเฮาและคนอื่นๆที่มาร่วมงาน เมื่อไปถึงที่พักพี่เลี้ยงแม่นมก็อุ้มองค์ชายน้อยไปยังห้องนอนทันทีไป่เซมีองค์ชายมู่คอยดูแลอยู่ข้างๆตลอดเธอนอนลงบนเตียงองค์ชายมู่จึงเอ่ยถามว่า “ เป็นยังไงบ้างดีขึ้นบ้างมั้ย เจ้านอนพักผ่อนให้มากๆวันนี้เจ้าคงเหนื่อยมากสินะ ส่วนเรื่องท่านพ่อท่านแม่เจ้าเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงถ้าร่างกายเจ้าแข็งแรงดีข้าจะพาเจ้าไปพบเขาดีไหม  \" “ เมื่อกี้ฉีอินพูดเหมือนกับพ่อแม่ของข้าถูกขังอยู่ในวังของเขา ” \" เจ้าอย่าคิดมากเลย เขาอาจแค่อยากพูดเอาชนะเท่านั้นอย่าใส่ใจเลยเจ้าพักผ่อนเถอะข้าจะให้ท่านหมอลี่ไปต้มยาให้ท่าน ” “ มู่หลงท่านกลับเข้าไปในงานเลี้ยงเถอะข้าอยู่นี่มีจางจิ้งคอยดูแลแล้วเจ้าไม่ต้องห่วง ” “ แต่ข้าไม่สบายใจที่จะปล่อยเจ้ากับลูกอยู่ลำพัง ” “ ท่านไม่ต้องห่วง มีทหารคอยคุ้มกันอยู่เยอะแยะ แม้หากเกิดอะไรขึ้นข้ากับจางจิ้งก็สามารถช่วยเหลือตนเองได้เจ้าอย่าลืมสิข้าก็ศิษย์อาจารย์เทียนอวี่นะ ” “ อืมงั้นก็ได้ข้าข้าจะรีบกลับมา ”  พูดจบจิ้นมู่หลงก้มลงจูบหน้าผากไป่เซเบาๆแล้วเดินออกจากห้องไป ไป่เซนอนพักสักพักก็นึกถึงลูกชายขึ้นมาเดินเข้าไปยังห้องนอนของลูกชายเธอเห็นชายพี่เลี้ยงนอนสลบอยู่ชายชุดดำคนหนึ่งอุ้มลูกชายเธอบินหนีไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว เธอวิ่งกลับมาดูในห้องของเธอหมอหลวงและจางจิ้นก็หายไปด้วย แม้เธอจะห่วงลูกชายมากเธอเป็นคนที่ถูกฝึกมาจึงพยายามคิดว่าลูกชายปลอดภัย บนโต๊ะมีกระดาษวางไว้เขียนว่า \" ถ้าอยากให้เด็กมีชีวิตอยู่ไปที่ประตูเมืองชายแดนคนเดียวห้ามทิ้งร่องรอยของเจ้า \" ไป่เซรีบเปลี่ยนเป็นสวมชุดผู้ชายอาวุธลับของเธอก็พร้อม รีบวิ่งไปเอาม้าควบไปอย่างเร็ว พอไปถึงประตูเมืองชายแดนชายชุดดำร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏตัวออกมาสิบคนคนชุดดำคนหนึ่งอุ้มเด็กอยู่ในมือไป่เซดูก็รู้ว่าคือผู้หญิง หญิงชุดดำสั่งชายชุดดำเหล่านั้นว่า “ ฆ่ามัน ใครฆ่าได้ก่อนข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม ” ไป่เซนึกในใจ นางไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครมาก่อนเหตุใดผู้หญิงคนนี้ถึงคิดจะเอาชีวิตเขา จู่ๆนางนึกถึงผู้หญิงของฮ่องเต้ฉีอินขึ้นมา หญิงชุดดำพูดตะคอกเสียงดังว่า “ ยืนบื้ออะไรอยู่ข้าบอกให้ฆ่ามันเจ้าหูหนวดหรือไง ”   ชายชุดดำคนหนึ่งพูดขึ้น “ คุณหนูรองไม่ได้สั่งให้ฆ่านางแค่สั่งให้ไล่ออกไปจากเมือง ” ไป่เซได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามว่า   “ คุณหนูรองของพวกเจ้าคือใครกันข้าไม่เคยมีศัตรูที่ไหนมาก่อนเขามีสิทธิ์อะไรมาไล่ข้า ” ชายชุดดำหัวเราะ   “ ฮ่าๆๆ เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าเจ้าทำอะไร ไหนๆเจ้าก็จะถูกขับไล่ออกนอกเมืองแล้วข้าจะบอกเจ้าให้ว่าเจ้าได้ทำอะไรคุณหนูรองของข้าบ้าง ” เจ้าทำให้องค์ชายราชทายาทปฏิเสธการหมั้นหมายกับคุณหนูของพวกข้าทำใก้คุณหนูข้าเสียใจเจ้าจะต้องชดใช้โดยออกจากเมืองไปให้ไกลที่สุด คุณหนูข้าเห็นว่าเจ้ามีลูกกับองค์ราชทายาทจึงไม่ฆ่าเจ้าและคนใช้ของเจ้าได้รอเจ้าที่เขตนอกเมืองแล้ว ฮ่าๆๆ \"  ทีนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง \" ไป่เซคิดในใจ“ : ไม่เข้าใจก็โง่แล้วเจ้าบื้อเอ้ย ที่แท้ก็ฝีมือของผู้หญิงที่ถูกจิ้นมู่หลงปฏิเสธนี่เองยังดีที่นางยังมีหัวใจมีเมตตาอยู่ : ” “ ขอบใจท่านมากที่เมตตาไว้ชีวิตพวกเรา ” ไป่เซกล่าว ผู้หญิงชุดดำที่อุ้มลูกของไป่เซใช้วิชาตัวเบาหนีไปไป่เซเองก็ไล่ตามเขาไปแต่สภาพร่างกายเธอยังไม่ดีขึ้นมากเธอจึงใช้พลังได้ไม่มากทำได้แค่ไล่ตามติดๆเธอไม่กล้าทำอะไรมากเพราะผู้หญิงคนนั้นอุ้มลูกของเธออยู่ ฮ่องเต้ฉีอินที่กำลังออกมาจากเขตนอกเมืองหนานก็พบเข้ากับจางจิ้งและหมอกลวงที่ถูกมัดมือมัดเท้าไว้ข้างทางจึงให้องครักษ์ลงไปช่วย “ ฝ่าบาทๆรีบไปช่วยคุณหนูด้วยเพคะ องค์ชายน้อยถูกจับตัวไป คุณหนูร่างกายยังไม่แข็งแรงดีหากใช้กำลังภายในอาจจะตายได้เพคะ ฝ่าบาท ” ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็โกรธมากแต่ก็แสร้งพูดว่า   “ เจ้าก็กลับไปตามองค์ชายว่าที่สามีนางเถอะข้ากับนางไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนางเกือบจะเอาชีวิตข้าเจ้าลืมแล้วรึ ” พูดจบฮ่องเต้ก็ทำทีไม่สนใจควบม้าออกไปหมอลี่และและจางจิ้งกระวนกระวายใจจางจิ้งไม่มีอารมณ์พูดกับฮ่องเต้เยอะเสียเวลาเปล่านางใช้วิชาตัวเบามุ่งไปทางที่คุณหนูของเขาไปอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวก็กายไป หมอหลวงที่มองฮ่องเต้ควบม้าออกไปไกลจึงวิ่งตามไปดีที่คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงแสงจันทร์ส่องลงมาทำให้เขามองเห็นทางหมอหลวงลี่วิ่งตามฮ่องที่ที่ควบม้าอยู่ทั้งเหนื่อยและหอบรวบรวมเรี่ยวแรงสุดท้ายที่มีตะโกนออกไปว่า “ ฝ่าบาท! องค์ชายน้อยเป็นลูกของท่าน! ” พูดจบหมอหลวงลี่ก็ล้มลงไปกับพื้น ฮ่องเต้ได้ยินเช่นนั้นก็หยุดม้าทันที หันไปถามองครักษ์ว่า  “ เจียผิง เจ้าได้ยินเหมือนข้าไหม ” น้ำเสียงฮ่องเต้ตื่นเต้นอย่างมาก “ ฝ่าบาทท่านหมอลี่บอกว่า องค์ชายน้อยเป็นลูกของท่าน พ่ะย่ะค่ะ ” ฮ่องเต้นิ่งอึ้งไปสักพักใจเขาเต้นแรงตื่นเต้นดีใจรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจึงพูดขึ้นว่า “ นังผู้หญิงสมควรตาย ปิดบังข้ามาตลอดถ้าลูกข้าเป็นอะไรไปข้าจะไม่ให้อภัยเจ้า ” จากนั้นก็รีบตามไปทางที่จางจิ้นไปอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ เจียผิงเจ้าไปช่วยท่านหมอลี่แล้วตามมา ” “ พ่ะย่ะค่ะ ” หมอลี่ควบม้ากลับไปหาหมอลี่ที่สลบอยู่ ทางด้านไป่เซร่างกายเขาใช้กำลังภายในเยอะเริ่มอ่อนแอลงทุกทีจนหญิงชุดดำรับรู้ได้จึงหยุดแล้วพูดว่า “ เจ้านี่โง่จริงๆเลย ฮ่าๆๆๆ ข้าแค่หลอกให้เจ้าไล่ตามข้าฮ่าๆๆ ” หญิงสาวหัวเราสะใจ : ผู้หญิงคนนี้เจ้าเล่ห์ ยิ่งกว่าที่คิดไว้เสียอีก :ไป่เซพึมพำอยู่ในใจแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ ข้าน่าจะฆ่าเจ้าให้ตายๆเสียตั้งแต่วันนั้น ” เธอเอ่ยน้ำเสียเย็นชาสายตาจ้องไปทางหญิงสาว หญิงสาวเดินเข้ามาใกล้แล้วพูดว่า  “ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าทำให้ข้าไม่อาจตั้งครรภ์ให้ฮ่องเต้ ได้ฮ่องเต้โกรธเกลียดเจ้าขนาดไหนข้าจะบอกเจ้าไว้ก่อนตาย ฮ่องเต้วางแผนสั่งให้ข้าลักพาตัวลูกของเจ้าและให้ข้าฆ่าเจ้าเพื่อแก้แค้น ลูกของเจ้าก็จะกลายเป็นลูกของข้ากับฮ่องเต้ ” ไป่เซได้ยินเช่นนั้นก็โกรธเดือดดาลขึ้นมา “ ไม่มีทาง! เจ้ากับฮ่องเต้บ้ากันไปหมดแล้วเอาลูกของข้าคืนมา ” ไป่เซตะคอกเสียงดังจากนั้นก็พุ่งเข้าไปต่อสู้กับหลันเอ๋อร์แต่หลันเอ๋อร์หลบอย่างว่องไวมือข้างหนึ่งอุ้มเด็กไว้อีกข้างกนึ่งชักกระบี่ออกมาสู้กับไป่เซฟันเข้าที่แขนไป่เซแล้วถีบไป่เซออกไป ไป่เซใช้กำลังภายในไปมากร่างกายที่เพิ่งคลอดลูกได้หนึ่งเดือนจึงอ่อนแอมาก “ เหอะ คุณหนูตระกูลหวังเหตุใดถึงอ่อนแอเพียงนี้ข่าวลือที่ว่าเก่งกล้ามีพลังวรยุทธ์คงจะไม่ใช่กระมังฮ่าๆๆ ”  หลันเอ๋อร์พูดเยาะเย้ยดูถูกอย่างพอใจ ไปเซรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นพูดว่า “ ที่แท้เจ้าก็มีวรยุทธ์ ตอนนั้นเจ้าไม่สู้ข้า เจ้าจงใจ ” ไป่เซพูด “ รู้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ” หลันเอ๋อร์พูด “ ตอนนั้นที่ฮ่องเต้ไม่รีบตามเจ้าไปเพราะฮ่องเต้ตามใจข้าที่ฮ่องเต้ขอคืนดีกับเจ้าก็เพราะเขารู้ว่าอาจารย์เขาอยู่ในขบวนเดียวกับเจ้าจึงต้องแสร้งทำเป็นรักเจ้า เพื่อต้องการเอาชนะเจ้าจึงลงมือใช้พลังลมปรานกับคนรักของเจ้า อ้อพ่อแม่ของเจ้าฮ่องเต้ก็เอาไปขังคุกให้ข้าทรมานเล่นหลังเจ้าตายข้าจะส่งพวกเขาตามเจ้าไปทันที ” เมื่อได้ยินเรื่องพ่อแม่ถูกขังคุกถูกทรมานเธอก็นึกภาพนักโทษที่ถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมทารุณเธอรู้สึกปวดใจมากเลือดภายในร่างกายพลุกพล่านเดือดดาลขึ้นมาทันทีนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็รู้สึกโกรธแค้นเกลียดฮ่องเต้ที่สร้างปัญหาใก้แก่เธอยิ่งกว่าเดิมไป่เซฝืนยืนตัวตรงอย่างมั่นคง “ อ่อ วันนี้ในงานเลี้ยงฮ่องเต้ต้องการยั่วโมโหเจ้าเพื่อหลอกล่อให้เจ้าออกมา กำไลมังกรก็ของข้าที่ให้ฮ่อเต้เอาไปให้ลูกเจ้าทีนี้เจ้าหายโง่รึยังฮ่าๆๆๆ \" “ เหอะ ข้าว่าเจ้าต่างหากที่โง่ เจ้าอย่าคิดว่าจะสังหารข้าได้ง่ายๆ มือข้างไหนที่เจ้าแตะอุ้มลูกข้าข้าจะตัดทิ้งให้หมด วันนี้ข้าจะสังหารพวกเจ้าให้พร้อมกัน ” พูดจบไป่เซเข้าไปต่อสู้กับนางเสียงดาบฟันกัน เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง ! ไป่เซเซตะหมุนดายลอยขึ้นแล้วพลิกตัวใช้ดาบตวัดไปยังหลันเอ๋อร์กำลังภายในพุงเข้าในรวมเป็นหนึ่งกับกระบวนท่าต่อสู้ทำให้หลันเอ๋อร์เสียหลักไป่เซดีดตัวขึ้นพลิกตัวไปด้านหลังใช้พลังลมปรานในฝ่ามือดันหลันเอ๋อร์เสียงดังบึ้ม เด็กในมือหลันเอ๋อร์ถูกปล่อยออกไปเซรีบใช้กำลังภายในฮือกสุดท้ายลอยตัวตัวไปรับลูกด้วยความทะนุถนอมนิ่มนวลแล้วลงมาสู่พื้นหลันเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บกระเด็นออกไปไกล ไป่เซกระอักเลือดออกมาอย่างเจ็บปวดใบหน้าซีดเซียว ไป่เซอุ้มลูกชายไว้ในอ้อมอกร้องให้ออกมาเพราะนางรู้ว่าร่างกายนางจะไม่ไหวแล้ว หลันเอ๋อร์ยันกายขึ้นมาใช้ดาบพุ่งเข้ามาทางไป่เซที่ไม่มีกำลังภายในแล้ว ทันใดนั้นจางจิ้งก็กระโดดลงมาขวางไว้โดนแทงเข้าที่หัวใจ “ จางจิ้ง! \" ไป่เซร้องเสียงหลงอย่างเจ็บปวดกระอักเลือดอีกครั้งเลือดพุ่งมาเป็นจำนวนมากแต่เธอก็พยายามอุ้มลูกชายชันเข่าขึ้นมือขวาถือดาบไว้แต่ไม่มีแรงพูดแล้ว เธอร้องให้ด้วยความเจ็บปวดทรมาน และโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ไป่เซแอบรวบรวมกำลังภายในสุดท้ายไว้เธอรู้ว่าต่อสู้ซึ่งๆหน้าเธอต้องแพ้จึงแสร้งทำเป็นยอมจำนนหลันเอ๋อร์เข้ามาช้าๆยกดาบขึ้นไป่เซที่เร็วกว่าแทงเข้าไปที่หัวใจของหลันเอ๋อร์ “ อึก! ” เลือดไหลทะลักออกมาตามดาบทันที สายตาอำมหิตมองไปที่หลันเอ๋อร์พูดอย่างเลือดเย็นว่า “ ดาบนี้ชดใช้ให้จางจิ้ง ”  แล้วดึงดาบกลับยกขึ้นก็มีเสียงห้ามไว้ “ หยุดนะ! ” ฮ่องเต้ร้องขอใก้ไป่เซหยุด แต่มือไป่เซเร็วกว่าเสียง “ อ๊าก! ” เสียงสุดท้ายของหลันเอ่อร์มือซ้ายข้างที่อุ้มลูกไป่เซนั้นถูกตัดขาดไปแล้ว  ทันใดนั้นจิ้นมู่หลงก็กระโดนลงมาถึงพื้น ไป่เซพูดขึ้นว่า \" ดาบที่ทดแทนที่ลักพาตัวลูกข้า \" พูดจบไปเซก็กระอักเลือดสีดำออกมา ฮ่องเต้รีบไปรับร่างหลีนเอ๋อร์ที่กำลังล้มลงสู่พื้นอย่างเร็ว ไป่เซเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะ  “  เหอะ ”แววตาเกลียดชังอยากจะฆ่าฮ่องเต้ “ ซิ่วอิง ! ” จิ้นมู่หลงร้องเสียงหลงอย่างเจ็บปวด ร้องให้ออกมาอย่างเศร้าเสียใจ รีบเข้ามาโอบร่างกายของไป่เซที่เปื้อนไปด้วยเลือด ไป่เซเองยังมีสติอยู่มือโอบกอดลูกชายไว้  “ คุ…คุณหนู…รอง ตระกูล..ลี่ ชอบเจ้า  จ่ะ…เจ้า แต่ง..กับ…นางเถิด ” ไป่เซพูด “ ไม่ ไม่ ซิ่วอิงข้าบอกแล้วข้าไม่แต่งดับใครทั้งนั้นหากไม่ใช่เจ้า ข้ารักเจ้าซิ่งอิง ” จิ้นมู่หลงโอบกอดไป่เซร้องให้ฟูมฟายน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาเป็นสาย  “ ซิ่วอิงข้าขอโทษ ข้าขอโทษที่ตามเจ้าช้าเกินไป ข้าขอโทษ ซิ่วอิง ” ไป่เซฝืนยิ้มอย่างเจ็บปวดทรมาน พยายามพูดขึ้นว่า \" มะ..ไม่..ใช่..ความผิดของ…เจ้า……. ข่ะ..ขอบ…คุณ เจ้า ที่รักข้า \" “ ไม่ ไม่ ไม่ซิ่วอิงไม่ต้องพูดแล้ว เจ้าอย่าฝืนพูดอีกเลยข้าจะหาหมอที่เก่งที่สุดมารักษาเจ้า ซิ่วอิงอย่าทิ้งข้าไปนะ เจ้าตกลงกับข้าแล้วว่าจะแต่งงานกับข้า เจ้าต้องมีชีวิตอยู่เข้าใจไหม ” ไป่พูดไม่ไหวแล้วได้แต่ ส่ายหัวไปมาเบาๆแล้วมองไปที่ฉฉินฉีหลง น้ำตาเธอก็ไหลอาบแก้มจิตใจเกลียดแค้น จิ้นมู่หลงเห็นไป่เซมองไปทางฉินฉีหลงก็เกิดโกรธที่เห็นฉีอินที่กอดศพหลันเอ๋อร์จึงพูดขึ้นว่า “ หากเจ้ารักนางมากก็ตายนามนางไปสิ สมใจเจ้าแล้วใช่มั้ยให้สนมตัวเองมาฆ่าลูกฆ่าภรรยาเจ้าเจ้ามันเลวจิตใจชั่วช้าอำมหิต “ ” ฉินฉีอิน ! ข้าจะฆ่าเจ้า \"  พอได้ยินที่จิ้นมู่หลงพูดฮ่องเต้ได้สติกลับมาเพิ่งจะรู้ว่าตนเองนั้นเข้าใจผิด ความจริงแล้วคนที่คิดจะฆ่าซิ่วอิงก็คือหลันเอ๋อร์ ทุกอย่างเป็นแผนการของนางฮ่องเต้ทิ้งร่างของหลันเอ๋อร์ลงอย่างแรงแล้วยืนขึ้นก้าวไปทางไป่เซ จิ้นมู่หลงที่ร้องให้น้ำตาอาบแก้มพูดกับไป่เซว่า “ ซิ่วอิง รอข้าที่นี่ก่อนนะข้าจะแก้แค้นคนไม่มีหัวใจให้เจ้า ” พูดจบกวักมือเรียกหลงหลงให้มาดูแลไป่เซ จิ้นมู่หลงโยนดาบให้กับฉินฉีอินแต่เบาไม่รับดาบอะไรทั้งนั้นเวลานี้ฮ่องเต้ฉินเหมือนร่างไร้วิญญานเดินได้ “ เจ้าไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นเสียใจ เจ้าให้คนมาฆ่าภรรยาของเจ้าลักพาตัวลูกของเจ้าเจ้ามันเลวอำมหิตชั่วช้าเจ้าไม่คู่ควรเป็นพ่อของเนี่ยนเจินเจ้าไม่คู่ควรกับซิ่วอิงข้าจะฆ่าเจ้า ” จิ้นมู่หลงจนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ จิ้นมู่หลงรวบรวมพลังลมปราน กำลังภายในเข้าด้วยดันกระโดดง้ากระบี่ขึ้นจฟันลงไปยังฉินฉีอิน “ เคร้ง ! ”  ประคำเหล็กของอาจารย์เทียนอวี่มารับกระบี่ไว้ แล้วดึงกระบี่ทิ้งไป “ อาจารย์ ! ท่านจะช่วยเขาทำไมเขาเป็นคนจิตใจต่ำช้าอำมหิตเลือดเย็นสั่งให้สนมเอกมาฆ่าซิ่วอิงแบบนี้แล้วท่านยังจะเมตตาเขาลงอยู่อีกหรือ ”  “ เจ้ามีสติหน่อยสิ มู่หลง ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือรักษาชีวิตซิ่วเอ๋อร์ เจ้าพาซิ่วอิงไปยังตำหนักเทียนหลงของข้าอย่างน้อยก็อาจจะต่อชีวิตเขาได้อีกหน่อย ” “ ศิษย์จะรีบไปเดียวนี้ ” 
已经是最新一章了
加载中