ตอนที่16 กลัวจะเสียคุณไปอีก
1/
ตอนที่16 กลัวจะเสียคุณไปอีก
ลิขิตฟ้าทุกภพชาติรักแค่เธอ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่16 กลัวจะเสียคุณไปอีก
จิ้นมู่หลงพูดจบก็เดินไปทางไป่เซอุ้มเธอขึ้นมาแต่ฉินฉีอินขวางไว้ไม่ยอมให้เขาอุ้มทั้งสองผลักกันเกือบจะต่อสู้กัน “ หยุดได้แล้ว ! ” เสียงดุดันของอาจารย์ดังขึ้นทั้งสองจึงหยุดการกระทำฉินฉีอินถอยไปหนึ่งก้าว ไป่เซสลบไปแล้วหลงหลงอุ้มองค์ชายน้อยขึ้นมาจิ้นมู่หลงอุ้มไป่เซทั้งสองใช้วิชาตัวเบาหายวับไปเหลือเพียงทหารที่ตามจิ้นมู่หลงมา “ พวกเจ้าเก็บศพของแม่นางจางจิ้งไปทำพิธีอย่างฝังสมเกีรติ ” อาจารย์เทียนอวี่พูด เหล่าทการก็เก็บศพของจางจิ้งไป จากนั้นอาจารย์เทียนอวี่หันมาพูดกับฮ่องเต้ฉินว่า \" เจ้าตามข้ามา \" อาจารย์เทียนอวี่พาฉินฉีอินไปที่ลำธารที่เงียบสงบสายหนึ่ง เสียงน้ำไหลกระทบก้อนหิน หิ่งห้อยส่องสว่าวิบวับท่ามกลางแสงจันทร์ แล้วก็พูดเชิงให้คิดตำหนิตัดพ้อให้เขาได้สติ “ ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต หากเดินพลาสไม่แก้ไขก็จะเดินพลาดจนจบแต่หากรู้ว่าเดินพลาดแล้วใช้สติแก้ก็สามารถกลับมามีโอกาสชนะได้ ” “ เดิมทีเจ้ากับมู่หลงต่างชอบซิ่วเอ๋อร์มู่หลงถอยให้เจ้า เจ้าใช้ความพยายามอดทนทำทุกวิถีทางเพื่อได้ใจนางสุดท้ายเจ้าก็ผิดต่อเธออย่างขาดสติ ทุกอย่างเกิดเพราะตัวเจ้าเองที่ไม่รู้จักยับยั้งช่างใจ ” “ ครั้งเจ้าไล่ตามซิ่วเอ๋อร์กลับมาเดิมทีข้าเข้าร่วมขบวนหวังจะช่วยเจ้าเกลี้ยกล่อมซิ่วเอ๋อร์เพราะนางท้องลูกของเจ้าอยู่ข้ารอเจ้าหลายวันก็ตามมาไม่ทันสักทีจนได้รู้ว่าเจ้ามีหญิงข้างกายข้าจึงรู้ว่าเจ้าไม่สามารถมีรักที่มั่นคงซ่อสัตย์และจริงใจต่อซิ่วเอ๋อร์ ” “ แม้แต่ตอนนี้ที่เห็นซิ่วเอ๋อร์บาดเจ็บอุ้มลูกของเจ้าอยู่เจ้ามาถึงก่อนมู่หลงแต่เลือกที่จะไปช่วยหญิงชั่วผู้นั้นข้าผิดหวังในตัวเจ้าจริงๆ ” \" ขนาดข้าที่เป็นอาจารย์เจ้าข้ายังรู้สึกเหนื่อยเหนื่อยขนาดนี้แล้วซิ่วเอ๋อร์ล่ะจะไม่เหนื่อยใจท้อใจหมดใจต่อเจ้าเหรอ เจ้คิดดูเจ้าลุ่มหลงมัวเมาในรูปลักษณ์สตรีจนหาความจริงไม่พบ \" “ ตระกูลหวังหวังรักสงบ มั่นคงในรัก ยืดมั่นหนึ่งสามีหนึ่งภรรยา ถูกปลูกฝังมารุ่นสู่รุ่น หยิ่งในศักดิ์ศรี การใช้ชีวิตแบบนี้ทำให้ครอบครัวมีความสงบสุข นี่คือสิ่งที่ซิ่วอิงต้องการเจ้าให้เขาไม่ได้ ” เดิมทีเจ้ากับซิ่วอิงฟ้าลิขิตให้พวกเจ้าเกิดมาเพื่อครองคู่กันเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรแก่ราษฎรทั่วใต้หล้าให้สงบสุขแต่เจ้าแพ้มารในใจเดินออกนอกเส้นทางที่ฟ้าลิขิตก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง หากเลือกเส้นทางที่ดีทุกอย่างก็จะดี ในใจซิ่วอิงตอนนี้มีแค่มู่หลงคนเดียวที่ยึดมั่นรักเดียวซื่อสัตย์จริงใจต่อเขาอย่างแท้จริง เฮ่อ ซิ่วอิงมีเวลาเหลือไม่มากเพราะเดินออกนอกเส้นทางที่ฟ้าลิขิต เวลาที่เหลือนั้นข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้าให้เจ้าได้แก้ตัวอีกครั้งหากเจ้าไม่สามารถเข้าไปอยู่ในส่วนลึกสุดของใจนางได้ก็จะไม่ให้สิทธิ์นั้นแก่เจ้าแล้วสักภพชาติ \" อาจารย์เทียนอวี่พูดทั้งหมดที่ควรจะพูดแล้วท่ามกลางวันมืดก็ยังคงให้เห็นใบหน้าเหี่ยวย่นแววตาเหนื่อยล้าเหนื่อยใจของเขา ฉินฉีอินฟังคำพูดของอาจารย์สายตาทอดมองหิ่งห้อยเขารู้สึกผิดและเสียใจเป็นอย่างมากน้ำตาซึมไหลออกมาเงียบๆท่ามกลางความมืดแล่ยเอ่ยด่วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ ข้าผิดต่อเจ้าจริงๆ ที่ไม่รู้ว่าเจ้ามีค่า ไม่รู้จักทะนุถนอมเจ้าเอาไว้ให้ดี ” อาจารย์เทียนอวี่มองเขาแล้วถอนหายใจแม้จะโกรธศิษย์คนนี้มากแต่ก็รักมากเช่นกันหากเขาสำนึกได้ก็อยากจะให้เขาคว้าโอากาสสุดท้ายอาจารย์เทียนอวี่เอามือไขว้หลังหันมองศิษย์แล้วถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เอ่ยเสียงเบาว่า \" เฮ่อ! ฉีอินด้วยแรงบุญกรรม สายน้ำทุกสายมุ่งสู่ทะเลอีกครั้งถึงเวลานั้น หากไม่แก้ไขทุกอย่างก็จะจบลงเช่นเดิม \" พูดจบอาจารย์เทียนอวี่ก็หมุนตัวหายวับไปในพริบตาเดียว ฉีฉินอินพึมพำอยู่คนเดียวท่ามกลางหิ่งห้อยใต้แสงจันทร์ “ สายน้ำทุกสายมุ่งสู่ทะเล ” ฮ่องเต้ฉินฉีอินผู้เฉลียวฉลาดปราดเปรื่องในทุกเรื่องก็เข้าประโยคนี้ทันที พอพูดจบอาจารย์เทียนอวี่ใช้พลังลมปรานรักษาไป่เซนานหลายวัน ฮ่องเต้ฉินฉีอินยืนเหม่อลอยดั่งร่างไร้วิญญานนึกถึงเรื่องราวต่างๆผ่านมา ก่อนหน้านี้ หลังจากที่ฮ่องเต้สังหารคนรับใช้ของหลันเอ๋อร์เสร็จก็มีคนวิ่งไปรายงานหลันเอ๋อร์ทันทีนางโกรธแค้นมากแววตาอาฆาตปรากฏจนคนรอบตัวถอยหนีไม่กล้าอยู่ใกล้ “ พระสนมเจ้าคะ ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ทรงสังหารสาวใช้ของคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ ” สาวใช้พูด เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางโกรธมากกำมือแน่นจนมือสั่นระริกความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มเยาะยกมุมปาก “ เพราะนางคนคนเดียว เพราะนางคนเดียว! ” หลันเอ๋อบ่นพึมพาอย่างโกรธแค้น ชายชุดดำปรากฏต่อหน้าฮ่องเต้ “ ถวายบังคมฝ่าบาทอีกสามวันเมืองหนานจิงจะมีงานเลี้ยงวันเกิดครบหนึ่งเดือนขององค์ชายน้อยพ่ะย่ะค่ะ ” “ หึ วีนเกิดองค์ชายน้อยอย่างงั้นรึ เห็นทีข้าคงต้องไปแสดงความยินดีแล้ว ” ฮ่องเต้ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ ฝ่าบาทแต่ว่าเราไม่ได้รับบัตรเชิญนะพ่ะย่ะค่ะ ” องครักษ์ประจำกายเจียผิงพูด “ ไม่มีบัตรเชิญแล้วไง ข้าไปแสดงความยินดีมีหรือเขาจะกล้าไม่ต้อนรับข้า ” ฮ่องเต้เอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ “ ฝ่าบาทงานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นอย่างใหญ่โตประชาชนแคว้นกนานจิงต่างก็เตรียมงานกันอย่างครึกครื้นทั่วแคว้นพ่ะย่ะค่ะ “ อืม เจ้าสืบได้หรือยังว่าองค์ชายน้อยเป็นลูกของจิ้นมู่หลงหรือว่าข้า ” ฮ่องเต้ถามชายชุดดำ “ เอ่อ ฝ่าบาทเรื่องนี้ถูกปิดเงียบไม่สามารถสืบได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ” ชายชุดดำรายงาน องครักษ์เจียผิงครุ่นคิดสักพักจึงเอ่ยขึ้น “ ฝ่าบาทถ้านับจากอายุขององค์ชายน้อยมีความเป็นไปได้ว่าองค์ชายน้อยไม่ใช่ลูกขององค์ชายจิ้นมู่หลง เรื่องพระชายาแท้งอาจจะเป็นการสร้างเรื่องโกหกของสาวใช้ข้างกายพระชายาก็อาจจะเป็นได้พ่ะย่ะค่ะ อีกอย่างฝ่าบาทน่าจะเข้าใจนิสัยพระชายาดีที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ ” “ เจ้าพูดก็ถูกข้ามัวแต่คิดเรื่องอื่นจนลืมคิดตรงนี้ไปได้ พวกเขาระวังมากแม้แต่หมอหลวงลี่ก็ยังไม่ออกจากวังเลยแสดงว่าพวกเขามีเรื่องปิดบัง เพียงแค่จับตัวหมอหลวงลี่ได้เราก็จะรู้ทันทีว่าองค์ชายน้อยเป็นลูกข้า พวกเจ้าคอยจับตาดูหมอหลวงลี่ไว้ ” “ พ่ะย่ะค่ะ ” ชายชุดดำขานรับแล้วก็จากไป ทันใดนั้นหลันเอ๋อร์ก็เข้ามาแสร้งทำท่าทางสีหน้าดูน่าสงสาร ฮ่องเต้เห็นนางก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “ ฝ่าบาทขอประทานิภัยเพคะหม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจแอปฟังเพียงแต่เดินผ่านมาทางนี้จึงตั้งใจจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพคะ ” “ มีอะไรก็ว่ามา ข้าไม่ว่างมากนัก ” ฮ่องเต้กล่าวอย่าเย็นชา “ เอ่อเมื่อกี้หม่อมฉันได้ยินว่าจะมีการจัดงานวันเกิดครบหนึ่งเดือนขององค์น้อยแห่งแคว้นหนานจิงหรือเพคะ ” นางแสร้งพูดด้วยน้ำเสียดีใจตื่นเต้น “ อืม เจ้ามีอะไรก็รีบพูดมา ” “ ฝ่าบาทข้ามีกำไลข้อเท้าที่ทำจากทองคำลายมังครคู่หนึ่งเดิมทีข้าอยากจะเก็บไว้ให้เป็นของขวัญให้ลูกหม่อมฉันกับพระองค์แต่บุญวาสนาข้าน้อยไม่อาจมีลูกให้พระองค์ได้ ข้าขอมอบกำไลมังกรนี้แก่องค์ชายน้อยแห่งแคว้นหนานจิงได้หรือไม่เพคะ ” ใบหน้าเศร้าหมองของนางทำให้ฮ่องเต้ใจอ่อนขึ้นมาเอ่ยว่า “ อืมได้ เจ้ามีเจตนาดี หวังดีต่อเขาข้าจะนำไปมอบแทนเจ้า ” “ เพคะ ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท ” “ เอ่อฝ่าบาทเพคะหากว่าองค์ชายน้อยเป็นลูกของท่านกับพระชายาฝ่าบาทไม่อยากจะชิงตัวพระชายาคืนมาหรือเพคะ ” “ เหตุใดเจ้าพูดเช่นนี้ ” ฮ่องเต้เอ่ยถาม “ หากฝ่าบาทอยากได้พระชายาคืน หม่อมฉันคิดว่านี่เป็นโอกาสเหมาะสมที่สุดแล้วเพคะ เพียงแค่ลักพาตัวองค์ชายน้อยมาพระชาชาก็จะต้องตามองค์ชายน้อยมาแน่นอนเพคะถึงเวลานั้นพระองค์ก็หาโอกาสคืนดีกับพระชายา\" “ อืมข้อเสนอเจ้าก็น่าสนใจแต่ว่า ” ฮ่องเต้พูดไม่ทันจบนางก็พูดแทรกขึ้น “ หม่อมฉันมีสหายเก่าในเมืองหนานจิงอยู่คนหนึ่งหม่อมฉันจะขอให้เขาช่วยอธิบายเหตุผลกับเขาเขาน่าจะเข้าใจและยอมช่วยเพคะ หม่อมฉันจะขอเป็นคนคอยดูแลปกป้ององค์ชายน้อยระหว่างลักพาอย่างสุดชีวิตเพคะ ” “ อืมเจ้าไปเอาของขวัญเจ้ามา ขอบใจเจ้ามากที่คิดทำเพื่อข้า ” “ ขอเพียงพระองค์ทรงพึงพอใจและมีความสุขแม้ต้องแลกด้วยชีวิตหม่อมฉันก็ยอมทำเพื่อพระองค์เพคะ ” “ อืมเจ้าไปพักผ่อนเถอะ ” พอนางออกไปองครักษ์เจียผิงก็พูดขึ้น “ ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนกับข้อเสนอของพระสนมเถอะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมว่ามันเสี่ยงเกินไปกากทำเช่นนั้นจะยิ่งทำให้ะระชายาโกรธนะพ่ะย่ะค่ะ ” “ นางเจตนาดี เจ้าคิดมากไปแล้วตั้งแต่อยู่มาหนึ่งปีนางไม่เคยทำเรื่องให้ข้าลำบากใจเลย ลองรับความหวังดีของนางสักครั้งระหว่างลักพาตัวเจ้าก็ให้คนติดตามนางเสียกันความผิดพลาดที่จะเกิด ” องครักษ์เจียผิงไม่รู้จะพูดอะไรต่อพูดไปฮ่องเต้ก็ไม่ฟังเขาอยู่ดีเพราะเมื่อฮ่องเต้ตัดสินใจแล้วยากที่จะเปลี่ยนความคิดเขาได้ \" “ พ่ะย่ะค่ะ ” คิดมาถึงตรงนี้ฮ่องเต้รู้สึกโกรธตนเองมากและสำนึกเสียใจรู้สึกผิดต่อไป่เซน้ำตาแห่งความเสียใจไหลลงตามแก้มแล้วเอ่ยทุกข์ทรมานใจว่า \" ข้อขอโทษซิ่วอิงชาตินี้ข้าจะไม่ขอให้เจ้าอภัยให้ข้าข้าขอโทษที่หลงเชื่อหญิงชั่วผู้นั้นข้าทำผิดต่อเจ้ามาตลอดข้าไม่ควรได้รับความรักจากเจ้าข้าจะชดใช้ให้เจ้าจากนี้ไปข้าจะดูแลปกป้องเจ้ากับลูกให้ดีที่สุด \" อาจารย์เทียนอวี่ใช้พลังลมปรานของเขารักษาไป่เซอย่างหนักหมอหลวงลี่คอยต้มสมุนไพรจางจิ้งคอยรับใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าเช็ดตัวให้คุณหนูของเขาทุกวันฮ่องเต้รู้สึกสิ้นหวังไม่เป็นอีนกินอันนอนคอยเฝ้าไป่เซอยู่ตลอดเวลามู่หลงแม้จะรู้สึกไม่ชอบไม่พอใจแต่เขาก็รู้ว่าเวลานี้ไป่เซสำคัญที่สุดจึงไม่ว่าอะไรฮ่องเต้ฉินฉีอินแต่เขาจะไปคอยดูแลลูกชายของไป่เซพาเดินเล่น กล่อมนอน ถึงเวลากินนมก็ให้แม่นมมาป้อนจากนั้นเขาก็รับไปดูแลต่ออย่างนี้ทุกวัน ฮ่องเต้ฉินฉีอินนั่งเฝ้าไป่เซอยู่ข้างเตียงมองดูใบหน้าซีดเซียวรอคอยไป่เซฟื้นไม่ยอมหลับยอมนอนมาหลายวันหลายคืนแล้วจนเข้าสู่วันที่เจ็ดอาจารย์เที่ยนอวี่เข้ามาถ่ายพลังลมปรานให้ไป่เซตามปกติจู่ๆพลังของเขารับรู้ได้ถึงการฟื้นขึ้นมาของไป่เซไป่เซค่อยๆลืมตาขึ้นมาร่างกายยังได้รับการรักษาอยู่สักพัก็รักษาเสร็จอาจารย์เทียนอวี่ดีใจมาก “ เจ้าฟื้นแล้ว เจ้าฟื้นแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณสวรรค์ ” อาจารย์เทียนอวี่พูดอย่างตื่นเต้นดีใจ ไป่เซไม่ลืมรีบของคุณทันที “ ขอบคุณท่านอาจารย์มากเจ้าค่ะ ” น้ำเสียวแผ่วเบาใบหน้าซีดเซียวที่นั่งอยู่นั้นสายตากำลังมองหาคนอยู่ “ จางจิ้ง! \" อาจารย์เทียนอวี่เรียก “ เจ้าคะ ” จางจิ้งเปิดประตูเข้ามา ดวงตากลมโตเบิกกว้างตื่นเต้นดีใจพร้อมพูดขึ้นเสียงดัง “ คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้ว ” ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจรีบวิ่งเขามาในห้องจางจิ้งจัดหมอนให้คุณหนูของเขานั่งพิงหัวเตียง “ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว เจ้าฟื้นแล้ว ” ฮ่องเต้พูดอย่างดีใจน้ำตาซึมออกมาแล้วดึงไป่เซเข้ามาโอบกอดเบาๆ ไป่เซตกใจเล็กน้อยพยายามผลักฮ่องเต้ออกแต่ฮ่องเต้ไม่สนใจกอดจนรู้สึกกายตื่นเต้นดีใจจึงคลายมืออกจ้องมองใบกน้าเรียวเล็กซีดเซียวอย่างรักใครแววตาอ่อนโยน \" จางจิ้งเจ้าไปทำน้ำซูปให้ซิ่งอิงเร็วเข้า \" ฮ่องเต้สั่ง “ เจ้าค่ะ ” ซิ่วอิงหมุนตัวออกไปทันที “ ลูก ลูกของข้าล่ะ ลูกของข้าอยู่ไหน ” ไป่เซเอ่ยถาม ทันใดนั้นจิ้นมู่หลงก็เดินเข้ามาพร้อมกับเด็กในอ้อมกอดแววตาไป่เซเป็นประกายดีใจอย่างบอกไม่ถูกยื่นมือไปรับลูกเข้ามาอุ้มในอ้อมกอดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มทันทีก้มลงจูบลูกน้อยอย่างอบอุ่น “ แม่ขอโทษ แม่ขอโทษเจ้าเพิ่งเกิดมาก็ประสบเหตุแล้วช่างโชคร้ายเสียจริง แม่ขอโทษที่ดูแลเจ้าไม่ดี ขอโท…! ” ไป่เซร้องให้เสียใจจนรู้สึกเจ็บหน้าอกแล้วกระอักเลือดออกมาอย่างหนักอีกครั้งมือไม้สั่นแต่ก็ยังฝืนอุ้มลูกเอาไว้ทุกคนตกใจสีหน้าซีดเด็กน้อยเหมือนจะรู้เรื่องร้องให้ออกมาเสียงดังราวกับรู้อะไรอาจารย์รีบวิ่งมาจับชีพพจรจากนั้นก็ถอนหายใจมองหน้าทุกคนแล้วส่ายหัวฮ่องเต้หน่าซีดเซียวรีบขึ้นไปอบกอดร่างของไป่เซร้องให้ฟูมฟายมือป่ายเซค่อยๆเลื่อนต่ำลงไร้เรี่ยวแรงจิ้นมู่หลงรับตัวเด็กขึ้นมาอุ้มนั่งอยู่ตรงหน้าไปเซร้องให้เสียใจอย่างสิ้นหวัง ฮ่องเต้ที่โอบกอดไปเซที่เหลือลมหายใจน้อยนิดร้องให้น้ำตาเปียกปอนไปทั่วใบหน้า “ ซิ่วอิงข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ซิ่วอิงข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ฮือๆ ” ไป่เซจ้องใบหน้าซีดเซียวของฮ่องเต้อย่างโกรธเกลียดแค้นอย่างไม่อาจวางลงได้แล้วเบือนหน้าหันไปทางมู่หลงมองกน้ามู่หลงแว๊บหนึ่งแล้วมองลูกชายอย่างเป็นห่วง รวบรวมแรงส่งเสียงเฮือกสุดท้าย พูดว่า “ ฝะ…ฝาก …หละ…ลูก.ข้า ด้วย ”พูดจบเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็หมดลงร่างกายทิ้งตัวลงร่างกายไร้จิตวิญญานดวงตาปิดลง ทันทีแต่ “ ซิ่วอิง ! ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ” ฮ่องเต้ร้องให้โศกเศร้าเสียใจ สิ้นหวัง ราวกับไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ จิ้นมู่หลงที่ร้องให้เงียบๆไม่พูดไม่จาเองก็รู้สึกโศกเศร้าเสียใจสิ้นหวังไม่แพ้กันพูดออกมาประโยคเดียว “ เจ้าไม่ต้องห่วงแล้วซิ่งเอ๋อร์ ข้าสัญญาชาตินี้ข้าจะเลี้ยงดูอบรมณ์ดูแลปกป้องลูกชายเจ้าให้เติบโตอย่างปลอดภัย ข้าสัญญา ” พูดจบก็อุ้มเด็กน้อยออกไปร้องให้ไปเวลานี้เขาอยากรู้กับเด็กน้อยอย่างเงียบๆเพราะเด็กน้อยคือตัวแทนแห่งความรักของพวกเขาทั้งสองคน จางจิ้งที่เดินเข้ามา ถ้วยน้ำซูปในมือก็ตกหล่นลงไปทันทีรีบวิ่งเข้ามาใกล้เตียง “ คุณหนู! ฮือๆๆๆ คุณหนู ฮือ ” อาจารย์เทียนอวี่ที่โศกเศร้ามองฮ่องเต้อย่างเวทนาที่กำลังกอดร่างไร้วิญญานแล้วมองจางจิ้งที่นั่งร้องห่มร้องให้ข้างเตียงจึงเอ่ยว่า “ ออกไปรอข้างนอกเถอะ ” จางจิ้งออกไปอย่างเชื่อฟังพร้อมกับอาจารย์จิ้ง “ ซิ่วอิงข้าขอโทษข้าขอโทษ ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ให้อภัยข้า ไม่รักข้าแล้วแต่ข้ารักเจ้าไม่เคยเปลี่ยนเลยข้ารักเจ้าคนเดียวมาตลอดข้าขอโทษที่ชาตินี้ข้าทำผิดต่อเจ้ามาทั้งชีวิตหากชาติหน้ามีจริงไม่ว่าเจ้าจะอยู่แห่งหนใดข้าก็จะตามหาเจ้าให้พบข้าจะชดใช้ให้เจ้าแม้เจ้าจะโกรธ จะเกลียดข้าไม่ให้อภัยข้า ข้าก็จะรักเจ้าจะทำให้เจ้ากลับมารักข้าอีกครั้งข้ารักเจ้า รอข้านะไม่นานข้าจะไปหาเจ้า ” เสียงร้องให้สะอึกสะอื้นบรรยากาศสำนักเทียนอวี่เต็มไปด้วยบรรยากาศโศกเศร้า ดวงจิตที่หลุดมาจากยุคปัจจุบันได้หลุดออกจากร่างลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ฮ่องเต้สุขภาพย่ำแย่ลงกว่าเดิมรวบรวมพลังถ่ายทอดไปยังยังร่างกายของไป่เซจนตนเองกระอัดเลือดหากใครพบเห็นก็รู้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย ฮ่องเต้กระอักเลือดหลังจากงานศพผ่านไปฮ่องเต้ไม่ยอมรับการรักษามอบหมายงานต่างๆและแต่งตั้งองค์ชายน้อนเนี่ยนเจินเป็นองราชทายาท พ่อแม่ของไป่เซเข้ามาอยู่ในวังพร้อมตำแหน่งใหม่เป็นเพื่อนคุยกับฮองเฮา แคว้นหนานจิงและฉางอานส่งสลับช่วยกันเลี้ยงดูเนี่ยนเจินจนเติบโตไม่นานฮ่องเต้ก็สิ้นพระชนม์ ดวงจิตไป่เซฝ่ากลีบเมตลอยออกนอกโลกถูกลมพัดไปตามอากาศกลับเข้าสู่ร่างในยุคปัจจุบันเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมารอบตัวมีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื่อเธอค่อยๆลืมตาขึ้นมาสายออกซเจนสายน้ำเกลือสายใสเยอะแยะยิ่งเหยินเต็มไปหมด ประตูห้องถูกเปิด ไป่เซตะลึงเมื่อเห็นใบหน้านี้เป็นคนแรก “ : ฮ่องเต้ ไป๋เจิ้นหลง : ” ไป่เซทำหน้าเบื่อหน่ายหมดอารมณ์ “ : หึ ไป๋เจิ้นหลงตื้อไม่เลิกจริงๆ ชาติที่แล้วนายส่งคนมาฆ่าฉัน ชาตินี้ฉันจะเป็นคนฆ่านายเอง : ” ไป่เซมองใบหน้านั้นอย่างโกรธแค้นเธอรู้สาเหตัแล้วว่าทำไมถึงรู้สึกเกลียดผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ไป๋เจิ้นหลงที่เดินเข้ามาแววตาประกายแสดงความดีใจออกมา “ คุณฟื้นแล้ว ” จากนั้นกดออดเรียกพยาบาลทันที “ คนไข่ฟื้นแล้วรีบตามหมอมาตรวจด่วนเลยให้เวลาคุณ5 นาที ” น้ำเสียงตื่นเต้นดุดันสั่งไปยังปลายสาย ปลายสายรีบตามหมอเข้าไปตรวจอย่างรวดเร็ว พอหมอเข้ามาตรวจกลับทำหมอถึงกับแปลกใจหมอจึงเอ่ยว่า “ แปลกมากเลยครับคุณชายคนป่วยหายเป็นปกติแล้วชีพจรหัวใจและระบบประสาททำงานปกติแต่ผู้ป่วยเพิ่งจะฟื้นแนะนำให้อยู่ตรวจดูอาการอีก2วันครับ ” ไป๋เจิ้นหลงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจ “ อืม ขอบคุณมาก ” พอหมอออกจากห้องไปไป๋เจิ้นหลงก็นั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน ไป่เซจึงเอ่ยถามขึ้น “ ฉันมาอยู่ทีนี่ได้ยังไง ” ไป่เซถามไป๋เจิ้นหลงและมองเขาอย่างเย็นชา ไป๋เจิ้นหลงมองเขาแวบหนึ่งสีหน้าเรียบเฉย “ คุณตกลงมาจากยอดเขาแล้วสลบไปหลายวันไม่ยอมฟื้นคุณปู่เลยพากลับมารักษาที่โรงพยาบาล ” “ แล้ว…คุณพอจะทราบมั้ยฉันสลบไปกี่วัน \" ไป่เซมองเขาอย่างรอคำตอบแต่แววตายังคงความเย็นชาไป๋เจิ้นหลงเห็นแววตาเย็นชากลับพึมพำในลำคอว่า : ผู้หญิงคนนี้นี่ จะใช้สายตาเย็นชามองคนอื่นแบบนี้ไปนานแค่ไหนกัน : ไป๋เจิ้นหลงวางหนังสือลงลุกขึ้นยืนอย่างสง่าสองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ คุณอยากรู้เหรอ? งั้นคุณก็มองผมด้วยแววตาลึกซึ้งสิ หื้ม ” ไป๋เจิ้นหลงเลิกคิ้ว ไป่เซหงุดหงิดหันมองตรงทันทีไม่สนใจว่าไป๋เจิ้นหลงจะตอบหรือไม่ตอบแล้วเหลือบมองเขาด้วยหางตาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา ไป๋เจิ้นหลงไปนั่งข้างเตียงกำลังจะจับมือไป่เซแต่ไป่เซก็รีบเก็บมือทันทีไป๋เจิ้นหลงหยุดชะงัดค้างกลางอากาสอารมณ์สีหน้ายังคงปกติแต่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อยจึงพูดขึ้นว่า “ ทำไม ? แววตาลึกซึ้งใช้มองเฉพาะผู้ชายคนนั้นเหรอ อ่อ! อีกอย่างผมเป็นพี่ชายคุณข้อนี้คุณรู้ดี ผมมีสิทธิ์ที่จะจับมือคุณ กอดคุณมากกว่าผู้ชายคนนั้น ” ไป๋เจิ้นหลงยิ้มมุมปากอย่างพอใจ ไป่เซนิ่งเงียบไม่อยากพูดคุยกับเขาต่อแต่กลับพูดในใจว่า : ฉวยโอกาส เห็นแก่ตัว : ไป๋เจิ้นหลงยังกับอ่านความคิดไป่เซออกจึงเอ่ยว่า “ ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดว่าผมฉวยโอกาสเห็นแก่ตัวแต่นั่นคือความจริง ” ไป่เซโมโหที่ถูกคนอื่นอ่านความคิดออกจึงพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “ นี่คุณ ! ” ไป่เซถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ ทันใดนั้นโทรศัพท์ไป๋เจิ้นหลงก็ดังขึ้นก็กดรับทันทีไป่เซไม่รู้ว่าใครเป็นคนโทรกาเขาแต่สีหน้าไป่เจิ้นหลงดูอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่พูเพียงแค่ว่า “ ได้ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ” \" วางสายเสร็จก็หันมาพูดกับไป่เซว่าผมไปก่อนนะเสร็จธุระจะรีบกลับมา \" ไป่เซพูดขึ้นสั้นๆว่า “ ไม่ต้อง ” ไป๋เจิ้นหลงมองเขาอย่างหมดคำพูดแล้วก็เดินออกไปกำลังจะเปิดประตูก็นึกอะไรขึ้นได้ก็พูดขึ้นว่า “ คุณหลับไปนานถึงห้าเดือนผมเสียใจมากกลัวจะเสียคุณไปอีก ” สีหน้าขรึมลงแล้วพูดต่อว่า “ พี่จะโทรบอกคุณปู่กับทางบ้านว่าเธอฟื้นแล้ว ” พูดจบก็เดินออกไป ในห้องเหลือแต่ไป่เซที่กำลังอึ้งกับคำที่เขาได้ยินเมื่อกี้จากปากขิงไป๋เจิ้นหลงว่า “ กลัวจะเสียคุณไปอีก กลัวจะเสียคุณไปอีก ” ซ้ำไปซ้ำมาสักพักไป่เซก็ได้ดึงสติกลับมา “ พูดยังกับรู้ว่าเคยเสียฉันไป หึ ” หมอพยาบาลได้เข้ามาถอดเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆออกแล้วตรวจไป่เซอีกครั้งทุกอย่างในร่างกายปกติดีจึงเอ่ยว่า “ คุณหนูไป๋อาการของคุณประหลาดมากก่อนหน้านี้หัวใจของคุณหยุดเต้นต้องปั้มหัวใจยื้อชีวิตใช้ออกซิเซนช่วยหายใจตลอดท่านประธานสั่งเปลี่ยนหมอที่เก่งที่สุดในประเทศหลายท่านจนกลายเป็นข่าวใหญ่โต ทุกคนนึกว่าคุณกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปแล้ว คุณรู้มั้ยท่านประธานไป๋เป็นห่วงคุณมาก มาเฝ้าคุณทุกวันเลย ” ไป่เซตกใจเบิกตากว้างทันทีเอ่ยจึงถาม “ คุณว่าไงนะ เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นข่าวใหญ่เหรอคะ ” “ ใช่ครับ แต่คุณไม่ต้องห่วงครับเรื่องความปลอดภัยของคุณนะหลังจากเป็นข่าวใหญ่ ท่านประธานก็จัดบอดี้การ์ดมาเฝ้ารักษาความปลอดภัยให้คุณเพิ่มทันทีและอีกส่วนก็คอยกันนักข่าวอยู่หน้าโรงพยาบาลครับ ” ไป่เซเบิกตากว้างกะพริบตาปริบๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ : คนอย่างไป๋เจิ้นหลงเนี่ยนะห่วงเรา ยิ่งไปกว่านั้นคือเรื่องที่เราป่วยกลายเป็นข่าวใหญ่ : “ เอ่อ คุณหมอคะโทรศัพท์ของฉันอยู่ไหนคะ ” ไป่เซเอ่ยถาม “ เอ่อ…น่าจะเก็บไว้ในตู้หรือในลิ้นชักเก็บของมั้งครับ เดี๋ยวจะให้พยาบาลช่วยหาให้นะครับ ” “ ค่ะ รบกวนคุณหมอกับคุณพยาบาลแล้ว ขอบคุณมากนะคะ ” “ ครับ ” หมอยิ้ม พยาบาลก็ไปช่วยหาโทรศัพท์ พยาบาลหาจนทั่วห้องก็หาไม่เจอ “ หาจนทั่วแล้วไม่มีโทรศัพท์ของคุณหนูไป๋เลยนะคะ ” “ อ๋อ งั้นไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ ” ไป่เซไม่รู้ว่าใครเอาโทรศัพท์เธอไปเพราะอะไรถึงไม่เอาโทรศัพท์ของเธอไว้ใกล้ตัวเธอ จากนั้นหมอและพยาบาลก็ออกจากห้องไป ประตูถูกเปิดออกอีกครั้งเมื่อไป่เซเห็นคนที่เข้ามาเธอดีใจมาก “ สวัสดีค่ะคุณปู่ สวัสดีค่ะคุณท่านไป๋คุณหญิงไป๋ ” ไป่เซกล่าวทักทายก่อน “ คุณหญิงคุณท่านอะไรกันบอกว่าให้เรียกคุณแม่คุณ ไหนลองเรียกซิ ” คุณหญิงไป๋ใบหน้ายิ้มแย้มพูดอย่างเอ็นดู ความจริงเขาดีใจมากที่มีไป่เซเป็นบุตรบุญธรรมเพราะเขาเองก็อยากได้ลูกสาวมากๆเช่นกัน ไป่เซเรียกตามอย่างเชื่อฟัง “ ค่ะ! พ่อบุญธรรม แม่บุญธรรม ” “ เรียกแค่คุณพ่อคุณแม่พอจ้ะ ไม่เอาบุญธรรมนะเข้าใจมั้ย ” “ ค่ะ ” คุณปู่ไป๋นั่งยิ้มอยู่ข้างเตียงหลานสาวบุญธรรมอย่างเอ็นดูจึงเอ่ยขึ้น “ อวี้เอ๋อร์ เป็นยังไงบ้างรู้สึกเจ็บตรงไหนอยู่บ้างไหม ” “ ไม่มีเจ็บตรงไหนเลยค่ะหายดีแล้ว ” ไปเซพูดพลางยิ้ม “ ดี ดีแล้วรอให้หมอคอยตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกสองวันก็ได้กลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้ว ” คุณปู่ไป๋กล่าว ไป่เซตอบรับโดยพยักหน้าเบาๆ “ อดทนเอานะลูกอีกแค่สองวัน เพื่อให้มั่นใจว่าร่างกายไม่มีอะไรผิดปกติ จะได้กลับบ้านอย่างสบายใจนะ ” ไป๋เหอหลงพูดปลอบอย่างเป็นห่วง “ ค่ะ ท่าน… ” ไป่เซพูดไม่ทันจบไป๋เหอหรงก็เลิกคิ้วใบหน้ายิ้มแล้วส่งเสียง \" หืม \" ไป่เซยิ้มอ่อนรีบเปรียกคำเรียกใหม่ทีนที \" ค่ะคุณพ่อ \" “ แม่ซื้อโจ๊กมาให้ด้วยนะ นี่ก็เย็นแล้วหนูทานโจ๊กก่อนนะ ” พูดจบคุณหญิงไป๋ก็เอาโจ๊กใส่ลงในถ้วยวางบนโต๊ะแล้วลากมาให้ไป่เซ ไป่เซรู้สึกเกรงใจพวกเขามากแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรเยอะ “ ขอบคุณค่ะ ” ไป่เซกล่าวขอบคุณแล้วก็ก้มหน้าทานโจ๊ก “ ทานเยอะๆนะอวี้เอ๋อร์ร่างกายจะได้กลับมาแข็งแรงเร็วๆ ” คุณปู่ไป๋พูดพร้อมยื่นมือลูบหัวไป่เซเบาๆ “ ค่ะคุณปู่ ” ทางด้านไป๋เจิ้นหลง นั่งอยู่ในห้องประชุมบุคลิกสง่า โดดเด่น สุขุม เย็นชา นั่งอยู่หัวโต๊ะ สายตาจ้องไปยังจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่หูฟังการรายงานของหัวหน้าแผนกในแต่ละสาขาจนครบทุกคนจากนั้นก็มองดูนาฬิกาของตัวเองแล้วจึงกล่าวจบการประชุมอย่างรวดเร็ว “ ทุกแผนกติดต่อประสานงานกับสาขาต่างประเทศแล้วดำเนินงานต่อได้เลยหวังว่าจะไม่เกิดปัญหาเล็กน้อยเช่นครั้งนี้อีก เลิกประชุมได้ ” พูดจบไป๋เจิ้นหลงก็รีบลุกเดินออกไปจากห้องประชุมทันที ทำเอาพนักงานบริษัทงงกันเป็นแถว พอลงไปถึงชั้นล่างเจียผิงเหอได้ขับรถออกมารอแล้วไป๋เจิ้นหลงออกคำสั่งไปว่า “ ไปโรงพยาบาล ” “ ครับ ” จากนั้นก็ขับรถมุ่งไปยังโรงพยาบาลระหว่างทางทั้สองคนคุยกันอย่างสนิทสนมเจียผิงเหออยากจะกลับบ้านทานข้าวร่วมกันกับครอบครัวเพราะพ่อแม่และน้องสาวของเขาเพิ่งกลับมาจึงพูดขึ้นว่า “ เจิ้นหลงวันนี้ฉันขอหยุดหนึ่งวันนะครับมีนัดทานข้าวกับครอบครัว ” ไป๋เจิ้นหลงได้ยินก็เอ่ยถามทันที “ ผิงเฟยหายดีแล้วเหรอ ” คำถามนี้เจียผิงเหอถึงกับแอบมองเขาผ่านกระจกเช็กดูสีหน้าของไป๋เจิ่นหลง เจียอิงเหอก็แอบดีใจที่สีหน้าไป๋เจิ้นหลงไม่ได้แสดงอารมณ์ใดออกมายังคงใบหน้าเรียบเฉยเย็นชา “ ครับ ” “ อืมได้ ดีใจกับนายด้วยได้อยู่กันพร้อมหน้าสักที ฉันให้นายหยุดสองวัน ” “ ขอบคุณเพื่อน ขอบคุณท่านประธานสุดหล่อที่เข้าใจ ” เจียผิงเหอยิ้ม “ นายไม่บอกฉันก็รู้ว่าฉันหล่อ ” ไป๋เจิ้นหลงพูดพลางยิ้มอย่างมั่นใจ “ ครับ ครับ ” ทั้งสองคุยกันจนใบหน้าเย็นชาของไป๋เจิ้นหลงหายไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่16 กลัวจะเสียคุณไปอีก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A