ตอนที่19 หึงหวง
1/
ตอนที่19 หึงหวง
ลิขิตฟ้าทุกภพชาติรักแค่เธอ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่19 หึงหวง
โทรศัพท์ไป่เซดังขึ้นจากนั้นเธอจึงกดรับสายเธอยังไม่ทันได้พูดอะไรปลายสายก็ชิงเอ่ยก่อน “ ไป่คุณออกมาเจอผมหน่อยได้มั้ย ” มู่มู่เอ่ย “ มีอะไรรึเปล่าคะ ” ไป่เซรู้สึกว่ามู่มู่ต้องมีอะไรแน่ถึงขอเจอเธอตอนนี้ “ คุณออกมาก่อนได้มั้ยแล้วผมจะบอกคุณตอนนี้คุณไป๋อยู่กับคุณหรือเปล่าใก้เขามาส่งคุณได้มั้ย ” น้ำเสียงมู่มู่แปลกๆไปเหมือนกำลังกังวลอะไรอยู่ไป่เซเลยถามว่า “ ทำไมต้องให้เขาไปส่งด้วยคะคุณอยู่ไหนฉันไปเองก็ได้ ” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งแทรกขึ้นระหว่างทั้งสองคุยกัน “ ผมจะไปส่งคุณ ” ก่อนหน้านี้จินซาส่งข้อความรายงานว่ามีคนสืบข้อมูลของไป่เซอยู่และเขาคาดว่ามู่มู่ต้องการพูดเรื่องนี้ หากไม่ใช่เรื่องความปลอดภัยของไป่เซเขามั่นใจว่ามู่มู่ไม่ให้ไป่เซออกไปเจอเขาพร้อมกับคนอื่น ไป่เซหันไปมองไป๋เจิ้นหลง พูดเสียงเบางึมงำว่า “ ไม่มีมารยาท ” “ ผมจะส่งโลเคชั่นให้นะครับ ” มู่มู่เอ่ย “ ค่ะ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้ ” วางสายเสร็จมู่มู่ก็ส่งโลเคชั่นมาไป่เซและไป๋เจิ่นหลงก็ลงไปชั้นล่างไปยังที่จอดรถแล้วขับออกไปมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารสุดหรูแห่งหนึ่งที่มู่มู่อยู่ เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามามู่มู่ก็พูดทักทายขึ้น “ มาแล้วเหรอ เชิญนั่งครับ ” “ ขอบคุณค่ะ ” ไป่เซพูดพร้อมฝืนยิ้ม แม้ในใจไป่เซจะยังเสียใจอยู่แต่เธอเป็นคนที่เก่งเรื่องแยกแยะอารมณ์เธอรู้สึกว่ามู่มู่มีเรื่องสำคัญจริงๆ ไป๋เจิ้นหลงนั่งลงข้างๆไป่เซ “ คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะ ” ไป่เซเอ่ยถาม มู่มู่รู้สึกว่าคำพูดคำจาท่าทางของไป่เซดูห่างเหินไปเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “ ไป่ทานข้าวก่อนได้มั้ยวันนี้ผมสั่งแต่ของที่คุณชอบทั้งนั้นเลยนะ ” ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกหงุดหงิดแต่ก็ยังเก็บอาการไว้ สักพักอาหารก็มาเสริฟไป่เซมองดูอาหารที่วางล้วนเป็นอาหารที่เขาชอบจริงๆไป่เซประหลาดใจมาก “ มู่มู่คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบเมนูพวกนี้ ” ไป่เซพูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ มู่มู่ยิ้ม “ เรารู้จักกันมากี่ปีทำไมจะไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ” ขณะที่ทั้งสองคนคุยกันไม่มีใครสังเกตุความผิดปกติของไป๋เจิ้นหลงเลยตอนนี้เขาไม่พอใจเอามากๆ : นี่เหรอที่ว่ามีเรื่องที่จะคุยเห็นได้ชัดว่าแค่อยากนัดทานข้าวคุณชายมู่นายนี่ร้ายไม่เบาเลยนะ : “ ผมไม่ได้อยากมาฟังพวกคุณสนธนากันจะกินข้าวก็รีบกินรีบคุยธุระแล้วก็รีบกลับ ” ไป๋เจิ้นหลงพูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาแววตาเย็นชาไม่ไว้หน้าใครนี่แหละนิสัยเขา มู่มู่อึ้งเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าไป๋เจิ้นหลงจะแสดงความไม่พอใจขนาดนี้ออกมาไป่เซเขม็งตาใส่ไป๋เจิ้นหลง บรรยากศเริ่มอึดอัดตึงเครียด : เราคิดผิดหรือเปล่าที่ให้คุณชายตระกูลไป๋มาด้วย : “ เอ่อ เชิญทานข้าวครับคุณชายไป๋ ไป่ทานเหอะ ” มู่มู่พูด “ ค่ะ ” ทั้งสามนั่งทานข้าวกันอย่างเอร็ดอร่อยอะไรที่ไป่เซชอบไป๋เจิ้นหลงก็กินหมดราวกับว่าชอบเหมือนกัน มู่มู่ตักอาหารให่ไป่เซไป๋เจิ้นหลงเห็นก็รีบทานที่อาหารมู่มู่ตักจนหมด มู่มู่เห็นเช่นนั้นก็เอ่ยขึ้น “ นึกไม่ถึงว่าคุณชายมู่ก็ชอบทานอาหารแบบเดียวกับไป่ ” “ อะไรที่น้องสาวผมชอบผมก็ชอบทั้งนั้นแหละครับ ” ไป๋เจิ้นหลงพูดพลางโอบไหล่ไป่เซไป่เซนิ่งเงียบ มู่มู่รู้สึกว่าการกระทำของไป๋เจิ้นหลงมันเกินไปหน่อยจึงพูดว่า “ ไป่คุณโอเคมั้ย ” ไป่เซโมโหแล้วไม่อยากจะพูดอะไรแล้วจึงตอบไปว่า “ รีบทานข้าวเถอะค่ะ ” ทั้งสามคนนั่งทานข้าวจนอิ่มจากนั้นไป่เซก็พูดขึ้น “ คุณบอกฉันมาได้แล้วค่ะเรื่องที่จะคุย ” “ ไป่ผมอยากอธิบายให้คุณฟังเรื่องการหมั้นของผม ความจริงผมไม่ได้อยากหมั้นกับคนอื่นแต่ตอนนั้นบริษัทผมอยู่ๆก็เกือบจะล้มละลายจากนั้นตระกูลลี่ก็ยื่นมือเข้ามาช่วยแล้วยื่นข้อเสนอการหมั้นระหว่างผมกับลี่เหม่ยเอินพ่อแม่ผมทำเพื่อคนของบริษัทจึงตอบตกลงหลังจากนั้นผมสืบได้ว่ามีคนจงใจทำให้บริษัทประสบวิกฤตชั่วคราวตอนนี้ผมยังหาหลักฐานเกี่ยวกับคนบงการไม่ได้แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็น ลี่เหม่ยเอิน หลังจากเสร็จเรื่องนี้ผมจะยกเลิกการหมั้นหมายกับเขาแล้วผมจะขอหมั้นกับคุณทันที ” \" ตอนนี้คุณระวังตัวหน่อยอย่าไปไหนมาไหนคนเดียวกลัวว่าลี่เหม่ยเอินจะทำอะไรคุณเพราะคนอย่างเขาทำได้ทุกอย่างที่ต้องการอีกอย่างคนของผมรายงานมาว่าเขากำลังสืบหาประวัติและที่อยู่ของคุณ ผมเป็นห่วงคุณ ผมจะส่งบอร์ดี้การ์ดไปเฝ้าหน้าบ้านคุณไว้เพื่อความปลอดภัยของคุณ \" ไป๋เจิ้นหลงนั่งฟังมู่มู่พูดเช่นนั้นก็โมโหโกรธขึ้นมาแล้วเอ่ยว่า “ คุณพูดจบหรือยัง ไป่กลับ ” จากนั้นก็จับข้อมือไป่เซแล้วก้าวเท้าออกจากห้องนั้นไป “ นี่คุณ นี่หยุดนะ อย่าเสียมารยาทสิ ” ไป่เซพูดอย่าโกรธเคือง ไป๋เจิ้นหลงที่ออกจากห้องแล้วก็หยุดเดินแล้วพูดว่า “ ทำไมคุณอยากจะฟังเขาพูดพร่ำเพ้อเรื่องไร้สาระของเขามากหรือไง ” “ คุณเป็นบ้าอะไร มู่มู่เขามีสิทธิ์ที่จะพูดมีสิทธิ์ที่จะอธิบาย ” “ ก็ใช่ไงเขาพูดจบแล้วเราก็ออกมาไงผมผิดตรงไหน ” “ คุณ! กลับไปก่อนเถอะ ” ไป่เซโกรธสะบัดข้อมือออกแล้วหันหลังจะเดินกลับเข้าไปหามู่มู่ไป๋เจิ้นหลงโกรธจึงพูดออกไปว่า “ หากคุณยังกล้าเข้าไปหาเขาผมจะจูบคุณต่อหน้าเขาและบอกเรื่องนั้นกับเขา ” ไป่เซหยุดเดินทันทีไป๋เจิ้นหลงเดินเข้าไปข้างๆเขาแล้วพูดเบาๆว่า “ เชื่อฟังหน่อยเด็กดี อย่าดื้อ เข้าใจมั้ย ” ไป๋เจิ้นหลงใช้น้ำเสียงเจ้าเล่ห์จากนั้นก็ยิ้มมุมปากใบหน้าหล่อเหลาช่างดูมีเสน่ห์ มู่มู่ยืนมองทั้งสองคนที่ออกจากห้องไปแบบงงๆเขาไม่รู้ว่าเขาพูดเยอะเกินหรือว่าเขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าเขาไม่เข้าใจไป๋เจิ้นหลงที่แสดงท่าทีไม่ดีต่อเขาแล้วอยู่ๆก็ลากไป่เซออกไป แต่เขาก็ยังคิดในแง่ดีว่าหากใครมีน้องสาวสวยน่ารักเก่งแบบไป่เซก็เป็นธรรมดาที่จะหวงคิดได้เช่นนี้เขาก็ออกจากร้านอาหารนั้นไป อันอันเมื่อรู้ว่าไป๋เจิ้นหลงมาไทยก็ก็รีบกดโทรหาทันทีราวกับกระดี่ได้น้ำ “ เจิ้นหลงคุณมาถึงไทยเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกกันเลย ” อันอันพูดน้ำเสียงออดอ้อน “ ทำไมผมต้องบอกคุณด้วยคุณเกี่ยวข้องอะไรกับผม ” คำพูดของไป๋เจิ้นหลงและน้ำเสียงเย็นชาทำให้อันอันพูดไม่ออกอ้ำอึ้งไป “ เอ่อ….” ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกรำคาญจึงกดวางสายไป อันอันไม่ยอมแพ้ปนกับความไม่พอใจน้อยใจเล็กน้อยจึงกดโทรศัพท์ส่งอะไรบางอย่างแล้วกดโทรไปยังเบอร์เบอร์หนึ่งเมื่อปลายสายรับสายเธอจึงพูดว่า \" คุณไปสืบมาว่าผู้ชายคนนี้อยู่ที่ไหน ทำอะไร กับใครคอยรายงานฉันตลอด \" พูดจบก็วางสายไป ส่วนไป๋เจิ้นหลงตอนนี้ในสายตาเขามีเพียงไป่เซเท่านั้นที่เขาให้เกียรติและไว้หน้ามากที่สุดไป่เซที่นั่งข้างคนขับมองเขาอย่างมั่นใส้ : ผู้ชายคนนี้ ช่างหน้าหมั่นใส้จริงๆ ทำตังหยิ่ง ยโส ไม่แคร์ความรู้สึกใคร จอมเด็จการ น่ารังเกียจที่สุด : “ มองพอหรือยัง ถ้ายังจะให้มองใกล้ๆ ใกล้ขึ้นกว่าดูจะได้สำรวจให้ทั่วถึง ” ไป๋เจิ้นหลงสังเกตเห็นไป่เซทำสีหมั่นใส้จึงแกล้งหยอกเธอเล่น “ นี่คุณฉันไม่ชอบเลยนะที่คุณทำพฤติกรรมไม่ดีไม่ไว้หน้ามู่มู่ เขาทำอะไรคุณ ” เมื่อได้ยินไป่เซพูดตำหนิเขาเรื่องมู่มู่ เขาก็เกิดไม่พอใจขึ้นมาคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างชัดเจน “ หึ ยังไม่จบ ทำไมคุณห่วงเขามากเลยเหรอ ถึงกับต้องตำหนิผม ” ไป่เจิ้นหลงน้ำเสียงราบเรียบและเย็นชาฟังดูน่ากลัวเหมือนลาวาที่กำลังจะปะทุออกมา ไป่เซที่โมโหเป็นทุนเดิมอดทนมาตลอดก็ตะคอกออกมาเสียงดังว่า “ แล้วมันใช่อย่างที่ฉันพูดมั้ยล่ะ! ” “ อื่ม!ต่อปากต่อคำเก่งจริงๆเลยนะ ที่คุณถามว่าเขาทำอะไรผม ผมว่าคุณเองน่าจะรู้นะ เพราะคุณคือคำตอบ ” พูดจบไป๋เจิ้นหลงโกรธบึ้นรถอย่างเร็วราวกับคนไร้สติ รถหรูขับเร็วเกินกำหนด ถูกกล้องดักจับได้ตำรวจกำลังไล่ตามเขาอยู่แต่ความเร็วไม่ลดน้อยลงเลย ไป่เซที่นั่งอยู่ในรถแทบจะหยุดหายใจยอมรับว่ากลัวมาก : ผู้ชายคนนี้เกิดบ้านอะไรขึ้นมาเนี่ย : “ นี่คุณ! คุณอยากตายรึไงห๊ะ! ถะ ถ้าอยากตายก็ ก็ไปตายคนเดียวสิลากฉันมาด้วยทำไม ” ไป่เซกลัวจนพูดติดอ่างไป๋เจิ้นหลงไม่มีทีท่าว่าจะชลอความเร็วลงกลับเพิ่มความเร็วขึ้นอีกไป่เซใจเต้นแรงมือไม้สั่นหน้าแดงแล้วหลับตาลงร้อง กรี๊ด! เสียงดัง เธอนึกถึงภาพที่อาของเธอขับรถตกเหวประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตและภาพที่เธอประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซต์เพราะเพื่อนขับเร็ว ตอนนั้นเธอซ้อนท้ายเพื่อนเพื่อนของเธออยู่ๆก็ขับเร็วอย่างกับคนไม่รู้ตัวจะถึงทางโค้งแล้วเธอรู้สึกได้ว่าเพื่อนยังไม่ชลอความเร็วรถลงเลยเธอจึงตะโกนเรียกเพื่อน \" บุญ! ชลอรถหน่อยจะถึงทางโค้งแล้ว บุญ! บุญ! บุญ! \" เพื่อนเหมือนจะไม่ได้ยินพอถึงทางโค้งกำลังจะชนเข้ากับเสาไฟฟ้าไป่เซหวาดกลัวสุดขีดกรีดร้องขึ้น “ กรี๊ดดดดด ” อย่างสุดเสียงเหมือนเพื่อนของเธอจะได้สติขึ้นมารีบหักหลบรถแฉลบหมุนเป็นวงไป่เซกระเด็นออกจากตัวรถลอยไปตกกลางถนนเพื่อนถูกรถทับแต่ไม่เป็นอะไรมากมีแต่ไป่เซที่บาดเจ็บหนักเธอร้องให้มือเท้าสั่นอย่างหวาดกลัว เสียง กรี๊ดดดดด ด้วยความหวาดกลัวอย่างไร้สติมือน้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูออกมาเท้าสั่นจนควบคุมร่างกายไม่ได้ ไป๋เจิ้นหลงเห็นว่าเธอกลัวจริงๆจึงชลอรถแล้วหยุดลงแล้วหันมาจับแขนไป่เซเพื่อเรียกสติเขา “ ไป่ๆ ผมหยุดแล้ว ผมหยุดแล้วคุณลืมตาสิ ไป่ผมขอโทษ ” หลังจากหยุดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาเคาะประตูรถเขา แต่ไป่เซอาการคล้ายกับคนชักไม่มีสติไม่รับรู้อะไรไป๋เจิ้นหลงกลัวมากกลัวไป่เซจะเป็นอะไรไปเขาร้องเรียกชื่อเธอแต่ไร้การตอบสนองสักพักไป่เซก็สลบไป ไป๋เจิ้นหลงลดประตูลงใบหน้าดุร้ายมองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทำเอาตำรวจถึงกับแข็งทื่อไปหมด \" พวกคุณยืนบื้ออะไรกันอยู่รีบเรียกรถพยาบาลเร็วสิ! \" ไป๋เจิ้นหลงตะคอกออกไป ตำรวจเห็นว่ามีคนสลบอยู่จึงรีบดึงสติกลับมาเรียกรถพยาบาลพอรถพยาบาลมาถึงก็รีบนำไป่เซขึ้นรถไป ไป๋เจิ้นหลงโทรหาเจียผิงเฟยแล้วออกคำสั่งว่า “ คุณมาเคลียร์ให้หน่อย ” จากนั้นเขาก็ทิ้งกุญแจรถไว้ใก้ตำรวจขึ้นรถพยาบาลไปกับไป่เซ ในห้องผู้ป่วย ไป๋เจิ้นหลงเล่าเรื่องราวก่อนที่ไป่เซจะสลบไปให้หมอฟังอย่างละเอียด ไป่เซถูกนำตัวไปตรวจ หมอจึงวินิจฉัยว่า “ ผู้ป่วยเกิดจากอาการช็อคทางจิตใจจึงไม่มีปฏิกิริยาการตอบสนอง ที่เรียกกันว่าโรคกลัว(PTSD) โรคนี้เกิดจากผู้ป่วยเคยประสบเหตุการณ์สะเทือนใจหรือหวาดกลัว เป็นภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังพบเหตุการณ์รุนแรง เช่น ผู้ป่วยอาจเคยประสบอุบัติเหตุหรือเคยพบเห็นเหตุการณ์เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง จึงทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกลัวจนเครียดส่งผลต่อสุขภาพจิตใจหยุดการตอบสนองชั่วคราวครับ ” หมอกล่าว \" หมอแล้วเธอมีโอกาสรักษาหายมั้ยต้องทำยังไงครับ \" ไป๋เจิ้นหลงเอ่ยถามอย่างกังวลใจ “ คุณไม่ต้องกังวลหรอกครับโรคนี้จะว่าร้ายแรงก็ไม่ร้ายแรงครับการรักษา คือทำให้ผู้ป่วยสงบลง การรักษาให้ผู้ป่วยเข้าหาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่ร้ายและกระตุ้นซ้ำๆโดยทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้ผู้ป่วยเข้าใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่ต้องคอยให้กำลังใจผู้ป่วย เมื่อผู้ป่วยเข้าใจเกิดการยอมรับกล้าเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหล่านั้นผู้ป่วยจะไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไปครับ ” หมอกล่าว “ ขอบคุณครับคุณหมอ ” ไป๋เจิ้นหลงเริ่มคลายความกังวลลง “ ไม่มีอะไรแล้วขอตัวขอนะครับ หากต้องการอะไรกดออดเรียกได้ตลอดเลย ” หมอพูด ไป๋เจิ้นหลงพยักหน้าแล้วนั่งลงกุมมือไป่เซที่สลบอยู่เขารู้สึกผิดมากที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ “ ไป่ผมขอโทษนะ ถ้าไม่ใช่เพราะผมคุณคงไม่เป็นแบบนี้ คุณรู้มั้ยเมื่อผมรู้ว่าคุณเป็นห่วงคนอื่นผมเจ็บปวดแค่ไหน ที่ผมทำพฤติกรรมไม่ดีกับเขาเพราะผมหึงคุณเวลาที่เขาแสดงความรักต่อคุณผมโกรธมากไม่พอใจเขามาก ผมไม่ชอบให้คุณสนใจผู้ชายคนอื่นผมอยากครอบครองคุณทั้งตัวและหัวใจของคุณคนเดียว ” “ ผมรู้ว่าผมเห็นแก่ตัวพยายามแย่งคุณจากเขาแต่ผมหวังว่าสักวันคุณจะหันกลับมารักผมบ้าง มอบหัวใจให้ผมอีกครั้งเพื่อชดใช้ความผิดที่ผมทำกับคุณเมื่อชาติที่แล้ว ผมอยากจะดูแลหัวใจคุณให้ดี ความรักในชาตินี้ผมมอบให้คุณคนเดียวจะมีแค่คุณคนเดียวผมสัญญา ทั้งหัวใจของผมมีแค่คุณตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอคุณคุณก็เอาหัวใจผมไปหมดแล้ว ผมไม่อาจปล่อยคุณไปได้จริงๆ ” ไป๋เจิ้นหลงพูดราวกับระบายความในใจที่เขามีที่ไม่อาจพูดต่อหน้าไป่เซได้แต่ขณะที่เขาพูดนั้นไป่เซกลับได้ยินชัดทุกคำเพราะเธอรู้สึกตัวแล้ว เมื่อเขาหยุดพูดสักพักไป่เซก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ลึกๆไป่เซเองก็รู้สึกสงสารไป่เจิ้นหลงในชาตินี้แต่เธอมีใจให้มู่มู่มากกว่าตั้งแต่เขาเรียนมหาลัยเธอก็มีมู่มู่คอยเคียงข้างตลอดแม้ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนแต่มู่มู่ยอมอยู่ในสถานะเพื่อน รุ่นพี่มาตลอด4 ปีไม่เคยเปลี่ยน เพราะความรักที่มั่นคงของมู่มู่ตลอด4ปีที่ผ่านมาเอาชนะใจไป่เซได้เกือบทั้งหมดยิ่งรู้เรื่องราวในอดีตชาติเธอยิ่งรักเขาหมดใจยากที่จะเหลือแบ่งไว้ให้ไป๋เจิ้นหลง อาการดีขึ้นไป่เซก็ออกจากโรงพยาบาลเจียผิงเหอขับรถมารับพวกเขากลับบ้าน \" ไป่ช่วงนี้มีคนคอยจ้องจะทำร้ายคุณอยู่คุณไปอยู่บ้านผมก่อนดีไหม \" ไป๋เจิ้นหลงถามอย่างระมัดระวังและอ่อนโยน แต่ไป่เซกลับมีสีหน้าเฉยชาเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า “ ไม่เป็นไร ฉันช่วยเหลือตัวเองได้ ขอบคุณ ” ไป๋เจิ้นหลงไม่พูดอะไรต่อได้แต่นิ่งเงียบบรรยากาศภายในรถอึมครึมและเงียบสงัด เจียผิงเหอเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศอันอึมครึมนั้นลงอย่างรู้งานและเข้าใจเจ้านายที่เป็นเพื่อนสนิทเขาคนนี้ “ คุณไป่ครับงั้นพวกเราขอไปพักบ้านคุณไป่ชั่วคราวนะครับ ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าคนที่จ้องจะทำร้ายคุณจะใช้วิธีการไหน หากคุณเป็นอะไรไปท่านประธานใหญ่ไป๋คงจะไม่อภัยให้พวกเรา ผมอาจจะโดนไล่ออก ตอนนี้ผมมีพ่อแม่น้องสาวที่ผมต้องรับผิดชอบถ้าผมถูกเลิกจ้างผมไม่รู้จะเอาหน้ากลับไปพบพวกเขายังไง ” เจียผิงเหอพูดทำน้ำเสียงน่าสงสารอย่างจริงจัง ไป่เซไม่พูดอะไรความจริงเธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวใกล้ชิดกับไป๋เจิ้นหลงเพราะเรื่องวันนั้นเธอรู้สึกผิดต่อมู่มู่มากพอแล้ว เจียผิงเหอลอบมองไป่เซกับไป๋เจิ้นหลงในกระจกแวบหนึ่งจากนั้นก็พูดต่อไปว่า “ คุณไป่ไม่ตอบผมจะถือว่าคุณไป่ตกลงแล้วนะครับ ” จากนั้นเขาลอบมองไป๋เจิ้นหลงผ่านกระจกทั้งสองยิ้มให้กันไป๋เจิ้นหลงส่งสายตาขอบคุณและชื่นชมเขาไป่เซไม่เห็นเพราะเธอมองออกไปนอกหน้าต่าง แต่ความจริงไป่เซเองก็ไม่อยากให้คนอื่นคนต้องมาเดือดร้อนหรือลำบากเพราะเธอ
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่19 หึงหวง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A