ตอนที่20 ผมจะรอคุณ
1/
ตอนที่20 ผมจะรอคุณ
ลิขิตฟ้าทุกภพชาติรักแค่เธอ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่20 ผมจะรอคุณ
ทางด้านลี่เหม่ยเอินที่อยู่ในห้องทำงานส่วนตัวรับโทรศัพท์จากเบอร์ที่โทรเข้ามาหาเขาแล้วเอ่ยถามคนที่โทรเข้ามาว่า “ ว่าไง ได้ข้อมูลมามั้ย ” “ ครับ เธอชื่อไป่เซ เป็นชนเผ่า จบจากมหาวิทยาลัยT เป็นคนที่คุณชายมู่ตามจีบตั้งแต่เธอเข้ามาเรียนปีหนึ่งส่วนที่อยู่ผมจะส่งให้คุณทางแชทนะครับ ” \" คนที่พี่มู่มู่ตามจีบงั้นเหรอ หึ \" เธอพึมพำอย่างไม่พอใจพร้อมกับผุดความคิดชั่วร้าย แล้วเอ่ยออกไปว่า “ แกส่งคนจับตาดูผู้หญิงคนนั้นไว้ สบโอกาสก็ลงมือจับตัวได้เลย ” “ ครับ ” จบการสนทนา หญิงสาวยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ กดเบอร์ที่คุ้นเคยแล้วโทรออก แต่ไม่มีคนรับสายเธอโทรไปหลายครั้งแต่ก็ไม่มีใครรับสายเหมือนเดิม เธอจึงตัดสินใจขับรถออกจากบ้านไป จินฟากับจินซาขับรถขนกระเป๋าเสื้อผ้าของไป๋เจิ้นหลงมาที่บ้านไป่เซ เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน เขาเห็นรูปตอนเด็กๆของไป่เซที่ตั้งอยู่ในตู้พวกเขาสองคนหยุดชงัดยืนดูแล้วก็มองหน้ากันเอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า “ อวี้เฟิ่ง! เธอคือน้องเล็กของเรา ” จากนั้นเขาก็รีบเข้าไปหาไป่เซที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างตื่นเต้นดีใจแล้วเรียกเธอทันที “ น้องเล็ก ” จินฟาเอ่ย “ ศิษย์น้อง ” จินซาเอ่ย ไป่เซเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยก็รีบหันไปมองอย่างประหลาดใจ “ เป็นพวกพี่จริงๆ พี่ๆมาได้ยังไงคะ ” ไป่เซถามขึ้นอย่างตื่นเต้นดีใจ เผยรอยยิ้มอันสดใสไป๋เจิ้นหลงที่อยู่ชั้นบนเดินลงมาเห็นรอยยิ้มอันสดใสน่ารักมีเสน่ห์ของไป่เซเขาก็เหมือนตกอยู่ในมนต์สะกดของหญิงงามยืนนิ่งยิ้มอ่อนโยนมองไปยังใบหน้าสวยที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขอย่างเคลิบเคลิ้มหฤทัย ชายหนุ่มทั้งสองยิ้มอย่างอบอุ่นจินซาจึงพูดขึ้นว่า “ ก็มาอาศัยอยู่ที่นี่ไง เอ้ แต่ไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะใจดีให้เราสองคนอยู่มั้ยน้ะ ” จินซายิ้มแล้วพูดพลันเหลือบมองไปยังจินฟาแวบหนึ่งแล้วมองไปยังไปเซ ไป่เซยิ้มแล้วกดไหล่ทั้งสองให้นั่งลงบนโซฟาอย่างสนิทสนม “ พี่รอนี่นะ เดี๋ยวจะให้ป้าจิ่วไปจัดเตรียมห้องให้ค่ะ ” จากนั้นเธอก็หมุนตัวเดินไปยังห้องครัวที่ป้าจิ่วอยู่ทันที “ ป้าจิ่วคะ รบกวนป้าช่วยเตรียมห้องให้หนูอีกห้องหนึ่งนะคะเอาห้องที่ติดกับห้องหนูเลยก็ได้ค่ะ ” ไป่เซกล่าว ป้าจิ่วทำจิ่วทำหน้าลำบากใจไป่เซสังเกตเห็นจึงเอ่ยถามขึ้น “ มีอะไรรึเปล่าคะ ” “ เอ่อ คุณหนู คือ…ห้องที่ติดกับห้องของคุณหนูคุณชายไป๋เขาจองไว้แล้วค่ะ และยังบอกอีกว่าเป็นห้องส่วนตัวของเขาห้ามใครที่ไม่ได้รับอนุญาติจากเขาเข้าอยู่เด็ดขาดค่ะ ” ป้าจิ่วพูด “ เขากล้าดียังไงนี่มันบ้านฉันเขามีสิทธิอะไรมาพูดแบบนี้ ” ไป่เซพูดขึ้นอย่างโมโหแล้วก็หมุนตัวกลับไปแต่ป้าจิ่งดึงมือเขาไว้แล้วพูดว่า “ เอ่ย…คุณหนูใจเย็นๆนะคะ งั้นเอางี้มั้ยคะให้เพื่อนคุณหนูอีกสองคนนอนห้องถัดไปดีมั้ยคะยังไงก็อยู่ชั้นเดียวกันค่ะ ” ไป่เซหันไปมองหน้าป้าจิ่วแล้วจับมือเขาเบาๆพูดขึ้นว่า “ ได้ค่ะ รบกวนป้าด้วยนะคะ ” “ ค่ะคุณหนู่ ” ป้าจิ่วยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเดินขึ้นไปทำความสะอาด ไป่เซกลับไปยังห้องรับแขก เธอไม่อยากอารมณ์เสียเพราะวันนี้เธอได้เจอกับพี่ๆของเธอ “ น้องเล็กพวกพี่เอาของขึ้นไปเก็บให้คุณชายก่อนนะ ” จินฟาพูด ไป่เซขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าสองหนุ่มหมายถึงใคร “ คุณชาย คุณชายอะไร พี่คงไม่ได้หมายถึงไป๋เจิ้นหลงหรอกนะ ” ไป๋เจิ้นหลงที่ยืนอยู่ตรงบันไดพอได้สติก็เดินลงมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า \" ถ้าหมายถึงผมจะทำไมเหรอครับ \" จินฟาและจินซายิ้มจากนั้นก็เดินขึ้นไปเก็บกระเป๋าสัมภาระให้คุณชายของเขาข้างบน “ ก็ไม่ทำไมหรอกแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่ไปขนมาเองหรือว่าคุณไม่มีมือมีเท้าแล้ว ” ไป๋เจิ้นหลงมองเธอแต่ไม่เอ่ยอะไรแต่กลับเอ่ยในใจว่า : ผู้หญิงคนนี้นี่ เพิ่งจะหายป่วยก็มีแรงพูดจาแดกดันกันแล้ว เห็นทีต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว : ไป๋เจิ้นหลงส่งเสียง “ หึ ใช่ผมไม่มีมือไม่มีเท้าดังนั้น ” ไป๋เจิ้นหลงยิ้มเจ้าเล่ห์ค่อยๆก้าวเข้ามาชิดไป่เซ ไป่เซถอยหลังไปทีละก้าวๆจนชนเข้ากับโซฟาล้มลงบนโซฟา ไป๋เจิ้นหลงก้มพร้อมกับโน้มตัวลงมือทั้งสองจับไหล่ไป่เซทั้งสองสบตากันสักพักไป๋เจิ้นหลงจึงเอ่ยเสียงเบาข้างหูไป่เซว่า “ วันนี้คุณต้องดูแลปรนิบัติผมให้ดีๆ ป้อนข้าว อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมเข้าใจมั้ย ” ไป๋เจิ้นหลงยิ้มมุมปากอย่างคนมีชัย จากนั้นก็นั่งลงบนโซฟาเอ็นตัวเอียงคอจะพิงไหล่ไป่เซ แต่ไป่เซลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วแก้มหญิงสาวร้อนผ่าวแต่เธอก็เก็บอาการเก่งยืนนิ่งๆแล้วหันไปยังไป๋เจิ้นหลงอย่างเย็นชาว่า \" เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้รักษาอาการป่วยทางจิตให้คุณนะคะ : พูดจบเธอหมุนตัวออกไปแต่มือใหญ่คู่นั้นกลับจับข้อมมือเธอแล้วดึงเธอลงมานั่งบนตักแล้วจู๊บเข้าที่ริมฝีปากไป่เซหนึ่งที ไป่เซตกใจเบิกตากว้าง แก้มแดงระเรื่อ เลือดในหัวใจสูดฉีดอย่างแรง เธอมองไปรอบๆสำรวจดูเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น ไป๋เจิ้นหลงยิ้มอย่างพึงพอใจมือใหญ่โอบกอดเอวไป่เซไว้แน่น เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นไป่เซจึงเอ่ยว่า “ ปล่อยนะ! คนบ้า ฉวยโอกาส คนโรคจิต ” ณ เวลานี้ไป่เซนึกคำพูดอะไรไม่ออกแล้ว นอกจากคำพวกนี้ ไป๋เจิ้นหลงไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรกอดเธออย่างมีความสุขและพอใจที่สุด จ้องมองไปยังใบหน้าของหญิงสาวแล้วยิ้มอย่างอบอุ่น : ผู้หญิงคนนี้เวลาเขิน ช่างน่ารักจริงๆ : ไป๋เจิ้นหลงพูดพึมพำอยู่ในใจ : ทำไมใจต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วยนะ : ไป่เซพึมพำในใจ “ รู้สึกว่าทุกครั้งที่คุณใกล้ชิดผมหัวใจคุณจะเต้นแรงและเร็วทุกครั้งเลยนะ คุณตกหลุมรักผมเข้าแล้วใช่มั้ย ฮื้ม! ” ไป๋เจิ้นหลงเลิกคิ้วขึ้นใบหน้าหล่อเหลาตอนนี้ดูอ่อนโยน อบอุ่น อย่างน่าหลงไหล ไป่เซดูลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินไป๋เจิ้นหลงพูดเช่นนั้นจึงรีบปฏิเสธทันที “ ไม่จริง คุณอย่าเข้าใจผิด หลงตัวเองไปหน่อยเลย ปล่อย! ” จากนั้นไป๋เจิ้นหลงยิ้มแล้วก็ปล่อยมือที่กอดเอวไป่เซ ไป่เซก็ลุกแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนไป๋เจิ้นหลงมองแผ่นหลังหญิงสาวที่ก้าวออกไปก็เอ่ยขึ้นว่า “ คืนนี้ อย่าลืมมาอาบน้ำให้ผมล่ะ ” ไป่เซเดินกลับขึ้นไปยังห้องของเธออย่างเร็ว เมื่อเข้าไปในห้องแล้วเธอเอามือจับไปที่หัวใจที่เต้น ตุบ ตุบ ตุบ แล้วนั่งลงบนเตียง จินฟาจินซาและเจียผิงเหอลงหลังจากเก็บเข้าของไปไว้ในห้องเรียบร้อยก็ลงมาชั้นล่าง เมื่อไป๋เจิ้นหลงเห็นจินหากับจินซาลงมาก็เรียกให้มาหาทั้งสองเดินมายืนอยู่ข้างหน้าเขาห่างประมาณสามก้าวใหญ่ไป๋เจิ้นหลงนั่งบนโซฟาเอ่ยขึ้นว่า “ พวกนายสองคนรู้จักเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ” ทั้งสองคนมองกันอย่างประหลาดใจ : อยู่ๆคุณชายถามแบบนี้คงไม่ใช่เพราะหึงที่พวกเราสนิทสนมกันกับน้องเล็กหรอกนะ : “ เอ่อ ตั้งแต่ตอนที่เธอยังเด็ก ฝึกวรยุทธ์ที่เขาหัวซานด้วยกันครับ ” จินฟาพูด “ อ๋อ…อืม พวกนายคงสนิทสนมกันมากเลยสินะ ” “ ครับ อยู่ด้วยกันหลายปีเป็นธรรมดาที่สนิทสนมกันครับ ” จินซาพูด “ แล้วเธอเอาเวลาไหนไปฝึกวรยุทธ์ล่ะ ” ไป๋เจิ้นหลงมีความสนใจในตัวไป่เซมากขึ้นไปอีกอยากจะรู้เรื่องราวของเธอทุกอย่าง “ ตอนนั้นท่านประธานใหญ่พาเธอมาเรียนวรยุทธ์ช่วงปิดเทอม เวลาอยู่บนเขาหัวซานก็มีพวกเราคอยดูแลเป็นคู่ซ้อมเพลงดาบให้ครับ ” จินฟากล่าว “ งั้นก็แสดงว่าเธอรู้จักกับคุณปู่นานแล้ว ไม่น่าล่ะคุณปู่ทั้งรักทั้งหวง ” “ ใช่ครับ ท่านประธานใหญ่ไป๋รักและเป็นห่วงน้องเล็กมากตอนที่น้องเล็กยังเด็กอายุประมาณ 13-18 ปี เวลามาฝึกวรยุทธ์ที่จีนท่านประธานใหญ่จะเป็นคนไปรับไปส่งน้องเล็กด้วยตนเองตลอดเลยครับ น้องเล็กเป็นคนหน้าตาสวยน่ารัก ใครเห็นต่างก็ชอบ เพียงแต่บางทีเธอจะดูหยิ่งนิด เย็นชาหน่อย ถ้าอยู่กับคนไม่สนิทเธอแทบจะไม่พูดเลย คนที่ไม่รู้รู้จักเธอก็จะคิดว่าเธอเป็นคนเย่อหยิ่งเย็นชาแต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนสดใสร่างเริ่งมากๆครับ ” จินซากล่าว : งั้นก็แสดงว่าที่เธอทำตัวหยิ่งๆทำตัวเย็นชาใส่เราเพราะเธอถือว่าเราไม่สนิทกันงั้นเหรอหรือว่าเพราะเรื่องในอดีตชาติ : “ ก่อนหน้านี้ทำไมถึงไม่บอกละว่ารู้จักกัน หรือว่าพวกนายต้องการปิดบังอะไรฉันกันแน่ ” ไป๋เจิ้นหลงพูดพร้อมกับจ้องจับผิด สายตาดุจพยาเหยี่ยวลุ่มลึกดำขลับทรงเสน่ห์น่าเกรงขามคู่นั้นทำเอาทั้งสองรู้สึกเย็บวาบเสียวสันหลังแปลกๆ เมื่อไป๋เจิ้นหลงพูดเช่นนั้นทั้งสองก็รีบปฏิเสธพร้อมกันทันที “ ไม่กล้าครับ \" ทั้งสองเอ่ย จากนั้นจินฟาก็รีบอธิบายว่า “ ครับคุณชาย พวกเราไม่มีอะไรปิดบังคุณชายแน่นอนครับเพียงแต่ก่อนหน้านี้พวกเราสองคนก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าน้องเล็กคือคนเดียวกันกับคุณหนูไป่เซหรือเปล่า พวกเรารู้จักเขาในนามอวี้เฟิ่งแต่ไม่เคยทราบชื่ออื่นเลย แม้พวกเราจะรู้สึกว่าหน้าคล้ายแต่พวกเราก็ไม่กล้าฟันธงว่าคือคนเดียกัน อีกอย่างน้องเล็กเองก็ไม่เคยทักทายพวกเรายังกับไม่เคยรู้จักกันพวกเราเลยไม่กล้าพูดว่ารู้จักกันมาก่อน จนวันนี้พวกเราได้เห็นรูปตอนเด็กของเธอเลยมั่นใจว่าคุณหนูไป่เซคือน้องเล็กของพวกเราครับ ” “ จะเป็นไปได้ไหมว่าเพราะเราใส่แว่นน้องเล็กเลยจำพวกเราไม่ได้ ” จินซามองหน้าจินฟาที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วเอ่ยขึ้น จินฟายังไม่ทันตอบไป๋เจิ้นหลงก็พูดขึ้นว่า “ อืมมีความเป็นไปได้ที่เธอจำพวกคุณไม่ได้เพราะไม่ได้สังเกตใบหน้าพวกคุณอย่างชัดเจนหรือจะพูดตรงๆก็คือเขาไม่ได้สนใจพวกคุณ ” ทั้งสองมองตากันแวบหนึ่งแล้วยิ้มให้กันเล็กน้อย ขณะที่ไป๋เจิ้นหลงหันไปทางอื่นจินซาเอ่ยกระซิบเสียงเบาว่า “ ไหงเป็นงี้ไปได้ คุณชายท่าจะตกหลุมรักน้องเล็กเอามาก ” จินฟายักคิ้ว คิดได้แบบนี้ไป๋เจิ้นหลงก็โบกมือชายหนุ่มทั้งสองรู้เรื่องจึงถอยออกไปทันที เจียผิงเหอก็เอ่ยขึ้น \" พรุ่งนี้คุณประมีประชุมออนไลน์ตอน10:00 น. เช้านะครับเมื่อถึงเวลาจะเตือนคุณอีกที \" “ อืม นายไปพักผ่อนเถอะ ” ไป๋เจิ้นหลงบอกให้เจียผิงเหอไปพักจากนั้นเขาก็ขึ้นไปชั้นบน ทางด้านอันอันกำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟกับเพื่อนทั้งสองสนธนากันอย่างสนิทสนม “ ฉันได้ข่าวว่าช่วงก่อนหน้านี้เธอเดทกับทายาทนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ของประเทศจีนจริงหรือเปล่า ” เพื่อนสาวอันอันเอ่ยถาม อันอันยิ้มแล้วพูดว่า “ เธอรู้ได้ยังไง ” “ ฉันได้ยินพวกนักข่าวเขาคุยกัน ในเร็วๆนี้ข่าวเธอคงจะดังกระหึ่มโซเชียลแน่เลย ” อันอันแสร้งทำเป็นตกใจพร้อมกับเอ่ยขึ้น “ อย่าบอกนะว่าพวกนักข่าวแอบถ่ายฉันกับเจิ้นหลง ” พูดจบเธอก็รีบเอามือปิดปากเพื่อดึงความสนใจของเพื่อน “ เธอว่าอะไรนะ ทายาทนักธุรกิจคนนั้นชื่อ เจิ้นหลงเหรอ ใช่ไป๋เจิ้นหลงทายาทนักธุรกิจยักษ์ใหญ่ของจีนที่มีธุรกิจครอบคลุมทั่วทั้งเอเชียและยุโรปหรือเปล่า ” เพื่อนของอันอันถามอย่างตื่นเต้น “ อืม ” อันอันตอบ “ เธอนี่โชคดีจังเลยนะได้เดทกับผู้ชายรวยระดับโลกอย่างคุณไป๋เจิ้นหลง พวกเธอสองคนพัฒนาไปถึงไหนแล้ว เป็นแฟนกันยัง ” เมื่อฟังคำถามของเพื่อนจบอันอันก็ทำหน้าหมองลงปนเศร้าแล้วเอ่ยขึ้น “ ยังไม่ได้เป็นแฟนกันอ่ะ แต่ตอนนี้เหมือนเขาจะมีผู้หญิงที่ชื่อไป่เซเข้ามาพัวพันในชีวิตเขา ” “ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครเหรอชาติตระกูลดีมั้ย ฟังจากชื่อไม่น่าจะใช่คนไทยนะ เป็นคุณหนูจีนตระกูลไหนล่ะ ” เพื่อนอันอันเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “ เธอไม่ใช่คุณหนูสูงส่งอะไรหรอกไม่มีฐานะอะไรด้วยซ้ำเธอเป็นแค่หญิงชนเผ่าคนหนึ่งที่จบจากมหาวิทยาลัยTน่ะ ” อันอันเอ่ย “ หรอเธอสวยมั้ยเป็นพริตตี้หรือเปล่า ส่วนใหญ่พวกคนรวยมักจะควงพริตตี้เล่นๆน่ะข้อนี้เธอต้องทำใจ ” แน่นอนว่าอันอันไม่มีทางบอกเพื่อนเธอแน่ว่าไป่เซนั้นงดงามแค่ไหนจุดประสงค์ของเธอคือต้องการให้เพื่อนนำข่าวไปเขียนตีพิมพ์เผยแพร่เรื่องระหว่างเธอกับไป๋เจิ้นหลง เพื่อนของเธอเป็นบอสใหญ่ของสำนักข่าวช่องA “ ไม่ใช่พริตตี้ \" อันอันเอ่ย “ เป็นแค่หญิงชนเผ่าคนหนึ่งไม่มีฐานะอะไรเธอจะไปกังวลทำไม ดูเธอสิทั้งดังทั้งรวยทั้งสวยเพรียบพร้อมซะขนาดนี้ คนในวงการไม่มีใครเทียบได้เลยสักคน ฉันเชื่อว่าถ้าคุณไป๋เจิ้นหลงต้องเลือกเธออยู่แล้ว แต่ฉันก็ชักอยากจะรู้จริงๆว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงทำเธอถึงกับไม่มั่นใจในตนเองแบบนี้ ” “ อ้อ!อาทิตย์หน้าจะมีงานอีเว้นท์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ของบริษัท D ช่วงนี้คุณไป๋เจิ้นหลงอยู่เมืองไทยใช่มั้ยฉันจะให้ประธานบริษัทDเชิญเขามาด้วย ” เพื่อนอันอันกล่าว \" อืม \" อันอันตอบเพียงสั้นๆจากนั้นเพื่อนของเขาก็ยกกาแฟขึ้นมาดื่มแล้วพูดว่า “ วันนี้ออกมานานแล้วยังมีงานที่ต้องเคลียร์ที่บริษัทอีกเยอะฉันไปก่อนนะว่างๆค่อยนัดกันใหม่ ” “ โอเคจ้ะ ” เพื่อนเขาก็เดินจากไปเหลือเพียงเธอคนเดียวที่นั่งอยู่ในมุมหนึ่งของร้านกาแฟแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกไปยังเบอร์เบอร์หนึ่งเมื่อปลายสายกดรับสายเธอก็เอ่ยถามขึ้นว่า “ สืบได้อะไรมาบ้างมั้ย ” \" เอ่อ ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเลยครับ \" “ นี่เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วนะยังไม่มีข้อมูลอะไรเพิ่มเลย คุณไม่ต้องสืบแล้ว ไม่ได้เรื่อง ” อันอันพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเธอกำลังอารมณ์เสียจากนั้นก็กดวางสายไป : หรือว่าเราจะบุกไปยังบ้านของนังนั่น แต่มันก็ไม่ใช่เป็นความคิดที่ดีอะไรหากนังนั่นแจ้งความข้อหาบุกรุก เป็นเราที่เสียหาย นางไป่เซนางคนป่าเธอใช้มายาอะไรหลอกให้คุณไป๋หลงกันนะ : อันอันพึมพำด้วยความโมโหและอิจฉาริษยา ค่ำคืนที่ความมืดเข้าปกคลุมแสงไฟสว่างสไหวทั่วทุกพื้นที่หากมองมุมสูงในระดับของการบินของเครื่องบินมองลงมายังพื้นโลกความสว่างไสวของแสงไฟนั้นราวกับดาวบนท้องฟ้าที่ส่องประกายสวยงามยามค่ำคืน ในบ้านหลังหนึ่งกำลังจัดเตรียมมื้อค่ำ โต๊ะเล็กๆรูปทรงวงรีสีขาวถูกจัดวางอยู่ตรงกลางห้องโถง บนพื้นห้องสีขาวนั้นเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบแดง เชิงเทียนรูปกุหลาบถูกจัดวางอยู่ตรงกลางโต๊ะอาหาร บนโต๊ะโรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงทั่วห้องส่งกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกกุหลาบ รอบๆห้องมีเชิงเทียนถูกจัดวางไว้อย่างสวยงาม อาหารถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย อาหารบนโต๊ะมีแต่ของโปรดของหญิงสาว ชายหนุ่มทั้งสี่คนจัดเตรียมตกแต่งมื้อค่ำนี้ให้ออกมาดูอบอุ่นโรแมนติกจากนั้นพวกเขาเริ่มจุดเทียนทั้งหมดแล้วก็ไล่ปิดไฟจนหมด แสงเทียนส่องสว่างนวลๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่น โรแมนติก ไป๋เจิ้นหลงนั่งลงบนโต๊ะ สวมใส่ชุดธรรมดาเข้ากับหุ่นและตัวเขาเป็นอย่างดีดูหล่อเหล่ามีเสน่ห์ไปอีกแบบ เขาหันไปพูดกับป้าจิ่วว่า \" คุณขึ้นไปตามคุณหนูไป่ลงมาทานข้าวได้แล้วละ \" “ ค่ะ ” ป้าจิ่วขึ้นไปเคาะประตู “ ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ” “ คุณหนูคะได้เวลาอาหารมื้อค่ำแล้วค่ะ ” “ ค่ะจะลงไปเดี๋ยวนี้ค่ะ ” ไป่เซที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ก็วางหน้าสือลงแล้วเปิดประตูห้องออกมาเธอตกใจและแปลกใจมากเมื่อเห็นชั้นล่างนั้นมืดสนิทเหลือเพียงแต่แสงเทียนส่องสว่างสีนวลให้ความรู้อบอุ่นสึกโรแมนติก เธอรู้สึกว้าวเมื่อเห็นทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ ส่งกลิ่นหอมฟุ้งทั่วห้องดวงตาสวยใสคู่นั้นลุกวาวเป็นประกาย ไป่เซตะลึงในบรรยากาศห้องอาหารในบ้านของเธอวันนี้เผยรอยยิ้มสวยๆสดใสออกมาอย่างลืมตัวพร้อมกับเอ่ยว่า “ ว้าววิเศษไปเลย ” เมื่อเธอนั่งลงป้าจิ่วก็เริ่มตักข้าวให้เธอ เธอจึงได้สติกลับมามองอาหารบนโต๊ะแล้วเอ่ยว่า “ ว้าวมีแต่ของโปรดหนูเลยค่ะ เอ๊ะ! ทำไมวันนี้ป้าทำแต่อาหารที่หนูชอบคะ ” ป้าจิ่วยิ้มเหลือบมองไปทางไป๋เจิ้นหงแวบหนึ่งแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ คุณหนูชอบก็ดีแล้วค่ะทานให้อร่อยทานเยอะๆเลยนะคะ ” ไป่เซยิ้มกำลังจะก้มหน้าทานข้าวเขารู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองเขาตั้งนานแล้วแต่ไม่ส่งเสียงอะไรออกมาเธอจึงเงยหน้ามองเขาสบตาเข้ากับสายตาอันทรงเสน่ห์คู่นั้นทั้งสองราวกับตกอยู่ในภวังใต้แสงเทียน : เอ๋ทำไมวันนี้ผู้ชายคนนี้ถึงดูหล่อมีเสน่ห์อบอุ่นอ่อนโยนเช่นนี้ : ไป่เซพึมพำในใจ : ในที่สุดฉันก็ทำให้เธอเผยรอยยิ้มสวยๆอันสดใสน่ารัก เธอช่างสวย งดงามราวกับเทพธิดาบนสวรรค์จริงๆ : ไป๋เจิ้นหลงพึมพำในใจแล้วเผลอพูดออกไปว่า “ เทพธิดาน้อยของฉัน ” ไป่เซได้สติกลับมาก็ส่ายหัว : ไม่ๆๆๆ นี่เรากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย : จากนั้นไป่เซก็ละสายตาจากไป๋เยิ้นหลงแล้วปรับสีหน้าแววตาให้กลับมาเป็นปกติเอ่ยขึ้นว่า “ ทานข้าวเถอะ ” \" อื้ม \" ไป๋เจิ้นหลงตอบ ไป๋เจิ้นหลงยิ้มแล้วตักอาหารให้ไป่เซ : ผู้ชายคนนี้มาไม้นี้มันหมายความว่ายังไงวางแผนจะทำอะไรหรือเปล่า ช่างเหอะกินใก้อิ่มท้องก่อนค่อยรับมือกับแผนการของเขา : เวลานี้ 20:00 แล้วไป่เซไม่อยากกิคเยอะเพราะเธอหิวมากขึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าว วันนี้เธอทานข้าวเยอะมากอาจจะเพราะบรรยากาศมันได้บวกกับอาหารล้วนเป็นของโปรดเธอจึงทานเยอะเป็นพิเศษ ทั้งสองทานอาหารด้วยกันจนอิ่มไป่เซเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าพี่ทั้งสองของเธอก็อยู่บ้านเธอจึงเอ่ยถามขึ้นว่า “ พี่จินฟาพี่จินซาล่ะพวกเขาทานข้าวหรือยัง ” “ วันนี้ฉันอนุญาตให้พวกเขาออกไปเที่ยวน่ะ ” “ ทำไมอยู่ๆคุณถึงใจดีกับพวกเขาขึ้นมาล่ะ มีแผนอะไรหรือเปล่า ” ไป่เซเอ่ยถามอย่างสังสัยเพราะเธอไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างไป๋เจิ้นหลงจะใจดีอ่อนโยนไม่หาเรื่องเธอ “ เนี่ยแหละแผนของผม ก็คือการได้นั่งทานข้าวกับคุณใต้แสงเทียน สองต่อสอง ” “ มีแผนอย่างอื่นอีกมั้ย พูดมาให้หมด ” ไป่เซเริ่มใช้เสียงสองบังคับให้เขาพูดแผนการแต่วันนี้ไป๋เจิ้นหลงแค่อยากทานข้าวกับเธอสองคนจริงๆ : ผู้หญิงคนนี้จะเลิกระแวงมองเราในทางที่ดีบ้างไม่ได้หรือไง ไอ่เราอุตส่าห์ลงทุนเข้าครัวทำอาหารให้ด้วยตนเอง : เมื่อไป่เซยิงคำถามนี้มาไป๋เจิ้นหลงกลับพูดยั่วว่า “ บอกคุณก็ไม่สนุกสิ ” ยิ้มมุมปาก “ ฉันอิ่มแล้ว ขอตัว ” ไป่เซทำสีหน้าเรียบพูดน้ำเสียงเย็นชา เตรียมขยับเก้าอีกลุกไป๋เจิ้นหลงเดินมากดไหล่เขาให้นั่นลงดังเดิม จากนั้นไป๋เจิ้นหลงก็ยกมือขึ้น ป้าจิ่วนำช่อดอกกุหลาบหลากสีแต่เน้นสีแดงช่อใหญ่ออกมายื่นให้ไป๋เจิ้นหลงจากด้านหลัง จากนั้นไป๋เจิ้นหลงก็โน้มตัวลงพร้อมกับเอาช่อดอกไม้นี้มอบให้ไป่เซ เธอตะลึงงันสายตาจ้องช่อกุหลาบไม่กะพริบแล้วค่อยๆยืนขึ้น มีการ์ดใบหนึ่งเธอจึงเปิดอ่านข้างในเขียนว่า “ เป็นแฟนผมนะ ผมรักคุณ ” ไป่เซอึ้งนิ่งเงียบทำอะไรไม่ถูกสมองเธอทำงานอย่างหนักเพราะอยู่ๆไป๋เจิ้นหลงมาสารภาพรักขอเธอเป็นแฟนแถมยังยืนอยู่ข้างหลังเธออย่างใกล้ชิดมือทั้งสองข้างของเขาโอบกอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง : นี่เรากำลังทำเรื่องผิดต่อมู่มู่เพิ่มหรือเปล่า เรากำลังทำร้ายหัวใจมู่มู่ทำร้ายความรักที่มู่มู่มีต่อเราเหรอ ไม่ได้แบบนี้ไม่ได้ : เมื่อคิดได้เช่นนี้ไป่เซจึงแกะมือไป๋เจิ้นหลงออกแล้วหันไปมองคืนดอกกุหลาบแล้วพูดว่า “ ขอโทษด้วย ฉันไม่อาจทรยศหรือทำร้ายหัวใจของมู่มู่ได้ ” พูดจบเธอก็เดินจากไปขึ้นไปบนห้องของเธอ แต่ครั้งนี้ขณะที่เธอเดินขึ้นห้องเธอรู้สึกแปลกอยู่ๆก็แน่นหน้าอก ใจสั่นไม่หยุด และรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ : เราเป็นอะไร ทำไมถึงรู้สึกเจ็บแบบนี้ : ไป่เซคิดในใจ ไป๋เจิ้นหลงยืนนิ่งราวกับร่างไร้วิญญาคำตอบของไป่เซเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจของเขา ใบหน้าอันหล่อเหลาเศร้าหมองลงหัวใจของเขาราวกับแตกสลายเป็นชิ้นๆ เขาเจ็บปวดใจมาก ความเจ็บปวดนี้แทบจะทำเขาหมดสติ จากนั้นเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้เรียกป้าจิ่วมาแล้วยื่นเงินให้ป้าจิ่วจำนวนหนึ่งแล้วเอ่ยว่า : คุณไปซื้อไวท์มาให้หน่อย \" ป้าจิ่วรับเงินจำนวนนั้นก็ออกไปซื้อไวท์ให้ทันทีขนไวท์กลับมาเต็มท้ายรถหลากหลายแบรนด์ดังแล้วนำไวท์มาให้แล้วพูดขึ้นว่า “ คุณชายคะ ให้เวลาคุณหนูหน่อยนะคะ ตอนนี้คุณหนูอาจจะกำลังสับสนอยู่ ดิฉันคิดว่าสักวันคุณหนูจะหันมาสนใจคุณชายเองค่ะ ” ไป๋เจิ้นหลงไม่พูดไม่ตอบอะไรรินไวท์ลงแก้วแล้วยกดื่มๆจนเวลาเที่ยงคืนขวดเบียร์ขวดไวท์เกลื่อนกลาดเรี่ยรายเต็มไปหมดดื่มเยอะจนเมามายแทบจะไม่ได้สติเขาพร่ำเพ้อพึมพำอยู่คนเดียวผมเผ้ายุ่งเหยิงเมื่อเขานึกถึงไป่เซเขาก็เดินโซซัดโซเซขึ้นไปชั้นบนไปเคาะประตูห้องของเธอแต่ภายในห้องกลับไม่มีการตอบสนองใดๆ “ หึ ในที่สุดคุณก็เลือกเขา ต่อให้ผมทำดีต่อคุณแค่ไหนคุณก็ไม่มีทางเลือกผม เพราะผมเป็นคนที่ทำร้ายคุณเมื่อชาติก่อน ไม่สิไม่ถูกๆเรามัวทำอะไรอยู่ชาติที่แล้วก็ส่วนชาติที่แล้ว ชาตินี้ก็ส่วนชาตินี้ ทำไมจะต้องมาตามตื้อผู้หญิงเย็นชาอย่างเธอด้วย ทำไมเราต้องมาหลงรักผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างเธอด้วย ไป่คุณมันไม่มีหัวใจ ” บ่นจบเขาก็ล้มตัวนอนลงหน้าประตูไป่เซ สักพักเสียงก็เงียบไปไป่เซที่อยู่ในห้องก็เปิดประตูออกมาดูก็พบร่างกายสูงใหญ่นอนบนพื้นไป่เซพยายามทำใจแข็งไม่สนใจกำลังจะปิดประตูก็รู้สึกผิด เธอนั่งยองๆมองไปยังใบหน้าได้รูปหล่อเหลาของเขานั่งจ้องไปสักพักจึงเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ คุณพูดถูกชาติที่แล้วก็ส่วนชาติที่แล้ว ” พูดจบเธอก็ลากไป๋เจิ้นหลงเข้าไปในห้องของเธอเอาเตียงเสริมนุ่มๆเล็กๆหนาประมาณสองนิ้วมาปูพื้นกับหมอนหนึ่งใบแล้วลากร่างสูงใหญ่เข้าไปในบนเตียงเสริมที่เตียมไว้เอาผ้าห่มมาห่มให้เขาจากนั้นเธอก็ลงไปเตรียมเครื่องดื่มแก้แฮงค์ เธอต้มน้ำแล้วหั่นขิงเป็นกลีบๆใส่ลงไปในน้ำที่กำลังต้มระหว่างนั้นก็คั้นเอาน้ำมะนาวใส่ถ้วยไว้พอน้ำขิงเดือดส่งกลิ่นหอมก็ยกลงมาเทใส่แก้วจากนั้นก็แล้วใส่น้ำตาลทรายแดง1ช้อนชาไม่ให้หวานเกินไปเธอคนไปเป่าไปจนน้ำขิงอุ่นก็ใส่น้ำมะนาวกับน้ำผึ้งลงไปคนจนเข้ากันแล้วเธอก็ยกขึ้นไปบนห้องเพื่อป้อนแก่ไป๋เจิ้นหลง ความจริงไป๋เจิ้นหลงเริ่มรู้สึกตัวตั้งแตตอนที่ไป่เซเปิดประตูเข้ามาแต่เขาก็แกล้งไม่รู้สึกตัวเพื่ออยากรู้ว่าหญิงสาวจะห่วงเขาแค่ไหน เธอค่อยๆป้อนสมุนไพรอุ่นๆให้กับเขาจากนั้นก็นำผ้ามาชุบน้ำอุ่นเช็ดใบหน้า ลำคอ มือและเท้า : อย่างน้อยคุณก็ยังเป็นห่วงผม ผมรอได้รอวันที่คุณพร้อมมอบหัวใจให้ผมดูแลอีกครั้ง : ไป๋เจิ้นหลงคิดในใจ ไปเซเตรียมจะลุกขึ้นไป๋เจิ้นหลงจับข้อมือเธอเอาไว้แล้วดึงตัวเธอลงมามือของชายหนุ่มจับเข้าที่ท้ายทอยหญิงสาวกดลงมาแล้วจูบเข้าที่ริมฝีปากของไป่เซหนึ่งทีเธอตกใจจนอึ้งไปชั่วขณะ แสร้งทำท่าสึมสลือ แล้วพูดว่า “ ผมจะรอคุณ….กลับมา..รัก… ” จากนั้นก็ปล่อยมือออกแล้วหลับไป ไป่เซที่อยู่บนตัวเขาอึ้งและงงมากจากนั้นก็ลุกออกจากตัวของไป๋เจิ้นหลง : นี่เขาไม่รู้สึกตัวจริงเหรอ : “ ตาบ้า นน่าจะปล่อยให้นอนนอกห้องซะตั้งแต่แรก ฉวยโอกาส ” ไป่เซพึมพำ เธอหันหลังไปเก็บภาชนะแล้วก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้านอนไป๋เจิ้นหลงหลับไหลไปจริงๆเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทั้งสองนอนห้องเเียวกันทั้งคืน ตอนเช้าตรู่มู่มู่ส่งข้อความให้ไป่เซ เธอเปิดอ่านข้อความเขียนว่า “ มอร์นิ่งไป่ ตื่นหรือยัง” เธอจึงพิมพ์ตอบกลับไปว่า “ มอร์นิ่งค่ะ ตื่นแล้ว ” มู่มู่อ่านข้อความแล้วยิ้มพิมพ์ต่อไปว่า “ วันนี้วันพระเราไปใส่บาตรที่วัดกันดีไหม ” ไป่เซพิมพ์ตอบไปว่า “ ก็ได้ค่ะ ” มู่มู่ก็พิมพ์ต่อว่า “ เดี๋ยวผมจะออกไปรับนะครับ ” ไป่เซตอบไปว่า “ ได้ค่ะ ” จากนั้นเธอก็วางโทรศัพท์ลงแล้วลุกจากเตียงไปอาบน้ำแต่งตัวในห้องอาบน้ำแล้วก็หยิบกระเป๋าโทรศัพท์ออกจากห้องไปทิ้งให้ไป๋เจิ้นหลงนอนอยู่ในห้องของเธอคนเดียวบนพื้น เมื่อเธอลงไปป้าจิ่วก็ทายทายเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนู ” “ อรุณสวัสดิ์ค่ะ ” เธอตอบ “ คุณหนูจะไปไหนแต่เช้าคะ ” เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ หนูจะไปใส่บาตรทำบุญที่วัดค่ะ ” จากนั้นเธอก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกไปก็นึกอะไรขึ้นไดก็หันกลับมาพูดว่า \" อ้อ ! รบกวนป้าจิ่วไปดูคุณชายไป๋ในห้องหนูหน่อยนะคะถ้าเขาตื่นป้าก็เอาน้ำขิงน้ำผึ้งมะนาวในตู้เย็นให้เขาดื่มแก้แฮงค์ด้วยนะคะ \" พูดจบเธอก็เดินจากไปมู่มู่ขับรถมารอเธอหน้าบ้านเมื่อเธอขึ้นรถแล้วมู่มู่ก็ขับรถออไป ป้าจิ่วมองตามหลังแล้วยิ้มขึ้นอย่างเอ็นดูแลดูอ่อนโยนใจดี “ คุณหนูดูเป็นห่วงคุณชายไป๋มากเลยนะคะ ทำเครื่องดื่มแก้แฮงค์ให้ด้วยตนเอง แถมยังนอนห้องเดียวกันอีก ” หลานสาวป้าจิ่วพูด ป้าจิ่วยิ้มไม่พูดอะไรเตรียมเครื่องดื่มในตู้เย็นให้คุณชายไป๋ ไป๋เจิ้นหลงตื่นขึ้นมามองไปที่เตียงก็ไม่เห็นใครแล้วก็เดินลงมาชั้นล่างแล้วถามป้าจิ่วว่า “ คุณหนูไป่อยู่ไหนล่ะ ” ป้าจิ่วรีบยกเครื่องดื่มแก้แฮงค์มาให้ที่โต๊ะแล้วตอบว่า “ คุณหนูออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ” “ เธอได้บอกมั้ยว่าไปไหน ” “ ไปตักบาตรที่วัดค่ะ ” ไป๋เจิ้นหลงเริ่มมีลางสังหรณ์บางอย่างจึงรีบเอ่ยถามว่า “ ไปกับใคร ” ป้าจิ่วลำบากใจที่จะตอบแต่ก็เลี่ยงที่จะไม่ตอบไม่ได้ “ เอ่อ กับคุณชายมู่ค่ะ ” ได้ยินชื่อนี้ไป๋เจิ้นหลงคิ้วขมวดเข้าหากันทันทีลุกจากเก้าอี้อย่างหงุดหงิดเดินขึ้นไปชั้นบนแต่ป้าจิ่วก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “ เอ่อ…คุณชายคะ เมื่อคืนคุณหนูบอกว่าคุณชายเมาหนักมากก่อนออกไปจึงเตรียมเครื่องดื่มนี้ไว้ให้คุณชายค่ะ ” ไป๋เจิ้นหลงไม่สนใจอะไรแล้วเดินขึ้นไปโดยไม่หันหลังมาแต่ก็พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ ฉันไม่ดื่ม เอาไปให้มู่มู่นั่นดื่มเถอะ ” : ให้ตายสิผู้หญิงคนนี้ขณะเรานอนห้องเดียวกับเขาแท้ๆยังทิ้งเราออกไปกับผู้ชายอื่น : ป้าจิ่วไม่รู้จะพูดยังไงแล้วก็ได้แต่เก็บเครื่องเื่มเข้าตู้เย็นเหมือนเดิม “ ป้าจิ่วดูท่าคุณชายจะงอลคุณหนูไป่ซะแล้ว ” หลานสาวป้าจิ่วพูด “ อืม มีอะไรก็ไปทำๆซะ อย่าพูดมากเรื่องของเจ้านาย ” “ ค่ะป้างั้นหนูจะไปเตรียมข้าวให้คุณชายคุณบอดี้การ์ดกับคุณเลขาสุดหล่อก่อนนะคะ ” “ อืมรีบไปเตรียมเดี๋ยวก็คงจะลงมาทานข้าวเช้ากันละ ” พูดจบเธอก็รีบไปจัดโต๊ะอาหาร สักพักทั้งสามคนลงมาทานข้าวเช้าพร้อมกันแต่ไป๋เจิ้นหลงกลับดูอารมณ์ไม่ค่อยดีก้มหน้าก้มตาทานข้าว จินซามองไปรอบๆแล้วเอ่ยถามขึ้น “ น้องเล็กยังไม่ตื่นเหรอ ” ป้าจิ่วนึกว่าไป๋เจิ้นหลงจะตอบคำถามจินซาแต่บรรยากาศกลับเงียบปิ้งป้าจิ่วจึงตอบไปว่า “ คุณหนูตื่นแล้วค่ะและออกไปข้างนอกแล้ว ” “ อ๋อ ยังงี้นี่เอง ” ทุกคนก็เข้าใจได้ทันทีถึงสาเหตุที่คุณชายไป๋ดูอารมณ์ไม่ดีแต่เช้า เจียผิงเหอเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยว่า “ ท่านประธานมีประชุมออนไลน์ตอน 10:00 น. น่ะครับ ” “ อืม รู้แล้ว ” ไป๋เจิ้นหลงตอบ เมื่อทุกคนทานอาหารเช้าเสร็จไป๋เจิ้นหลงก็เตรียมตัวประชุมผู้บริหารแบบออนไลน์ในห้องของเขาโดยมีเลขาเจียคอยอยู่ข้างๆ เวลา11:30 น. มู่มู่กับไป่เซนั่งทานข้าวที่ร้านอาการแห่งหนึ่ง ทั้งสองหยิบเมนูขึ้นมาคนละเล่มและโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้นมู่มู่จึงเอ่ยขึ้นว่า “ คุณอยากทานอะไรสั่งเลยนะผมขอตัวปคุยธุระสักครู่ ” ไป่เซยิ้มพร้อมกับพยักหน้า มู่มู่เดินออกมาแล้วกดรับสาย
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่20 ผมจะรอคุณ
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A