ตอนที่24 คำว่ามู่มู่
1/
ตอนที่24 คำว่ามู่มู่
ลิขิตฟ้าทุกภพชาติรักแค่เธอ
(
)
已经是第一章了
ตอนที่24 คำว่ามู่มู่
ณ บ้านตระกูลเจีย เมื่อไป๋เจิ้นหลงมาถึงเจียผิงเฟยก็รีบร้อนเดินออกมาต้อนรับอย่างตื่นเต้นดีใจเมื่อไป๋เจิ้นหลงลงรถก็อ้อมไปกำลังจะเปิดประตูอีกฝั่ง แต่ประตูดันถูกเปิดออกซะก่อนแล้วรูปร่างสวยพราวเสน่ห์ดุจนางฟ้าก้าวลงมา ใบหน้านิ่งเฉย ดูเย่อหยิ่ง เย็นชาราวกับไร้ความรู้สึกใดๆ แต่ก็สวยมาก พอเจียผิงเฟยเห็นก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกไม่พอใจท่าทางของไป่เซที่ปฏิเสธการบริการของเขา ตลอดทางมาไป่เซไม่พูดไม่จาอารมณ์นั้นคาดเดาได้ยากว่ารู้สึกยังไงกับการมาทานข้าวบ้านคนอื่น ก่อนหน้านี้ตอนมาจอดรถทันทีที่เห็นเจียผิงเฟยเดินออกมารอไป๋เจิ้นหลงพร้อมกับท่าทางดีใจเผยรอยยิ้มที่สวยงามอ่อนโยนไป่เซก็ตะลึงอึ้งไปชั่วขณะ พร้อมกับอุทานออกมาในใจ : หวังซิ่วอิง คนชั่ว : ใจเธอเต้นแรงทันทีเดิมทีก็เงียบมาตลอดทางแล้วยิ่งเผยใบหน้าเย็นชาบรรยากาศรอบตัวก็พลอยเย็นยะเยือกไปด้วย พอไป๋เจิ้นหลงทำทีจะมาเปิดประตูให้เธอก็รู้สึกไม่พอใจทันทีเลยเปิดเองก่อนมือไป๋เจิ้นหลงจะถึงประตูรถ เจตนาเธอคือยั่วให้ไป๋เจิ้นหลงโมโหแบบเธอเธอคิดว่าโมโหคนเดียวมันไม่ยุติธรรมกับเธอ ทุกครั้งที่โกรธหรือโมโหเธอจะรู้สึกว่ามันเสียสุขภาพจิตเอามากๆ : ไป๋เจิ้นหลงนายจงใจใช่มั้ย งั้นก็คอยดูละกันต้องไม่ใช่ฉันคนเดียวหรอกที่จะอารมณ์ไม่ดี : แม้จะโกรธหน้าเธอก็หน้าเดิมคือเย็นชานิ่งเงียบยากจะคาดเดา ไป๋เจิ้นหลงเองก็พอจำความทรงจำในอดีตชาติได้อยู่ก็พอเข้าใจท่าทีเย็นชาลงของไป่เซแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรความจริงเขาแค่อยากมาเปิดตัวไป่เซให้คนรู้จักในนามน้องสาวบุญธรรมและจะกลายเป็นว่าที่คู่หมั้นเขาในอนาคต แต่คาดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่งดงามภายนอกที่ดูอ่อนโยนนั้นจู่ๆจะให้ความรู้สึกราวกับก้อนน้ำแข็ง เจียผิงเฟยที่ชะงักไปนั้นดวงตาสวยคู่นั่นจ้องไปยังสองคนข้างหน้าอย่างไร้สติยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นแต่ไม่พอใจท่าทางที่คลุมเครือจรงหน้า เจียผิงเหอเดินออกมาข้างหลังพร้อมกับรอยยิ้มทักทายขึ้น “ มาแล้วเหรอ ” ไป๋เจิ้นหลงหันไปมองทางเขาแล้วเลิกคิ้วยิ้ม \" เข้ามาในบ้านก่อนครับคุณไป่ ผิงเฟยพาคุณไป่เข้าไปในบ้านก่อน ” เจียผิงเหอพูดพร้อมกับเข้ามาใกล้ไป๋เจิ้นหลง เจียผิงเฟยที่ไม่ได้สติก็กลับมามีสติอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า “ เชิญค่ะ ” ท่าทางนั้นแสนอ่อนโยนไป่เซรู้ว่าไม่ได้แสดงออกอย่างจริงใจดังนั้นเธอเองก็ได้เปรียบเรื่องหน้าตาจึงแสร้งยิ้มตามมารยาทอย่างอ่อนโยนแล้วเดินเข้าไปในบ้าน พอเข้าไปถึงโต๊ะอาหาร ผู้ใหญ่ตระกูลเจียทั้งสองคนถึงกับตะลึงในความงามของไป่เซที่แรากฎอยู่ตรงหน้าเขา ไป่เซเองก็รู้สึกอึดอัดไม่น้อยแต่ก็ยิ้มทีหนึ่งแล้วสีหน้าก็กลับมาเย็นชาดังเดิมบอกตรงว่าคนรอบข้าง ณ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในห้องน้ำแข็ง เจียผิงเฟยแม้จะไม่ชอบไป่เซตั้งแต่แรกเห็นแต่เขาก็รู้สึกกลัวรัศมีอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ระหว่างที่รอไป๋เจิ้นหลงกับเจียผิงเฟยบรรยากาศอึดอัดเอามากๆ ผู้ใหญ่ทั้งสองก็เชิญให้ไป่เซนั่ง เธอก็นั่งลงอย่างว่าง่ายแต่ในใจเธอนั้นรู้สึกโกรธมากๆ ต่อว่าอยู่ในใจ : ไป๋เจิ้นหลง มันจะไร้มารยาทเกินไปมั้ยให้ฉันมานั่งอยู่กับใครก็ไม่รู้ โดยไม่มีการแนะนำอะไร : ณ ตอนนี้ไป่เซยิ่งคิดยิ่งแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่มือที่วางอยู่บนน่องขากำหมัดแน่นเล็บจิกเข้าไปยังผิวของเธออย่างแรง : จะลุกเดินออกไปตอนนี้ก็จะดูเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่สองคนนี้เกินไป เธอต้องอดทนนะไป่อดทน : เมื่อคิดได้ดังนี้เธอจึงถอนหายใจเบาๆ แล้วชายหนุ่มทั้งสองก็เดินเข้ามา คนที่นั่งหัวโต๊ะคือพ่อของเจียผิงเหอ ส่วนคุณแม่เจียก็นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อเห็สองคนเดินเข้ามาก็พูดว่า คุยกันเสร็จแล้วเหรอ มาๆนั่งทานข้าวเถอะ ไป๋เจิ้นหลงนั่งลงใกล้กับไป่เซเจียผิงเหอก็ไปนั่งฝั่งน้องสาวเขา ก่อนจะลงมือทานข้าวไป๋เจิ้นหลงก็พูดขึ้นว่า “ คุณลุง คุณป้าครับ นี่คือไป่เซน้องสาวบุญธรรมของผมครับ ” ไป่เซสังเกตดูพวกเขาเหมือนจะสนิทสนมคุ้นเคยกันมากราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันเลยไป๋เจิ้นหลงเองก็ทำราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง เมื่อได้ยินดังนั้นไป่เซก็ลุกขึ้นยืนโค้งคำนับแสดงความเคารพผู้ใหญ่สองคนอย่างมีมารยาทพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมา ผู้ใหญ่ทั้งสองคนยิ้มอย่างชื่นชม “ คุณหนูไป่ช่างสวยและน่ารักจริงๆเลยค่ะ ” “ ขอบคุณค่ะ ” จากนั้นไป๋เจิ้นหลงก็พูดต่อว่า “ คุณลุงคุณป้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ของเลขาเจียเพื่อนสนิมผม และคนนี้คือเจียปิงเหยน้องสาวของเจียผิงเหอ ” ไป่เซยิ้ม มองไปทางผู้ใหญ่สองท่าน “ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ” จากนั้นก็ยื่นมือออกไปทางเจียผิงเฟยเธอเองก็ยื่นมือมาจับมือของไป่เซเช่นกันพร้อมกับพูดว่า “ ยินดีที่รู้จักค่ะ ” ไป่เซตอบกลับ “ ช่นกันค่ะ ” คุณพ่อเจียเห็นว่ารู้จักกันแล้วก็พูดขึ้นมาว่า “ มาเริ่มทานข้าวกันได้แล้ว อาหารมื้อนี้พิเศษหน่อยเป็นการทานข้าวกันพร้อมหน้าอีกครั้งและถือเป็นการขอบคุณเจิ้นหลงด้วย ทานเยอะๆนะเจิ้นหลง ส่วนใหญ่มีแต่ของชอบเราทั้งนั้น ” “ ครับ ” ไป๋เจิ้นหลงตอบ จากนั้นเจียผิงเฟยก็ตักอาหารให้ไป๋เจิ้นหลงพร้อมกับส่งสายตาหวานละมุนอ่อนโยนแล้วพูดว่า “ ทานเยอะๆนะคะพี่เจิ้นหลง ถ้าไม่มีพี่คงไม่มีวันนี้แล้ว ” ไป๋เจิ้นหลงเองก็ตักอาหารไปให้เจียผิงเฟยกลับเช่นกัน พูดออกไปว่า “ ผิงเฟยเองก็ทานเยอะๆ โอเคมั้ย ” “ ค่ะ ” สีหน้าของเจียผิงเฟยแดงระเรื่องและมีความสุขมาก การกระทำของทั้งสองคนทำให้บรรยากาศรอบๆแปลกไป อยู่ๆไป่เซรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเฉยแต่ก็ไม่แสดงอะไรออกมานั่งทานข้าวอย่างสะง่างามของเธอต่อไปแล้วไป๋เจิ้นหลงก็คีบอาหารมาให้เธอเธอก็ยังคงความเย็นชานั้นไว้ ไม่ขอบคุณ ไม่ส่งเสียงใดๆ เจียผิงเฟยรู้สึกอิจฉาไป่เซเอามากๆแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เจียผิงเหอทานข้าวไปสังเกตการณ์ไปเงียบๆ จู่ๆเจียผิงเฟยที่ทนดูไป๋เจิ้นหลงเอาใจใส่ไป่เซไม่ไหวก็พูดขึ้นว่า “ พี่เจิ้นหลงดูเอาใจใส่น้องบุญธรรมคนนี้มากเลยนะคะ คุณไป่เซช่างน่าอิจฉาจริงๆ ” พอคำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของเจียผิงเฟยไป่เซที่ทานข้าวในส่วนของเขาก็หยุดชะงักลงเงยหน้ามองไปทางเจียผิงเฟย เจียผิงเหอที่กำลังจะคีบอาหารให้น้อง ยังไม่ทันวางใส่จานเจียผิงเฟย ไป่เซกลับคีบเอาอาหารที่อยู่ในจานของเขาทั้งหมดไปใส่ในจานของเจียผิงเฟยทำเอาคนร่วมโต๊ะถึงกับตกตะลึงไปตามๆกัน “ ฉันอิ่มแล้วค่ะ ยกให้คุณ ทานให้อร่อยนะคะ ” ไป่เซยิ้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นดูเป็นการใส่ใจความรู้สึกคนแต่การใส่ใจแบบนี้ไม่มีใครอยากได้เลย จากนั้นก็ยกน้ำมาดื่มอึกหนึ่ง ใบหน้าของเจียผิงเฟยดูคร่ำเครียดฝืนเสแสร้งไว้ไม่ไหวแล้ว จากนั้นไป่เซก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดว่า “ พอดีหนูมีธุระ ขอตัวกลับก่อนนะคะคุณลุงคุณป้า คุณเจียผิงเหอ คุณเจียผิงเฟยทานให้อร่อยนะคะ ” เวลานี้เธอไม่ไว้หน้าใครแล้วทั้งนั้น และเธอเน้นกับเจียผิงเฟยที่คำว่า ทานให้อร่อย ทุกคนเหวอไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก พูดจบเธอก็เดินออกไป ไป๋เจิ้นหลงอึ้งนึกไม่ถึงว่าไป่เซจะทำแบบนี้ นอกจากเย็นชาแล้วเธอยังมีความน่ากลัวแบบนี้ไว้ข่มขู่ผู้อื่นอีก ผู้หญิงคนนี้ไม่ไว้หน้าคนจริงๆ ไป๋เจิ้นหลงที่ดึงสติกลับมาได้ก็ขอตัวแล้วตามไป่เซออกไป ตั้งแต่เขาเกิดมาไม่เคยมีใครทำให้เขาตะลึงอึ้งแบบนี้มาก่อนและไม่เคยเจอใครไม่ไว้หน้าคนอื่นแบบนี้มาก่อน ตรงๆและรวดเร็วมาก ทุกคนบนโต๊ะอาหารได้สติตอนไป๋เจิ้นหลงออกไป เจียผิงเหอมองไปที่น้องสาวอย่างตำหนิแต่เขาก็ยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่เคยเห็นคนตรงๆและทำอะไรรวดเร็วเด็ดขาดโดยไม่แคร์คนอื่นอย่างไป่เซครั้งแรกแล้วมองดูแผ่นหลังของไป๋เจิ้นหลงที่ตามออกไป “ คุณไป่นี่ช่างน่าสนใจจริงๆ ” เผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ออกมาจากนั้นก็หันไปพูดกับคุณพ่อคุณแม่ของเขาว่า “ พวกเราทานต่อเถอะครับ ” คุณพ่อเจียพยักหน้า คุณแม่เจียพูดออกมาว่า “ ผิงเฟย แม่รู้ว่าลูกชอบเจิ้นหลงแต่นั่นน้องสาวบุญธรรมของเจิ้นหลงนะแม่ไม่เห็นด้วยที่หนูไปพูดแขวะคนอื่นแบบนี้แม่หวังว่าหนูจะเก็บเอาบทเรียนวันนี้เป็นเยี่ยงอย่างนะ ” พูดจบก็ทานข้าวต่อ เจียผิงเฟยไม่พอใจเอามากๆ “ แล้วมันไม่จริงเหรอคะคุณแม่ พี่เจิ้นหลงปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนั้นมากกว่าน้องสาวคุณแม่ไม่สังเกตบ้างเหรอคะ หนูแค่จะพูดให้พี่เจิ้นหลงมีสติเท่านั้นเอง ” คุณแม่เจียหันมามองลูกสาว “ มันเรื่องของเขาเรื่องในตระกูลเขาเราเป็นคนนอกลูกจำไว้ ” “ แต่แม่หนูกับพี่เจิ้นหลงพวกเรารักกันนะคะ ” เจียผิงเฟยต่อปากต่อคำไม่หยุดมีทีท่าว่าจะไม่ยอมเจียผิงเหอที่นั่งข้างๆรู้สึกว่าต้องพูดตัดไฟแต่ต้นลงทันทีจึงเอ่ยว่า “ นั่นมันอดีตสมัยเด็กๆแล้วเธอจะไปจริงจังทำไม อีกอย่างเจิ้นหลงก่อนหน้านี้ไม่ได้มีผู้หญิงแค่คนเดียว เขาในตอนเด็กกับเขาในตอนนี้ไม่เหมือนกันเธอต้องเข้าใจตรงจุดนี้เขาเห็นเธอเป็นน้องสาวเหมือนพี่นี้แหละ อีกอย่างในสายตาเขาตอนนี้มีแค่คุณหนูไป่คนเดียว ” พูดจบเจียผิงเหอก็ลุกเดินออกไป ทางด้านไป่เซที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ : วันนี้มันวันอะไรกันนะถึงได้พบเจอแต่อะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพจิตเลย : เธอเดินออกมาแต่ไม่ขึ้นรถไป๋เจิ้นหลงเธอเดินไปอย่างเร็วมุ่งหน้าไปยังถนนใหญ่ไป๋เจิ้นหลงที่ตามออกมาเรียก “ ไป่ หยุดก่อน ไป่ ไป่เซ หยุดเดี๋ยวนี้นะ ” เวลานี้แม้ใช้น้ำเสียงแบบไหนไป่เซที่เคยนิ่งตลอดก็ไม่ยอมได้ยินอะไรจากข้างหลังอีกแล้ว พอเห็นแท็กซี่เธอก็โบกมือเรียกแล้วขึ้นรถไปทันทันไป๋เจิ้นหลงรีบวิ่งกลับมาเอารถแต่มีเจียผิงเฟยยืนรออยู่พอเห็นไป๋เจิ้นกลงเธอก็รีบเดินมาหาเขาจับมือเขาเหมือนอย่างแต่ก่อน “ พี่เจิ้นหลง ฉันขอโทษพี่….” พูดยังไม่ทันจบไป๋เจิ่นหลงเดิมทีก็ไม่ได้มองหรือสนใจเขาอยู่แล้วก็พูดขัดขึ้นมาทันที “ ไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้พี่รีบ ” พูดจบก็รีบเปิดประตูเข้าไปในรถแล้วขับออกไปทันที เจียผิงเฟยยืนน้ำตาคลอเบ้าร้องให้มองดูรถหรูที่ขับไกลออกไป บนถนนไป๋เจิ้นหลงเร่งความเร็วตามรถแท็กซี่คันนั้นไปจนเจอและขับตามไปติดๆ จนแท็กซี่ขับไปจอดหน้าโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วไป่เซก็เดินเข้าไปในโรงแรมไป๋เจิ้นหลงก็ตาม้ข้าไปทันทีแต่เขาไม่รู้ว่าไป่เซอยู่ชั้นไหน ห้องไหน ทันทีที่ไปยังเคาน์เตอร์ พนักงานต่างยทนขึ้นทักทายเขาอย่างพร้อมเพรียง พนักงานนึกไม่ถึงว่าคุณชายไป๋จะมาปรากฎตัวที่นี่ ในเมือง Aไม่มีใครไม่รู้จักคุณชายไป๋ ทายาทนักธุรกิจหนุ่มชื่อดัง ที่มีธุรกิจครอบคลุมเกือบทุกด้านในเอเชียแถมมีข่าวเกี่ยวกับสาวๆเป็นว่าเล่นใบหน้าหล่อเหลาดังเทพบุตรนี้สาวๆต่างพากันหลงไหล อยากจะปีนขึ้นเตียงของเขาแต่นั่นไม่รวมถึงไป่เซหญิงชนเผ่าต่างประเทศที่แสนจะยากจนและเย่อหยิ่งคนนี้ “ เอ่อ คุณชายมีอะไรให้ชาวยมั้ยคะ ” พนักงานต้อนรับตรงเคาน์เตอร์เมื่อเห็นไป๋เจิ้นหลงสนใจหน่อยก็กระดี๊กระด๊ากันใหญ่ ไป๋เจิ้นหลงไม่สนใจอะไรมากก็เอ่ยถามทันที “ คุณผู้หญิงที่เข้ามาเมื่อสักครู่เธออยู่ห้องไหน ชั้นไหน ” พนักงานหน้าสวยอึ้งแป๊บ กำลังครุ่นคิด ที่แท้ก็มาตามหาผู้หญิง แต่ผู้หญิงคนเมื่อกี้หน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่ช่างเหอะยื้อเวลาคัณชายไป๋ตรงนี้สักหน่อย อ่อยให้หลงใบหน้าสวยพราวเสน่ห์ของเราสักหน่อย ไป๋เจิ้นหลงมองไปที่พนักงานคู่สนทนาก็รู้ทันทันที ไป๋เจิ้นหลงหมดอารมณ์กับพนักงานตรงหน้า “ คุณจะคิดอีกนานมั้ย งั้นก็ไปพักเถอะ ” น้ำเสียงราบเรียบแต่มีน้ำหนัก เมื่อได้ยินดังนั้นพนักงานหน้าสวยที่จงใจจะอ่อยก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พนักงานข้างๆอึ้งกับคำพูดของไป๋เจิ้นหลง พวกเขาไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าได้ยินมาถูกหรือเปล่าจากนั้นก็เกิดความอิจฉาขึ้นมาทันที ไป๋เจิ้นหลงพูดต่อว่า “ พรุ่งนี้เอาเซตใหม่เข้ามาแทนทั้งหมด เรียกผู้จัดการเดี๋ยวนี้ ” พนักงานหน้าสวยที่กำลังเคลิ้มก็ได้สติขึ้นมาตื่นตระหนกใจสั่นเหงื่อตกทีนที พนักงานที่เหลือรีบติดต่อผู้จัดการทันที สักพักผู้จัดการเข้ามาเหงื่อตกเสียวสันหลังวาบกลัวจะโดนไล่ออกไปอีกคน “ เอ่อ ท่านประธานเรียกผมมีอะไรรึเปล่าครับ ” เวลานี้ผู้จัดการพูดอะไรไม่ออกนอกจากคำถามโง่ไแสร้งไม่รู้เท่านั้น “ พรุุ่งนี้เปลี่ยนพนักงานเซตนี้ทั้งหมด แล้วก็ให้ข้อมูลผมเกี่ยวกับห้องพักของคุณหนูไป๋เมื่อกี้ด้วย ” “ ครับ ” ผู้จัดการรีบโค้งคำนับไป๋เจิ้นหลงก็เดินออกไป ก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดลงทำให้คนที่มองดูข้างหลังเหงื่อชุ่มอีกอกสั่นขวัญหายไปอีกครั้ง ไป๋เจิ้นหลงหันกลับมาแล้วพูดว่าไม่ต้องรอเปลี่ยนพรุ่งนี้เปลี่ยนตอนนี้เลยเพราะผมต้องการข้อมูลด่วน พูดจบพนักงานคนหนึ่งดึงสติกลับมาแล้วก็พูดขึ้นมาเสียงดังว่า “ คุณหนูไป๋พักอยู่ชั้น20 ห้อง P205 ค่ะ ” ไป๋เจิ้นหลงยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย “ คนนี้อยู่ต่อแต่พักงาน3เดือน ” พูดจบก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว พนักงานคนนั้นได้สติกลับมาก็หันไปถามผู้จัดการอย่างตื่นเต้นว่า “ คุณผู้จัดการคะดิฉันไม่ถูกท่านประธานไล่ออกแล้วใช่มั้ยคะ ” ผู้จัดการอารมณ์ไม่ดีจนหน้าดำคร่ำเครียด “ พวกคุณไปเขียนใบลาออกเดี๋ยวนี้ ” พูดจบผู้จัดการก็ยกหูโทรศัพท์สักพักพนักงานชุดใหม่ก็เข้ามาแทนทันทีส่วนพนักงานที่ถูกไล่ออกต่างก็ไม่พอใจพนักงานหน้าสวยเอามากๆจิกตาใส่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและไม่พูดไม่จาด้วยเดินออกไปอย่างหงุดหงิดและเสียใจ ไป๋เจิ้นหลงที่กำลังขึ้นลิฟไปก็หยิบโทรศัพท์โทรไปยังเบอร์ที่คุ้นเคยแต่ปลายสายกลับไม่รับสายโทรไปกี่ครั้งๆก็ได้ยินแต่เสียง “ ขอโทษค่ะๆ…….” จนเริ่มหงุดหงิดและโมโหจากนั้นก็โทรไปยังเบอร์เจียผิงเหอพอวางสายไปลิฟก็เปิดเขาก้าวเดินออกมาข้างหน้ามีพนักงานชายรออยู่หนึ่งคนพอเห็นร่างสูงใหญ่ของไป๋เจิ้นหลงก็รีบโค้งคำนับพร้อมกับยื่นคีย์ดาร์ดไปให้ทันที “ ท่านประธานสวัสดีครับ ” โค้งคำนับเสร็จก็เดินออกไปทันที ไป๋เจิ้นหลงมองคีย์การ์ดในมือแล้วยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ นำคีย์การ์ดแตะลงไป ไป่เซที่อยู่ข้างในกำลังอาบน้ำแช่ตัวสงบสติอารมณ์อยู่นั้นเธอรู้สึกเหมือนประตูถูกเปิดแต่เธอคิดว่าคงไม่ใช่เพราะไม่มีใครรู้ที่อยู่เธอ แต่เธอลืมคิดไปว่าอิทธิพลในเมืองAนั้นตระกูลไป๋มีอิทธิพลและใหญ่สุดในจีนแล้ว ไป๋เจิ้นหลงเดินเข้าไปมองรอบๆไม่เห็นไป่เซจากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างอารมณ์ดี เสียงประตูห้องน้ำถูกเปิดออกไป่เซสะดุ้งแล้วลืมตาหันไปมองทางต้นเสียงนั้นทันที เมื่อร่างสูงใหญ่ปรากฎตรงหน้าเธอตกใจเอามากๆรีบดึงผ้าเช็ดตัวมาปิดตัวเองไว้อย่างเร็ว “ ไอ่โรคจิต ! ใครใช้ให้คุณเข้ามา ” ไป่เซตะคอกออกไปเสียงดัง สายตาคู่นั้นฉายแววความโกรธเคืองราวกับแผดเผาร่างคนได้ ตอนนี้เธอระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเพราะบนตัวเธอมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวที่ปกปิดร่างเอาไว้ “ ออกไปเลยนะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ” ไป๋เจิ้นหลงขมวดคิ้วแววตาฉายความเจ้าเล่ห์ยิ่งทำให้ไป๋เซกระวนกระวายใจ : หายตายเถอะ ผู้หญิงคนนี้ทำบุญด้วยอะไร ยิ่งกลัวยิ่งมีเสน่ห์ : ดวงตาไป๋เจิ้นหลงมองไปยังไป่เซอย่างหลงไลเท้าค่อยๆก้าวไปทางเธออย่างไม่รู้ตัว ไป่เซสงบสติอารมณ์ตัวเองลงหายใจเข้าลึกๆนิ่งๆช้าๆเพราะเธอรู้ดีว่าถ้าไป๋เจิ้นหลงต้องการทำอะไรต่อให้โวยวายยังไงก็ต้องทำให้ได้ สู้เจรจากับเขาจะไม่ดีกว่าเหรอ แววตาตื่นกลัวเมื่อกี้หายไปทันทีเปลี่ยนเป็นแววตาเย็นชาสงบนิ่งมองไปทางไป๋เจิ้นหลงและเดินไปทางประตูที่ไป๋เจิ้นหลงอยู่อย่างกล้าหาญ เธอคิดเพียงแค่ว่าต้องลองเสี่ยงพนันดูสักตั้ง เป็นดังเธอคาดไว้พอเธอเดินเข้าไปหาเขาไป๋เจิ้นหลงก็ขมวดคิ้วทันที : ผู้หญิงคนนี้ใจกล้าเกินไปแล้ว เมื่อกี้เห็นได้ชัดว่าว่ากลัวคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่โดนฉันถูกเนื้อต้องตัวเหรอ เธอคิดผิดแล้วน้องสาวบุญธรรม : จากนั้นไป๋เจิ้นหลงก็เดิมขมวดคิ้วอยู่ๆก็ยกมุมปากขึ้นยิ้มแววตาเจ้าเล่ห์คู่นั้นยังไม่ละสายตาจากเรือนร่างที่สวยงามนั้นหยุดการเคลื่อนไหวรอให้เหยื่อเขามาใกล้แล้วจับขย้ำในครั้งเดียว ฝั่งไป่เซเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบนสีหน้าของไป๋เจิ้นหลงเธอรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอที่รู้สึกลังเลและตัดสินใจอย่างกล้าๆกลัวๆ วินาทีนั้นเธอตัดสินใจหยุดเดินทันทีแล้วพูดเจรจากับไป๋เจิ้นหลง “ ไป๋เจิ้นหลง คุณมีอะไรค่อยคุยกันโอเคมั้ย รอให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก่อน ” ไป๋เจิ้นหลงยิ้มแต่สายตายังจ้องมองเรือนร่างของไป่เซ “ ทำไม คุยแบบนี้ตอนนี้ก็ได้หนิ คุณกลัวอะไร ” ใบหน้าไป่เซยังคงนิ่งสงบ “ คุณดูถูกฉันมากเกินไปมั้ย ” น้ำเสียงราบเรียบและชัดถ้อยชัดคำ “ คุณคิดมากเกินไปแล้ว ผมดูถูกคุณเมื่อไหร่ ถ้าคุณรู้สึกว่าดูถูกงั้นผมจะถอดเป็นเพื่อนคุณโอเคนะ ” พูดจบไป๋เจิ้นหลงก็ทำท่าจะถอดเสื้อออกแต่เสียงใสๆดังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ หยุดเลยนะ คุณมันโรคจิต ” ไป๋เจิ้นหลงเลิกคิ้วขึ้น “ หืม…ผมโรคจิตรงไหนมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สามีภรรยาจะเห็นกัน อีกอย่างคัณไม่ต้องหวงตัวขนาดนั้นก็ได้ ยังไงเรือนร่างของคุณใช่ว่าผมจะไม่เคยเห็น ” เขาพูดไปยิ้มเจ้าเล่ห์ไปราวกับสิงโตรอตะครุบเหยื่อตรงหน้า ไป่เซเมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เจิ้นหลงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกำหมัดแน่นเมื่อนึกถึงครั้งแรกที่ถูกพรากไปแม้จะบอกว่าไม่ถือแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้สึก “ ไป๋เจิ้นหลงคุณมันเลว คุณออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันเกลียดคุณ คุณเลิกพูดเรื่องสามีภรรยาไร้สาระนั่นได้แล้วคนที่ฉันจะแต่งงานด้วยคือมู่มู่คนเดียวเท่านั้น ” คำว่ามู่มู่ คำนี้มีผลต่อใจของไป๋เจิ้นหลงอย่างมาก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้าหายไปในพริบตาเดียว “ คุณว่าไงนะ คุณพูดใหม่อีกครั้งซิ! ” ไป๋เจิ้นหลงสีหน้าไม่ดีเอามากๆขมวดคิ้วพูดตะคอกเสียงดัง จากนั้นก็ลดเสียงในระดับปกติแต่คนฟังเสียวสันหลังวาบทีนที “ ไป่เซวันนี้คุณอย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่เลย ผมจะทำให้คุณรู้ว่าสามีของคุณจริงๆคือใคร ” เวลานี้ไป่เซยอมรับว่ากลัวเธอพยายามสงบสติอารมณ์กดอารมณ์ตนเองไว้ทันใดนั้นตัวเธอก็ลอยขึ้นอย่างรวดเร็วรู้ตัวอีกทีก็ถูกโยนลงบนเตียงแล้วผ้าเช็ดตัวหลุดออกเธอจึงรีบหยิบมาคลุมตัวเองไว้ “ ไป๋เจิ้นหลง ฉันขอโทษเมื่อกี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ไม่ใช่คุณเหรอที่ยั่วโมโหฉันน่ะ ” น้ำเสียงที่ฟังแล้วราบเรียบเหมือนคนคุยกันปกติ แต่ไป๋เจิ้นหลงไม่ได้โง่ที่จะไม่รู้เจตนาของไป่เซจึงส่งเสียงหึออกไป “ หึ! ขอโทษงั้นเหรอ เห็นทีคงจะสายไปแล้ว น้องสาวบุญธรรม ” คำว่าน้องสาวบุญธรรมที่น้ำเสียงไม่ปกติและเน้นชัดถ้อยชัดคำทำให้ไป่เซรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ตัวเธอแข็งทื่ออยู่อย่างนั้นสติหลุดลอยไปชั่วขณะ ไป๋เจิ้นหลงเมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นก็รู้สึกโกรธมากขึ้นแทบอยากจะครอบครองไป่เซจนไม่มีพื้นที่ว่างภายในใจให้คนอื่นอยู่จากนั้นก็พูดต่อไปว่า “ ทำไมผมมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ หึ! วันนี้ผมจะทำให้คุณลืมผู้ชายคนนั้น ทั้งร่างกายและหัวใจของคุณจะต้องเป็นของผมคนเดียว จำไว้ หากใครมันกล้าแตะต้องคุณแสดงว่ามันอยากตายด้วยเช่นกัน ” พูดจบไป๋เจิ้นหลงก็ผลักเธอนอนลงไป แล้วขึ้นคร่อมเธอทันที มือทั้งข้างของเธอถูกจับมัดไว้บนหัวจากนั้นไป๋เจิ้นก็ประกบจูบลงไปอย่างดูดดื่ม ดูดริมฝีปากอ่อนนุ่มนั้นอย่างเพลิดเพลิน แม้ไป่เซจะดิ้นขัดขืนอย่างไรก็สูแรงร่างสูงใหญ่ที่ทับอยู่บนตัวเธอไม่ได้ “ อือ…อื้ม…” “ …….” ไป๋เจิ้นหลงไม่ยอมผละปากออกจากปากของไป่เซ ริมฝีปากนุ่มนั้นทำให้ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกราวกับว่ากำลังเสพติดมันและอยากจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว พอเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ใต่ร่างนั้นหอบเหนื่อยเพราะไม่มีจังหวะได้หายใจ จึงตัดสินใจผละริมฝีปากออกจากเธอ “ เป็นไงติดใจรสจูบของผมมั้ย ” น้ำเสียงยั่วโมโหนี้มันช่างทำให้หญิงสาวหลงเสน่ห์เอาง่ายเสียจริงแต่เสียดายใช้ไม่ได้กับหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างของเขาคนนี้ ไป่เซจ้องเขม็งไปที่เขา “ นายมันเลว ชอบฉวย….อื้ม…” พูดไม่ทันจบริมฝีปากของเธอก็ถูกจูบอีกครั้งอย่างดูดดื่มไป่เซดิ้นจนร่างอ่อนระทวยราวกับไร้เรี่ยวแรงเธอพยายามผลักเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผล มือของไป๋เจิ้นหลงลูบไล้ลูบคลานไปทั่วร่างของไป่เซอย่างเอาแต่ใจ จากนั้นก็ดึงผ้าเช็ดตัวนั่นออกแล้วกดร่างตนเองทาบลงบนตัวของไป่เซอย่างรวดเร็ว
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่24 คำว่ามู่มู่
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A