ตอนที่ 32 อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 32 อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน
เมื่อทั้งสองดีขึ้น คุณปู่ไป๋ก็มารับไป่เซกลับบ้านด้วยตนเองโดยที่ไม่ไปเยี่ยมหลานชายเลยแม้แต่น้อยเขายังไม่หายโกรธที่หลานชายก่อปัญหาขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่เขากังวลมาตลอดพอเกิดขึ้นจริงๆก็ยากที่จะให้เขาหายโกรธ คุณปู่เปิดประตูเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น ลึกๆเขารู้สึกผิดและละอายแก่ใจมากแต่เขาก็ไม่อาจยอมให้บริษัทประสบปัญหาถึงขั้นล้มละลายได้จึงต้องอาศัยชื่อเสียงของหลานสาวสุดที่รักในการแก้ปัญหา เมื่อเห็นคุณปู่ไป่เซก็ยิ้มพร้อมกับยกมือไหว้ตามมารยาทไทย \" คุณปู่สวัสดีค่ะ \" คุณปู่ไป่เข้ามานั่งข้างๆไป่เซจับมือเธอแล้วสำรวจดูอย่างเป็นห่วง \" อวี้เอ๋อร์ ปู่มารับกลับบ้านแล้ว ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกมั้ย \" ไป่เซยิ้มแล้วตอบไปว่า \" หนูหายดีแล้วค่ะ แผลก็ไม่เจ็บแล้ว \" พูดจบเธอก็นึกถึงไป๋เจิ้นหลงจึงถามขึ้น \" คุณปู่คะแล้วไป๋...เอ่อ..พี่เจิ้นหลงเป็นยังไงบ้างคะ เขาได้กลับบ้านหรือยังคะ \" ตลอดหนึ่งอาทิตย์เธอไม่ได้ออกจากห้องสี่เหลี่ยมนี้เลย เพราะคุณปู่สั่งไว้ ทุกคนบอกกับเธอว่าคุณปู่กำลังจัดการปัญหาเพื่อไม่ให้คุณปู่เป็นห่วงจึงอยากให้เธออยู่แต่ในห้อง เพื่อกันคนที่คิดร้ายจะส่งคนมาทำร้ายเธออีก นั่นไม่ใช่ความจริงทั้งหมดความจริงคือคุณปู่ไป๋ไม่อยากให้เธอรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอก ที่เธอรู้จากปากลี่เหม่ยเอินคือ ซู่หลินและพ่อของเธอถูกจับเข้าคุกแม่เขานั้นหนีไปอยู่ต่างประเทศ เมื่อได้ยินไป่เซถาม คุณปู่ไป๋ถอนหายใจแล้วตอบว่า \" อืม เขาก็ได้กลับบ้านวันนี้แหละ คุณพ่อคุณแม่เขามารับแล้ว \" \" ออ ค่ะ เช่นนั้นก็ดีค่ะแค่นี้หนูก็สบายใจแล้ว \" คุณปู่ไป๋มองไม่ออกว่าสรุปหลานสาวเป็นห่วงจริงหรือเปล่าเพราะท่าทีของเธอดูเฉยๆแต่น้ำเสียงเหมือนเป็นห่วงถ้ามองอีกแบบเหมือนแค่อยากรู้อาการเฉยๆ ทันใดนั้นประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกอีกครั้งคุณปู่ไป๋และไป่เซหันไปพร้อมกันปรากฏรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าซีดเซียวดูก็รู้ว่าเพิ่งจะดีขึ้นซึ่งต่างจากไป่เซมากที่หายดีเป็นปกติแล้ว \" ไป่คุณเป็นยังไงบ้าง \" ไป๋เจิ้นหลงเดินเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง ไป่เซมองใบหน้าที่ยังซีดเซียวที่มองมายังเธออย่างเป็นห่วงเธอไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกยังไง จึงพูดอย่างเย็นชาว่า \" คำถามนี้ควรจะเป็นฉันมากกว่าที่ต้องถามนาย \" ไป๋เจิ้นหลงได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มอย่างชื่นใจแล้วเลิกคิ้วเอ่ยว่า \" คุณเป็นห่วงผม? \" ไป่เซเงียบไม่ตอบแล้วถลึงตาใส่เขา คุณปู่ไป๋เห็นทั้งสองคุยกันก็ลุกไปนั่งโซฟาแล้วมีเจ้าหน้าที่มาทำเรื่องอนุญาตให้กลับบ้านคุณปู่รับผิดชอบเซ็นต์ทั้งหมดจากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกก่อนออกไปคุณปู่จึงหันไปพูดกับไป่เซว่า \" อวี้เอ๋อร์ ปู่ออกไปรอข้างนอกนะ \" ได้ยินที่คุณปู่พูดเธอจึงพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้ม \" ค่ะ \" ไป๋เจิ้นหลงรู้ว่าคุณปู่ยังโกรธเขาอยู่ เขามองไปที่คุณปู่แล้วหยุดเขาไว้ \" คุณปู่ครับผมขอโทษ ที่ผมทำแบบนั้นก็เพื่อจะให้เธอดิ้นไม่หลุดเท่านั้นผมไม่ได้คิดจะแตะต้องเธอจริงๆ ผมรู้ว่าคุณปู่ยังโกรธผมอยู่ ผมขอโทษครับ \" ไป๋เจิ้นหลงคุกเข่ากราบขอโทษคุณปู่ของเบาอย่างสำนึกผิดเขาไม่เคยเห็นคุณปู่ที่รักเขามากคนนี้โกรธเขาแบบนี้มาก่อนแม้แต่ไปเยี่ยมก็ไม่เห็นแม้แต่เงา และตอนนี้เขารู้สึกว่าคุณปู่จะกันเขาออกจากไป่เซเขาไม่อาจยอมได้ คุณปู่ไป๋ไม่พูดอะไรจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป ไป่เซมองใบหน้าของไป๋เจิ้นหลงที่ดูเสียใจและรู้สึกผิดก็อดสงสารไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาในมุมนี้ \" นายไปทำอะไรผิดมาล่ะคุณปู่ถึงได้โกรธนายขนาดนี้ \" ไป๋เจิ้นหลงลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆเธอเอ่ยว่า \" ไม่มีอะไรหรอก คุณไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะเราจะกลับบ้านพร้อมกัน \" ไป่เซมองเขาอย่างงุนงงแล้วลงจากเตียงหยิบเสื้อผ้าที่คนรับใช้เตรียมไว้ให้เข้าไปเปลี่ยนทันที พอออกจากห้องน้ำไป๋เจิ้นหลงก็เดินมาจับมือเธอแล้วเดินออกไปพร้อมกัน ที่ลานจอดรถคุณพ่อไป๋คุณแม่ไป๋ คุณปู่ไป๋ยืนรอทั้งสองออกมา คุณพ่อไป๋ดูกังวลใจเรื่องที่คุณปู่ไป๋ตัดสินในเรื่องในบริษัทที่อ้างชื่อไป่เซ \" คุณพ่อครับเรื่องเจิ้นหลงกับไป่เซคุณพ่อจะบอกพวกเขายังไงครับ วันนี้พวกเขาต้องรู้ข่าวแน่ \" ได้ยินสามีพูดขึ้นคุณแม่ไป๋ก็พูดเสริม \" นั่นสิคะคุณพ่อดิฉันกลัวว่าพวกเขาจะรับไม่ไหวกันน่ะค่ะ \" คุณปู่ไป๋เป็นคนที่มองคนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง มองเขม็งไปยังลูกชายและลูกสะใภ้อย่างเย็นชา \" พวกแกสองคนจะกังวลทำไม พวกแกคนดูไม่ออกเหรอว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกแกหลงรักหลานสาวของฉันยังกับอะไรดีถึงขนาดยอมตายแทนเธอได้ \" พูดจบคุณปู่ไป๋ก็เบือนหน้าไปทางอื่น สองสามีภรรยาดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ ที่คุณพ่อเขากล่าวมานั้นถูกต้อง \" ใช่แล้วลืมไปเสียสนิทเลยตั้งแต่หนูไป่เข้ามาอยู่ในบ้านเจิ้นหลงกลับมานอนที่บ้านตลอด ทานข้าวเช้าพร้อมหน้ากันบ่อยขึ้น ก่อนหน้านี้ดิฉันคิดว่าเป็นเพราะเขาดีใจที่มีน้องสาวที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง \" คุณแม่ไป๋พูดไปใบหน้าเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปเมื่อสามีเธอพูดขึ้นว่า \" แต่ผมไม่เห็นหนูไป่จะมีทีท่าสนใจลูกชายเราเลย กลัวว่าเมื่อเธอรู้ข่าวเธอจะรับไม่ได้ \" \" ฉันรู้จักหลานสาวฉันดี เธอเป็นเด็กกตัญญูเพียงเอ่ยกับเขาอย่างมีเหตุผลเธอต้องเข้าใจ \" พูดจบคุณปู่ไป๋ก็หมุนตัวเดินไปที่รถโดยมีเลขาคอยเปิดประตูให้แล้วเขาก็ขึ้นไปนั่งรอในรถ ไป๋เจิ้นหลงเดินออกมาพร้อมกับไป่เซมือของเขาจับมือไป่เซไว้แน่นเดินตรงไปยังด้านหน้าของคุณปู่ พ่อแม่ของเขามองพวกเขาอย่างงุนงง \" คุณปู่ครับคุณปู่จะโกรธผมจะเกลียดผมนานแค่ไหนก็ได้แต่เรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านั้นหวังว่าคุณปู่จะรีบจัดการให้นะครับ \" ไป่เซพยายามดึงมือกลับมาแต่ไป๋เจิ้นหลงกลับไม่ยอมปล่อยและกุมมือเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม เธองงมากว่าไป๋เจิ้นหลงพูดเรื่องอะไรเกี่ยวอะไรกับเธอ ไป๋เจิ้นหลงเห็นว่าคุณปู่ไม่ยอมตอบเขาทนต่อไปไม่ไหวแล้วยิ่งนานคู่แข่งเขาเพิ่มมากขึ้นทุกที เขาคิดว่าเดิมทีแค่คุณชายมู่คนเดียวก็มากพอแล้วตอนนี้ยังมีคุณชายหนึ่งเข้ามาเพิ่มเรารู้สึกว่าเขาต้องรีบจัดการเรื่องไป่เซ จากนั้นจึงหันไปทางพ่อแม่ของเขาแล้วเอ่ยอย่างจริงจังน้ำเสียงหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำ \" คุณพ่อครับคุณแม่ครับผมรักไป่เซผมอยากแต่งงานกับ.... \" \" เพี๊ยะ! \" เสียงตบดังขึ้น ไป่เซได้ยินดังนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟไม่รอให้ไป๋เจิ้นหลงพูดจบก็ตบเข้าที่หน้าเขาอย่างแรง \" ไป๋เจิ้นหลงคุณพูดบ้าอะไรของคุณ คุณลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นน้องสาวบุญธรรมของคุณ \" ไป๋เจิ้นหลงมองหน้าไป่เซอย่างโกรธเคืองเขาเกิดมาไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน นี่ต่อหน้าพ่อแม่และปู่ของเขาผู้หญิงคนนี้กลับไม่ไว้หน้าเขาเลยเขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้าแววตาชั่วร้ายจ้องมองไปยังไป่เซ \" เหอะ! น้องสาวบุญธรรมอย่างงั้นเหรอ คุณอยากเป็นแค่น้องสาวบุญธรรมอย่างงั้นเหรอ! \" ไป๋เจิ้นหลงส่งเสียงเหอะแล้วพูดน้ำเสียงราบเรียบทุ้มต่ำจากนั้นก็ตะคอกเสียงดังอย่างโมโห ไป่เซมองไปรอบๆด้วยความอับอาย จากนั้นก็จับมือไป๋เจิ้นหลงจะลากขึ้นรถแต่ไป๋เจิ้นหลงแรงเยอะกว่ายืนอยู่กับที่ไม่ยอมไปไหน ส่วนพ่อแม่เขาตะลึงอึ้งจนทำอะไรไม่ถูกมองดูสองคนทะเลาะกัน \" ยังคุยไม่จบ คุณจะไปไหน \" ไป๋เจิ้นหลงจับมือไป่เซแล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดอย่างเอาแต่ใจ ไป่เซขัดขืนอย่างไม่พอใจ \" คุณเป็นบ้าอะไรห๊ะ! นี่มันที่สาธารณะนะอยากคุยทำไมไม่กลับไปคุยที่บ้านดีๆล่ะ \" ไป่เซกระซิบด่าในอ้อมกอดเสียงไม่ดังแต่ดังพอที่ตระกูลไป๋ทุกคนที่ยืนอยู่ได้ยิน \" ที่สาธารณะแล้วไงใครจะกล้า อีกอย่างผมต้องการประกาศว่าคุณไม่ใช่น้องสาวบุญธรรมของผมแต่คุณเป็นเมียของผม หรือคุณจะปฏิเสธว่าไม่จริง ทางที่ดีคุณควรจะยอมรับความจริงแล้วหมั้นกับผมซะ \" คุณพ่อไป๋กับคุณแม่ไป๋ได้ยินคำว่าเมียออกมาจากปากของไป๋เจิ้นหลงอย่างดุดันต่างตกใจตกตะลึงในคำพูดเขาดวงตาเบิกกว้างพูดอะไรไม่ออก ไป่เซรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของเธอถูกไป๋เจิ้นหลงย่ำยีไปหมดสิ้นการประกาศความสัมพันธ์ครั้งนี้ยิ่งทำให้ไป่เซเกลียดไป๋เจิ้นหลงมากยิ่งขึ้นเธอมองเขาอย่างโกรธแค้น \" คุณต้องการแบบนี้ใช่มั้ยได้ฉันจะหมั้นกับคุณ คุณอย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน \" ไป่เซพูดอย่างมีแผนร้ายในใจดวงตาฉายแววเคืองแค้นราวกับจะเผาไหม้ร่างที่อยู่ตรงหน้าให้สิ้นซาก \" ดี คุณปู่ครับ คุณพ่อคุณแม่ ได้ยินแล้วนะครับพวกเราจะหมั้นกันรบกวนพวกคุณช่วยหาฤกษ์งานหมั้นให้เราสองคนด้วยนะครับ \" พูดจบไป๋เจิ้นหลงก็ลากไป่เซขึ้นไปในรถตู้ของคุณปู่เพราะวันนี้คุณปู่ตั้งใจจะมารับหลานสาวสุดที่รักอย่างไปเซกลับไปพร้อมกับเขา เลขาจินเฉิงเห็นว่าทุกอย่างจบลงแล้วก็เดินมาปิดประตู คุณปู่มองเลขาจินเฉิงแล้วยิ้มอย่างพอใจ เขาแอบชื่นชมในตัวหลานชายของเขามาก ตอนแรกเขาก็คิดว่าจะเริ่มพูดกับไป่เซยังไงเรื่องที่เขาประกาศข่าวลือว่าทั้งสองเป็นคู่หมั้นกัน : คิดไม่ถึงว่าเจิ้นหลงจะทำให้เรื่องมันง่ายขึ้นกว่าเดิม สิ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกันคือความดื้อรั้นไม่ยอมคน มีแค่พวกเขาสองคนที่เอากันอยู่จัดการกันได้ งานนี้แม้ดูเหมือนจะลงเอยด้วยดีแล้วแต่มันคงจะไม่ง่ายอย่างที่คิด : คุณปู่ไป๋คิดไปยิ้มไป รถคุณปู่ไป๋ออกไปไกลแล้วคุณพ่อไป๋คุณแม่ไป๋เพิ่งจะรู้สึกตัว \" คุณ เมื่อกี้พวกเราได้ยินไม่ผิดใช่มั้ยหนูไป่ยอมรับหมั้นกับเจิ้นหลงของเราแล้วใช่มั้ย \" คุณแม่ไป๋เอ่ยถามสามีน้ำเสียงมีแต่ความดีใจ คุณพ่อไป๋มองภรรยาตนเองที่ดีอกดีใจก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ \" คุณอย่าเพิ่งรีบดีใจไปเลย การตกลงหมั้นหมายกันของทั้งสองเกิดจากการบีบบังคับของลูกชายเรา หนูไป่ตกลงหมั้นเพราะบันดาลโทสะ ผมกลัวว่าชีวิตคู่ของพวกเขาทั้งสองจะไม่ราบรื่นอย่างที่คิด \" คุณแม่ไป๋เหลือบมองไปที่สามีด้วยหางตาอย่างไม่พอใจ \" คุณคิดมากเกินไปแล้ว ลูกชายเราดีพร้อมซะขนาดนั้นมีแต่คนอยากจะมาเป็นลูกสะใภ้เราหนูไป่โชคดีแค่ไหนแล้วที่ถูกลูกชายเราเลือก \" คุณพ่อไป๋มองภรรยาแล้วส่ายหัวอย่างไม่มีอารมณ์จะคุยเรื่องนี้ต่อแต่ก็ยังพูดออกมาอีกว่า \" ก็เพราะหนูไป่โชคดีที่เกิดมาไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ลูกชายเราเลยหลงเธอย่างบ้าคลั่งไง แค่นี้คุณยังดูไม่ออกเหรอ ที่ลูกชายเราเป็นแบบนี้เพราะ คุณชายหนึ่ง ตระกูลหลงดูสนใจในตัวหนูไป่เป็นพิเศษ \" คุณแม่ไป๋ขี้เกียจฟังสามีพูดหล่อนรู้สึกว่าสามีคิดมากเกินไปเพราะในสายตาหล่อนลูกชายหล่อนดีที่สุดหล่อที่สุด \" คุณไม่ต้องไปคิดแล้วเรามีหน้าที่หาฤกษ์ให้เด็กๆอย่าไปคิดไรพวกนี้เวลานี้ต้องคิดหาฤกษ์งามยามดีจะดีกว่า ไปขึ้นรถกลับบ้านค่ะ \" พูดจบก็เดินนำสามีขึ้นไปนั่งในรถตู้สุดหรูของบ้านตนเองทีนที มู่มู่เดินทางมาถึงจีนพยายามโทรติดต่อไป่เซแต่ติดต่อไม่ได้สุดท้ายได้โทรไปหาฉู่เฉียว พวกเขานัดเจอกันในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นมู่มู่เดินเข้ามาฉู่เฉียวยิ้มทักทายด้วยรอยยิ้ม \" มาแล้วเหรอคะ \" \" ขอโทษด้วยครับที่ทำให้คุณรอนานพอดีผมแวะทำธุระนิดหน่อย \" มู่มู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพและอ่อนโยนใบหน้าหล่อเหลานั้นทำให้คนมองยากที่อยากจะละสายตาจากเขา \" ไม่นานเลยค่ะฉันเองก็เพิ่งมาถึง คุณอยากทานอะไรสั่งเลยนะคะมื้อนี้ฉันขอเลี้ยงคุณในฐานะเจ้าบ้าน \" ฉู่เฉียวยื่นเมนูให้มู่มู่อย่างคุ้นเคยมู่มู่ยิ้มรับอย่างจริงใจทั้งสองก้มหน้าสั่งอาหารพอสั่งอาหารเสร็จทั้งสองก็นั่งคุยกัน \" ไม่ได้เจอกันนานคุณฉู่ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะครับ \" ฉู่เฉียวยิ้มแก้มแดงเมื่อได้ยินคำชมจากปากมู่มู่ มู่มู่ช่างเป็นผู้ชายที่ปากหวานเสียจริงชอบทำให้สาวๆหวั่นไหวแต่กลับไม่สนใจใครเลย \" คุณเองก็ยังคงหล่อเหลาเหมือนเดิมนะคะ แถมมีแฟนที่ทั้งเก่งและน่ารักอย่างคุณหนูไป่ พวกคุณเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆเลยค่ะ \" ในตอนนี้พนักงานเสิร์ฟเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารเสร็จแล้วก็เอ่ยอย่างสุภาพ : ขอให้มีความสุขกับการทานอาหารมื้อนี้ทานให้อร่อยนะคะ : กล่าวจบพนักงานก็คำนับแล้วเดินออกไป ทั้งสองเริ่มทานอาหารไปคุยไปจนทานเสร็จก็นั่งคุยกันต่อสักพักและดื่มอะไรนิดหน่อย ฉู่เฉียวเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มู่มู่ฟังอย่างละเอียดรวมถึงข่าวลือที่ว่าทั้งสองเป็นคู่หมั้นกัน \" ในความเป็นจริงข่าวลือนั้นเป็นเพียงการกลบข่าวเสียหายของไป่เจิ้นหลงเพื่อเรียกให้หุ้นบริษัทกลับมาคงที่เพราะก่อนหน้านี้ชาวเน็ตแอนตี้ไป๋เจิ้นหลงที่คบหากับซู่หลินชาวเน็ตในขณะเดียวกันชาวเน็ตต่างชื่นชอบคุณหนูไป่และปกป้องคุณไป่คระกูลไป๋ที่กำลังเกิดปัญหาขั้นวิกฤติก็เล็งเห็นประโยชน์ตรงนี้เลยสร้างข่างลืออ้างชื่อคุณหนูไป่จนบริษัทกลับมาอยู่ในภาวะปกติ ทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันหวังว่าคุณจะไม่เข้าใจคุณหนูไป่ผิดนะคะ \" มู่มู่เป็นคนมีเหตุผลและจิตใจดีขอแค่มีคำอธิบายเขาย่อมเข้าใจได้ \" ครับขอบคุณมากนะครับ แน่นอนว่าผมต้องเข้าใจเธอ งั้นพวกเราออกไปเดินย่อยอาหารกันสักหน่อยดีมั้ยครับ \" ทั้งสองเดินออกไปพร้อมกันคุยเล่นกันถามถึงสารทุกข์สุขดิบตามประสาคนไม่เคยพบกันนาน
已经是最新一章了
加载中