ตอนที่ 35 สำส่อน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 35 สำส่อน
สายตาไป๋เจิ้นหลงไปตกอยู่ที่มือของมู่มู่และไป่เซที่กำลังจับมือกันอยู่ ไป่เซแม้จะยิ้มแต่เธอก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เธอไม่ชอบความรู้สึกนี้ ที่เหมือนกับแคร์สสยตาไป๋เจิ้นหลง ดาราสาวที่ควงแขนไป๋เจิ้นหลงอยู่รู้สึกได้ถึงความผิดของไป๋เจิ้นหลงจึงมองตามสายตาของไป๋เจิ้นหลงแล้วหันไปเห็นเพียงด้านของชายหญิงคู่หนึ่งถึงถามไป๋เจิ้นหลงด้วยความสงสัยว่า \" คุณไป๋คุณมองอะไรเหรอคะ \" ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกรำคาญขึ้นมาเล็กน้อยกับคำถามที่แสดงถึงความอยากรู้อยากเห็น ลู่เหยียนดาราสาวที่เซ็กซี่ที่สุดเป็นอันดับสองรองจากซู่หลินพอซู่หลินติดคุกเธอก็ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทันทีก่อนหน้านี้เธอก็เคยมีข่าวซุบซิบระหว่างเธอกับไป๋เจิ้นหลงเช่นกัน ไป๋เจิ้นหลงอยากจะปล่อยวางจากไป่เซแต่เมื่อเขาเห็นภาพเธอสนิทสนมกับชายอื่นมันทำให้เขารู้สึกหงุดหงุดอารมณ์ไม่ดีและไม่ชอบหน้าผู้หญิงตรงหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ \" ผมกลับก่อนวันนี้คุณไปดูหนังเดินเล่นคนเดียวเถอะ \" พูดจบเขาก็แกะมือลู่เหยียนออกจากแขนของเขาอย่างไม่ไยดีแล้วหมันตัวกลับไปที่บันไดเลื่อน ลู่เหยียนเห็นแบบนั้นก็รีบตามไปอย่างรีบร้อนและคว้าแขนของไป๋เจิ้นหลงแล้วถามเอาเหตุผลจากไป๋เจิ้นหลงด้วยท่าทีน้อยใจ \" คุณไป๋คะ คุณไป๋เดี๋ยวก่อนค่ะวันนี้คุณเป็นคนชวนฉันออกมาดูหนังกับคุณเองนะคะ แล้วจู่ๆคุณจะทิ้งฉันไปดื้อๆแบบนี้ไม่ได้นะคะ \" คราวนี้ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกรำคาญเอามากๆใช้สายตาเย็นชาราวกับเกล็ดน้ำแข็งทิ่มแทงเข้าไปในใจของผู้ถูกมองบรรยากาศรอบตัวเขาให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกร่างกายของลู่เหยียนแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็ง ใบหน้าซีด หม่นหมอง กลายเป็นคนเชื่อฟังราวกับหุ่นยนต์ \" เอามือของคุณออกถอยไปให้ห่างจากตัวผมแล้วไสหัวไปซะ \" ไป๋เจิ้นหลงกดเสียงต่ำจนน่ากลัว ลู่เหยียนได้แต่ทำตามเขาอย่างเชื่อฟังค่อยๆเอามือออก เพราะเธอกลัวเขาจริงๆและรักไป๋เจิ้นหลงมากถึงขั้นรู้ว่าเขามีคู่หมั้นแล้วก็ยังยอมเป็นผู้หญิงของเขาอย่างลับๆ \" ถ้าผมไม่อนุญาตคุณห้ามโทรมาหาผมถ้าผมต้องการคุณจะโทรหาคุณเอง \" \" ค่ะ ค่ะฉันเข้าใจแล้วฉันจะรอคุณค่ะ \" เมื่อเห็นว่าเธอเชื่อฟังแล้วไป๋เจิ้นหลงก็ใช้สายตาเย็นราวกับปีศาจร้ายส่งไปให้เธอเป็นการบอกว่า ไสหัวไปได้แล้ว ลู่เหยียนก็เดินจากไปอย่างผิดหวังและเสียใจเธอไม่อยากสูญเสียไป๋เจิ้นหลงไปเธอจึงเลือกที่จะเชื่อฟัง ไป๋เจิ้นหลงเดินกลับไปที่รถด้วยอารมณ์หงุดหงิดและโมโห ในตอนนี้เขาโมโหตัวเองมากที่สุด \" ไป่เซคุณมันไม่รักนวลสงวนตัว คุณมันปีศาจจิ้งจอก \" ไป๋เจิ้นหลงพูดด้วยความโมโหดวงตาแข็งกร้าวนิ้วมือกำพวงมาลัยแน่นแล้วก็ตบลงที่พวงมาลัยอย่างแรง \" ดีในเมื่อปล่อยเธอไปไม่ได้ ในเมื่อผมไม่ได้หัวใจคุณ คนอื่นก็อย่าหวังว่าจะได้ตัวคุณไป คุณจะต้องอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้นของผมไปตลอด ใครหน้าไหนกล้าเข้ามาแย่งไปเธอก็ลองดู \" ยิ่งพูดคนเดียวอารมณ์ยิ่งปะทุเดือดดาลมากยิ่งขึ้นภาพที่ไป่เซยิ้มให้มู่มู่อย่างอ่อนโยนก็ลอยเข้ามาตรงหน้าตอกย้ำความเจ็บปวดในใจเขา ยิ่งไปกว่านั้นคือภาพที่มู่มู่ไปจับมือไป่เซนิ้วมือของทั้งสองสอดประสานกันแน่นราวกับกลัวใครจะแยกพวกเขาออกจากกันมันเป็นภาพที่บาดตาบาดใจ ไป๋เจิ้นหลงจนเสียสติชกเข้าที่กระจกรถอย่างแรงจนกระจกรถหรูแตกร้าวได้ ขณะนั้นเองเจียผิงเหอก็โทรเข้ามาที่เบอร์ของไป๋เจิ้นหลง ไป๋เจิ้นหลงรับโทรศัพท์ถามออกไปว่า \" มีอะไร \" น้ำเสียงของเขาเจียผิงเหอรู้ว่าเขาจะต้องอารมณ์ไม่ดีและโกรธมากแน่ไเพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเขาโกรธเพราะสาเหตุอะไร \" นายอยู่ไหนฉันจะไปรับ \" เจียผิงเหอพูดด้วยความเป็นห่วงไป๋เจิ้นหลงตอบเพียงสั้นๆว่า \" ห้างA \" \" อืมฉันกำลังออกไป \" เจียผิงเหอพูดจบไป๋เจิ้นกลงก็วางสายไป ไป่เซที่อยู่ในห้องบัลเล่ต์ก็ซ้อมการแสดงซ้อมหมุนตัวเธอซ้อมไม่กี่รอบก็หมุนได้อย่างคล่องแคล่วและสง่างามเรือนร่างพลิ้วไหวอย่างอ่อนโยนแฝงไปด้วยความแข็งแรงทรงพลังและมีเสน่ห์ สมกับเป็นตัวเอกของเรื่อง Swan Lake เจ้าหญิงหงส์ขาว เธอจะได้ขึ้นแสดงเป็นตัวเอกครั้งแรกร่วมกับนักแสดงบัลเล่ห์มืออาชีพ เธอจึงตั้งใจเป็นพิเศษเพราะเป็นความใฝ่ฝันของเธอมาตลอดเมื่อโอกาสมาถึงเธอจึงทำอย่างสุดความสามารถ ต้นเดือนหน้าก็ต้องซ้อมร่วมกันกับกลุ่มนักแสดงมืออาชีพแล้วเธอจึงไม่กล้าประมาทค่อยๆทำให้ใจร่มๆและมีสมาธิเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการแสดง เธอเคลื่อนไหวตามเสียงบรรเลงเพลงของวงซิมโฟนีออร์เคสตรา การแสดงที่สื่อออกมาทางสีหน้า ทางทางการเคลื่อนไหวในท่วงท่าต่างๆของเธอเป็นไปตามจังหวะดนตรีอย่างสอดคล้องและลงตัวทำให้มู่มู่และฉู่เฉียวเคลิบเคลิ้มไปกับเธอราวกับต้องมนต์สะกดจนจบเพลง เธอยิ้มแล้วโค้งคำนับผู้ชมสองท่านตรงหน้านี้อย่างสง่างามแล้วเอ่ยว่า \" ขอบคุณค่ะ \" เมื่อได้ยินเสียงเธอมู่มู่และฉู่เฉียวถึงได้สติกลับมา พวกเขายิ้มและปรบมือให้เธอรัวๆอย่างชื่นชม ฉู่เฉียวรู้สึกชื่นชมและนับถือในความสามารถของไป่เซมาก \" คุณไป่คุณเก่งมากจริงๆสุดยอดมากๆเลยค่ะคุณมีอินเนอร์ในการแสดงออกสื่ออารมณ์ให้ผู้ชมเข้าใจได้ดีและลึกซึ้งมากจริงๆ คุณเป็นผู้หญิงที่เก่งและความสามารถรอบด้านจริงๆเลยนะคะ \" ฉู่เฉียวชมออกมาจากใจไม่ใช่การยกยอเอาอกเอาใจแต่อย่างใดเพราะเธอคิดว่าขนาดเธอเรียนจบมาโดยตรงยังทำได้ไม่ดีเท่าเธอเลย หรือเรียกอีกอย่างว่ามันคือพรสวรรค์ \" คุณฉู่ก็ยกยอกันเกินไปค่ะ ถ้าเก่งฉลาดมีไหวพริบรอบด้านอย่างคุณนักสืบฉู่สิคะถึงจะเรียกว่าความสามารถรอบด้านจริงๆค่ะ \" ไป่เซพูดอย่างถ่อมตนพลางยิ้มแล้วพูดชื่นชมฉู่เฉียวกลับอย่างจริงใจ ไป่เซเดินมายืดเส้นยืดสายมู่มู่เดินมาทางเธอพร้อมกับยื่นขวดน้ำให้เธอ \" เหนื่อยมั้ย ดื่มน้ำสักหน่อยนะครับ คนเก่งของผม \" ไป่เซยิ้มพร้อมกับรับน้ำจากมือของมู่มู่ \" ขอบคุณค่ะ \" จากนั้นมํ่มู่ก็ยื่นน้ำอีกขวดให้ฉู่เฉียว \" ขวดนี้ของคุณครับคุณฉู่ \" ฉู่เฉียวยิ้มพร้อมกับพูดว่า \" ขอบคุณค่ะ \" ไป่เซยกน้ำขึ้นมาดื่มหมดไปครึ่งขวดแล้วพูดว่า \" นี่ก็เย็นมากแล้วช่วงนี้ฉันนอนบ้านคุณปู่ ฉันขอตัวโทรบอกคุณปู่ก่อนนะคะ \" มู่มู่และฉู่เฉียวพยักหน้าให้เธอหลังจากไปเซออกไปมู่มู่ก็หันมาคุยกับฉู่เฉียว \" คุณฉู่ผมไม่เคยรู้เลยว่าคุณเป็นตำรวจสายสืบ \" ฉู่เฉียวยิ้มพร้อมกับพูดว่า \" มันเป็นความลับค่ะคนที่รู้ตอนนี้คงมีแต่คุณกับคุณไป่เนี่ยแหละค่ะ วันนั้นเกิดเรื่องกับคุณไป่กะทันหันค่ะ \" \" ขอบคุณแทนมากไป่มากเลยนะครับขอบคุณที่ดูแลเธอแทนผม \" ฉู่เฉียวยิ้มแต่ภายในใจเธอรู้สึกขมขื่นมากเลยฝืนตอบไปอย่างเข้มแข็งและสื่อเป็นนัยๆว่า \" มันเป็นหน้าที่ค่ะ ขอบคุณอะไรกันคะสำหรับคุณกับคุณไป่แล้วฉันยินดีเสมอค่ะ \" มู่มู่ยิ้มอย่างซาบซึ้งใจ ทางด้านไป่เซที่กำลังโทรไปหาคุณปู่ไป๋เมื่อคุณไป๋กดรับเธอก็พูดขึ้นทันที \" คุณปู่คะวันนี้หนูมีธุระกลับบ้านดึกหน่อยนะคะ \" \" อ๋อ ได้ๆหนูอยู่ไหนล่ะถ้ากลับมาปู่จะได้ให้คนขับรถไปรับ กลางค่ำกลางคืนปู่ไม่อยากให้หนูเรียกแท็กซี่อ่ะ \" คุณปู่ไป๋ที่นั่งอยู่กับไป๋เจิ้นหลงพูดด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของหลานสาว ไป๋เจิ้นหลงนั่งฟังอย่างเงียบๆและความโกรธกำลังปะทุราวกับภูเขาไฟกำลังจะระเบิดเลือดภายในร่างกายของเขากำลังเดือดพล่าน ไป่เซได้ยินก็ซึ้งใจอย่างมากที่คุณปู่เป็นห่วงเธอจึงพูดออกไปว่า \" ไม่เป็นไรค่ะคุณปู่วันนี้หนูไม่เรียกแท็กซี่คุณปู่ไม่ต้องห่วงนะคะ \" คุณปู่ไป๋เมื่อได้ยินว่าหลานสาวพูดว่า วันนี้ไม่เรียกแท็กซี่ ก็หันไปมองไป๋เจิ้นหลงที่กำลังโกรธสีหน้าดูไม่ดีเลย แต่ก็ไม่ถามอะไรไป่เซแล้ว และพูดเพียงว่า \" อืมดีๆถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หนูรีบโทรหาปู่คนแรกเลยนะเข้าใจมั้ย \" คุณปํ่ไป๋กำชับกับเธอ \" ค่ะ หนูจะจำไว้ งั้นหนูขอวางสายไปทำธุระต่อนะคะ \" \" อืม ได้ๆ \" จากนั้นคุณปู่ไป๋ก็กดวางสายไป ไป๋เซเดินกลับเขาไปในห้องแล้วพูดว่า \" จะเริ่มซ้อมการแสดงของไทยต่อเลยนะคะพี่มู่ช่วยเปิดเพลงใหน่อยค่ะ เพลงที่เขียนว่า ระบำดาวดึงส์ \" \" ได้ครับที่รัก \" ไป่เซสะดุ้งที่อยู่ๆมู่มู่ก็เรียกเธอว่าที่รักแต่คนที่มองดูทั้งสองเรียกกันอย่างรักใคร่คนที่ยิ้มอย่างฉู่เฉียวกับรู้สึกเจ็บปวดในอก ไป่เซได้สติก็ไม่ว่าอะไรประมาณว่าอยากเรียกอะไรก็เรียกสิ มู่มู่เดินไปที่เครื่องเสียง ด้วยความที่มู่มู่ไม่เคยรู้เรื่องทางด้านการแสดงมาก่อน พอได้ยินคำว่า ดาวดึงส์ ก็เกิดสนใจชื่อนี้ขึ้นมา \" ไป่ดาวดึงส์แปลว่า สวรรค์ใช่มั้ย \" ไป่เซได้ยินก็ตอบพร้อมกับอธิบายคร่าวๆให้มู่มู่และฉู่เฉียวฟังไปว่า \" ค่ะ การแสดงชุดนี้ลักษณะการแสดงคล้ายละครโอเปร่าของยุโรป กล่าวถึงเรื่องราวความงามบนสวรรค์ที่เป็นสมบัติของพระอินทร์ในเรื่องสังข์ทองที่เป็นนิทานพื้นบ้านของไทยน่ะ การแต่งกายก็แต่งกายยืนเครื่องพระนาง เป็นอีกหนึ่งการแสดงที่ฉันชอบมากค่ะ \" มู่มู่และฉู่เฉียวฟังไป่เซพูดอย่างตั้งใจเขารู้สึกว่าการพูดของไป่เซนั้นมีเสน่ห์น่าดึงดูดมาก \" ให้เปิดยังครับ \" มู่มู่เอ่ยถามไป่เซได้ยินก็พยักหน้าและอยู่ในท่าเตรียมพร้อมทันที พอเพลงบรรเลงไป่เซก็ร่ายรำออกไปอย่างอ่อนช้อยงดงามการเลื่อนไหวทุกท่วงท่าลงตามจังหวะและทาวงทำนองเพลงบุคลิกร่างกายทุกการเคลื่อนไหวของเธอช่างสวยงามมีเสน่ห์จริงๆบวกกับเส้นผมยาวสลวยที่ถูกปล่อยลงมาใบหน้าขาวใสงดงามรวมๆแล้วให้ความรู้สึกราวกับกำลังดูนางฟ้าบนสวรรค์ที่กำลังลงมาร่ายรำ เธอรำจนจบเพลงและซ้อมไปเรื่อยๆสี่ถึงห้ารอบก็กลับไปนั่งพักให้หายเหนื่อยมีมู่มู่คอยดูแลเรื่องน้ำให้เธออยู่ตลอดเวลาดูแล้วเป็นคู่รักสวยหล่อที่น่าอิจฉาจริงๆ เมื่อรู้สึกหายเหนื่อยแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องแยกจากกัน \" วันนี้รบกวนคุณฉู่ทั้งวันแล้ว \" ไป่เซเอ่ย \" ไม่รบกวนเลยค่ะยินดีด้วยซ้ำ \" ฉู่เฉียวพูด พวกเขาเดินไปคุยไประหว่างที่เดินไปที่รถของตัวเอง เมื่อถึงรถพวกเขาก็โบกมือลากัน \" พรุ่งนี้เจอกันนะคะคุณไป่คุณมู่ \" ฉู่เฉียวพูด \" ค่ะ / ครับ \" บ้ายบายค่ะ /บ้ายบายครับ \" เมื่อฉู่เฉียวขับรถออกไปมู่มู่ก็เปิดประตูให้ไป่เซอย่างให้เกียรติแล้วเขาก็มาขึ้นรถแล้วขับออกไป และพวกเขาทั้งสองก็แวะทานข้างข้างทางทานอะไรง่ายๆอย่างบะหมี่ เกี๊ยวเพื่อให้อิ่มท้องเวลานี้มู่มู่เข้าใจว่าไป่เซต้องเหนื่อยมาเพราะเธอซ้อมตลอดแทบไม่หยุดพักเลย ไป๋เจิ้นหลงนั่งอยู่บนโซฟาจนนั่งแทบไม่ติดมองดูเวลาก็สี่ทุ่มกว่าแล้วเขารู้สึกกระวนกระวายใจและรู้สึกหึงหวงมากกลัวมู่มู่จะทำอะไรไป่เซมากกว่าจับมือ จึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาไปเซทันที ไป่เซที่ทานข้าวเสร็จแล้ว กำลังนั่งรถกลับ เห็นข้อความเด้งขึ้นก็เปิดอ่านทันทีเป็นข้อความที่เธอรู้สึกรำคาญมากชวนให้ใจขึ้นทันทีในข้อความระบุว่า \" กี่โมงแล้วทำไมยังไม่กลับทำไมไม่รู้จักดูเวลารีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะไม่อย่างนั้นผมจะให้คนไปลากคุณกลับมาแล้วจัดการกับไอ้หมอนั่นซะ ในฐานะคู่หมั้นคุณจะทำอะไรให้นึกถึงหน้าผมคุณปู่และพ่อแม่ของผมบ้าง อย่าทำอะไรตามใจตนเองที่คิดอยากจะควงใครก็ควงนะอย่าสร้างปัญหาให้ตระกูลไป๋ของเราให้เสียชื่อเข้าใจมั้ย \" ไป๋เซมองดูข้อความด้วยความงุดหงิดและโมโหจึงตอบไปว่า \" อย่าลืมว่าทุกอย่างแค่ในนาม คุณไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายชีวิตและความเป็นส่วนตัวของฉัน ถ้าจำไม่ผิดที่ฉันต้องตกเป็นคู่หมั้นกำมะลอของนายเพราะก็นิสัยสำส่อนของนายไม่ใช่เหรอ \" มู่มู่เห็นว่าอยู่ๆไป่เซก็ดูอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเลยเอ่ยถามออกไปว่า \" ที่รัก มีอะไรหรือเปล่า \" ไป่เซรู้สึกสะดุ้งกับคำว่าที่รักอีกครั้งเธอไม่คุ้นกับคำเรียกนี้จริงๆ จากนั้นก็ยิ้มเจื่อนๆแล้วตอบไปว่า \" ไม่มีอะไรค่ะ แค่อ่านข่าวหมาบ้าไล่กัดคนน่ะค่ะ \" มู่มู่ยิ้มอย่างอ่อนโยนเขาไม่ได้โง่ที่จะเดาไม่ออกเพียงแต่เขาไม่อยากใส่ใจเมื่อไป่เซพํดขนาดนี้เขาก็ต้องเชื่อใจเธอ ไป๋เจิ้นหลงเห็นข้อความก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยากจะจับไป่เซกดลงไปใต้ร่างของเขาแล้วลงโทษเธอทันที \" ผู้หญิงคนนี้ด่าว่าเรา สำส่อน อย่างงั้นเหรอ เหอะ! รอให้กลับมาถึงก่อนจะทำให้รู้ว่าผลของการด่าคนอื่นว่า สำส่อน มันเป็นยังไง หึ! \"
已经是最新一章了
加载中