ตอนที่ 44 ทุเรศ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 44 ทุเรศ
หลังจากเสร็จสิ้นการเดินแบบการแสดงจบลงผู้แสดงทุกคนออกมายืนบนเวทีไป่เซเปลี่ยนเป็นสวมใส่ชุดสูทชุดเดิมผมรวบตึงร่วมถ่ายรูปกับเหล่าผู้นำและนักธุรกิจที่มาจากประเทศต่างๆของโลก โดยนักแสดงดารานางแบบจะยืนอยู่แถวหลังด้านหน้าเขาจะเป็นกลุ่มผู้นำและนักธุรกิจแถวหน้าของกลุ่มผู้นำก็จะเป็นประธานและหุ้นส่วนของบริษัทไป๋หลงกรุ๊ป เก้าอี้ตรงกลางเป็นคุณทวดและคุณปู่ไป๋เป็นคนนั่ง ด้านซ้ายมือเป็นคุณพ่อคุณแม่ไป๋ด้านขวามือเป็นไป่เซและไป่เจิ้นหลง แถวหน้าของพวกเขาก็มีทีมนักแสดงบัลนั่งอยู่เรียงแถวเริ่มจากทางซ้ายจะเป็นจีนตรงกลางเป็นบัลเล่ต์ต่อด้วยชุดของประเทศไทยนักแสเงชายที่เต้นโมเดิร์นยืนอยู่ข้างหลัง หน้าเวทีนักข่าวแต่ละสำนักยืนถ่ายรูปรอทำข่าวกันเป็นจำนวนมากไป๋เจิ้นหลงที่ยืนใกล้ๆยื่นมือออกไปโอบเอวเธอไว้อย่างกับกลัวเธอจะหนีไป ไป่เซยืนนิ่งไม่แม้แต่จะต่อต้านเขา เพราะต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเธอไม่อยากทำให้เขาเสียหน้าและมันอาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของประธานบริษัทดูไม่ดีในสายตาคนอื่นเอาได้ เธอมองเขาแล้วยิ้มอย่างมั่นใจ ไป๋เจิ้นหลงที่รู้สึกได้ถึงการยินยอมของเธอ จึงก้มกระซิบข้างหูไป่เซเบาๆ “ ที่รักไม่ดื้อแบบนี้กลับบ้านไปคืนนี้สามีคงต้องจัดรางวัลชุดใหญ่ให้แล้ว ” เมื่อได้ยินแบบนี้คิ้วของไป่เซถึงกับกระตุกแก้มของเธอค่อยๆแดงอุณหภูมิบนใบหน้าสูงขึ้น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆไม่แสดงอารมณ์โกรธผ่านทางสีหน้าเธอยิ้มพร้อมกับกระซิบตอบไปเบาๆว่า “ ไป๋เจิ้นหลงคุณอย่าพูดมั่วๆนะคุณยังไม่ใช่สามีฉันกรุณาใช้สรรพนามแทนตัวเองให้มันถูกต้องหน่อย คุณอย่าทำตัวบ้ากามพูดทะลึ่งต่อหน้าผู้คนแบบนี้ ทุเรศ ” ใบหน้าหน้าหล่อเหลาตอนนี้ยิ้มในหน้าแต่แววตาแฝงไปด้วยความเย็นชามุมปากยกยิ้มเล็กน้อย เขาชอบพูดจาหยอกล้อกับไปเซการได้แกล้งไป่เซที่วางตัวดีเวลาเขินมักจะน่ารักราวกับสาวน้อยไร้เดียงสา ไป๋เจิ้นหลงที่สวมใส่ชุดสูทสีดำสุดหรูยังคงแกล้งหยอกเธอไม่หยุด “ เอ๋ที่รักคิดอะไรอยู่ อยู่ๆมาหาว่าผมทะลึ่งบ้ากามผมว่าคุณน่ะคิดไปไกลแล้วหรือว่าเวลาคุณอยู่กับผมคิดแต่เรื่องอย่างว่า” ไป่เซไม่อยากจะต่อความยาวกับเขาเลยเลือกที่จะนิ่งเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ออกมา เมื่อการถ่ายรูปเสร็จสิ้นลงไป๋เจิ้นหลงถูกดึงตัวไปพูดคุยนักข่าวล้อมตัวไป่เซและคุณท่านไป๋สอบถามในการมอบตำแหน่งรองประธานให้กับไป่เซ มู่มู่ถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่เป็นดอกกุหลาบสีขาวกับสีแดงและสีเหลืองยืนรอไป่เซให้สัมภาษณ์และมีฉู่เฉียวยืนอยู่ข้างๆเขา คุณชายหนึ่งก็ถือดอกไม้ในมือรอแสดงความยินดีเช่นกันเป็นดอกทิวลิปส่วนลี่เหม่ยเอิงถือช่อดอกไม้สีขาวล้วน รอมอบให้ไป่เซเช่นกันเป็นดอกไม้ที่ไป่เซชอบและมีในบ้านเกิดเธอเท่านั้นนั่นคือ ดอกมะลิและดอกพุดซ้อนหรือเก็ตถวานั่นเอง มู่มู่เห็นลี่เหม่ยเอิงที่ยืนข้างคุณชายหนึ่งดวงตาเขามืดลงทันทีเขาไม่อยากจะพบเจอกับผู้หญิงที่โหดร้ายคนนี้แต่กลับต้องมาเจอในงานเดียวกันคิ้วของเขาขมวดขึ้นเป็นปมมองไปทางลี่เหม่ยเอิงอย่างเกลียดชัง ลี่เหม่ยเอิงเห็นสายตาที่มองมาทางเธอก็รู้สึกสั่นและเสียใจสำหรับเธอแล้วไม่มีอะไรที่เจ็บไปกว่าคนที่ตนเองรักเกลียดชัง มู่มู่กลัวว่าลี่เหม่ยเอิงมีแผนที่ไม่หวังดีต่อไป่เซเขาจึงก้าวเท้ายาวไปยืนอยู่หน้าคุณชายหนึ่งกับลี่เหม่ยเอิงแล้วพูดว่า “ ลี่เหม่ยเอิง คุณมาที่นี่มีแผนอะไรอีก คุณอย่าคิดสกปรกทำร้ายคนรักของผมเด็ดขาดไม่อย่างงั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน ” น้ำเสียงดุดันเย็นยะเยือกทำให้คนฟังรู้สึกราวกับถูกแช่แข็งไม่เหลือร่องรอยของความอ่อนโยนแววตาที่เคยอบอุ่นดูแข็งกร้าวราวกับมีดที่กรีดลงบนใจของลี่เหม่ยเอิง ความจริงที่มางานวันนี้ลึกๆก็หวังจะได้พบเจอกับมู่มู่อีกครั้งเพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะเจอในลักษณะนี้ทำให้เธอแข็งทื่อและหายใจติดขัดไปชั่วขณะ ฉู่เฉียวที่ยืนอยู่ข้างๆไม่อยากก้าวก่ายเรื่องของมู่มู่แม้จะตกใจในน้ำเสียงและแววตาของมู่มู่ก็ตามแต่ก็เลือกที่จะเงียบ ทำให้เธอรู้ว่ามู่มู่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เขารัก คุณชายหนึ่งและน้องชายตะลึงเล็กน้อยกับคำขู่ของมู่มู่เมื่อมองไปทางฉู่เฉียว ฉู่เฉียวยักคิ้วยักไหล่อย่างสบายๆ คุณชายหนึ่งเดาออกทันทีว่ามู่มู่นั้นต้องมีความเกี่ยวข้องกับไป่เซแน่นอนและคำว่าคนรักเขาที่หลงรักไป่เซนั้นกลับฟังไม่เสนาะหูรู้สึกไม่พอใจจึงเลือกที่จะเข้าข้างปกป้องลี่เหม่ยเอิง “ คุณชายท่านนี้เข้าใจผิดแล้ว คุณหนูลี่เธอเป็นเพื่อนกับคุณหนูไป่เธอจะมีแผนคิดสกปรกทำร้ายคนอื่นที่เป็นคนรักของคุณได้ยังไงกัน พวกเรามาเพื่อแสดงความยินดีกับคุณหนูไป่ไม่ใช่มาหาเรื่องใครดังนั้นต่างคนต่างอยู่นะครับ ” ฉู่เฉียวรู้จักนิสัยของคุณชายหนึ่งดีความปากร้ายใจดำตรงประเด็นนี้เขาอยากจะเอาผลส้มยัดเข้าไปในปากของเขาจริงๆ คุณชายหนึ่งพูดจบก็คว้ามือของลี่เหม่ยเอิงที่ยืนบื้ออยู่กับที่นั้นลากไปทางอื่นมู่มู่เห็นมือของลี่เหม่ยเอิงที่เป็นอดีตคู่หมั้นของเขาถูกลากไปกลับรู้สึกไม่พอใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นลี่เหม่ยเอิงที่ดูเชื่อฟังไม่เหมือนลี่เหม่ยเอิงที่โหดร้ายทำได้ทุกอย่างที่ต้องการไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขาเขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก นักข่าวส่วนหนุ่นเข้าไปสัมภาษณ์ไป๋เจิ้นหลงยิงคำถามเกี่ยวกับชีวิตส่วตัวและด้านความรักเป็นหลัก “ ขออนุญาตถามท่านประธานไป๋ค่ะ มีข่าวว่าท่านประธานไป๋กับคุณหนูไป่ท่านรองประธานป้ายแดงหมั้นหมายกันลับๆจริงมั้ยคะ ” ไป๋เจิ้นหลงไม่ตอบเขายิ้มมุมปากแม้ก่อนหน้านี้จะโมโหมากแต่พอนึกถึงไปเซที่จะต้องถูกเขาลงโทษกลับทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาไม่น้อยแล้วพูดขึ้นว่า “ พวกคุณมีอะไรจะถามถามมาได้เลยข้อไหนตอบได้ก็จะตอบ ” เหมือนกับใจดียอมให้นักข่าวถามแต่ น้ำเสียงราบเรียบใบหน้ากลับมาเรียบเฉยเย็นชาไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าอารมณ์ของเขาเป็นแบบไหนทำให้นักข่าวรู้สึกเสียวสันหลังเพิ่มความระมัดระวังในการตั้งคำถามมากขึ้น นักข่าวที่มาทำข่าวล้วนเป็นมืออาชีพสปิริในการทำงานสูงถ้าได้ทำข่าวของท่านประธานบริษัทไป๋หลงกรุ๊ปแม้จะกดดันก็ถือว่าคุ้มเผลอๆอาจได้เลื่อนตำแหน่งเพราะน้อยครั้งที่เขายอมให้สัมภาษณ์ “ ท่านประธานคะจริงมั้ยคะที่มีข่าวว่าผู้ใหญ่วางแผนจะให้ท่านแต่งงานในเร็วๆนี้ ” “ ขออนุญาตถามครับท่านประธานหลายคนอยากทราบว่าท่านกับรองประธานไป่มีใจให้กันตั้งแต่ตอนไหนครับที่ทราบๆกันคือก่อนหน้านี้รองประธานไป่เป็นน้องสาวบุญธรรมของท่าน ” “ เป็นเรื่องจริงมั้ยครับที่มีข่าวลือออกมาว่าคุณท่านไป๋ยกหุ้นครึ่งหนึ่งของบริษัทให้กับรองประธานไป่เพื่อเป็นสินสมรสในอนาคต ” ไป๋เจิ้นหลงรู้สึกว่าการให้นักข่าวมาสัมภาษณ์แบบนี้ถือเป็นความคิดที่ดีอย่างน้อยก็ทำให้ศัตรูหัวใจที่น่ากลัวอย่างคุณชายชาร์ลเสียเปรียบ จึงตอบนักข่าวไปทีละข้อๆว่า “ คำถามแรก : ผมกับคุณหนูไป่เราหมั้นกันจริงไม่ได้หมั้นกันลับๆอย่างที่เป็นข่าวแต่เรากลับไปหมั้นกันตามประเพณีวัฒนธรรมทางบ้านของเธอ การหมั้นแบบเรียบง่ายเป็นความต้องการของเธอและครอบครัวครับ ทุกอย่างผ่านการตกลงกันของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ” เมื่อได้ฟังไป๋เจิ้นหลงตอบแบบนี้นักข่าวหญิงคนหนึ่งก็ถามขึ้น “ แล้วยังจะจัดงานกมั้นที่ประเทศจีนขึ้นอยู่มั้ยคะ ” ไป๋เจิ้นหลงตอบไปว่า “ แน่นอนครับ ” “ ส่วนคำถามที่สอง : การแต่งงานมีการวางแพลนไว้ในเร็วๆนี้จริงครับ ” “ คำถามที่สาม : มีใจให้กันเมื่อไหร่น่ะเหรอ? ไป๋เจิ้นหลงทำท่าคิดแล้วพูดต่อว่า ผมเจอเธอครั้งแรกตอนไปเที่ยวบนดอยเห็นเธอก็ตกหลุมรักเธอเลยต่อมามาเจอกันอีกครั้งตอนที่รู้ว่าเธอเป็นหลานสาวบุญธรรมของคุณปู่จากนั้นความสัมพันธ์ของเราก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆครับ ” นักข่าวคนหนึ่งรวบรวมความกล้าถามขึ้นว่า “ ท่านประธานครับแบบนี้เรียกว่าพรหมลิขิตได้มั้ยครับ ” และนักข่าวหญิงก็เสริมขึ้นว่า “ เรื่องราวความรักของท่านประธานน่าสนใจมากเลยค่ะ อยู่ห่างไกลกันขนาดนี้พรหมลิขิตยังชักนำให้มาพบกันอีก ท่านประธานเชื่อเรื่องพรหมลิขิตมั้ยคะ ” ไป๋เจิ้นหลงให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เขาไม่รู้สึกเบื่อหรือรำคาญแต่อย่างใดเมื่อถูกนักข่าวสาวถามเรื่องพรหมลิขิตเขาจึงตอบไปว่า “ พวกคุณคิดว่าไงล่ะ ? มันแล้วแต่คนครับสำหรับผม เชื่อตนเองครับ ” “ คำถามที่สี่ : เรื่องหุ้นไม่เกี่ยวกับสินสมรสครับ หุ้นก็ส่วนหุ้นสินสมรสก็ส่วนสินสมรสครับ ” ความจริงอันนี้ไป๋เจิ้นหลงก็ไม่รู้เรื่องคนที่รู้คือคุณปู่เขา ถ้าตอบว่าใช่ก็ดูจะเป็นการซื้อตัวผู้หญิงของเขามีผลต่อศัตรูหัวใจของเขาที่สามารถหยิบเอาเรื่องนี้มาเล่นงานเขาได้ดังนั้นเขาจึงเลือกตอบแบบมีผลดีกับเขามากที่สุด “ ท่านประธานครับผมขออนุญาตถามแทนหนุ่มๆทั้งประเทศที่ชื่นชอบคุณหนูไป่นะครับ พวกเขาอยากรู้ว่า คุณหนูไป่มีคนมาชอบตามจีบตั้งมากมายท่านประธานมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรครับ ” ไป๋เจิ้นหลงจ้องมองไปที่คนถามโดยตรงดวงตาเย็นวับผ่านตัวนักข่าวหนุ่มไปแล้วตอบว่า “ ผู้หญิงของผมเธอมีเสน่ห์เป็นเรื่องที่น่ายินดีกับเธอ แต่การครอบครองมีเพียงผมคนเดียวเท่านั้นที่สามารถครองครองเธอได้ ” \" ขออนุญาตคำถามสุดท้ายค่ะ จริงมั้ยคะที่มีข่าวว่าท่านกับดาราสาวชื่อดังอย่างคุณลู่เหยียนแอบกิ๊กกันลับๆ \" พอพูดถึงเรื่องนี้ไป๋เจิ้นหลงโมโหขึ้นมาทันทีแต่สีหน้ายังคงเรียบเฉยเย็นชาแต่เดาได้ทันทีว่าใครส่งนักข่าวคนนี้มา “ ผมไม่รู้ว่าใครส่งคุณมา แต่ผมจะบอกว่าผมกับคุณลู่เหยียนไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ สำหรับผมแล้วมีเพียงไป่เท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องและเธอสำคัญที่สุดครับ ” นักข่าวที่ถูกถามว่าใครส่งมานิ่งเงียบไปแบบสั่นๆ “ ขอตัวนะครับ ” ไปเจิ้นหลงพูดพร้อมกับเดินออกจากที่ตรงนั้นมองหาคุณชายชาร์ลอย่างหงุดหงิดเขามั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือคุณชายชาร์ลเท่านั้นที่กล้าทำแบบนี้กับเขา ไป่เซและคุณปู่ที่ให้สัมภาษณ์เสร็จก็เดินไปหาคุณปู่ทวดที่มีพี่จินซาและพี่จินฟาของเธอยืนอยู่ข้างๆ เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า \" อาจารย์ทวดหนูดีใจมากๆเลยค่ะที่ท่านลงจากเขามาครั้งนี้ \" ไป่เซเธอจะเรียกคุณทวดไป๋ว่า อาจารย์บางครังก็เรียกคุณปู่ทวด สองคำเรียกนี้ล้วนเป็นคำเรียกติดปากของเธอ \" ศิษย์หลานแสดง อาจารย์จะพลาดได้ยังไงล่ะจริงมั้ย \" คุณทวดไป๋พูดพลางยิ้มแล้วหันมองไปทางจินฟาจินซา ทั้งสองก็รีบพยักหน้ารับยิ้มอย่างมีความสุขว่า \" ใช่ครับ \" จินฟาพูดแล้วจินซาก็เสริมว่า \" ศิษย์น้องรู้มั้ยว่าอาจารย์น่ะตื่นเต้นแค่ไหนตอนที่รู้ว่าศิษย์น้องจะขึ้นแสดง \" ไป่เซยิ้มท่าทางราวกับเด็กน้อยไร้เดียงสากุมมือคุณทวดไป๋ไว้แล้วพูดว่า \" จริงเหรอคะอาจารย์ทวด \" คุณทวดไป๋ยิ้มพยักหน้ารับอย่างอบอุ่น ไป่เซสวมกอดคุณทวดไป๋ทันทีด้วยความรักและคิดถึง จากนั้นมู่มู่และฉู่เฉียวรวมถึงคุณชายหนึ่งและลี่เหม่ยเอิงเดินเข้ามาทางเธอและหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ คุณทวดไป๋ที่กอดกับเธอก็เอาเธอออกจากอ้อมกอดยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วลูบหัวเธอเบาๆพูดว่า \" นี่ก็ดึกมากแล้วหนูคุยกับเพื่อนๆเถอะอาจารย์ทวดกับคุณปู่คงต้องกลับไปพักผ่อนก่อน \" เธอพยักหน้าตอบว่า \" ค่ะ \" และเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นได้เลยพูดว่า \" นี่คุณปู่กับอาจารย์ของฉันค่ะ \" มู่มู่และฉู่เฉียวพูดว่า \" สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ \" พร้อมกับแนะนำตัวเองอย่างเคารพ คุณชายหนึ่งและลี่เหม่ยเอิงก็กล่าว \" สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ \" เช่นกันแล้วแนะนำตัวเองอย่างมีมารยาท คุณปู่ไป๋และคุณทวดไป๋ก็เดินออกจากงานไปพร้อมกับเลขาจินเฉิงและจินฟาจินซา มู่มู่มองไป่เซอย่างไม่ละสายตาจนไป่เซรู้สึกเขินทำตัวไม่ถูก \" ยินดีด้วยนะไป่ไม่นึกว่าตระกูลไป๋จะเซอร์ไพรส์ใหญ่มอบตำแหน่งรองประธานแก่คุณ \" มู่มู่พูดพร้อมกับยื่นดอกไปให้เธอฉู่เฉียวก็พูดขึ้นเช่นกันว่า \" ขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งใหม่ของคุณค่ะ \" ไป่เซยื่นมือไปจะรับดอกไม้ไป๋เจิ้นหลงไม่รู้โผล่มาจากทิศทางไหนรีบรับดอกไม้จากมือมู่มู่แทนไป่เซพร้อมกับพูดว่า \" ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความยินดีกับตำแหน่งรองประธานของว่าที่ภรรยาของผม \"
已经是最新一章了
加载中