ตอนที่ 50 ตอนจบ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 50 ตอนจบ
ไป่เซในตอนนี้ดูสงบนิ่งใจเย็นใบหน้าสวยงามนั้นไม่สามารถเดาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทั้งสองนั่งคุยกันในรถโดยหันหน้าไปทางคฤหาสน์สีขาว ไป๋เจิ้นหลงกังวลใจเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางทีสงบนิ่งเย็นชาราวกับก้อนน้ำแข็งที่ไม่อาจต้องได้ด้วยมือเปล่า \" ไป่คุณเป็นอะไรไปมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า \" ไป่เซที่เอนหลังพิงเบาะรถมองออกไปข้างนอกภายในสมองยุ่งเหยินคิดอะไรต่างๆนาๆจึงไม่ได้ยินที่ไป๋เจิ้นหลงพูด ตั้งแต่เริ่มจนจนตอนนี้เธอยังรู้สึกกลัวว่าวันหนึ่งเธอจะเสียใจและตายด้วยน้ำมือของผู้หญิงของไป๋เจิ้นหลง แม้เธอจะไม่ปลงปล่อยวางแล้วแต่ความกังวลกลับไม่หายไป เธอกลัวแรงรักแรงริษยาของพวกผู้หญิงยิ่งใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึงยิ่งต้องระมัดระวังถ้าเป็นไปได้เธออยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับไป๋เจิ้นหลงจะดีที่สุด แม้ไป๋เจิ้นหลงจะพูดว่าจะไม่ให้ใครทำร้ายเธอได้แต่เรื่องที่เธอถูกลักพาตัว ในนาทีแห่งความเป็นความตายความอัปยศกำลังจะมาเยือนนั้นคนเดียวที่นึกถึงคือไป๋เจิ้นหลงสุดท้ายเธอก็สิ้นหวังสุดท้ายเธอต้องพึ่งสติปัญญาและไหวพริบของตนเอง แค่นี้ก็ทำให้เธอประเมินไป๋เจิ้นหลงได้แล้วว่าเขาไม่สามารถควบคุมผู้หญิงของเขาได้ หากจะกลับไปใช้ชีวิตวางแผนอนาคตกับมู่มู่เธอก็ทำไม่ได้เช่นกัน แม้ปากเธอจะพูดปลอบใจตนเองเสมอว่าการเสียตัวให้คนอื่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในยุคสมัยปัจจุบันแต่จิตใต้สำนึกเธอก็ยังรู้ผิดชอบชั่วดี จะมีผู้ชายคนไหนบ้างจะไม่เสียใจผิดหวังในตัวคนรักเมื่อรู้ว่าก่อนหน้าเคยเป็นของคนอื่น หากแม้มู่มู่จะบอกว่ารักเธอมากไม่สนใจอดีตแต่จิตใต้สำนึกเธอก็ทำให้เธอรู้สึกผิดอยู่ดี ต่อให้รักมู่มู่แค่ไหนเธอยอมเจ็บปล่อยให้มู่มู่ไปเจอคนที่ดีบริสุทธิ์และเจอคนที่ซื่อสัตย์ต่อเขาจะดีกว่า หากตัวเธอเห็นแก่ตัวเลือกอยู่กับมู่มู่สุดท้ายก็เจ็บอยู่ดีเลือกเจ็บเพียงครั้งเดียวแล้วรักษามิตรภาพที่ดีไว้นานๆแบบนี้เธอจะสบายใจกว่า และเธอก็จะไม่แต่งงานกับไป๋เจิ้นหลงเช่นกันสำหรับเธอแล้ว คนอย่างไป๋เจิ้นหลงนั้นสูงส่งและอันตรายสามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการ ในวันนี้ที่เขายังอดทนตามตื้อเธออยู่เพราะว่าเธอไม่ง่ายเหมือนผู้หญิงที่ผ่านๆมาของเขา หากวันใดเธอแต่งกับเขาทำให้เขาสมความปราถนาเธอกลัวว่าเขาจะไม่สนใจเธออีก กลัวว่าตนเองจะเป็นดั่งฮองเฮาที่ต้องทนเจ็บปวดทรมานฝืนเข้มแข็งต่อหน้าผู้คนให้ผ่านไปในแต่ละวันอย่างน่าสงสาร ต้องทนเห็นฮ่องเต้นำสนมเข้ามาเชยชมความขมขื่นนี้เธอไม่อยากประสบพบเจอ ความเจ้าชู้มักมากไม่รู้จักพอนี้ไม่ใช่เกิดเฉพาะในอดีตปัจจุบันมีให้เห็นเป็นตัวอย่างมากมาย ในกลุ่มคนรวยคนมีอำนาจซ้ำผู้หญิงบางกลุ่มในสมัยนี้นั้นขาดความยั้งคิดไม่สนใจแม้กระทั่งคนมีครอบครัวแล้ว สำหรับเธอแล้วเธอคิดว่าเรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังซึ่งไป๋เจิ้นหลงก็ไม่ใช่คนดีที่จะสามารถต้านทานสิ่งยั่วยวนเหล่านั้นได้ คิดๆแล้วเธอก็รู้สึกปวดหัวเธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ พร้อมกับกุมขมับและกดตรงหว่างคิ้วของตัวเอง ไป๋เจิ้นหลงมองดูท่าทางของเธอที่ดูเครียดๆกดตรงหว่างคิ้วก็ถามออกไปอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า \" ไป่คุณเป็นอะไรไป ไป่คุณไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าบอกผมสิ คุณอย่าเงียบแบบนี้ไป่! \" ไป่เซได้ยินแล้วแต่เธอเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดคุยหรือตอบอะไรใครเธอหลับตาพูดเพียงสั้นๆว่า \" ไปกันเถอะ \" ไป๋เจิ้นหลงไม่สบายใจที่ท่าทางไป่เซกลับมาเย็นชาพูดน้อยเงียบขรึมให้ความรู้สึกห่างเหินราวกับเธอคนเดิมในตอนแรกนั้นกลับมาอีกครั้ง ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่อเขาเลยกว่าเขาจะทำลายเกราะป้องกันนั้นของเธอได้เขาพยายามมากแค่ไหนใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะละลายพฤติกรรมของเธอได้มันไม่ง่ายเลย ไป๋เจิ้นหลงมองออกว่าไป๋เซนั้นกำลังคิดมากและรู้ด้วยว่าเธอนั้นไม่เชื่อมั่นในตัวเขา เขาไม่บังคับแต่เขาคิดว่าเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดี ไป๋เจิ้นหลงในเวลานี้ไม่ยอมแพ้ให้กับความเงียบที่ทำให้เขาไม่สบายใจจึงหันไปทางไป่เซจับมือเธอแน่นราวกับกลัวเธอจะหายไป แววตาจริงจังจ้องเธออย่างจริงใจสายตาทั้งสองคู่สบประสานกัน แต่ดวงตาของไป่เซที่ดูสับสนวุ่นวาย จากนั้นไป๋เจิ้นหลงก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า \" ไป่คุณมีอะไรไม่สบายใจบอกผมมาตรงๆการที่คุณเงียบแบบนี้มันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลยคุณไม่สบายใจเรื่องอะไรตรงไหนเปิดใจคุยกันตรงๆเราจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาให้ตรงจุด \" ไป่เซอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดของไป๋เจิ้นหลงเธอคาดไม่ถึงว่าไป๋เจิ้นหลงจะพูดแบบนี้ได้ถือครั้งแรกที่เขาดูมีเหตุผลต่อหน้าเธอไม่ยั่วยุให้เธอโกรธแต่กลับทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย ครั้งนี้ไป๋เจิ้นหลงเลือกที่จะพูดให้มากขึ้นเพื่อละลายเกราะกำบังหรือกำแพงที่ไป่เซสร้างขึ้นเพื่อสร้างระยะห่างกับคนอื่น \" ไหนลองพูดมา แชร์มาให้ผม คุณไม่เคยได้ยินเหรอโบราณว่าสามีภรรยามีอะไรให้พูดกัน เวลาโกรธกันหรืองอนกันอย่าโกรธจนข้ามคืน คุณดูอย่างคุณพ่อคุณแม่ผมสิความรักของพวกเขาที่มีต่อกันไม่จืดจางหรือน้อยลงเลย พอผมรับช่วงต่อคุณพ่อก็จะพาคุณแม่ไปท่องเที่ยวต่างประเทศไปในที่ที่เขาสองคนอยากจะไปพวกเขาทั้งสองก็ยังคงรักกันเติมเต็มใส่ใจกันและกันอย่างวันวาน บางครั้งพวกเขาก็ทะเลาะกันนะแต่พ่อจะไม่ยอมให้แม่โกรธเขาข้ามคืนเลย ผมเคยเห็นพวกเขาแอบคุยปรับความเข้าใจกันเสมอและปรับตัวเข้าหากันตลอดตระกูลผมถึงไม่มีประวัติการหย่าร้างมาก่อน ดังนั้นเราสองคนไหนๆก็ต้องแต่งงานกันแล้วผมอยากให้คุณคุยกับผมได้ทุกเรื่องไว้ใจเชื่อใจผมได้มั้ย \" แววตาไป่เซดูอ่อนลงและปกติมากขึ้นไป๋เจิ้นหลงเองก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับได้เปิดใจคุยกับไป่เซนี่เป็นครั้งแรกที่เขายกตัวอย่างเรื่องพ่อแม่ของเขา ในใจลึกๆตั้งแต่เล็กจนโตเขามองว่าคู่รักของพ่อแม่นั้นเป็นแบบอย่างที่ดีที่เขาชื่นชมมาตลอด หากเขาจะเอาใครมาเป็นคู่ชีวิตเขาก็อยากประสบความสำเร็จในชีวิตคู่จริงๆรักกันเอาใจใส่กันคุยกันได้ทุกเรื่อง ไป่เซปล่อยลมหายใจออกมาแรงๆอย่างช้าๆแล้วเอ่ยว่า \" คุณแน่ใจเหรอว่ารักฉัน \" ไป๋เจิ้นหลงตอบกลับทันทีอย่างไม่ต้องคิด \" แน่นอนว่ารักรักมากรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น \" เมื่อเห็นว่าเขาตอบอย่างมั่นใจเช่นนี้ไป่เซก็ถามต่อว่า \" แล้วคุณเคยชอบฉันไหม \" \" อืมทั้งรักทั้งชอบคุณมั่นใจได้ว่าความรู้สึกแบบนี้ผมไม่เคยมีกับใครมาก่อน \" ณ ตอนนี้เวลานี้ทั้งสองคนก็ยังคงนั่งคุยกันในรถหน้าคฤหาสน์ท้องฟ้าก็มืดแล้วไฟในคฤหาสน์ก็ถูกเปิดให้สว่างไปทั่ว \" แล้วคุณรู้มั้ยว่ารักคืออะไรชอบคืออะไร \" ไป๋เจิ้นหลงปรับเบาะแล้วเอนไปด้านหลังเขากำลังคิดคำตอบอยู่ ก็สับสนขึ้นมาไป๋เจิ้นหลงที่ปราดเปรื่องเรื่องธุรกิจจะมาตายเพราะตอบคำถามเรื่องความรักความชอบมันจะไม่ตลกไปหน่อยเหรอ หรือว่าเขาจะไม่รู้จักความรักดีพอแต่สำหรับไป่เซแล้วเธอตอบได้เต็มปากว่าเธอไม่ได้รักไป๋เจิ้นหลงถ้าถามความชอบเธอก็ไม่ได้ชอบหรือลุ่มหลงในรูปลักษณ์ของเขา ไป๋เจิ้นหลงคิดอยู่นานจนไป่เซที่นอนพิงเบาะรถอยู่พูดขึ้นว่า \" เห็นมั้ยคุณให้คำตอบฉันไม่ได้คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณรักฉันหรือชอบฉันมากน้อยแค่ไหนจริงเท็จอย่างไรคุณยังไม่รู้ตัวดี ฉะนั้นเรื่องการแต่งงานฉันจะคุยกับผู้ใหญ่เองว่าขอเลื่อนออกไปจนกว่าคุณและฉันจะแน่ใจมั่นใจว่าจะอยู่ด้วยกันได้รักกันจริงๆ \" ไป่เซพูดอย่างใจเย็นไร้อารมณ์อื่นเข้ามาข้องเกี่ยว วันนี้เธอรู้อย่างหนึ่งคือคนอย่างไป๋เจิ้นหลงแม้จะดูเพลบอยแต่เขานั้นค่อนข้างให้ความสำคัญกับความรักและครอบครัว แต่ความที่ทำตัวเพลบอยนี้แหละปัญหาสำหรับไป่เซเลย ไม่ว่าชาติไหนๆเธอก็ไม่อาจใช้ผู้ชายร่วมกับใครได้ เรื่องนี้เธอไม่พูดออกไปหรอกเพราะเธอจะคอยดูพฤติกรรมของไป๋เจิ้นหลงเรื่อยๆ หากเธอพูดออกไปแล้วไป๋เจิ้นหลงทำตามก็เท่ากับว่าไป๋เจิ่นหลงไม่ได้เปลี่ยนแปลงด้วยตนเองแต่เปลี่ยนแปลงตนเองเพราะต้องดารเอาชนะใจเธอ แบบนี้สำหรับเธอแล้วมองว่ามันไม่ยืนยาวเพราะมันรับประกันไม่ได้ว่าหากอนาคตเธออายุมากขึ้นเขาเจอคนที่เด็กกว่าความเจ้าชู้ของเขาก็จะเผยออกมาดังเดิม เธอจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวให้เขาจัดการเรื่องผู้หญิงด้วยตนเองหากทำได้เธอก็อาจจะมีใจใหเขาแต่หากยังมีข่าวเธอก็จะยกเลิกงานแต่งเอง ไป๋เจิ้นหลงที่คิดและเงียบไปนานเมื่อได้ยินว่างานแต่งจะถูกเลื่อนออกไปก็ขมวดคิ้วขึ้นทันที \" คุณหมายความว่าเราไม่ได้รักกันอย่างงั้นเหรอ \" \" แล้วมันใช่มั้ยล่ะคะ \" ไป่เซย้อนถาม \" ไม่ใช่ ผมก็บอกแล้วว่าผมรักคุณ \" ไป๋เจิ้นหลงพูดอย่างหนักแน่นน้ำเสียงเริ่มโมโหเล็กน้อย \" แต่คุณไม่เข้าใจความรักจริงๆคุณอธิบายกับฉันไม่ได้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือรักอะไรคือชอบ \" ไป๋เจิ้นหลงลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่เธอด้วยท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีแต่ก็ยังควบคุมความโกรธในใจ เขาเกิดมาไม่เคยตามใจไม่เคยยอมผู้หญิงคนไหนเลยพอเขาเลือกยอมให้คนนี้กลับทำให้เขารู้สึกว่าการจะรักใครสักคนนั้นยุ่งยากยากลำบากยิ่งเรื่องงานอีก \" ไป่ผมไม่รู้ว่าคุณนิยามคำว่ารักคำว่าชอบไว้ยังไงแต่ผมจะบอกคุณให้นะ ครั้งแรกที่ผมเจอคุณผมยังไม่ได้รู้จักคุณผมก็ชอบคุณแล้วคุณเป็นคนเดียวที่ทำให้ใจผมสั่นไม่หยุด \" \" ผมชอบใบหน้าสวยหวานบริสุทธิ์ของคุณชอบหุ่นของคุณชอบผิวของคุณผมอยากจะครอบครองคุณ \" แต่คุณก็ห่างเหินเย็นเกินกว่าที่ผมจะเข้าหาได้หรือเอื้อมถึง \" \" เมื่อมาพบกันอีกครั้งคุณรู้มั้ยว่าผมดีใจแค่ไหนผมรักในตัวตนของคุณคุณเป็นคนที่จิตใจบริสุทธิ์มีความกตัญญูมั่นคงในรัก \" \" ความรักที่ผมมีให้คุณนั้นมันเริ่มจากชอบแล้วกลายพัฒนาเป็นรัก รักจนฝังรากลึกลงไปในหัวใจจนหลงคุณไม่อาจเสียคุณให้คนอื่นไปได้คุณเข้าใจผมมั้ยผมรักคุณคุณพอใจหรือยัง \" ไป๋เจิ้นหลงยิ่งพูดยิ่งนึกถึงความผิดหวังความเสียใจก็ยิ่งปรากฏบนใบหน้า อารมมณ์โกรธก็เริ่มปะทุขึ้นพร้อมกับความไม่เข้าใจความน้อยเนื้อต่ำใจความเจ็บปวดที่อดทนอดกลั้นมานานนั้นราวกับต้องถูกระบายออกมาด้วยอารมณ์ \" ผมอิจฉาคุณชายมู่อิจฉามาตลอดอิจฉาที่คุณมอบความรักที่มั่นคงมอบรักเดียวให้กับเขา \" \" ไป่ผมขอถามคุณตรงๆความรักที่ผมให้คุณมันยังไม่พอให้คุณหันมารักผมบ้างเหรอหรือต้องรอให้ผมหมดลมกายใจก่อนแล้วค่อยสนใจผมขึ้นมาใช่มั้ยถ้าคุณต้องการแบบนั้นผมก็จะทำให้ \" \" การที่ผมทำเพื่อใครคนหนึ่งถ้าไม่ใช่เพราะรักก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้ว \" ไป๋เจิ้นหลงดวงตาแดงก่ำแววตาหม่นหมองแฝงไปด้วยความผิดหวัง เพียงแค่ได้ระบายความรู้สึกออกมาเขาก็ถือว่าได้พูดสิ่งที่ควรพูดออกไปหมดแล้ว ความหวังที่จะให้ไป่เซใจอ่อนหันมารักเขามอบหัวใจให้นั้นรีบหรี่ลงเรื่อยๆ เขาจะไม่หวังอีกแล้วถือว่าชดใช้กรรมที่ทำไว้กับเธอในชาติที่แล้ว ในขณะที่เขาหมดหวังไป่เซอยู่ๆก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วหันไปมากอดแน่นราวกับปลอบใจเขาอย่างนั้น \" ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้ \" ไป๋เจิ้นหลงอึ้งไปสักพักไร้การตอบสนองใดๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ไป่เซเป็นฝ่ายมากอดเขาและพูดขอโทษเขา พอดึงสติกลับมาได้ก็กอดเธอไว้แน่นความรู้สึกสิ้นหวังต่างๆนาๆถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นและความรู้สึกดีใจ \" ไป่คุณยังมีใจให้ผมอยู่ใช่มั้ยคุณยังไม่ลืมความรักที่ผมเคยมีให้คุณในชาติที่แล้วใช่มั้ยคุณตอบผมสิไป่คุณยังรักผมไม่เคยลืมผมใช่มั้ย \" ไป๋เจิ้นหลงถามด้วยความหวังอีกครั้งด้วยความตื่นเต้นดีใจน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายกับร้องให้อยู่ ไป่เซพยักหน้าน้ำตาแห่งความรักก็หลั่งไหลพรั่งพรูออกมา \" ค่ะ ฉันยังรักคุณ ฉันไม่เคยลืมคุณ \" ตอนนี้ไป่เซจะทนใจแข็งต่อไปได้ยังไง ในเมื่อชาติที่แล้วในใจของเธอก็มีแต่เขาเท่านั้น แต่เพราะความโกรธแค้นความจริงก่อนตายเธอจึงตั้งจิตอธิฐานสาบานว่า จะไม่ขอได้พบเจอกับเขาอีกขออยู่กันคนละโลกอย่าได้รู้จักกันหากแม้บังเอิญพบเจอก็ขอให้สื่อสารกันไม่รู้เรื่องใช้คนละภาษาพูด และขออย่าได้รักอย่าได้ชอบอย่าได้หลงกลเขาอีกเลยขอให้เธอมีใจที่เย็นชาใจแข็งดั่งก้อนหินเยือกเย็นดั่งหิมะ ส่วนไป๋เจิ้นหลงในชาติที่แล้วนั้นกอดร่างไป่เซจนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้าย จากนั้นก็ตรอมใจตายก่อตายได้ตั้งจิตอธิฐานว่า ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติเขาจะรักเธอไม่ว่าเธอจะไปเกิด ณ ที่แห่งใดไกลแค่ไหนส่วนใดของโลกเขาก็จะตามหาเธอให้พบและมอบรักแท้ที่บริสุทธิ์แก่เธอเพียงผู้เดียวตลอดกาลทุกภพชาติ ส่วนมู่มู่นั้นอธิฐานว่าจะขอเคียงข้างไป่เซทุกชาติไป ส่วนหลันเอ๋อร์หรือเจียผิงเฟยนั้นชาติที่แล้วเขาเป็นบ่าวรับใช้ของไป๋เจิ้นหลงเข้าวังตั้งแต่อายุสิบสี่พอได้เจอกับไป๋เจิ้นหลงก็ตกหลุมรักทันที
已经是最新一章了
加载中