ตอนที่7 คำโกหก
เดือนหนึ่งแล้วสินะที่เขาเป็นนกน้อยในกรงของโซ่ อรัญญาต้องคอยเอาอกเอาใจศิวัตเสมอเพราะหลังจากที่ยายเธอผ่าตัดแล้วหมอบอกเธอว่ายายเธออ่อนแอลงเธอจึงต้องให้ยายรักษาต่อ แต่ค่ารักษาก็เพิ่มพูนขึ้นทุกๆวัน รวมๆแล้วเงินก็เกือบล้านแล้ว หล่อนก็แกรงใจเขาแต่หล่อนก็จำเป็น.........
“เอย แกมีอะไรจะบอกฉันไหม “ จู่ๆมณีกาญก็เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนดูแปลกๆ
“หืมม เรื่องอะไรละ ไม่มี” เธอไม่รู้หรอกว่าเพื่อนสนิทต้องการจะสื่ออะไรกับเธอ
“ ฉันไปหาแกอาทิตย์ที่แล้ว บ้านเงียบไม่มีใครอยู่สักคน” มณีกาญยังดูนิ่งเหมือนเดิม
“ก็ฉันไปช่วยยาย ขะ ขายยของที่ตลาดไง” อรัญญาเริ่มกังวลหนักกว่าเดิม
“แต่ฉันไปหาแกตอนกลางคืน!!!!! “ มณีกาญตวาดลั่นใส่หน้าอรัญญา หล่อนโกรธจน หน้าขึ้นสีเลือด
“แล้วรู้อะไรไหม ฉันไปถามป้าข้างบ้านแก เขาบอกฉันว่ายายป่วยนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนแล้ว ส่วนแกไม่ค่อยอยู่บ้าน แทบไม่กลับบ้านเลย.....” มณีกาญเอ่ยอย่างเลื่อนลอยน้ำตาคลอ
“ก็ฉันต้องไปเฝ้ายาย แล้วก็ไปหางานทำไง”
อรัญญาทำใจลำบากแต่หล่อนโกหกมาขนาดนี้แล้ว หล่อนจะให้เพื่อนสงสัยไม่ได้
“แล้วรูปนี้คืออะไร? ...... บอกฉันมาสิว่าแกไม่ได้ขายตัวอะ ฮึก แกบอกฉันมาสิ”
มณีกาญสุดทนหล่อนมั่นใจว่าเพื่อนไม่ทำแบบนี้แน่ แต่เมื่อเมย์เอารูปถ่ายนี้ให้หล่อนดู หล่อนคงปฏิเสธไม่ได้ หล่อนเสียใจจนปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาในที่สุด
“ มิน มินฟังเราอธิบายก่อนนะที่เราทำไป เรามีเหตุผลนะมิน “ อรัญญาเองก็สะอื้นไห้ หล่อนเจ็บปวดเหลือเกินหล่อนไม่มีทางเลือกหล่อนไม่สามารถหาทางแก้ไขได้
“ พอเถอะเอย เราเสียความรู้สึกไปแล้ว เราไว้ใจแกขนาดไหนแกก็รู้อะ ฮืออออ “ มณีกาญปล่อยโฮ
“ มิน เอยต้องทำแบบนี้เพราะว่ายาย ปะ...” อรัญญาตั้งใจจะอธิบายบอกความจริงเพื่อนไปแต่ก็โดนดักทางสะก่อน
“ เลิกโกหกฉันสักที ฉันคงเชื่อคนโกหกอย่างแกไม่ได้หรอก!!! …..ทั้งที่ฉันเป็นเพื่อนแก แต่แกไม่เคยบอกอะไรฉันเลย ....”
มณีกาญพูดจบก็เดินถอยห่างจากอรัญญาออกไปทันที หล่อนทำอะไรไม่ได้แล้วสินะ หล่อนปล่อยให้น้ำตาไหลรินลงมาได้แต่มองตามแผ่นหลังของเพื่อนสนิทแล้วได้เพียงคิดว่า มณีกาญคงไม่หันหลังกลับมามองเธออีก
“ ฮืออออออออ มินฉันขอโทษ ฮึกก” อรัญญาร้องไห้ปานจะขาดใจ
******************
“ ว่าไงเจ้าตัวดี ไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องเลยนะ”
คุณหญิงพราวศรีผู้เป็นมารดาของศิวัตเอ่ยขึ้น เมื่อเธอนั้นไม่ค่อยจะเจอหน้าลูกชายคนเล็กสักเท่าไหร่
“ โถ่ๆ ม๊าโซ่แค่งานยุ่งๆอะคับ โซ่ใกล้จบแล้วนี่อีกแค่เดือนเดียว ไหนจะงานที่ผมต้องดูแลอีกละครับ “ ศิวัตเอ่ยอ้อนพร้อมเข้ามากอดผู้เป็นมารดา
“ นี่เจ้าโซ่ แกไปบอกลาไอ้ผับเฮงซวยของแกได้เลยนะ ถ้าหากแกเรียนจบแกต้องไปเรียนต่อกับพี่ชายแก”
คุณดิรุจผู้เป็นบิดาของชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างเอือมระอากับลูกชายคนเล็กของท่าน
“ อะไรคับป๊า เนี่ยผมก็ทำมาตั้งนานแถมไม่ได้ขอเงินป๊ากะม๊าอีกด้วยนะ “ ศิวัตทำสายตาออดอ้อนส่งมาให้บิดา
“ แกเคยบอกว่า อยากมีลูกน้องตามติด มีอำนาจ และโด่งดังในสังคมธุรกิจ เหมือนฉัน “
“ คับ!! ผมอยากประสบความสำเร็จแบบป๊า “ ศิวัตเอ่ยหนักแน่น
“ ถ้าอย่างนั้นละก็ แกเตรียมตัวอำลาสาวๆในสังกัดแก แล้วก็ไอ้ผับบ้าๆนั้นสะ แล้วไปเรียนต่อเมืองนอกสะ “ บิดาของศิวัตกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ คร้าบบบ ป๊าผมจะบอกลาทุ๊กกกอย่างแล้วทำตามที่ป๊าบอกเลย “
ศิวัตทำหน้าทะเล้นส่ผู้เป็นบิดาก่อนจะรับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้า