บทที่13
ตอนที่13 หัวใจที่เต้นระรัว
พอเวลาผ่านไม่นานผมก็ดื่มดำกับบรรยากาศกับอาหารที่เลิศหรูตรงหน้าที่พี่พนักงานมาเสริฟก็ถึงเวลาที่วันนี้จะลงสักที่ วันนี้เป็นวันที่เหนื่อยมากสำหรับผม ถึงจะเหนื่อยก็มีความสุขกับที่สิ่งที่ได้ทำผมชอบช่วงเวลาแบบนี้จัง แต่…เหมือนผมลืมอะไรบางอย่างไปเลยแฮะ
พอวันรุ่งขึ้นผมก็ถูกเสียงเคาะประตูปลุกนะครับ…แล้วฝีมือคนเคาะก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนะคนๆนั้นก็ต้องเป็นคุณลูก้าอยู่แล้ว ซึ่งผมก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูทั้งๆที่เปลือกตาทั้ง 2 ข้างยังไม่เปิดนะครับ แต่พอเปิดปุ้ปคุณลูก้าก็โยนยัดชุดมให้ผมเฉย พอเขาเห็นว่าผมรับชุดมาอย่างงงๆก็ปิดประตูเฉยพร้อมกับประโยครั้งท้ายว่า ‘ให้เวลา 20 นาที’
เค…รู้เรื่องในทันทีเลยว่าเขาจะต้องพาผมไปไหนแน่ๆ แต่ในตอนนี้ผมก็ขอเอาเวลานี้ไปล้างหน้าล้างตา อาบน้ำก่อนละกัน
พออาบน้ำเสร็จก็มาคลี่ชุดที่คุณลูก้าให้มาเมื่อสักครู่ ชุดที่คุณลูก้าให้มาก็จะเป็นเอี้ยมสีน้ำตาลขนาดใหญ่กว่าตัวผมนิดหน่อย กับเสื้อยืดข้างในก็จะเป็นสีขาว แต่พอผมสวมเสื้อผ้าต่างๆแล้วสามารถรู้ได้ในทันทีเลยว่ามันเป็นแบรนด์แต่อันที่จริงก็รู้ตั้งแต่จับแล้วแหละ เพราะเนื้อผ้ากับการเย็บมันก็ต่างจากของปกติที่ขายตามตลาดนัดอยู่แล้ว
“15 นาที”
หลังจากที่จัดแจงอะไรเสร็จผมก็หันไปมองนาฟิกาติดผนัง ซึ่งมันก็เหลืออีก 15 นาทีนี่ถือว่าเร็วมากๆสำหรับการจัดแจงตัวเองในวันนี้ เพราะผมทำงานเป็นนายแบบแน่นอนว่าต้องดูแลตัวเองทานู้นทานี่ตลอดเวลาออกกำลังกายบ้างถ้ามีโอกาส
แอ๊ดดด ตึ้ง!
“เข้าดีนิ”
“…”
ผมได้เปิดประตูออกมาก็พบกับคุณลูก้าที่ยืนกอดอกอยู่หน้าประตูห้อง ก็รู้แหละว่าห้องติดกันแต่…เขาไปรอผมตรงอื่นก็ได้ไม่เห็นต้องมารอหน้าประตูเลย แถมพอผมเจอหน้าเขาแบบชัดๆเขาก็มองหน้าผมตั้งแต่หัวจรดเช้าแล้วยิ้มกริ่มก่อนจะพูดว่า ‘เข้าดีนิ’ คือเขาชมผมอยู่เนอะ
“เป็นอะไรไปน่ะหน้านิ่งแต่เช้าเลย”
“ก็เปล่านิครับ แต่คุณลูก้าจะพาผมไปไหนรึเปล่าครับ?”
“ก็หลายที่แหละ แต่ที่แรกที่จะไปก็คงบริษัทแหละ”
“อ้าว แล้วคุณลูก้าจะพาผมไปทำไมครับ โปรเจคต์ของคุณลูก้าน่าจะจบแล้วนิครับผมน่าจะช่วยอะไรไม่ได้แล้วนี่นา”
“ไม่ใช่เรื่องงานหรอก แต่ฉันจะพานายไปเลือกเสื้อผ้าต่างหากแล้วก็ซื้อของอย่างอื่นด้วย”
“อ่า ครับ”
โอเค เข้าใจแล้วอย่างที่คุณลูก้าเคยบอกว่าเขาเป็น CEO กับแบรนด์ชั้นดัง เขาคงจะให้ผมไปเลือกเสื้อผ้าที่บริษัทเลยทีเดียว เขาคงไม่ให้ผมใช้ของแบรนด์อื่นหรอก
“ไปเถอะ”
“ครับ”
เขาว่าจบก็เดินนำผมลงไปชั้นล่างทันที เดินมาเรื่อยๆก็ต้องเจอกับรถคันหรูของคุณลูก้าที่อยู่หน้าประตูบ้าน ในระหว่างที่คุณลูก้าขับรถผมเองก็มองวิวข้างทางเช่นเดิม เมืองที่นี่เจริญมากๆอย่างกับผมอยู่ฝรั่งเศษอยู่เลยผู้คนที่นี่แต่งตัวดีดูมีฐานะ แถมเมืองก็สวยด้วย
“เออจริงด้วย หลินนายรู้จักประเทศไทยด้วยหรอ”
หื้อ…ประเทศไทย ผมอย่าบอกนะว่า เฮ้ย! ใช่จริงด้วย ผมลืมไปได้ไงเนี่ย!? บ้านเกิดผมมันอยู่ที่นั่นที่นาประเทศไทยยังมีอยู่ยังไม่หายไปจากโลกนี้ ถ้างั้นผมก็ยังคงหาประวัติเก่าๆของตัวเองได้เหมือนกันน่ะสิ
“รู้จักสิครับ รู้จักดีเลย”
“หื้อ?”
“ก็ผมเป็น- เอ่อ ผมแค่เคยได้ยินมาน่ะครับ”
“อ๋อเหรอ”
ผมเกือบจะบอกแล้วสิ ทำไงดีผมในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในร่างจริงๆของตัวเองด้วย ถ้าเผลอบอกว่าเป็นคนไทยหรอก็…จบแน่ ความเชื่อใจของเขาที่มีต่อผมคงสลายแล้วเหลือเพียงแต่ความรู้สึกที่หมดความเชื่อใจในตัวผมแน่ เพราะผมเคยบอกว่าความจำเสื่อมจะบอกว่าเป็นคนไทยก็คงไม่ใช่อะ การที่โกหกใครสักคนมันก็สามารถทำให้ใครสักคนหมดความเชื่อถือไปได้เหมือนกัน แต่ผมเองก็สงสัยนะทุกอย่างตั้งแต่เขารับผมมาดูแลเขาดูแลผมแค่วันเดียวเขาดูแลดีเกินไปทั้งๆที่เจอกันไม่นานแต่ทำเหมือนเขาเคยอยู่กับผมมานาน ทั้งความเปย์ไม่อั้น ดูแลเอาใจใส่ เทคแคร์เรื่องเล็กๆน้อย แถมบางครั้งผมเองก็รู้สึกดีกับเขา…ไม่ได้ๆๆ ผมจะใจง่ายไม่ได้ ที่เขาดูแลผมดีขนาดนี้อาจจะเพราะความเอ็นดูเท่านั้น ผมจะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้เด็ดขาด
“อ้าว แล้วทำไมถึงส่ายหัวไปมางั้นละนั่น?”
“แฮะๆๆ ไม่มีอะไรครับอย่าใส่ใจเลย แต่จะว่าไปคุณลูก้ารู้จักนายแบบที่ชื่อลีโอไหมครับ?”
“ลีโอเหรอ…”
“ครับ ลีโอที่มาจากไทยน่ะครับแต่เขาดังนะครับคุณลีโอต้องรู้จักบ้างใช่ไหมครับ”
จังหวะนี้คือแอบชมตัวเองนะครับ แต่ทำไมเขาถึงทำหน้าเหมือนงงๆกับชื่อที่บอกไปเมื่อสักครู่ละ..
“ไม่นะ ไม่เคยได้ยินเลย”
“ห๊า…จริงหรอครับคุณลีโอไม่รู้จักเลยหรอครับ”
“ใช่ แต่ที่นายบอกว่าดังน่ะระดับไหนละ”
“ระดับโลกครับ..\"
เสียงผมค่อยๆแผ่วเบาลงเรื่อยๆ อะไรกัน…นี่มันอะไรกัน ไม่เข้าใจเลยอย่าบอกนะความคิดนึงที่เคยแว้บเข้ามาในหัวผมในครั้งนั้นคือเรื่องจริงน่ะ
“อืม…ถ้าเป็นระดับโลกฉันก็รู้จักบ้างนะ แต่ฉันไม่รู้จักชื่อนั้นเลยนายจำสลับหรือผิดรึเปล่าหลิน?”
“…”
ลูก้า เทเลอร์ , บาริสต้า ปาสคาร์ว คือชื่อในตัวละครของหนังสือที่ผมอ่านก่อนจะมาที่นี่ แต่ผมในตอนนั้นก็ลบความคิดในหัวอย่างรวดเร็ว มันแบบ…มันเหนือธรรมชาติจนผมรับไม่ไหว
ไม่ไหวแล้ว คำถามมันเยอะซะจนผมหาคำตอบไม่ไหวแล้ว ชื่อตัวละครที่ตรงเป๊ะๆมันไม่ใช่ชื่อที่เขาจะก๊อปได้ง่ายๆแล้วเป็นเหมือนคาแรคเตอร์ตัวละครหรอกนะ
ผมอ่านได้ประมาณนึงก็พอรู้นิสัยของตัวละครได้ว่าพวกเขานิสัยเป็นไงกัน ซึ่งมันก็ตรงกับคุณลูก้าเป๊ะๆเลยโดยเฉพาะนิสัยที่เอาแต่ใจเนี่ยแหละเป๊ะเลย เพราะมันมีหลายฉากที่คุณลูก้าชอบสั่งนู้นนี่กับพี่บาริส
แล้วบาริสน่ะเขานิสัยเหมือนในนิยายไปอีก ขี้แกล้ง ขี้แซว แต่ก็ใจดี มีเสน่ แถมสวยด้วยในนิยายได้กล่าวไว้โดยเป็นฉากของประเอก พอมาเจอแบบนี้คือก็สวยแหละ
หรือว่าผมจะตายเพราะอ่านนิยายมากไปแล้วโผล่มาในโลกหนังสือเล่มนี้?
แต่มันเป็นไปได้ด้วยหรอ? แต่ถ้ามันเป็นอย่างงั้นจริงๆผมก็เหมือนเป็นตัวประกอบจริงๆน่ะสิ ไม่มีอะไรในนิยายเลยเขาไม่ได้กล่าวอะไรถึงตัวละครเบอร์ลินนี่เลย โอ๊ย! ไมเกรนจะกิน
“เฮ้ย! หลินนายเป็นอะไรไปน่ะทำไมถึงเหงื่อออกขนาดนั้น!?”
“มะ ไม่มีอะไรครับผมแค่คิดมากเกินไปจนร่างกายร้อนกระทันหันน่ะครับ แฮะๆๆ”
ผมหัวเราะแห้งๆใส่อีกฝ่ายไป แต่เขากลับมองผมนิ่งเหมือนจะพยายามจับผิดผมอยู่
“นายรู้ไหมว่ายิ่งนายพูดงี้ฉันยิ่งเป็นห่วงน่ะ”
“คุณลูก้าคิดมากเกินไปแล้วครับ ผมแค่ร้อนเฉยๆ”
“นายอย่ามาดูถูกแรมโบกินี่ รุ่น Veneno Roadster ของฉันหลิน แอร์เย็นขนาดนี้นายจะอ้างว่าแค่ร้อนเฉยๆไม่ได้”
“เอ่อ ผมไม่ได้จะดูถูกนะครับ แค่รู้สึกร่างกายมันร้อนน่ะครับคุณลูก้าอย่าใส่ใจเลย”
“นายเนี่ยรู้ตัวไหมว่าตัวเองดื้อมากแค่ไหน”
“ก็ระดับนึงนะครับ”
“ผิดแล้ว นายน่ะดื้อมากดื้อที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเจอมา”
“แล้วจะดุจะด่าผมไหมละครับในเมื่อผมดื้ออยู่”
“ไม่เอา ไม่ดุไม่ด่าอะไรทั้งนั้น\"
เขานิสัยเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่คิดนะเนี่ยคิดว่าจะจู้จี้จุกจิกซะอีก
“เหรอครับ อ๊ะ! คุณลูก้าจะนี่มันคนละเส้นทางกับทางไปบริษัทแล้วนะครับไหนบอกว่าจะตรงไปบริษัทไง?”
“ไปแน่ แต่ฉันต้องพานายไปหาอะไรร้อนๆกินก่อนแล้วค่อยไปบริษัท\"
“เอ๋ เอางั้นหรอครับผมก็นึกว่าคุณลูก้ารีบไปบริษัทมากซะอีก\"
“บ้าหรอ ที่ฉันพานายไปบริษัทเพราะวันนี้บริษัทมีกินเลี้ยงทั้งวันแต่นายน่ะกินของประเภทนั้นไม่ได้หรอก”
“ไม่ต้องหรอกครับ คุณเป็น CEO นะควรจะไปอยู่กับลูกน้องนะครับ”
“แล้วมันยังไง? ยัยบาริสก็อยู่แค่กินเลี้ยงในบริษัทนายไม่ต้องกังวลหรอก”
“แต่ถึง-”
“หลินห่วงตัวเองก่อนจะห่วงเรื่องของฉัน…”
“ครับ ทราบแล้วครับ”
ผมคือกระพริบตาปริบๆเลย คืออยู่ๆเขาก็กล่าวน้ำเสียงยะเยือกออกมาจนผมไม่ทันตั้งตัวเลย นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาพูดด้วยน้ำเสียงแบบนี้ใส่ผม แต่เมื่อกี้เขาน่ากลัวมากถึงเขาจะไม่ดุไม่ด่าแต่เจอแบบนี้เข้าไป…กลัวทันทีที่ได้ฟัง เขาเกรี้ยดกราดมาก!
ตุบ
แต่เขาก็เปลี่ยนเป็นอีกคนเมื่ออยู่ๆเขาก็มาขวามาลูบหัวผมเบาๆแล้วมือซ้ายก็จับพวงมาลัยอยู่ บรรยากาศเปลี่ยนทันทีจนผมเองก็ตกใจ จู่ๆก็เกรี้ยวกราดเพียงเสี้ยววิก็อ่อนโยนบอกได้เลยว่า ผมตามอารมณ์เขาไม่ทันครับ
ตึกตัก ตึกตัก
อ่า หรือเพราะว่าผมไม่คุ้นชินกับอะไรแบบนี้กันแน่นะหัวใจผมเลยเต้นระรัวขนาดนี้ ยิ่งเขาลูบหัวผมเบาๆนั้นหัวใจนี่ก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกเหล่านี้กำลังกลั่นแกล้งผมมันทำให้ผมรู้สึกคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาอาจจะชอบผม…
ไม่มีทาง เขาไม่มีทางมาชอบคนอย่างผมหรอกเขาอาจจะแค่เอ็นดูผมเหมือนน้องชายก็ได้นี่ ใช่ๆ มันต้องอย่างงั้นแน่นอน
แต่หัวใจที่อยู่ตรงอกด้านซ้ายเนี่ย…ช่วยหยุดเต้นแรงได้ไหมเขาแค่ลูบหัวนะ แค่ลูบหัวไม่เห็นจำเป็นจะต้องเต้นแรงเลยนี่!
แถมเขาเองก็คงรู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจผมที่มันถี่ขึ้นเรื่อยๆ เขาเองก็หันมายิ้มกริ่มแล้วเปลี่ยนจากลูบหัวเป็นลูบแก้มผมแทน
โอ๊ยๆๆ ตายๆๆ ผมจะช๊อกตายก็คงวันนี้แหละ จากตัวร้อนๆเพราะความคิดในหัวต่างๆนานา ตอนนี้ตัวผมที่ร้อนคือคนข้างๆผมครับ เขากำลังทำให้ผมระเบิดแล้วช๊อกตาย…