ตอนที่370 การไล่ตามผู้หญิงนั้นยากจริงๆ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่370 การไล่ตามผู้หญิงนั้นยากจริงๆ
ตอนที่370 การไล่ตามผู้หญิงนั้นยากจริงๆ เขาไม่ชอบสถานที่ที่มีคนเยอะๆ ไม่ชอบพูดคุยหยอกล้อ ไม่ชอบพักในเมือง ไม่ชอบทานอาหารเช้าให้ตรงเวลามาโดยตลอด... แต่เพื่อให้เจนจิรายังอยู่กับเขา เขาจะอดทน หักดิบทุกอย่างซ้ำๆ ก็เพื่อเธอ หากทำถึงขนาดนี้แล้วจะจีบไม่ติด เขาคงต้องสงสัยในตัวเองแล้วจริงๆ “เริ่มจากตรงไหนคะ” เจนจิราละทิ้งความคิดที่จะกลับบ้าน นั่งลงตรงข้ามสมภพและเอ่ยถาม สมภพคิ้วขมวด เขาพลันกังวลใจขึ้นมา หากวันหนึ่งเจนจิราได้รู้ว่าที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อเธอแล้ว เธอจะมีการตอบกลับอย่างไรกัน เมื่อถูกเขาจ้องมอง เจนจิราก็ก้มหน้าหลบในทันที ทันใดนั้นสมภพก็เอ่ยปากขึ้น “ผมอยากจีบคุณ” “อะไรนะคะ” เจนจิราเบิกตาโต เกือบจะกลั้นลมหายใจในทันที “คุณล้อเล่นสินะ” สมภพหลบตา “ครับ บทพูดเท่านั้น” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น เจนจิราก็โล่งอก จากนั้นเธอก็ทุบสมภพอย่างไม่เกรงใจ “อย่าได้ล้อเล่นแบบนี้อีกนะคะ” สมภพส่ายหน้าอย่างจนใจ ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงได้ทั้งฉลาดทั้งซื่อบื้อได้กัน “เริ่มกันเถอะ” เขาหยิบสคริปต์ขึ้นมา “ค่ะ...” เจนจิราราวกับนักรบที่กำลังจะไปตาย “ใช่แล้ว เมื่อไหร่ผมถึงจะได้ถอดผ้าก๊อซนี้ได้กัน” “ก่อนเข้าร่วมกองถ่ายค่ะ” เจนจิราพลิกหน้าสคริปต์ไปมา ก่อนหน้านี้เธอก็ได้อ่านพล็อตคร่าวๆ บ้างแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อได้มาอ่านอย่างถี่ถ้วน ก็ถูกตัวละครและเรื่องราวดึงดูดในทันที หากคนแสดงคือสมภพและจิดาภา มันจะต้องดูดีอย่างแน่นอน ตอนนี้เธอก็เริ่มรอคอยการเข้าโรงของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว และเธอรู้สึกว่าจิรภาสยังคงมีเหตุผลสำคัญอย่างอื่นอยู่อีกที่ทำให้เลือกสมภพมารับบทพระเอก คงเป็นเพราะนิสัยของสมภพและตัวพระเอกนั้นมีความคล้ายคลึงกันอยู่หลายส่วน “ผมไม่ชอบเข้าไปสนิทกับใคร แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนมีพฤติกรรมแปลกประหลาด ผมเพียงรักชีวิตที่แสนสงบเท่านั้น” ผ่านไปเพียงอึดใจ สมภพก็พูดประโยคนี้ขึ้นมา เขานึกหาโอกาสที่จะแก้ไขความเข้าใจผิดกับเจนจิราอยู่เนื่องๆ ไม่เช่นนั้นเด็กสาวคนนี้ก็จะกลัวเขาไปตลอด แล้วเขาจะไปต่อได้เช่นไรกัน “เป็นเพราะข่าวลือของผมในวงการบันเทิงที่ดูน่ากลัวเกินไป คุณถึงได้กลัวผมถึงขนาดนี้” เจนจิราได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ ในตอนนี้ เธอรู้สึกว่าสมภพไม่ได้ดูเป็นคนเย็นชาน่ากลัวเหมือนกับครั้งแรกที่เจออีกแล้ว ..... รุจาภาใช้เวลาทั้งคืนจัดเก็บของของตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหลบหนีวรพลได้ “เก็บของทำไมกัน” “อ่า ลูกสาวของเพื่อนเก่าจะแต่งงานค่ะ จะต้องเชิญฉันมาแน่ๆ ฉันจึงต้องออกเดินทางไปก่อน” รุจาภาไม่ได้หันหลังกลับไป พูดเสียงเรียบด้วยท่าทีปกติ วรพลพยักหน้า “ครับ มีอะไรที่ต้องการก็ให้แม่บ้านมาช่วยคุณ เที่ยวให้สนุกครับ” ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการที่บริษัท วรพลจึงปลีกตัวไม่ได้อย่างแน่นอน “ใช่แล้ว ผมได้ยินจากคนใช้ว่าญามาระรานคุณอีกแล้ว เธอเพิ่งเข้าดูแลบริษัท อารมณ์ก็คงจะผันผวน ผมจะดูแลเธอให้ดีเอง คุณอย่าได้ใส่ใจเลย” ดูแลรึ รุจาภาที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ยิ้มรับและบอกไม่เป็นไร เพราะเธอได้ยินคำพูดเช่นนี้มานานนับหลายปีแล้ว ครั้งที่หนึ่งเป็นเช่นไร ครั้งที่ร้อยก็ยังคงเป็นเช่นนั้น การกระทำของญาณิดาไม่เบาลงเลยแม้แต่น้อย และความคาดหวังของเธอก็ได้มอดดับไปเสียแล้ว ตัวตนของเธอในสายตาของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลวีรภัทรเมธีนั้นต่ำต้อยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แล้วทำไมเธอจะต้องใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อยนั้นด้วย “ไปอาบน้ำเพื่อผ่อนคลายดีกว่าค่ะ” รุจาภาดันวรพลเข้าไปในห้องน้ำ และกลับมายืนที่หน้าต่างพร้อมมองออกไปยังท้องฟ้าอันกว้างไกลเพียงลำพัง ทั้งวรพล และคนในตระกูลวีรภัทรเมธีต่างก็ไม่สังเกตเห็นว่ารุจาภานั้นแตกต่างไม่จากปกติ เป็นพรยศที่สังเกตเห็นในช่วงอาหารเช้าของวันถัดไป เมื่อเห็นว่าสีหน้าของรุจาภาดูไม่ดี ก็เลยเอ่ยถาม “คุณน้า เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” “น้าไม่เป็นไร คงเพราะเมื่อวานนอนไม่ค่อยหลับ” รุจาภายกแก้วน้ำขึ้นดื่มไปไม่กี่อึก “ไม่เป็นไร พักผ่อนก็คงจะดีขึ้น” พรยศพยักหน้า “หากรู้สึกไม่สบายขึ้นมา ก็เรียกหมอมาตรวจอาการที่บ้านนะครับ” “เข้าใจแล้ว วันนี้น้าจะออกไปเที่ยวที่ไกลๆ หน่อยนะ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่บ้าน ก็ช่วยพ่อของหลานดูแลหน่อยนะ” พรยศพยักหน้า และมองตามรุจาภาที่ลากกระเป๋าเดินทางออกจากตระกูลวีรภัทรเมธีไป ไม่มีใครคาดคิดว่าภายหลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น รุจาภาลากกระเป๋าเดินทาง และตรงไปยังเค.เอฟ เวลานั้นจิดาภาก็ได้ตามจิรภาสไปที่บริษัท บางทีอาจเป็นเพราะในใจของเธอนั้นไม่ได้เกลียดรุจาภาอีกแล้ว กับชีวิตที่น่าสังเวชของแม่เธอ เธอย่อมปวดใจมากกว่าทุกๆ คน แต่เธอก็ไม่มีกำลังมากพอที่จะช่วย “ท่านประธานครับ คุณแม่ยายมาถึงแล้วครับ” ตฤณเคาะประตู พร้อมกระซิบบอก จิรภาสและจิดาภาหันมาสบตากัน แล้วทั้งสองก็เดินไปยังห้องรับรองพร้อมกัน เพียงเปิดประตูเข้าไป จิดาภาก็พบว่าสภาพของรุจาภาในวันนี้ดูโทรมลง ท่าทางดูโดดเดี่ยวจนสัมผัสได้ “จิดาภา...” รุจาภามุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มทันทีที่เห็นพวกเขาเดินเข้ามา “จิรภาสคะ ไปทำธุระเถอะค่ะ” จิดาภาเอ่ยขึ้น อย่างไรมันก็เป็นเรื่องของพวกเธอ เธอไม่อยากให้จิรภาสมารับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดใจของแม่และลูกสาว จิรภาสเข้าใจได้ และพาตฤณออกไปทันที “มาหาหนูเรื่องอะไรหรือคะ” จิดาภานั่งลงตรงข้ามเธอ ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความห่างเหินและเย็นชา รุจาภาคุ้นชินกับมันแล้ว เธอเพียงยิ้มรับ ก่อนจะหยิบกล่องเครื่องประดับที่มีรอยแกะสลักแปลกตาออกมาจากกระเป๋าเดินทาง “ตอนที่ลูกแต่งงาน แม่ไม่ได้ให้สินสมรสอะไรกับลูกเลย ของพวกนี้เป็นเพียงสินน้ำใจเล็กๆ จากแม่เท่านั้น แม่รู้ว่าชีวิตแต่งงานของลูกนั้นดีมาก ไม่ได้ขาดแคลนอะไร นี่...คือคำอวยพรจากแม่” รุจาภาวางกล่องเครื่องประดับไว้ตรงจิดาภา “เมื่อไม่นานมานี้ แม่อ่านข่าวแล้วเจอว่าลูกได้รับบาดเจ็บ เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บที่ตรงไหน” “แค่ช้ำเท่านั้นค่ะ ไม่ได้เป็นอะไรมาก” จิดาภาตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ก็ดีแล้ว... ญาณิดาทำกันเกินไปแล้ว” รุจาภาอยากจะขยับเข้าใกล้จิดาภามากขึ้น จับมือของจิดาภาไว้และพูดคุย แต่เธอก็ต้องชะงักการกระทำของตัวเอง “แม่แค่อยากมาดูลูก ต่อจากนี้ลูกจะมีแต่วันที่ดี ขอให้มีความสุขมากขึ้นทุกๆ วัน แม่ไปก่อนนะ” จิดาภาไม่ได้ขวาง ทำเพียงมองรุจาภาออกไป ประสาทสัมผัสของเธอมักไวเสมอ ครั้งนี้เธอสัมผัสได้ว่ารุจาภาเปลี่ยนไป คงไม่เหลือความรู้สึกใดๆ กับตระกูลวีรภัทรเมธีอีกแล้ว ช่องว่างตลอดหลายปีของพวกเธอสองแม่ลูกมันเกิดขึ้นเพราะอะไรกัน จิดาภามองกล่องเครื่องประดับบนโต๊ะ ตกอยู่กับความเงียบงำ เธอรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเธอเกลียดตระกูลวีรภัทรเมธี ที่ทำให้เธอไม่ได้ใช้วันเวลากับแม่ของเธอ หากรุจาภาได้ออกจากตระกูลวีรภัทรเมธี พวกเธอสองแม่ลูกคงจะเปลี่ยนไปจากในอดีต... แต่เมื่อนึกใคร่ครวญไป รุจาภาจะทิ้งฐานะคุณนายของตระกูลมาได้อย่างไรกัน ดังนั้นเธอจึงเพียงมองรุจาภาเดินจากไปเท่านั้น หลังจากที่รุจาภาออกไป จิรภาสก็เดินกลับมาหาจิดาภา “ดีไหมครับ” จิดาภาเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาสั่นเทาพร้อมกล่าวอย่างแผ่วเบา “ไม่ค่อยดีเลยค่ะ”
已经是最新一章了
加载中