ตอนที่373 ใครกันแน่ที่เป็นเมียน้อย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่373 ใครกันแน่ที่เป็นเมียน้อย
ตอนที่373 ใครกันแน่ที่เป็นเมียน้อย “ฉันที่เคยเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาหลายปี ฉันรู้ดีว่าพ่อแม่นั้นสำคัญกับลูกขนาดไหน ดังนั้นเพื่อรักษาภาพลักษณ์พ่อที่แสนดีของพวกเขา ฉันจึงรักษาความลับนี้มาโดยตลอด แต่เพราะความอดทนของฉัน มันจึงทำให้ฉันกลายเป็นเมียน้อยไปแทนอย่างนั้นหรือ” “ฉันยอมรับว่าฉันไม่ใช่คนที่ดี ตอนที่รู้ว่าปวีราสิ้นใจ ฉันก็รู้สึกถึงความเมตตาของพระเจ้า เมื่อเธอจากไปแล้ว ก็คงไม่มีความจำเป็นให้ต้องสาวหาความต่อ... แต่พวกเธอก็ยังคงทำร้ายลูกสาวฉันอยู่ร่ำไป ฉันไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปแล้ว” “เธอคือลูกสาวภรรยาที่แท้จริงของตระกูลวีรภัทรเมธี เธอไม่ใช่ลูกของเมียน้อย” ณ ช่วงเวลานั้น นักข่าวทุกคนต่างตกตะลึงไปกับความลับนี้ ไม่มีใครคิดว่าตระกูลวีรภัทรเมธีจะปกปิดความลับเช่นนี้ไว้ และคุณนายของตระกูลวีรภัทรเมธียังเป็นคนออกมาพูดต่อหน้าสื่อมวลชนด้วย เธออดทนมาหลายปีก็เพื่อสามี ตอนนี้ก็ยังออกเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเธอและลูกสาว “ขอทุกคนโปรดเชื่อในสิ่งที่ฉันพูดไปทั้งหมดในวันนี้ด้วย และอย่าได้รุมประณามลูกสาวของฉันเป็นลูกเมียน้อยอีก กว่าที่เธอจะมีวันนี้ได้นั้นมันไม่ง่ายเลย” “หลักฐานที่ฉันนำมาในวันนี้คือของจริงและสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ฉันยินดีที่จะตอบคำถามของพวกคุณทุกเวลา” “และหวังว่าพวกคุณจะให้ความสนใจกับภาพยนตร์ของจิดาภากันมากขึ้น และอย่าได้นำข่าวลือเช่นนี้มาทำร้ายเธออีก” และรุจาภาก็โค้งคำนับให้กับนักข่าวทุกคน คำพูดทุกคนที่เธอพูดนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ จนไม่มีใครกล้าสงสัยอีก แต่เดิมนี่คือสิ่งที่ตระกูลวีรภัทรเมธีปกปิดมาโดยตลอด... “คุณรุจาภาคะ ในวันนี้ที่คุณออกมาพูดทั้งหมด ไม่กลัวว่าตระกูลวีรภัทรเมธีจะแก้แค้นหรือคะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น รุจาภาก็ฉีกยิ้มอย่างขมขื่น “หากไม่ใช่เพื่อลูกสาวแล้ว ฉันคงจะเก็บความลับนี้ไว้จนวันตายจริงๆ ที่ฉันมายืน ณ ที่นี้ และเล่าเรื่องทั้งหมดไป ก็ได้เตรียมตัวพังไปพร้อมกันแล้ว ฉันไม่สามารถเห็นแก่ตัว เพื่อสิ่งที่เรียกว่าความรัก และสร้างความลำบากให้กับลูกสาวได้อีกแล้ว” “ฉันหวังว่าทุกคนจะได้เห็นจิดาภาในบทบาทการแสดง ไม่ใช่เพราะข่าวลือที่สร้างเพื่อทำร้ายเธอ ลูกสาวของฉันไม่ใช่ลูกเมียน้อย เธอใช้ชีวิตอย่างซื่อตรง และไม่เคยเบียดเบียนใคร” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้น้ำเสียงของรุจาภาก็สั่นเครืออีกครั้ง “ขอบคุณทุกคนค่ะ ฉันคงพูดมากแล้ว” เธอวางไมโครโฟนลง เพื่อนสนิทที่อยู่ข้างๆ ก็โอบเธอลงจากเวทีไป นักข่าวที่อยู่ด้านล่างของเวทีต่างเริ่มสนทนากัน “หากไม่ใช่เพื่อลูกสาว เธอคงไม่ออกมาพูดเป็นแน่ หลักฐานพวกนั้นของเธอเป็นของจริง ใครจะกล้าปลอมของพวกนี้เพื่อใส่ร้ายตระกูลวีรภัทรเมธีได้กัน” “ครั้งที่แล้วที่จิดาภาได้รับบาดเจ็บ เค.เอฟก็ไม่ได้ออกมาชี้แจงอะไร บางทีอาจเพราะคาดหวังกับเรื่องเช่นนี้อยู่... จิดาภาก็บริสุทธิ์เกินไป ถึงได้โดนคนในบ้านทำร้ายแบบนี้” “เพื่อปกป้องลูกและสามีในตระกูลวีรภัทรเมธีของตัวเอง คุณรุจาภาช่างเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ อดทนมานานหลายปี หากไม่ใช่เพราะเกิดอันตรายกับลูกสาวของตัวเอง เธอคงไม่ทำเช่นนี้” “เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดจริง แล้วหลังจากนี้คนของตระกูลวีรภัทรเมธีจะทำอะไรกับพวกเธอสองแม่ลูกกัน” รุจาภาไม่ได้แก้แค้น เธอมาเพื่อชี้แจงเท่านั้น คนที่หักหลังก่อนไม่ใช่เธอ โดนคำพูดหลอกลวงอยู่นานหลายปี เธอเองก็ควรได้ตื่นขึ้นมาเผชิญกับความจริง ไม่อย่างนั้นคนที่จะโดนหลอกคงจะไม่ได้มีแค่เธอ “รุจาภา เธอทำได้แล้ว เธอกล้าหาญมากจริงๆ จิดาภาจะเข้าเธอแน่ๆ” จิลลาลูบไหล่เธออย่างห่วงใย “มันผ่านไปแล้ว” ในตอนนี้รุจาภาได้ทำในสิ่งที่คิดจะทำแล้ว ส่งต่อเรื่องทั้งหมดให้กับเพื่อนสนิท เท้าของเธอเบาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ในที่สุดเธอก็ได้ตอบแทนชีวิตของตัวเองแล้ว เพียงเดินออกไป ก็พบว่าวรพลยืนรออยู่ที่หน้าประตู สายตาทั้งสี่คู่สบประสานกัน รุจาภาชะงักไปอึดใจ แต่แววตาของในตอนนี้ไม่มีความรักอีกแล้ว ทำเหมือนกำลังมองคนแปลกหน้าเท่านั้น ฐานะคุณนายของตระกูลวีรภัทรเมธี เธอไม่ต้องการแล้ว เธอหวังเพียงให้ชีวิตของลูกสาวเธออยู่ดีมีสุขเท่านั้น... เพื่อนสนิทอย่างจิลลาที่เห็นฉากนั้นจากบนเวที ก็รีบปรี่เข้ามาพารุจาภาออกไปทันที จนกระทั่งกลับมาถึงห้องพัก รุจาภาถึงได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อครู่ที่ถูกวรพลจ้องเช่นนั้น คอของเธอราวกับถูกคนบีบรัดจนหายใจไม่ออก “หยุดคิดได้แล้ว นี่คือทางที่เธอเลือก ต่อจากนี้ก็ไปใช้ชีวิตที่ดีกับลูกสาวซะ นี่มันดีมากเลยไม่ใช่หรือ” “ฉันอยากพักผ่อน” รุจาภากล่าวจบ ก็เข้าไปในห้องนอน และล็อกประตูทันที จิลลาคิดว่าเธออยากจะพักผ่อน จึงไม่ได้ห้ามอะไร ใครก็ตามที่มาพบเจอเรื่องแบบนี้ ก็คงอ่อนล้าทั้งกายและใจกันทั้งนั้น หลายนาทีต่อมา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “ใครคะ” “คุณน้า หนูเอง จิดาภาค่ะ” จิลลาชะงักไปอึดใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าเป็นจิดาภา เธอก็ดีใจอย่างถึงที่สุด “จิดาภา ในที่สุดเธอก็มา” “แม่ล่ะคะ” “เธอบอกว่าเหนื่อย อยากจะพักผ่อน ก็เลยเข้าห้องนอนไป แถมล็อกประตูเสียด้วย” จิดาภาสบตากับจิรภาส จิรภาสรีบให้ตฤณติดต่อการพนักงานของโรงแรมทันที และก็มีพนักงานมาส่งกุญแจห้องพักให้กับพวกเขาโดยไว จิดาภาเปิดประตูเข้าไป มองรุจาภาที่นอนอยู่บนเตียง ท่าทางโดยรวมดูเหมือนจะป่วยหนักเอาการ เธอสาวเท้าไปยังข้างๆ เตียง เพียงอึดใจก็ตะโกนเสียงดัง “แม่...” กี่ปีแล้วนะ ที่เธอไม่ได้ตะโกนคำนี้จากปากของตัวเอง เมื่อจะได้ยินเสียงนั้น รุจาภาก็ลืมตา และมองไปยังจิดาภา น้ำตาของเธอไหลอย่างเงียบงัน น้ำเสียงสั่นเทา “ผ่านมาหลายปี ในที่สุดลูกก็ยอมรับแม่” จิดาภาสะอึกสะอื้น ก่อนจะคุกเข่าลงข้างเตียง และเจ็บมือที่เย็นเหมือนน้ำแข็งของรุจาภาไว้ “หนูไม่ดีเลย หนูเป็นลูกสาวที่อกตัญญูนัก” “ไม่... เป็นแม่ที่ไม่ดี แม่เห็นแก่ตัวเกินไป จนทำให้ลูกทุกข์มานานหลายปี” รุจาภาอาวรณ์กับจิดาภาที่สุด วันที่เธอรอคอย รอคอยมาอย่างเนิ่นนาน สองแม่ลูกโอบกอดกัน จิดาภาค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยน “มันผ่านไปแล้ว กลับกับหนูนะ ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน” รุจาภาชะงักไปอึดใจ ก่อนจะส่ายหน้า “ยังไม่ถึงเวลา แม่จะทวงสิ่งที่มันเป็นของลูกกลับคืนมาให้ได้เสียก่อน” เธอได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเอาไว้แล้ว เธอสามารถจากไปยังที่ไกลแสนไกล ในกรณีที่คนของตระกูลวีรภัทรเมธีโกรธจัด และจิดาภาที่ได้ชื่อว่าทายาทโดยตรงของตระกูลวีรภัทรเมธี พวกเธอสองแม่ลูกคงไม่ต้องมีชีวิตอย่างทุกข์ทรมานอีกแล้ว “ลูกชอบการแสดงก็แสดงไป เรื่องของตระกูลวีรภัทรเมธี แม่จัดการได้ มันเป็นของเราใครก็เอาไปไม่ได้” รุจาภาจับมือจิดาภาไว้แน่น “แม่อ่อนแอเกินไป ถึงได้ทำให้ลูกต้องทรมาน ต่อจากนี้แม่จะลุกขึ้นสู้ หากญาณิดาคิดจะเป็นคนสืบทอดตระกูลวีรภัทรเมธี ก็ต้องผ่านแม่ไปก่อน” “ต่อจากนี้แม่จะคอยปกป้องลูกเอง จะไม่ให้ใครมารังควานลูกอีกแล้ว” ทันใดสายความอบอุ่นก็แล่นเข้ามาในหัวใจของจิดาภา... เธอเข้าใจผิดแม่อยู่นานหลายปี และยังพูดถ้อยคำที่ทำร้ายเธออีกมากมาย...
已经是最新一章了
加载中