ตอนที่376 ความหมายของครอบครัว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่376 ความหมายของครอบครัว
ตอนที่376 ความหมายของครอบครัว รุจาภาส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “อย่าล้อแม่เล่นสิ จิรภาสล่ะ” “เดี๋ยวเขาก็มาค่ะ คงไปจัดการเรื่องบางอย่างอยู่ สบายใจเถอะค่ะ เขาไม่หายไปไหนแน่นอน” จิดาภายืนอยู่ข้างๆ แม่ของตน ด้วยสีหน้าชื่นมื่น “ลูกนี่ อย่าแกล้งเขามากนักเลย ไม่อย่างนั้นคนตระกูลปรีดาอัครกุลคงปวดใจแย่” “หนูทำตรงไหนกันคะ” สองแม่ลูกเดินเข้าไปในลิฟต์ด้วยกัน เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องอาหาร พนักงานก็เป็นคนนำทางพวกเธอ “แขกท่านอื่นได้มาถึงแล้วครับ เชิญเข้าไปได้เลยครับ” รุจาภาหันไปสบตากับจิดาภา รอยยิ้มบนหน้าของสองแม่ลูกได้หายไปสิ้น เดินเข้าห้องอาหารไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง ท่านจิรชยานั่งอยู่ที่ตำแหน่งของประธาน มือหนึ่งจับไม้เท้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย ไม่มีรอยยิ้มแม้แต่นิด ด้านข้างคือวรพล ท่าทางของเขาดูไม่มีท่าทีตกใจกับเรื่องเมื่อตอนกลางวันเลยแม้แต่น้อย เขาทรุดตัวนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางไร้วิญญาณ ส่วนพี่ชายน้องชายทั้งสองในตระกูลวีรภัทรเมธีก็กำลังตกอยู่ในห้วงของความคิด โดยไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนญาณิดาที่เพียงได้ยินเสียงเปิดประตู ก็หันไปตามเสียง สายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยดึงดันและจงเกลียดจงชัง เหมือนกับที่จิดาภาได้คิดไว้ คนที่รับกับเรื่องไม่ได้มากที่สุดก็คือญาณิดา รุจาภาเดินเข้าไปกับจิดาภาด้วยท่าทีนิ่งเฉย เธอไม่แม้แต่จะเหลือบมองวรพล “รุจาภา...” ท่านจิรชยาตะโกนเรียกเธอด้วยเสียงสั่นเทา ด้วยความโล่งใจจากสิ่งที่เก็บกดมานาน “ไม่คิดเลย ในที่สุดเธอก็ได้รับความเป็นธรรมกับเรื่องที่ปกปิดจากทุกคนมานานหลายปี” “คุณพ่อคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำลายชื่อของตระกูลวีรภัทรเมธีนะคะ ฉันเองก็หมดหนทางแล้ว จิดาภาเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฉัน ฉันทนมองเธอถูกคนอื่นรังแก จนเกือบจะถึงชีวิตไม่ได้...” รุจาภาตอบออกไปตรงๆ จุดมุ่งหมายของเธอมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ก็คือการปกป้องจิดาภา นั่นคือเรื่องเพียงหนึ่งเดียวที่คนเป็นแม่อย่างเธอจะทำได้ ท่านจิรชยาเงียบไปเนิ่นนาน ก็จะพูดขึ้นมา “ตอนนี้ทุกคนในบ้านก็มากันครบแล้ว เรื่องนี้ต้องได้รับการอธิบายให้ชัดเจน... รุจาภา เธอเป็นคนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด เธอพูดเถอะ มีอะไรที่ต้องการ ฉันจะเติมเต็มความต้องการนั้นเอง” “คุณปู่คะ ทำไมถึงได้เชื่อเธอกัน” ญาณิดารีบเอ่ยห้ามในทันที รุจาภาหันไปมองญาณิดา “เรื่องที่ฉันพูดนั้นคือความจริงทั้งหมด หลักฐานพวกนั้นก็ได้มีคนยืนยันแล้ว หากเธอยังไม่ยอมเชื่อ ก็คงไม่มีที่ให้ยืนอีกแล้ว ฉันว่าฉันได้เตือนเรื่องนี้กับเธอไปหลายครั้งแล้ว” “รุจาภา เธอพูดต่อเถอะ” ท่านจิรชยาไม่ได้ให้ความสนใจกับญาณิดาเลยแม้แต่น้อย “ฉันต้องการหย่าค่ะ สินสมรสขอแบ่งตามกฎหมาย และหุ้นในส่วนของจิดาภาที่ฉันช่วยดูแลอยู่เช่นกัน ในเรื่องอื่นฉันไม่มีความต้องการอะไรทั้งนั้นค่ะ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำลงไปนั้นก็ไม่ได้ถูกต้อง บอกความลับที่ทำร้ายเด็กคนอื่นๆ ฉันเพียงแค่อยากรู้เท่านั้น ว่าพวกคุณจะจัดการกับญาณิดาอย่างไรคะ” เมื่อได้ยินเธอบอกว่าต้องการหย่า วรพลถึงได้ตื่นตระหนกขึ้นมา... เขาไม่คิดว่าภรรยาที่เชื่อฟังมาตลอดจะกล้าหาญขึ้นมาได้ ท่านจิรชยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งงัน “รุจาภา เรื่องบางเรื่องก็คงทำให้ถึงขั้นนั้นไม่ได้ หุ้นของเธอ ฉันจะจัดการให้อย่างแน่นอน แต่พวกเธอก็แต่งงานกันมานานหลายปีแล้ว ต้องการจะแยกจริงๆ หรือ” รุจาภาหลุบตาด้วยท่าทีเรียบนิ่ง “ในตระกูลวีรภัทรเมธี เพียงมีญาณิดา ก็ไม่มีที่สำหรับพวกเราสองแม่ลูกแล้ว” “ฉันถอดถอนตำแหน่งทั้งหมดในบริษัทของญาณิดาแล้ว หลังจากนี้ก็ไม่ได้รับมรดกเช่นกัน เช่นนี้พอจะทำให้เธอเปลี่ยนความคิดได้หรือไม่” “คุณปู่คะ” ญาณิดาลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะตะโกนลั่น “หนูเป็นหลานสาวของคุณปู่นะคะ คุณปู่จะทำกับหนูแบบนี้ไม่ได้...” “ลูกของเมียน้อยไม่มีสิทธิ์ได้มรดกของตระกูลวีรภัทรเมธี ประโยคนี้เธอพูดเองไม่ใช่หรือ” รุจาภาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่ยินยอม “แล้วนรัตม์ล่ะ เขาเองก็...” “หากไม่ใช่เพราะนรัตม์และพรยศ ฉันจะทนรับความร้ายกาจของเธออยู่แบบนี้หรือ เธอควรขอบคุณพี่ชายและน้องชายของเธอนะ ไม่อย่างนั้นเธอจะได้เป็นคุณหนูใหญ่อย่างสุขสบายมานานนับหลายปีหรือ” รุจาภากล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “และเธอควรขอบคุณพระเจ้าด้วย ที่ทำให้จิดาภายังคงปลอดภัย ไม่อย่างนั้นฉันจะให้เธอชดใช้อย่างสาสม” เมื่อกล่าวจบ รุจาภาก็หันกลับมาหาท่านจิรชยา “คุณพ่อคะ ฉันเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายอะไร ไม่ใช่ว่าฉันจะกลับไปที่ตระกูลวีรภัทรเมธีไม่ได้ เพียงแต่ฉันไม่ต้องการเห็นญาณิดาที่ตระกูลวีรภัทรเมธีอีก เธอทำผิดมาหลายครั้งแล้ว จะเอาแต่ปกป้องเธอทุกครั้งไปไม่ได้ ทุกครั้งที่ปล่อยผ่านไปมีแต่จะทำให้เธอยิ่งย่ามใจ” “แต่เดิมจิดาภาได้ออกจากตระกูลวีรภัทรเมธีเช่นไร เธอในตอนนี้ก็ต้องออกไปเช่นกัน” “จิดาภาไม่ได้พึ่งพิงตระกูลวีรภัทรเมธี ยืนบนลำแข้งตัวเองจนมีวันนี้ ความทุกข์ที่เธอได้รับฉันอยากให้ญาณิดาได้ลิ้มรสมันเช่นกัน อยากเห็นเหลือเกินว่าคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลวีรภัทรเมธีคนนี้ จะเปลี่ยนไปเช่นไรบ้าง” ท่านจิรชยาไม่ได้ปฏิเสธทั้งยังคิดตามอย่างตั้งใจ ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ญาณิดากังวลเป็นอย่างมาก “คุณปู่คะ อย่าไปฟังคำพูดของเธอนะคะ หนูยังไม่เคยทำเรื่องเสียหายให้แก่ตระกูลวีรภัทรเมธีเลยนะคะ” เมินเฉยต่อเสียงร่ำไห้ของญาณิดา ท่านจิรชยารับปากอย่างโดยดี “ได้ เรื่องในครั้งนี้มันเกิดขึ้นเพราะญาณิดา เธอควรจะได้รับบทลงโทษเสียบ้าง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอถูกไล่ออกจากบ้าน” “หากคุณพ่อทำได้จริงๆ ฉันจะกลับไปยังตระกูลวีรภัทรเมธีค่ะ ส่วนเรื่องของฉันกับเขา พวกเราจะตัดสินใจกันเอง” ในที่สุดรุจาภาก็เหลือบมองไปทางวรพล เพียงแต่ในแววตานั้นไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ อีกแล้ว “ฉันเข้าใจแล้ว” กับเรื่องราวตรงนี้ ท่านจิรชยามีทางเลือกเพียงแบบนี้เท่านั้น “ไม่ คุณปู่คะ หนูเป็นหลานสาวของคุณปู่นะคะ คุณปู่จะทำกับหนูแบบนี้ไม่ได้... คุณปู่คะ หนูยอมรับผิดแล้วค่ะ” ญาณิดาเสียขวัญจนแทบสิ้นสติ รีบคุกเข่าลงต่อหน้าท่านจิรชยา พร้อมร้องไห้ราวกับจะขาดใจ “หนูจะเปลี่ยน หนูจะเปลี่ยนทั้งหมด อย่าไล่หนูไปเลยนะคะ” ท่านจิรชยาก้มมองท่าทางย่ำแย่ของญาณิดา ก่อนจะส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ “ฉันยังจำได้ ปีนั้นที่จิดาภาเดินออกจากตระกูลวีรภัทรเมธีไป ท่าทางดูสดใส ราวกับได้ชีวิตใหม่ แต่หลานในตอนนี้ไม่คู่ควรกับความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย... ปู่ไม่คิดว่าตระกูลวีรภัทรเมธีจะเลี้ยงดูให้หลานกลายเป็นแบบนี้ได้ ปู่ให้โอกาสหลานมามากมาย แต่หลานกลับไม่หวงแหนมันเลย” “ที่หลานมาถึงวันนี้ได้ ไม่ต้องไปโทษใครทั้งนั้น ตอนที่หลานลงมือกับน้องสาวของตัวเอง ก็ควรจะคาดเดาว่าจะลงเอยเช่นนี้เสียบ้าง หลานต้องได้ตอบแทนกับสิ่งที่ทำลงไป หลานอยากประสบความสำเร็จ ไม่มีใครขวางหลาน แต่หลานต้องพึ่งพาตัวเอง เหมือนกับจิดาภาในแรกเริ่ม” “ไม่ใช่ตระกูลวีรภัทรเมธีไม่สนใจหลาน แต่เป็นหลานที่ตัดหนทางของตัวเองทั้งนั้น” “หลานไปเถอะ คนของตระกูลวีรภัทรเมธีไม่มีคนแบบนี้” เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นของท่านจิรชยา ญาณิดาก็ชะงักนิ่งไปอย่างเนิ่นนาน ก่อนจะหัวเราะออกมา “ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกคุณถึงคิดจะช่วยสองแม่ลูกคู่นี้นัก พวกคุณจะให้ฉันไป ไล่ฉันไปตายเสียดีกว่า” “ชีวิตเป็นของตัวเอง หากยังไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ก็ไม่มีใครสนใจหลานทั้งนั้น” ท่านจิรชยาเคาะไม้เท้าอย่างแรง ปฏิกิริยาโต้กลับของญาณิดาในตอนนี้ทำเขาปวดใจยิ่งนัก
已经是最新一章了
加载中